บทที่ 15...1/3
มีเสียงฮือฮาที่ตึก M ในเวลาใกล้เที่ยงเมื่อพนักงานได้พบเมวาตัวเป็นๆ ก้าวลงจากรถ แล้วเข้าไปในตึก เธอเต็มใจยิ้มให้คนที่ขอถ่ายรูปและขอลายเซ็น ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสูงสุดของตึก ทำให้เกิดข่าวซุบซิบในโซเชียลทันทีว่ารักแรกสมัยมัธยมปลายอาจจะหวนคืนกระมัง
ชานนมารอรับเมวาที่ติดต่อเข้ามาก่อน ทำให้ปรานต์มีเวลาคุยกับเพื่อนเก่าได้ เมวาเองก็พอใจที่ปรานต์ยังคุยกับเธอได้เหมือนเดิม ตอนที่เลิกกันเราสองคนไม่ได้โกรธกัน แต่มันเป็นการค่อยๆ หายจากการติดต่อกันไปจนกระทั่งคุยปีละครั้งสองครั้งเพราะเรายังจำวันเกิดของเพื่อนๆ ได้
“ดีใจจังที่ท่านประธานให้เข้าพบ นึกว่าจะมาเสียเที่ยวเสียแล้ว” เมวาทักทายเสียงสดใสเมื่อเข้าไปในห้องทำงานของปรานต์ที่กว้าง โอ้อ่าและเป็นกระจกที่ปรับแสงตามความต้องการได้ เขาดูดีในในชุดสูทสีเทา เมื่อก่อนทำไมเธอไม่เคยนึกภาพเขาในมาดนักธุรกิจมาก่อนเลยนะ
“เมวามาหาทั้งที ผมต้องให้เข้าพบอยู่แล้ว ว่าแต่เมวามาหาผมมีอะไรหรือเปล่า”
“เมวาเอาของฝากมาให้” เมวาวางกล่องของฝากไว้บนโต๊ะแล้วพยักพเยิดให้ปรานต์เปิดดูเอง “ตอนกลับมาจากอเมริกา เมวายุ่งๆ เลยยังไม่มีเวลาจัดของ จริงๆ แล้วเมวาซื้อมาฝากเพื่อนๆ ทุกคน แต่ของปรานต์ เมวาอยากเอามาให้ด้วยตัวเอง อยากรู้ว่าปรานต์จะชอบหรือเปล่า”
ปรานต์เปิดกล่องพอเห็นว่าเป็นอะไรก็ยิ้มกว้าง
“หมวกจากสโมสรฟุตบอลที่ผมเชียร์มาตลอดเสียด้วย ขอบใจมากนะ”
“ดีใจจังที่ปรานต์ชอบ ถ้างั้นมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันนะ เมวากำลังทำเซตเพื่อนๆ ขอลงไอจีได้ไหม มีปรานต์และคนอื่นๆ ด้วย” เมวามั่นใจว่าไม่ถูกปฏิเสธแน่
“ได้สิ”
เมวาขยับมายืนเยื้องเบาะนั่งที่ปรานต์นั่งอยู่ แล้วเอียงหน้าลงมาใกล้กับใบหน้าของปรานต์ ก่อนจะถ่ายเซลฟี่ไปหลายรูป บอกว่าปรานต์ควรยิ้มมากๆ เพราะตอนนี้เขาดังแล้ว ควรใช่เสน่ห์ในส่วนนี้ช่วยธุรกิจ ปรานต์ยิ้มแต่ไม่คิดจะทำแบบนั้น เขาแค่ออกมาอยู่ที่สว่างเพื่อที่จะได้ถูกลอบฆ่าได้ยากขึ้นเท่านั้นเอง แต่มันคงเป็นเหตุผลที่บอกคนนอกไม่ได้
“ปรานต์กินข้าวหรือยัง ถ้ายังเราไปกินข้าวด้วยกันนะ”
เมวาชวนเพราะจงใจมาเวลาใกล้เที่ยงก็เพื่อจะได้ชวนปรานต์ไปข้างนอกด้วยกัน อยากให้รักแรกกลับมาเติบโตอีกครั้ง การรอปรานต์ไปหาคงยาก ตอนนั้นที่เราสองคนเป็นแฟนกันก็เพราะเธอตามจีบเขาก่อน
“ก็ได้อยู่นะ ยังพอมีเวลา ตอนบ่ายผมมีประชุมสำคัญน่ะ คงหาอะไรกินใกล้ๆ แล้วกัน” ปรานต์ไม่อยากติดค้างน้ำใจเพื่อนเก่า แค่ไปกินข้าวคงไม่ทำให้ข่าวคู่จิ้นยิ่งถูกประโคมขึ้นไปหรอก ไฟที่มอดลงแล้ว ต่อให้พัดอย่างไรก็ไม่ติดขึ้นมาอีก
“ถ้างั้นเจ้าถิ่นเป็นคนนำทางแล้วกัน เมวาไม่ค่อยคุ้นเส้นทางสักเท่าไหร่”
ปรานต์เดินนำก็จริง แต่เมวาก็เดินเคียงกันเข้ามาในลิฟต์ พนักงานพากันมองแล้วถ่ายรูป พอลงมาถึงชั้นล่างก็เจอแบบเดียวกัน หญิงสาวยิ้มให้ทุกคนอย่างสดใส การเป็นข่าวกับปรานต์เราต่างได้ประโยชน์ทั้งคู่ อย่างน้อยยอดติดตามของเธอเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว การเป็นคนมีชื่อเสียงยอดเอ็นเกจเมนต์ (Engagement ) ย่อมสำคัญ ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามที่ควรจะเป็นจนกระทั่งโทรศัพท์ของปรานต์ดังขึ้น พอเขารับสายแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“อยู่ตรงนั้น คอยดูให้ดี ผมจะรีบไป”
“มีอะไรหรือเปล่าคะปรานต์” เมวาถามเพราะปรานต์หยุดเดิน
“ผมคงไปกินข้าวด้วยไม่ได้แล้ว มีเรื่องสำคัญน่ะ ขอตัวก่อนนะ”
เมวากำลังจะบอกว่าเอาไว้นัดกันใหม่ก็ไม่ทันแล้วเพราะปรานต์ตรงดิ่งไปที่รถแล้วขับออกไปเลย โดยมีบอดี้การ์ดขับรถตามไปอีกคัน อวัชบอกว่าหลังจากพี่ชายของปรานต์ตาย พ่อของปรานต์ก็ส่งบอดี้การ์ดมาคอยดูแลความปลอดภัยให้ลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวมาตลอด
เมวามองตามรถด้วยความสงสัย ใครทำให้ปรานต์ร้อนใจจนต้องรีบไปหาถึงขนาดนั้น ตฤณบอกว่าเขายังไม่ได้คบหากับใครไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นคงเป็นเรื่องงานกระมัง
ปรานต์ขับรถมาที่โรงพยาบาล แล้วรีบไปที่ชั้น 8 สีหน้าของเขาร้อนใจเพราะบอดี้การ์ดของเขาส่งรูปถ่ายมาให้เห็นจอมขวัญจากระยะไกล ผู้หญิงอะไรเกิดเรื่องให้เจ็บตัวได้ตลอด ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วันก็ผ่าตัดอยู่แล้ว เขามองไปทั่วทางเดิน ม้านั่ง บันได จนกระทั่งเห็นร่างเพรียวบางที่ปลายทางเดินนั่งอยู่บนเก้าอี้ ที่หน้าผากมีก๊อซปิดแผลที่คนของเขารายงานว่ามีรอยช้ำ ไม่มีเลือด แต่ต้องเอกซเรย์สมองเพราะตอนที่ถูกชนจนจอมขวัญตกบันไดนั้น เธอไม่ทันได้ตั้งตัว โชคดีที่บันไดแค่ไม่กี่ขั้น
จอมขวัญประหลาดใจที่เห็นปรานต์ แต่ประหลาดใจยิ่งกว่าเพราะเขานั่งลงข้างๆ แล้วมองเธอไปทั่วอย่างกับจะดูว่ามีอะไรแตกหักเสียหายไปบ้าง ก่อนจะยื่นมือมาลูบหน้าผากของเธอเบาๆ ใจของเธออ่อนยวบ เวลาเจ็บตัวทำให้รู้สึกอ่อนไหวแบบนี้เอง
“เจ็บมากหรือเปล่า”
“ไม่เจ็บแล้วค่ะ” จริงๆ ก็ยังเจ็บนั่นแหละ แต่จอมขวัญไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตอบไปแบบนั้นเพื่อให้ปรานต์สบายใจทำไม “คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“คนไหนทำให้คุณตกบันได ไม่รู้หรือไงว่าบันไดมันอันตราย ทำไมไม่ใช้ลิฟต์ คุณกำลังจะผ่าตัด ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ผมไม่อยากเห็นคนขี้แยร้องไห้เพราะผ่าตัดไม่ได้หรอกนะ” ปรานต์รู้สึกโกรธคนที่ทำให้จอมขวัญต้องมาเจ็บตัว ทั้งที่เธอมาโรงพยาบาลเพื่อติดต่อเรื่องเอกสารเท่านั้น แต่กลับได้แผลกลับบ้านไปด้วย
“เป็นเด็ก 10 ขวบ คุณยังจะไปจัดการอยู่ไหมคะ” จอมขวัญยิ้มในความร้อนใจของปรานต์ เขาเป็นห่วงเธอขนาดนี้เชียวหรือ เธอมีความสำคัญต่อเขาใช่ไหมนะ “มันเป็นอุบัติเหตุ เด็กไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ พ่อแม่เด็กมาขอโทษฉันแล้ว”
“ไม่รู้ล่ะ ผมไม่ยอม ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง” ปรานต์ถอนใจแรง ไม่โมโหเด็ก 10 ขวบแล้วก็ได้
“คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะคะว่ามาได้ยังไง ฉันไม่ได้บอกใครสักคน”
ปรานต์เลิกคิ้วนึกไว้อยู่แล้วจอมขวัญต้องถาม “ผมมีเพื่อนเป็นพยาบาลอยู่ที่นี่ พอดีเค้ารู้ว่าคุณเป็นเพื่อนผมเลยโทรมาบอก เรื่องมันก็แค่นี้แหละไม่มีอะไรซับซ้อน ทำไมหรือ คุณสงสัยอะไร”
“ก็...ไม่สงสัยแล้วก็ได้ค่ะ”
จอมขวัญไม่เห็นพิรุธอะไรก็เลยเออออไป ปรานต์ยิ้มกริ่มที่จริงแล้วเขาคิดว่าจะบอกเธอถ้าถูกถาม แต่พอมาคิดอีกที จอมขวัญไม่รู้ตัวว่าถูกตามคงดีกว่า การใช้ชีวิตโดยรู้ตัวตลอดเวลาว่าถูกตามไม่ค่อยมีอิสระ เขาอยากให้เธอไปไหนมาไหนได้ตามใจตัวเอง ส่วนเรื่องความปลอดภัยเขาจะให้คนของเขาดูแลให้เอง
“พ่อแม่เด็กมาแล้ว คุณอย่าไปทำให้พวกเขากลัวนะคะ” จอมขวัญล่ะกลัวใจว่าปรานต์จะไปต่อว่าพ่อแม่ของเด็ก
ก่อนหน้านี้พ่อแม่ของเด็กขอโทษเธอแล้ว ส่วนเด็กที่ก่อเรื่องก็ถูกอบรมจนเดินตาแดงๆ เข้ามาไหว้ขอโทษเธออยู่ตั้งนาน ตัวเด็กรู้ตัวแล้วว่าทำผิด ไม่ได้ขอโทษเพราะกลัวพ่อแม่ดุ จอมขวัญรู้สึกได้แบบนั้น
“คุณจอมขวัญเชิญค่ะ” พยาบาลเรียกพอดี
จอมขวัญเข้าไปในห้องของหมอพร้อมกับพ่อแม่ของเด็กที่ก่อเรื่องและปรานต์ที่ไม่มีใครชวนเขาหรอก เขาชวนตัวเองเข้าไปในห้องตรวจของหมอเอง หมอมีฟิล์มเอกซเรย์ครบแล้วจึงประเมินคนไข้ได้ในเวลานี้
“สมองคนไข้ไม่กระทบกระเทือนนะครับ มีเพียงรอยฟกช้ำ อาจจะบวมนิดหน่อย ปวดหัวบ้าง เดี๋ยวผมจะสั่งยาให้ ไม่มีอะไรน่ากังวลนะครับ” หมอบอกจอมขวัญ แต่ปรานต์พยักหน้าเหมือนเป็นคนไข้เสียเอง
“ขอบคุณนะคะหมอ” จอมขวัญเอ่ยเช่นเดียวกับพ่อแม่ของเด็ก
หมอบอกการดูแลตัวเองระหว่างรักษาแผลกับจอมขวัญและยาที่จะจัดให้ไปกินที่บ้าน หลังจากนั้นทั้งหมดก็ออกมาจากห้องของหมอ พ่อแม่ของเด็กยังมีสีหน้าไม่สบายใจนัก แม้ผลจะออกมาแล้วว่าจอมขวัญไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าฟกช้ำ
“เราสองคนขอโทษแทนลูกชายอีกครั้งนะครับ ได้โปรดรับไว้นะครับ สำหรับการเสียเวลาและเจ็บตัว ผมขอโทษจริงๆ ครับ” พ่อของเด็กบอกพร้อมกับส่งซองที่ถึงไม่บอกใครๆ ก็ดูออกว่าข้างในคือเงิน
จอมขวัญดันซองเงินกลับไปเพราะไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ แล้วที่สำคัญทั้งสองคนเป็นพ่อแม่ที่สั่งสอนลูก ไม่ใช่เข้าข้างลูกทั้งที่รู้ว่าผิด
“มันเป็นอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นฉันขอไม่รับซองนี้นะคะ พวกคุณจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้ว พอแล้วนะคะ”
แม่ของเด็กดันซองเงินกลับมา “แต่ว่าทางเรารู้สึกผิดมากจริงๆ นะคะ”
ปรานต์กำลังจะพูด จอมขวัญจับแขนของเขาไว้เพราะเดาว่าเขาคงบอกให้พ่อแม่คู่นี้ไปสั่งสอนลูกให้ดี เธอรู้ว่าเขาหวังดี แต่ว่าเรื่องนี้เธอขอจัดการเองแบบง่ายๆ ที่ไม่ติดใจต่อกันแบบนี้แหละ
“ฉันไม่เป็นไร ลูกชายของคุณไม่ตกบันได ทุกอย่างโอเคแล้ว ไม่ต้องรู้สึกผิดแล้วนะคะ”
“ถ้างั้นผมขอมอบบัตรชมละครเวทีที่เราสองคนเป็นทีมงานอยู่แทนการขอโทษได้ไหมครับ บัตรเข้าชมของวันศุกร์นี้ ถ้าสะดวกไปชมได้นะครับ” พ่อของเด็กหยิบบัตรเข้าชมละครเวทีให้จอมขวัญสองใบเพราะถ้ายังจะยื้อให้เงินต่อ จอมขวัญคงไม่สบายใจ แต่เขาเองก็ปล่อยให้ผ่านแล้วจบลงโดยที่ไม่ได้ทำอะไรให้จอมขวัญไม่ได้เหมือนกัน
จอมขวัญยิ้มกว้าง ถ้าเป็นของสิ่งนี้เธอเต็มใจรับ “ละครเวทีเรื่องนี้ฉันซื้อบัตรไม่ทันพอดีเลยค่ะ ถ้าเป็นบัตรเข้าชมละครเวทีสองใบนี้ ฉันยินดีและเต็มใจมากที่จะรับไว้นะคะ ขอบคุณค่ะ”
พ่อแม่เด็กยิ้มดีใจออกมาทันที “ทางเราสิคะที่ต้องขอบคุณคุณจอมขวัญ ถ้ายังไงศุกร์นี้พบกันนะคะ เราสองคนจะรอ”
จอมขวัญพยักหน้า “แล้วพบกันค่ะ”
ปรานต์ละอ่อนใจ แต่ก็ตามใจจอมขวัญที่ยอมจบเรื่องด้วยการขอโทษขอโพยและการรับผิดชอบ โลกของเธอหลายๆ เรื่องจัดการได้ง่ายมากว่าเขาจนชายหนุ่มยิ้มบาง แต่ก็อยากรู้ในเวลาเดียวกันว่าเธอจะไปดูละครเวทีกับใคร
“กลับเลยไหม ผมจะไปส่ง”
“คุณไม่ทำงานหรือคะ ฉันกลับรถเมล์เองสะดวกกว่า” จอมขวัญแค่ไม่อยากรบกวนปรานต์เพราะตอนนี้มันเวลางาน เธอแค่แวบมารับเอกสารเพราะมาทำงานนอกสถานที่อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าเรื่องจะยาวจนกระทั่งเธอได้แผลฟกช้ำกลับบ้าน
ปรานต์จับแขนของจอมขวัญเบาๆ กันเจ้าตัวเดินหนีไปขึ้นรถเมล์ แต่จริงๆ แล้วเป็นห่วงไม่อยากให้เธอล้มแล้วเจ็บตัวอีก
“ไปส่งคุณแล้ว ผมค่อยกลับไปทำงาน ไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก บ้านคุณก็ทางผ่านบริษัทของผมอยู่แล้ว อย่างไรเสียผมก็ต้องขับรถผ่านทางนั้น”
จอมขวัญมองมือของปรานต์แล้วไม่ยื้อแขนออกมาเพราะเข้าใจว่าเขาอยากช่วยประคองกลัวเธอล้มหรือสะดุดอะไรอีก ความปรารถนาดี แม้ไม่พูดออกมา แต่กระทำให้เห็นทำให้จอมขวัญซึ้งในน้ำใจของผู้ชายคนนี้อยู่เงียบๆ
หากต้องแต่งงานกับเขาจริงๆ คงไม่ใช่วันสิ้นโลกอย่างที่เคยกลัวในวันแรกที่ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเขา เรียวปากบางก้มหน้ายิ้มรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ การมีใครสักคนดูแลโดยที่ไม่ต้องร้องขอช่างดีต่อใจ
ในทุกความรักย่อมมีอุปสรรค นอกจากที่ปรานต์ต้องจีบจอมขวัญแล้ว รักแรกของเขาก็ยังเข้ามาอีก เขาจะหวั่นไหวหรือเปล่า
ซ้อนกลรักเจ้าสาวมาเฟีย วางจำหน่ายใน MEB แล้วหมวด นิยายโรมานซ์
โบว์ทำโปรโมชั่นราคาหนังสือเต็มๆ 329 เหลือ 149 บาท ตอนนี้เหลือเวลาโปรโมชั่น 2 วันค่ะ
โบว์จะลงให้อ่านถึงบทที่ 15 นะคะ แล้วจะหยุดอัพนิยาย
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 129
แสดงความคิดเห็น