Element King (My Hero Academia-Realm of Tales AU) บทที่ 13 การสุ่มต่อสู้กันเป็นคู่
วันนี้ในคาบบ่าย ผม โทชิโนริ และอลันมาถึงชั้นปีหนึ่งห้องเอแล้วเรียบร้อยจ้า วันนี้เป็นการฝึกซ้อมต่อสู้ ซึ่งจะต้องใส่ชุดคอสตูมฮีโร่ที่ถูกกรอกไว้ในเอกสารก่อนเข้าเรียน และไปรวมพลที่สนามกราวนด์เบต้า ซึ่งลูกชายผมก็ใส่ชุดแบบผมเป๊ะเลย เขาใส่ชุดสูทสีทองติดผ้าคลุมและสวมมงกุฎสีทองด้วย รวมถึงสวมเข็มขัดบรรจุไพ่มายากล แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือปลอกหุ้มข้อมือที่ไว้สำหรับผลิตโฮโลแกรมนั่นแหละครับ
“อาจารย์ครับ ที่นี่สนามสอบเข้า เป็นการจำลองเหตุการณ์อีกแล้วใช่ไหมครับ” เท็นยะถาม เขามาในชุดเกราะสีเงินแบบหุ่นยนต์กันดั้มมาเอง
“ไม่หรอก เราจะล่วงหน้าไปอีกสองขั้น” โทชิโนริตอบ “ส่วนใหญ่แล้วการต่อสู้กับวิลเลินจะเกิดขึ้นนอกอาคาร แต่ก็มีโอกาสที่จะมีการต่อสู้ภายในอาคารเกิดขึ้นได้เช่นกัน กักขัง หน่วงเหนี่ยว ค้าขายตลาดมืด ในโลกที่อุดมไปด้วยฮีโร่ เหล่าวิลเลินสมองใสย่อมซ่อนตัวในเงามืด ต่อจากนี้ไปพวกเธอก็จะต้องจับกลุ่มระหว่างทีมฮีโร่และวิลเลิน ต่อสู้กันเป็นทีมสองต่อสองภายในตัวอาคาร"
”ไม่ต้องฝึกพื้นฐานก่อนเหรอ?” สึยุถาม นอกจากจะเป็นสาวครึ่งกบแล้วยังมาในชุดสีเขียวสดซะด้วย
“เป็นการสู้จริงเพื่อฝึกพื้นฐานน่ะสิ” อลันตอบ “แต่ไม่มีหุ่นยนต์มากวนใจเท่านั้นเอง”
“แล้วยังไงต่อเหรอครับอาจารย์?” อีธานถาม และหลายคนเริ่มมีคำถามเป็นของตัวเองบ้าง
“แย่งกันถามซะขนาดนี้ จะตอบให้ทีละคนก็กระไรอยู่ล่ะนะ” ผมบอก
โทชิโนริหยิบสมุดโพยขึ้นมา
“พกโพยมาด้วยเหรอเนี่ย?” อลันร้อง (ผู้อ่านชาวไทยจะเอาประโยคนี้ไปล้อกับเพลงหนึ่งก็เชิญครับ ผมไม่ล้อให้หรอก!)
“ไม่พกก็ลืมสิ” โทชิโนริบอกอลันแล้วบอกนักเรียนว่า “สถานการณ์ก็คือพวกวิลเลินจะซุกซ่อนขีปนาวุธไว้ที่ไหนสักแห่งในฐานลับ พวกฮีโร่จะต้องทำลายมัน จะต้องจับตัวพวกวิลเลินหรือหาขีปนาวุธให้ได้ครบกำหนด ส่วนวิลเลินก็ต้องพยายามปกป้องขีปนาวุธและจับพวกฮีโร่ให้ได้ในเวลาที่กำหนด ส่วนคู่หูกับคู่แข่งต้องเลือกด้วยการจับสลาก”
และด้วยความที่ผมไม่ได้ลงรายละเอียดกับคนอื่น ๆ ลึกมากเท่าที่ควร ดังนั้นผมขอเน้นไปที่ฝ่ายลูกชายดีกว่าครับ
อีธานได้อยู่ในฝั่งฮีโร่ ซึ่งถูกจับอยู่กับคู่ที่เหมาะพอดีเลยนั่นก็คือ เอลซ่า ใช่ครับ เจอกันครั้งแรก จะโดนจับคู่ก็ไม่แปลกอะไรครับ แต่อีธานน่ะเขินใช่ย่อยเลย แล้วฝ่ายวิลเลินที่เขาจะต้องต่อสู้ก็คือแซ็คกับชิกะอิจิ เอาล่ะครับ บันเทิงล่ะทีนี้
และด้วยความที่แมทช์แรกสุดคือสี่คนนี้ ดังนั้น ผมจึงอธิบายก่อนเลย
“ให้ทีมวิลเลินเข้าไปเตรียมตัวข้างในให้พร้อม” อลันพูด “ส่วนทีมฮีโร่จะบุกเข้าไปอีกห้านาทีเป็นการเริ่มต้น”
“หนุ่มน้อยไมเคิลส์ หนุ่มน้อยลีพุง” โทชิโนริบอกทีมวิลเลิน “จงเรียนรู้วิธีคิดของวิลเลินให้ดี เพราะนี่ก็ไม่ต่างจากของจริง ไม่มีการออมมือ ฉะนั้นเต็มที่ ถ้าหนักเกินไปฉันจะไปห้ามเอง”
ชิกะอิจิกับแซ็คเดินเข้าไปข้างในตึกก่อน และก็พบกับหัวรบนิวเคลียร์แล้ว
“แล้วแผนเป็นยังไงบ้างล่ะชิกะอิจิ?” แซ็คถาม “เหลือเวลาไม่มากพวกฮีโร่จะบุกเข้าไปแล้วนะ”
“ฉันจะไปเซย์ไฮกับทีมฮีโร่เองนะ” ชิกะอิจิตอบ “ฉันรู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันจะต้องรวดเร็ว แต่ฉันจะคุมสถานการณ์ไม่ให้ออกนอกหน้านอกหลังเกินไป”
“แล้วฉันล่ะ” แซ็คถาม
“นายก็แค่ป้องกัน” ชิกะอิจิตอบ “ป้องกันหัวรบไงล่ะ ด้วยศิลปะการต่อสู้กับเซรุ่มวิเศษนั่น มันจะทำให้นายพอไหวได้อยู่ล่ะนะ”
“ได้” แซ็คตอบ
“เดี๋ยวก่อน” ชิกะอิจิพูด “ฉันจะให้อะไรนาย”
จากนั้นชิกะอิจิก็ได้ใช้คำสั่งให้น้ำยาสเตรนจ์ธเพื่อเวลาคับขันจะสามารถดื่มได้ ก่อนจะบอกว่า “ไว้ใช้เวลาฉุกเฉินนะ”
“ได้” แซ็คพูด จากนั้นก็ขึ้นไปชั้นบนสุดที่ตั้งหัวรบอยู่ทันที
ส่วนอีธานกับเอลซ่า ดูจากแผนผังอาคารแล้วมันก็ไม่ยากเท่าไหร่นี่หว่า
“เอาเถอะ” อีธานพูด “ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เลยว่า โฮสต์ของโลกได้กำเนิดใหม่แล้ว”
“ทำไมเหรอ?” เอลซ่าถาม
“อัตลักษณ์ของลีพุงคือ เดมิกอดโฮสต์” อีธานตอบ “อธิบายง่าย ๆ คือเขาเป็นผู้อยู่จุดสูงสุดของเรล์มนี้ ไม่มีใครในเรล์มนี้เอาชนะเขาได้เลยสักนิดเดียว ฉันเองก็กังวลนะว่าจะเอาชนะเขาได้หรือเปล่า”
“จากนี้ไปการต่อสู้ระหว่างทีมฮีโร่และทีมวิลเลินจะได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!” ผมประกาศจากเสียงตามสาย “จำลองสถานการณ์ในที่แคบ เริ่มได้!”
ทันทีที่อีธานกับเอลซ่ามาถึง พวกเขาก็ไม่รู้ว่าชิกะอิจิกับแซ็คได้เตี๊ยมอะไรไว้ เพราะว่า
“เซอร์ไพรส์” ชิกะอิจิทักอีธานและเอลซ่า แล้วจากนั้นก็วางทีเอ็นทีลงบนที่เดียวกับทั้งสอง แล้วก็จุดชนวน จากนั้นก็ปาลูกแก้วเอ็นเดอร์ไปให้ไกลจากรัศมีระเบิด
“หลบเร็ว!” อีธานตะโกนแล้วความตัวเอลซ่าออกไปจากรัศมีระเบิดทันที
เมื่อทีเอ็นทีระเบิด อีธานหันมาถามชิกะอิจิว่า “มาได้ไงเนี่ย?”
“ก็ฉันดื่มน้ำยาอินวิซิบิลิตี้เข้าไป แล้วพอพวกนายมาฉันก็ดื่มน้ำนมล้างเอฟเฟกต์ไง” ชิกะอิจิตอบ
“ใช้ได้ด้วยเหรอ?” อีธานถาม
“ใช้ได้สิ” ชิกะอิจิตอบ “ตอนนี้แหละ ฉันจะปราบพวกนายให้ได้เลย”
“เอลซ่า เปลี่ยนแผน” อีธานบอกเอลซ่า “ฉันจะรับมือกับชิกะอิจิเอง ส่วนเธอไปจัดการกับหัวรบนิวเคลียร์เองเลย ถ้าแซ็คมาขวาง เธอก็รีบกำราบเขาด่วนเลยนะ”
“จ้ะ” เอลซ่าตอบ แล้วรีบวิ่งแยกจากอีธานไปทันที
“แหม แผนสูงเชียวนะนายน่ะ” ชิกะอิจิพูด “จะรับมือกับฉันคนเดียวน่ะ มันยากหน่อยนะ”
“ยากตรงไหนล่ะ ก็แค่...” อีธานตอบก่อนจะจั่วไพ่ออกมาจากซองหนังที่ติดเข็มขัดของตัวเองออกมา “ใช้ไพ่วิเศษจัดการนายยังไงล่ะ”
“เชนจ์อินเวนทอรี่ : ครอสโบว์!” ชิกะอิจิตะโกน และเขาก็เสกหน้าไม้ออกมา “ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะจะทำยังไง?”
“แล้วยังไงน่ะเหรอ?” อีธานถาม และยังถือไพ่กรีเนดการ์ดในมือ รอว่าชิกะอิจิจะทำยังไงต่อ แต่นอกจากเขาจะเสกหน้าไม้แล้ว ยังเสกจรวดดอกไม้ไฟด้วย เขาเอ็นชานท์ควิกชาร์จระดับสามและมัลติช็อตระดับหนึ่ง แล้วจากนั้นก็บรรจุดอกไม้ไฟลงไปบนหน้าไม้ และเล็งมาที่อีธาน
เขาคิดว่าไม่ดีแน่ ๆ ดังนั้นเขาจึงจั่วไพ่บาร์เรียร์ทรงกลมออกมาป้อมกันแรงระเบิดจากดอกไม้ไฟ แล้วพอชิกะอิจิยิงหน้าไม้จนจรวดโดนบาร์เรียร์นั้นแล้ว เขาก็ขว้างไพ่กรีเนดการ์ดใส่ชิกะอิจิกลับไปทันที แต่ชิกะอิจิกลับเสกโล่สี่เหลี่ยมออกมาป้องกันตัว โดยที่แรงระเบิดจากไพ่กรีเนดการ์ดที่ถูกโล่ก็ทำให้ชิกะอิจิเซไปเยอะเลย
“กันได้อย่างนั้นเหรอ?” อีธานคิดในใจ “นี่มันไม่ธรรมดาแล้วสินะ”
“เชนจ์อินเวนทอรี่ : เนเธอไรต์ซอร์ด!” ชิกะอิจิตะโกนและเสกดาบเนเธอไรต์ออกมา
“ต้องประลองดาบอีกแล้วเหรอเนี่ย?” อีธานคิดในใจแล้วเขาก็ชักดาบแห่งธาตุออกมาต่อสู้ และการประลองดาบก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ขณะเดียวกัน เอลซ่าวิ่งขึ้นไปพบกับแซ็คซึ่งยืนเฝ้าหัวรบ มือข้างหนึ่งถือดาบคาทานะ อีกข้างสวมกรงเล็บเทียมไว้ ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าเอลซ่ากำลังเข้ามาใกล้แล้ว แต่ด้วยศิลปะการป้องกันตัวเขาเคยได้ร่ำเรียนมา นั่นจึงทำให้เขาไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว
เอลซ่ารีบหลบและเปลี่ยนให้แขนข้างหนึ่งเป็นดาบ แล้วจากนั้นเธอก็รีบเข้าไปประลองดาบกับแซ็คทันที
การประลองดาบของอีธานกับชิกะอิจินี้สูงสีอย่างมาก แต่ชิกะอิจิก็พยายามที่จะพลิกเกมด้วยการเสกไข่ไก่มาปาตัดจังหวะอีธาน แต่เขากลับหลบทันและจั่วไพ่กรีเนดการ์ดที่ระเบิดแรงขึ้นสองเท่ามาตัดจังหวะชิกะอิจิต่อ จากนั้นก็ใช้วิญญาณธาตุดินสร้างก้อนหินขนาดใหญ่เพื่อโจมตีชิกะอิจิเต็มที่ พอชิกะอิจิเสียเปรียบแล้ว อีธานก็บอกว่า
“ฉันไม่มีเวลาเล่นกับนายหรอกนะ ฉันต้องรีบไปกู้ระเบิดให้ได้เลย!”
“กลับมาเล่นกับฉันก่อน!” ชิกะอิจิร้อง จากนั้นเขาก็เสกเบ็ดตกปลาแล้วขว้างตะขอเหยื่อให้ไปโดนอีธานให้ได้เพื่อที่เมื่อตะขอเกี่ยวเขาแล้วชิกะอิจิจะได้ลากกลับมา แต่สุดท้ายก็วืดอยู่ดี
ขณะเดียวกัน แซ็คก็พยายามรั้งสุดชีวิตไม่ให้เอลซ่าเข้าถึงหัวรบให้ได้ แต่เธอก็ใช้อัตลักษณ์ของเธองอกปืนยิงลูกระเบิดติดหัวไหล่ของเธอแล้วยิงใส่แซ็คก่อน ส่วนแขนอีกข้างของเธอก็งอกโล่ออกมากันกรงเล็บของแซ็ค ทำให้แซ็คไม่รู้จะทำยังไง เพราะว่าเขาอุตส่าห์เรียนศิลปะป้องกันตัวมาแล้วแต่ก็ยังหยุดเอลซ่าไม่ได้เสียที
ส่วนอีธานก็ได้ใช้โกเล็มไฟออกมาจัดการชิกะอิจิเพื่อถ่วงเวลาให้อีธานขึ้นไปกู้หัวรบให้ทัน แล้วเขาก็ขึ้นไปหาเอลซ่าเพื่อไปสู้กับแซ็คแทน และในที่สุด เอลซ่าก็สามารถขึ้นไปเกาะหัวรบได้สำเร็จ และทีมอีธานกับเอลซ่าก็เป็นฝ่ายชนะทันที
หลังจากรอบระหว่างอีธาน เอลซ่า ชิกะอิจิ และแซ็คจบลง ซึ่งกลายเป็นว่าคนที่ทำได้ดีที่สุดในคู่นี้ก็คือ...
“...หนุ่มน้อยซุเนรินั่นเอง” โทชิโนริประกาศ
“อ้าว?” อิซึคุว่า “ทำไมกันล่ะครับ?”
“นั่นสินะ” โทชิโนริตอบ “ใครพอจะตอบได้บ้างล่ะ?”
“ค่ะ อาจารย์ออลไมท์”
คนที่อาสาจะอธิบายให้คือโมโมะนี่เอง (แน่ล่ะครับ สายวิชาการต้องยกให้เธอครับ)
“เพราะว่าคุณซุเนรินั้นมีไหวพริบที่ดีกว่า สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรที่ควรหรือไม่ควรทำ และหาวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกับคนที่แข็งแกร่งกว่าอย่างคุณลีพุงให้ได้มากที่สุด แล้วไปช่วยสมทบกับคุณเทอร์เนอร์ในการจะสู้กับคุณไมเคิลส์ที่อ่อนแอกว่าค่ะ
“ส่วนคุณลีพุง การที่เขาเป็นโฮสต์ของโลก ทำให้เขาทะเยอทะยานมากเกินไป เขาใช้อาวุธที่เอ็นชานท์มากจนคุณซุเนริสู้ไม่ไหว และการหลีกเลี่ยงที่จะปะทะนั้นก็จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“คุณไมเคิลส์นั้นไม่ได้รับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อคุณเทอร์เนอร์มาถึงแล้ว เขาก็ไม่ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเลยสักนิดเดียว ทำให้เขาเสียเปรียบได้ง่ายมาก
“และสุดท้าย คุณเทอร์เนอร์ แขนที่เธอใช้เปลี่ยนเป็นปืนกลเพื่อยิงศัตรูนั้นรุนแรงเกินไป ถ้าขีปนาวุธเป็นของจริง จะทำอะไรเสี่ยง ๆ แบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
“การวิเคราะห์สถานการณ์ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ ใครที่ควรจะสู้หรือจะหลีกเลี่ยง ด้วยปัจจัยที่จำกัดได้ดีที่สุด คุณซุเนริจึงเป็นคนที่คุมเกมได้ดีมากที่สุดค่ะ
“ความพ่ายแพ้ของทีมวิลเลินเกิดจากการทำผิดกติกาและอาศัยช่องโหว่ในการฝึกครั้งนี้”
“อธิบายซะละเอียดยิบเลยแฮะ” ผมคิดในใจ แล้วก็บอกว่า “ซุเนริคุงก็มีส่วนที่ยังผิดพลาดอยู่เยอะเหมือนกันนะ ก็หัดแก้ไขซะบ้างนะ แต่ที่ยาโอโยโรสึจังอธิบายมาก็ถูกต้องแล้ว”
“พวกเราต้องเริ่มจากพื้นฐานเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ให้ลึกยิ่งขึ้น ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่สามารถเป็นท็อปฮีโร่ได้หรอกค่ะ” โมโมะทิ้งท้าย
“เอาล่ะ รอบต่อไป เปลี่ยนสถานที่แล้วกันนะ” อลันว่า “จากนี้ไปขอให้ทุกคนคิดทบทวนให้ดี ๆ แล้วไปปรับใช้ต่อไปนะ”
...หลังจากฝึกซ้อมต่อสู้จบลง
“เอาล่ะนะ พวกเธอทำได้ดีมาก ไม่มีใครเจ็บหนักเลย” ผมสรุป “แต่ยังไงก็เป็นการเอาจริงเอาจังสำหรับการซ้อมครั้งนี้พวกเธอทำได้ดีมาก”
“พอเจอวิชาแบบนี้หลังจากเรียนกับอาจารย์ไอซาวะไปแล้ว” สึยุพูด “รู้สึกตื่นเต้นน้อยกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”
“คาบเรียนปกติก็ถือว่าเป็นอิสระของพวกฉันด้วยแหละ!” โทชิโนริบอก “พอเปลี่ยนชุดกันเสร็จแล้ว ก็กลับห้องกันได้เลย!”
ว่าแล้ว โทชิโนริก็รีบกลับไปยังห้องทำงานทันที
ที่ห้องพยาบาล หลังจากที่อิซึคุได้เยียวยาจนเรียบร้อยแล้ว
“นี่เพิ่งจะเปิดเทอมเองนะ” คุณชิโยะดุโทชิโนริ “เจ็บไปตั้งสามรอบ ทำไมไม่ห้ามเขาล่ะ นอกจากเหนื่อยสะสมแล้วยังจะเจ็บเพิ่มอีก ดีนะที่มีพลังอื่นชดเชยและประคองอาการไว้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็รักษาไม่หายแน่นอน ดังนั้น ต้องปล่อยให้ร่างกายฟื้นฟูด้วยพลังเอเลเมนท์คิงแล้วล่ะนะ ให้ตายสิ ถึงเขาจะเป็นคนที่คัดลอกพลังจากเธอก็เถอะ แต่อย่าใจอ่อนนักจะได้ไหม?”
“ผมจะไม่แก้ตัวเลยครับ” โทชิโนริตอบ “ผมอยากจะเข้าใจความรู้สึกของเขา เลยลังเลว่าจะเข้าไปหยุดดีไหม แล้วก็ได้โปรดอย่าพูดถึงวันฟอร์ออลและเอเลเมนท์คิงเสียงดังสิครับ”
“อ๋อ จ้า พ่อฮีโร่แต่กำเนิด สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ” คุณชิโยะพูด
“เรื่องอาการบาดเจ็บกับตัวตนของผม เป็นที่รู้กันในหมู่อาจารย์ยูเอกับมืออาชีพบางกลุ่ม” โทชิโนริพูด “แต่วันฟอร์ออล อัตลักษณ์ของผมนั่นน่ะมีแค่คุณ อาจารย์ใหญ่ เพื่อนสนิท เอเลเมนท์คิงรัชกาลที่ 161 เอเลเมนท์เมจิกเชี่ยน หนุ่มน้อยมิโดริยะ หนุ่มน้อยลาร์สัน หนุ่มน้อยเฮนรี่ หนุ่มน้อยซุเนริ และหนุ่มน้อยลีพุงเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้น่ะครับ”
“ก็รู้ว่าเธอไม่ได้อยากจะอยู่บนจุดสูงสุดเท่าไหร่หรอก” คุณชิโยะพูด “แต่การเป็นฮีโร่แต่กำเนิดและสัญลักษณ์แห่งสันติภาพมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ถ้าผมไม่ทำ สังคมยอดมนุษย์จะถูกความชั่วครอบงำแน่นอน นี่คือความรับผิดชอบของผู้มีพลังนี้ยังไงล่ะครับ” โทชิโนริตอบ
“งั้นเธอต้องแนะนำเขาให้ดียิ่งกว่านี้ด้วยนะ” คุณชิโยะบอก
“ครับ” โทชิโนริพูด
หลังจากนั้นไม่นาน
อิซึคุเองยังคาใจเกี่ยวกับคอสมิกคิวบ์ก้อนนั้น
“เท่าที่ออลไมท์บอกเรามา เขาไม่ได้รับข้อมูลอัพเดทเกี่ยวกับคอสมิกคิวบ์ก้อนนั้นเลย ก้อนที่เราหยิบขึ้นมาแล้วสูบพลังเข้าตัวน่ะ” อิซึคุคิดในใจ “มันจะเป็นยังไงบ้างนะเจ้าลูกบาศก์อวกาศก้อนนั้น”
“กำลังเหม่ออะไรอยู่?” อีธานถาม
“เจ๊ย! ซุเนริคุง!” อิซึคุร้อง “มาทำอะไรที่นี่เนี่ย?”
“ก็แหม” อีธานบอก “หลังจากฟื้นตัวได้แล้ว ก็รื่นเริงหน่อยน่า”
“แต่ว่า” อิซึคุพูดแล้วหันมากระซิบที่หูอีธาน “จำเรื่องคอสมิกคิวบ์ที่ผมเล่าให้ฟังไปได้ใช่ไหม?”
อีธานพยักหน้า แล้วกระซิบกลับว่า “ทำไมเหรอ?”
“ผมยังไม่ได้ข้อมูลจากมิสเตอร์แฟนทาสติกเลย” อิซึคุตอบ “ไม่รู้ว่าเจ้าลูกบาศก์นั่นเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรน่า” อีธานกระซิบตอบ “ยังไงซะเขาคงบอกให้นายรู้ก่อนเป็นอันดับแรกเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” อิซึคุตอบ “เขายังไม่ได้บอกผมเลยสักนิดเดียว แล้วก็...”
อิซึคุเดินออกมาข้างนอกเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ทว่า เขากลับพบกับคัตซึกิที่กำลังสะกิดเขา
“ไงเดกุ” คัตซึกิพูด “ซุเนริเขาบอกฉันมาว่า แกอยากจะสารภาพอะไรบางอย่างกับฉัน เรื่องที่แกจะสารภาพน่ะมันคือเรื่องอะไรกัน?”
นี่คือแฟลชแบ็คเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
“...ฝากบอกคัตจังด้วยนะว่าผมอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับเขาน่ะ” อิซึคุกระซิบที่หูอีธานอีกครั้ง
“โอเค ฉันจะบอกบาคุโกให้” อีธานรับปาก
จบแฟลชแบ็คลงแล้วครับ
“แสดงว่าซุเนริคุงบอกนายแล้วสินะ” อิซึคุพูด “แค่เรื่องนี้เท่านั้น ที่ผมต้องบอกให้นายรู้เอาไว้ อัตลักษณ์ของผมน่ะได้รับมาจากคนอื่นอีกที แต่จากใครผมคงบอกไม่ได้ แต่ถึงมันจะฟังดูเหมือนในการ์ตูนแต่นี่เรื่องจริงนะ แล้วตอนนี้ผมก็ยังคุมมันไม่ค่อยได้ มันก็เลยยังไม่ใช่ของผม เหมือนเป็นของที่ผมยืมมามากกว่า เพราะงั้นผมเลยอยากจะเอาชนะนายโดยไม่ใช้มัน แต่สุดท้ายก็ไม่ไหวจะต้องใช้จนได้ ผมยังไม่เอาไหน เพราะงั้น สักวันหนึ่ง ผมจะทำให้มันเป็นอัตลักษณ์ของผมจริง ๆ แล้วใช้มันก้าวข้ามนายให้ได้!”
“หึ” คัตซึกิพูด “ตอนแรกแกดูเหมือนหยามฉันนะ แต่ฟัง ๆ ไปมันมีอะไรมากกว่านั้นอีกนะ เดกุ ครั้งนั้นฉันพ่ายแพ้ให้กับแก จากนั้นเจอไอ้น้ำแข็งนั่น (โชโตะ) ใช้วิธีการที่ทำให้ฉันคิดว่าชนะไม่ได้แน่นอน แล้วก็ยังยอมรับในสิ่งที่ยัยหางม้านั่น (โมโมะ) พูดออกมาและเกือบจะโมโหแล้ว!
“แต่มันมีอะไรผิดปกติอีกนะ เดกุ มันผิดปกติที่แกยังมีพลังอื่นมากกว่านี้อีก แต่แกใช้แค่อันเดียวเท่านั้นเอง ถึงแม้ฉันจะมีเป้าหมายคือต้องเป็นที่หนึ่ง และจะล้มไอ้ลีพุงที่อยู่จุดสูงสุดของเรล์มนี้ให้ได้ก็เถอะ! แต่แกยังมีอะไรที่มากกว่านั้นอีก! บอกมาซะว่านอกจากอัตลักษณ์เมื่อกี๊แล้วยังมีอะไรอีก!”
“หนุ่มน้อยบาคุโก!” โทชิโนริบุกเข้ามาถึงพอดี “บอกไว้ก่อนนะว่าศักดิ์ศรีก็สำคัญ เธอน่ะก็ยังมีความสามารถมากพอที่จะเป็นมืออาชีพได้แน่นอน จากนี้ไปเธอก็จะต้อง...”
“ยังไงซะผมก็จะเป็นฮีโร่ที่เหนือกว่าคุณและเจ้าลีพุงให้ได้อยู่แล้ว” คัตซึกิบอกโทชิโนริ “แค่ยังคาใจว่าไอ้เดกุยังเก็บงำอะไรผมอยู่เท่านั้นเอง”
“อ้าวเหรอ?” โทชิโนริพูด “งั้นหนุ่มน้อยมิโดริยะ เมื่อกี๊พูดอะไรกับหนุ่มน้อยบาคุโกเหรอ?”
“อ๊า คือว่า เรื่องนั้นน่ะ...” อิซึคุลนลาน
“อืม ชักอยากรู้ซะแล้วสิ ไหนลองเหลามาให้หมดหน่อยซิ” โทชิโนริตอบ
“คือว่า...จริง ๆ แล้ว...” อิซึคุตะกุกตะกัก
“เออ ยังไง?” โทชิโนริถาม
หลังจากนั้น
“ขอโทษด้วยนะครับ ทั้ง ๆ ที่ผมบอกคุณแม่ก็ไม่ได้ แต่มันรู้สึกว่าจำเป็นต้องบอก ต้องขอโทษจริง ๆ” อิซึคุบอก
“โชคดีนะที่หนุ่มน้อยบาคุโกคิดจะเก็บเป็นความลับไว้อยู่แล้ว ก็เลยพอจะให้อภัยกันได้” โทชิโนริพูด “แต่ขออย่าให้มีครั้งที่สองอีกล่ะ ช่วยมีสำนึกรับผิดชอบในฐานะผู้ถือครองพลังไว้ด้วยก็ดี เพราะถ้าความแตกขึ้นมาล่ะก็จะต้องมีผู้ไม่หวังดีที่อยากจะได้พลังนี้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกมาก นอกจากนี้ยังต้องป้องกันความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในสังคมและทำเพื่อตัวเธอเองด้วย เข้าใจนะ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 706
แสดงความคิดเห็น