บทที่ 3...2/3
ศกกลับมายืนที่เดิมรอจนกระทั่งทุกคู่ผูกข้อมือติดกันเรียบร้อยแล้วย่อมถึงเวลาเริ่มเกมที่ช้าไปกว่ากำหนดเกือบสิบนาที ซึ่งยังไม่เป็นอะไรนักเพราะท้องฟ้าครึ้มอากาศเย็นสบาย พอสายก็คงไม่ร้อนเท่าไหร่นัก
“เชิญทุกคู่มาเข้าแถวตามลำดับหมายเลขนะครับ ผมจะปล่อยให้เดินทีละคู่ โดยจะปล่อยให้เดินทุกๆ 5 นาที ใครทำเวลาน้อยและได้คะแนนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ”
“มีรางวัลไหมคะคุณศก” มินตราถาม
“มีแน่นอนครับ นายหัวเตรียมมาไว้แล้ว เผื่อว่าทุกคนจะอยากรู้ผมแง้มให้ดูก่อนก็ได้”
รางวัลของผู้ชนะคือสร้อยไข่มุกที่ราคาไม่น้อยเลย ส่วนรองชนะเลิศเป็นหมอนข้างซึ่งจะส่งตามไปเพราะน่าจะขนกลับเองลำบาก
“งานนี้สู้กันสุดฤทธิ์แน่นอน ผมอยากได้ของขวัญน่ารักๆ ไปฝากแฟนอยู่พอดี” หัวหน้าฝ่ายอาร์ตกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด
“ถ้างั้นเริ่มกันเลยนะครับ”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ศกยิ้มร่าก่อนจะเป่านกหวีดเริ่มเกมให้คู่แรกเดินทางไปก่อน ส่วนคู่อื่นๆ ก็พากันดูแผนที่อย่างตั้งใจ ในขณะที่จอมขวัญนั่งขีดทรายเล่นเป็นรูปต่างๆ ลืมไปชั่วขณะว่าปรานต์นั่งอยู่ใกล้ๆ พอหันมาอีกทีเขาก็รั้งข้อมือให้ลุกขึ้นเพราะถึงคิวของทั้งสองคนแล้ว
ทางเดินเข้าป่าซึ่งเป็นภูเขามีต้นไม้เขียวครึ้มทำให้ไม่ร้อนและค่อนข้างเย็นสบาย ปรานต์ยอมเป็นผู้ตามเพราะอยากรู้ว่าน้องเชยของเขาทำอะไรได้บ้าง ป่าแถบนี้เขาคุ้นเคยอยู่แล้วหลับตาเดินยังได้ แต่การรู้จักใครสักคนให้มากขึ้นเพื่อเตรียมวิธีสำหรับรับมือต่างหากน่าสนใจกว่า
“หน้าของฉันมีอะไรติดหรือเปล่าคะคุณปรานต์”
ปรานต์หลุดจากความคิดตัวเองพร้อมๆ กับจอมขวัญจ้องมองกลับมาเมื่อรู้ตัวว่าเขากำลังสังเกตเธออย่างตั้งใจ ชายหนุ่มคว้าแผนที่มาดูแล้วเดินดุ่มๆ ไป หญิงสาวรีบวิ่งตามแล้วคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ เมื่อเข้าใจว่าเขากำลังจะพาไปนอกเส้นทาง แล้วที่สำคัญเขาลืมไปหรือเปล่าว่าข้อมือของเราสองคนถูกผูกติดกันอยู่
“ตามแผนที่ต้องไปทางนั้นนะคุณปรานต์”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมเป็นคนพื้นที่ ตรงไหน มุมไหนผมรู้หมดนั่นแหละ ถ้าไปทางนั้นจะอ้อมเกินไป กว่าจะถึงจุดวางอาร์ซีคงช้ากันพอดี”
“แต่ฉันไม่ชอบโกงใครนี่นา” หญิงสาวทักท้วงลืมตัวขมวดคิ้วใส่ปรานต์
มาเฟียที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังขี้โกงส่ายหน้าเริ่มคิดว่าถ้าอยู่กับจอมขวัญได้เกินหนึ่งวัน เขาคงกลายเป็นคนใจเย็นแถมโลกสวยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแน่ๆ
“วิธีนี้ไม่ได้เรียกว่าโกง แผนที่ไม่ได้สั่งให้คุณเดินไปแค่ทางนั้นสักหน่อย เห็นไหมลูกศรชี้ให้ไปได้ทั้งสองทาง เพียงแค่เพื่อนๆ ของคุณเลือกไปทางนั้นเพราะคิดว่าทางนี้มันดูรกๆ ต่างหาก แต่จริงๆ แล้วมันรกแค่ตรงนี้แหละ ผ่านไปได้ก็จะเดินสบายแล้ว”
จอมขวัญพยักหน้าเมื่อเข้าใจแล้ว ก่อนจะยกมือไหว้เป็นการขอโทษที่ไปกล่าวหาเขา ปรานต์เลิกคิ้วใส่อดคิดไม่ได้ว่าถ้าตอนนี้จารวีอยู่ใกล้ๆ คงเบ้ปากใส่เขาโทษฐานไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งไม่น่าแปลก เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษแต่เป็นมาเฟียแทนพ่อต่างหาก
ทางเดินนอกจากรกไปด้วยเถาวัลย์แล้วยังขรุขระต่างระดับจากหินที่เรียงซ้อนกันขึ้นๆ ลงๆ ทำให้ปรานต์หันไปมองจอมขวัญที่กำลังย่อตัวลงเหยียบหินที่ทอดตัวลงมาอย่างไม่ถนัดนัก ดูเหมือนว่าแค่คืนเดียวเธอก็ทำให้ตัวเองเจ็บเพิ่มที่ข้อเท้าทำให้เดินแปลกๆ มาตั้งแต่เช้า มือของเขายื่นออกมาหวังให้เธอจับไว้เป็นที่ยึดกันล้ม แต่สายตาของจอมขวัญกลับมองมาอย่างระแวงอย่างไรชอบกล ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ ฉันเดินเองได้ตรงนี้ไม่ชันเท่าไหร่”
“ตามใจ ผมสบายใจนะที่คุณเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง”ปรานต์แกล้งว่ารู้สึกหมั่นไส้ระคนสงสัยว่าตัวตนของจอมขวัญเป็นอย่างไรกันแน่
จอมขวัญฟังแล้วแปร่งๆ เลยถามกลับ “ทำไมล่ะคะ”
“ก็ดีกว่าผู้หญิงอ่อนแอชอบร้องไห้น่ะสิ ผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้ผมได้นานแสดงว่าไม่ขวัญอ่อน” เขาบอกพลางมองไปที่กิ่งของต้นกัลปพฤกษ์ “นั่นใช่ไหมสีธงของทีมเรา”
“ใช่ค่ะ สีฟ้าอ่อน” จอมขวัญรีบเดินตามปรานต์ไป “ในนี้บอกว่าให้หาก้อนหินสีชมพูค่ะ”
“นั่นใช่ไหม” ปรานต์เป็นคนพบก่อนอีกแล้ว
จอมขวัญรีบไปดูกองก้อนหินที่ชายหนุ่มชี้มาแล้วก็พบของที่ต้องการหาจริงๆ หญิงสาวขมวดคิ้วมองปรานต์อย่างสงสัยว่าเขารู้ก่อนหรือเปล่าว่าอะไรอยู่ตรงไหน
“คุณรู้ได้ยังไงคะ”
“กลิ่นสีมันเตะจมูกของผมน่ะสิ” เขาตอบพร้อมๆ กับจอมขวัญก้มลงดมก้อนหินแล้วหันหน้าหนี อะไรจะซื่อปานนั้นกลิ่นสีเคยหอมเสียที่ไหน “ไปกันต่อ ต้องตรงไปทางนี้ละมั้ง”
จอมขวัญพยักหน้าพลางถือก้อนหินตามมา แต่เพียงไม่กี่ก้าวมือหนาๆ ของปรานต์ก็ยื่นมาตรงหน้าพร้อมๆ กับสายตาของเขาที่มองมายังก้อนหินซึ่งเข้าใจได้ไม่ยากว่าหมายถึงอะไร
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันถือเองก็ได้”
ปรานต์คว้าก่อนหินมาใส่ที่กระเป๋ากางเกง โดยที่ไม่รอเลยกลายเป็นถูกมองมาเหมือนเด็กหาเรื่อง เขาเลยต้องให้เหตุผลกลับไปว่า
“ถ้าหินก้อนนี้มันไม่หนัก ผมคงยอมให้คุณถือไปแล้วล่ะ เร็วๆ เข้า ผมชักสนุกกับเกมนี้แล้วสิ”
“แต่มันคงไม่ใช่เหตุผลที่คุณพกปืนอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมคะ” จอมขวัญอยากตะปบปิดปากตัวเอง แต่มันไม่ทันแล้วเมื่อความสงสัยกลายเป็นคำถามที่ปากของเธอเพิ่งเอ่ยออกไป
นอกจากไม่รู้สึกว่าผิดปกติอะไรในการพกปืนแล้ว ปรานต์ยังเปิดชายเสื้อให้หญิงสาวได้เห็นปืนอีกรอบ ก่อนจะเดินแล้วคุยไปด้วย
“ไม่เกี่ยวหรอก ผมจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีมันอยู่ใกล้ๆ เท่านั้นเอง คุณกลัวงั้นหรือ”
“ตราบใดปืนไม่ได้หันมาทางฉันก็ไม่น่ากลัวอะไรหรอกค่ะ”
เรียวปากหนาของชายหนุ่มขยับโค้งเกือบยิ้ม นานมาแล้วเขาก็เคยคิดแบบนั้น แล้วเพียงไม่นานต่อมาความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อปืนไม่ได้ช่วยให้รอดชีวิตได้ทุกครั้ง หากว่าคนที่ฆ่าไม่ได้ใช้ปืน แต่ใช้อย่างอื่นที่ปืนสู้ไม่ได้ พี่ชายของเขาได้พิสูจน์ด้วยความตาย เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ด้วย แต่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายจากข่าว ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเพื่อมางานศพของพี่ชายตัวเอง
จารวีมาถึงเกาะก็พอดีคณะเยี่ยมชมคู่สุดท้ายออกเดินทางไปหารหัสอาร์ซี หญิงสาวเลยนั่งรออยู่แถวๆ สวนหย่อมใกล้กับทางกลับของเส้นทางอาร์ซีตามหน้าที่แฟนหลอกๆ เผื่อปรานต์โผล่มาไม่เจอ เธอนี่แหละคงซวยแน่ๆ หลักฐานไอแพดยังคามือในฐานะของรางวัลจากน้ำใจที่ยอมช่วยเพื่อน แต่นั่งเงียบๆ ได้ไม่นาน ‘มาร’ ผจญพร้อมชุดพร้อมเดินห้างมากกว่ามาเข้าฟาร์มก็มาถึง จารวียิ้มเฝื่อนๆ ให้นิรชาซึ่งอีกฝ่ายเชิดเมินจนน่ากลัวแทนว่าคออาจเคล็ดได้
ความสวยงามของนิรชาการันตีด้วยการเข้ารอบสิบคนสุดท้ายของเวทีนางงามระดับประเทศ แต่หลังจากไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงอย่างที่หวังไว้ นิรชาก็กลับมาช่วยกิจการรีสอร์ตของพ่อและแต่งงาน ซึ่งเธอได้ข่าวมาว่านิรชาแต่งงานเพราะจะช่วยพ่อล้างหนี้ที่ติดพนัน พอสามีตายไม่กี่เดือนนิรชาก็หาทางเป็นคุณนายแห่งฟาร์มมินธรา ช่างเป็นปณิธานที่น่ากลัวแทนปรานต์จริงๆ
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ปรานต์โทรให้มาหาหรือว่ามาเองแบบไม่ต้องมีใครเชิญ”
จารวีถอนใจเบาๆ ถ้านิรชาทักทายเสียงหวานคงเกิดมรสุมจนออกเรือกันไม่ได้แน่ๆ “สงสัยจะเป็นอย่างแรกนะ แล้วเธอล่ะเป็นแบบไหนถ้าจะมาหาปรานต์ก็นั่งรอแถวๆ นี้แหละ อีกสักชั่วโมงหรืออาจมากกว่านั้นคงได้เจอ”
“รับไปสิ ถ้าวันหนึ่งฉันได้แต่งงานกับปรานต์ เธอสมควรได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว”
ที่คาดผมประดับมุกเนี่ยนะ!
จารวีมองเพื่อนแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าพลางส่งของคืนกลับไป บางครั้งปณิธานอันแรงกล้าของนิรชาก็ทำให้เธอชักสยอง คงต้องโทษปรานต์นั่นแหละที่ไปยอมเล่นละครโรงเรียนเป็นชายกลางให้ยัยนิรชาเป็นพจนาจนฝังใจอยากได้เป็นเจ้าบ่าวในชีวิตทั้งที่ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว
“งานแต่งต้องมีเจ้าบ่าวนะ ไม่ใช่แค่ใส่ชื่อก็เสร็จพิธี”
“จะปล่อยผ่านๆ หู แล้วเธอน่ะยิ้มให้ฉันเหมือนเรื่องจริงไม่ได้หรือไงยะยัยรวี”
“ถ้าไม่อยากเสียใจอย่าคิดมากเกินไป ปรานต์ไม่เหมาะกับเราสองคนหรอก” จารวีพูดตรงๆ แต่กลับถูกนิรชาค้อนใส่ ผู้ชายโหดๆ คำพูดอย่างกับมีดปังตอแบบนั้นเป็นเพื่อนกันนั่นแหละดีที่สุดแล้ว
หลังจากค้อนใส่เพื่อนแล้ว นิรชาก็ยังคงไม่วางใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาปรานต์ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนถึงทำให้เธอยังมีความหวังได้ แต่ถ้าเขามีใครขึ้นมาเธอคงอยู่เฉยไม่ได้หรอก เธอถือคติ ถ้าไม่ได้มา คนอื่นก็อย่าได้ไป
“แล้วใครล่ะที่เหมาะ”
“ไม่รู้สิ คุณลุงคฑาคงรู้ก่อนเราสองคนแล้วละมั้ง” จารวียิ้มบางแล้วปิดปากเงียบ
นิรชาพยายามเซ้าซี้ถามเพื่อนเท่าไหร่ก็เหมือนคุยกับก้อนหิน ถ้าไม่มีอะไรป่านนี้จารวีมีหรือจะเงียบ แค่ไม่กี่สัปดาห์เธอจะมีคู่แข่งแล้วหรือนี่ ถามคนงานนี้คงไม่มีใครยอมบอก แล้วจะทำยังไงดี
ศกกลับมายืนที่เดิมรอจนกระทั่งทุกคู่ผูกข้อมือติดกันเรียบร้อยแล้วย่อมถึงเวลาเริ่มเกมที่ช้าไปกว่ากำหนดเกือบสิบนาที ซึ่งยังไม่เป็นอะไรนักเพราะท้องฟ้าครึ้มอากาศเย็นสบาย พอสายก็คงไม่ร้อนเท่าไหร่นัก
“เชิญทุกคู่มาเข้าแถวตามลำดับหมายเลขนะครับ ผมจะปล่อยให้เดินทีละคู่ โดยจะปล่อยให้เดินทุกๆ 5 นาที ใครทำเวลาน้อยและได้คะแนนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ”
“มีรางวัลไหมคะคุณศก” มินตราถาม
“มีแน่นอนครับ นายหัวเตรียมมาไว้แล้ว เผื่อว่าทุกคนจะอยากรู้ผมแง้มให้ดูก่อนก็ได้”
รางวัลของผู้ชนะคือสร้อยไข่มุกที่ราคาไม่น้อยเลย ส่วนรองชนะเลิศเป็นหมอนข้างซึ่งจะส่งตามไปเพราะน่าจะขนกลับเองลำบาก
“งานนี้สู้กันสุดฤทธิ์แน่นอน ผมอยากได้ของขวัญน่ารักๆ ไปฝากแฟนอยู่พอดี” หัวหน้าฝ่ายอาร์ตกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด
“ถ้างั้นเริ่มกันเลยนะครับ”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ศกยิ้มร่าก่อนจะเป่านกหวีดเริ่มเกมให้คู่แรกเดินทางไปก่อน ส่วนคู่อื่นๆ ก็พากันดูแผนที่อย่างตั้งใจ ในขณะที่จอมขวัญนั่งขีดทรายเล่นเป็นรูปต่างๆ ลืมไปชั่วขณะว่าปรานต์นั่งอยู่ใกล้ๆ พอหันมาอีกทีเขาก็รั้งข้อมือให้ลุกขึ้นเพราะถึงคิวของทั้งสองคนแล้ว
ทางเดินเข้าป่าซึ่งเป็นภูเขามีต้นไม้เขียวครึ้มทำให้ไม่ร้อนและค่อนข้างเย็นสบาย ปรานต์ยอมเป็นผู้ตามเพราะอยากรู้ว่าน้องเชยของเขาทำอะไรได้บ้าง ป่าแถบนี้เขาคุ้นเคยอยู่แล้วหลับตาเดินยังได้ แต่การรู้จักใครสักคนให้มากขึ้นเพื่อเตรียมวิธีสำหรับรับมือต่างหากน่าสนใจกว่า
“หน้าของฉันมีอะไรติดหรือเปล่าคะคุณปรานต์”
ปรานต์หลุดจากความคิดตัวเองพร้อมๆ กับจอมขวัญจ้องมองกลับมาเมื่อรู้ตัวว่าเขากำลังสังเกตเธออย่างตั้งใจ ชายหนุ่มคว้าแผนที่มาดูแล้วเดินดุ่มๆ ไป หญิงสาวรีบวิ่งตามแล้วคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ เมื่อเข้าใจว่าเขากำลังจะพาไปนอกเส้นทาง แล้วที่สำคัญเขาลืมไปหรือเปล่าว่าข้อมือของเราสองคนถูกผูกติดกันอยู่
“ตามแผนที่ต้องไปทางนั้นนะคุณปรานต์”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมเป็นคนพื้นที่ ตรงไหน มุมไหนผมรู้หมดนั่นแหละ ถ้าไปทางนั้นจะอ้อมเกินไป กว่าจะถึงจุดวางอาร์ซีคงช้ากันพอดี”
“แต่ฉันไม่ชอบโกงใครนี่นา” หญิงสาวทักท้วงลืมตัวขมวดคิ้วใส่ปรานต์
มาเฟียที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังขี้โกงส่ายหน้าเริ่มคิดว่าถ้าอยู่กับจอมขวัญได้เกินหนึ่งวัน เขาคงกลายเป็นคนใจเย็นแถมโลกสวยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแน่ๆ
“วิธีนี้ไม่ได้เรียกว่าโกง แผนที่ไม่ได้สั่งให้คุณเดินไปแค่ทางนั้นสักหน่อย เห็นไหมลูกศรชี้ให้ไปได้ทั้งสองทาง เพียงแค่เพื่อนๆ ของคุณเลือกไปทางนั้นเพราะคิดว่าทางนี้มันดูรกๆ ต่างหาก แต่จริงๆ แล้วมันรกแค่ตรงนี้แหละ ผ่านไปได้ก็จะเดินสบายแล้ว”
จอมขวัญพยักหน้าเมื่อเข้าใจแล้ว ก่อนจะยกมือไหว้เป็นการขอโทษที่ไปกล่าวหาเขา ปรานต์เลิกคิ้วใส่อดคิดไม่ได้ว่าถ้าตอนนี้จารวีอยู่ใกล้ๆ คงเบ้ปากใส่เขาโทษฐานไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งไม่น่าแปลก เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษแต่เป็นมาเฟียแทนพ่อต่างหาก
ทางเดินนอกจากรกไปด้วยเถาวัลย์แล้วยังขรุขระต่างระดับจากหินที่เรียงซ้อนกันขึ้นๆ ลงๆ ทำให้ปรานต์หันไปมองจอมขวัญที่กำลังย่อตัวลงเหยียบหินที่ทอดตัวลงมาอย่างไม่ถนัดนัก ดูเหมือนว่าแค่คืนเดียวเธอก็ทำให้ตัวเองเจ็บเพิ่มที่ข้อเท้าทำให้เดินแปลกๆ มาตั้งแต่เช้า มือของเขายื่นออกมาหวังให้เธอจับไว้เป็นที่ยึดกันล้ม แต่สายตาของจอมขวัญกลับมองมาอย่างระแวงอย่างไรชอบกล ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ ฉันเดินเองได้ตรงนี้ไม่ชันเท่าไหร่”
“ตามใจ ผมสบายใจนะที่คุณเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง”ปรานต์แกล้งว่ารู้สึกหมั่นไส้ระคนสงสัยว่าตัวตนของจอมขวัญเป็นอย่างไรกันแน่
จอมขวัญฟังแล้วแปร่งๆ เลยถามกลับ “ทำไมล่ะคะ”
“ก็ดีกว่าผู้หญิงอ่อนแอชอบร้องไห้น่ะสิ ผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้ผมได้นานแสดงว่าไม่ขวัญอ่อน” เขาบอกพลางมองไปที่กิ่งของต้นกัลปพฤกษ์ “นั่นใช่ไหมสีธงของทีมเรา”
“ใช่ค่ะ สีฟ้าอ่อน” จอมขวัญรีบเดินตามปรานต์ไป “ในนี้บอกว่าให้หาก้อนหินสีชมพูค่ะ”
“นั่นใช่ไหม” ปรานต์เป็นคนพบก่อนอีกแล้ว
จอมขวัญรีบไปดูกองก้อนหินที่ชายหนุ่มชี้มาแล้วก็พบของที่ต้องการหาจริงๆ หญิงสาวขมวดคิ้วมองปรานต์อย่างสงสัยว่าเขารู้ก่อนหรือเปล่าว่าอะไรอยู่ตรงไหน
“คุณรู้ได้ยังไงคะ”
“กลิ่นสีมันเตะจมูกของผมน่ะสิ” เขาตอบพร้อมๆ กับจอมขวัญก้มลงดมก้อนหินแล้วหันหน้าหนี อะไรจะซื่อปานนั้นกลิ่นสีเคยหอมเสียที่ไหน “ไปกันต่อ ต้องตรงไปทางนี้ละมั้ง”
จอมขวัญพยักหน้าพลางถือก้อนหินตามมา แต่เพียงไม่กี่ก้าวมือหนาๆ ของปรานต์ก็ยื่นมาตรงหน้าพร้อมๆ กับสายตาของเขาที่มองมายังก้อนหินซึ่งเข้าใจได้ไม่ยากว่าหมายถึงอะไร
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันถือเองก็ได้”
ปรานต์คว้าก่อนหินมาใส่ที่กระเป๋ากางเกง โดยที่ไม่รอเลยกลายเป็นถูกมองมาเหมือนเด็กหาเรื่อง เขาเลยต้องให้เหตุผลกลับไปว่า
“ถ้าหินก้อนนี้มันไม่หนัก ผมคงยอมให้คุณถือไปแล้วล่ะ เร็วๆ เข้า ผมชักสนุกกับเกมนี้แล้วสิ”
“แต่มันคงไม่ใช่เหตุผลที่คุณพกปืนอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมคะ” จอมขวัญอยากตะปบปิดปากตัวเอง แต่มันไม่ทันแล้วเมื่อความสงสัยกลายเป็นคำถามที่ปากของเธอเพิ่งเอ่ยออกไป
นอกจากไม่รู้สึกว่าผิดปกติอะไรในการพกปืนแล้ว ปรานต์ยังเปิดชายเสื้อให้หญิงสาวได้เห็นปืนอีกรอบ ก่อนจะเดินแล้วคุยไปด้วย
“ไม่เกี่ยวหรอก ผมจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีมันอยู่ใกล้ๆ เท่านั้นเอง คุณกลัวงั้นหรือ”
“ตราบใดปืนไม่ได้หันมาทางฉันก็ไม่น่ากลัวอะไรหรอกค่ะ”
เรียวปากหนาของชายหนุ่มขยับโค้งเกือบยิ้ม นานมาแล้วเขาก็เคยคิดแบบนั้น แล้วเพียงไม่นานต่อมาความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อปืนไม่ได้ช่วยให้รอดชีวิตได้ทุกครั้ง หากว่าคนที่ฆ่าไม่ได้ใช้ปืน แต่ใช้อย่างอื่นที่ปืนสู้ไม่ได้ พี่ชายของเขาได้พิสูจน์ด้วยความตาย เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ด้วย แต่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายจากข่าว ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเพื่อมางานศพของพี่ชายตัวเอง
จารวีมาถึงเกาะก็พอดีคณะเยี่ยมชมคู่สุดท้ายออกเดินทางไปหารหัสอาร์ซี หญิงสาวเลยนั่งรออยู่แถวๆ สวนหย่อมใกล้กับทางกลับของเส้นทางอาร์ซีตามหน้าที่แฟนหลอกๆ เผื่อปรานต์โผล่มาไม่เจอ เธอนี่แหละคงซวยแน่ๆ หลักฐานไอแพดยังคามือในฐานะของรางวัลจากน้ำใจที่ยอมช่วยเพื่อน แต่นั่งเงียบๆ ได้ไม่นาน ‘มาร’ ผจญพร้อมชุดพร้อมเดินห้างมากกว่ามาเข้าฟาร์มก็มาถึง จารวียิ้มเฝื่อนๆ ให้นิรชาซึ่งอีกฝ่ายเชิดเมินจนน่ากลัวแทนว่าคออาจเคล็ดได้
ความสวยงามของนิรชาการันตีด้วยการเข้ารอบสิบคนสุดท้ายของเวทีนางงามระดับประเทศ แต่หลังจากไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงอย่างที่หวังไว้ นิรชาก็กลับมาช่วยกิจการรีสอร์ตของพ่อและแต่งงาน ซึ่งเธอได้ข่าวมาว่านิรชาแต่งงานเพราะจะช่วยพ่อล้างหนี้ที่ติดพนัน พอสามีตายไม่กี่เดือนนิรชาก็หาทางเป็นคุณนายแห่งฟาร์มมินธรา ช่างเป็นปณิธานที่น่ากลัวแทนปรานต์จริงๆ
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ปรานต์โทรให้มาหาหรือว่ามาเองแบบไม่ต้องมีใครเชิญ”
จารวีถอนใจเบาๆ ถ้านิรชาทักทายเสียงหวานคงเกิดมรสุมจนออกเรือกันไม่ได้แน่ๆ “สงสัยจะเป็นอย่างแรกนะ แล้วเธอล่ะเป็นแบบไหนถ้าจะมาหาปรานต์ก็นั่งรอแถวๆ นี้แหละ อีกสักชั่วโมงหรืออาจมากกว่านั้นคงได้เจอ”
“รับไปสิ ถ้าวันหนึ่งฉันได้แต่งงานกับปรานต์ เธอสมควรได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว”
ที่คาดผมประดับมุกเนี่ยนะ!
จารวีมองเพื่อนแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าพลางส่งของคืนกลับไป บางครั้งปณิธานอันแรงกล้าของนิรชาก็ทำให้เธอชักสยอง คงต้องโทษปรานต์นั่นแหละที่ไปยอมเล่นละครโรงเรียนเป็นชายกลางให้ยัยนิรชาเป็นพจนาจนฝังใจอยากได้เป็นเจ้าบ่าวในชีวิตทั้งที่ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว
“งานแต่งต้องมีเจ้าบ่าวนะ ไม่ใช่แค่ใส่ชื่อก็เสร็จพิธี”
“จะปล่อยผ่านๆ หู แล้วเธอน่ะยิ้มให้ฉันเหมือนเรื่องจริงไม่ได้หรือไงยะยัยรวี”
“ถ้าไม่อยากเสียใจอย่าคิดมากเกินไป ปรานต์ไม่เหมาะกับเราสองคนหรอก” จารวีพูดตรงๆ แต่กลับถูกนิรชาค้อนใส่ ผู้ชายโหดๆ คำพูดอย่างกับมีดปังตอแบบนั้นเป็นเพื่อนกันนั่นแหละดีที่สุดแล้ว
หลังจากค้อนใส่เพื่อนแล้ว นิรชาก็ยังคงไม่วางใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาปรานต์ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนถึงทำให้เธอยังมีความหวังได้ แต่ถ้าเขามีใครขึ้นมาเธอคงอยู่เฉยไม่ได้หรอก เธอถือคติ ถ้าไม่ได้มา คนอื่นก็อย่าได้ไป
“แล้วใครล่ะที่เหมาะ”
“ไม่รู้สิ คุณลุงคฑาคงรู้ก่อนเราสองคนแล้วละมั้ง” จารวียิ้มบางแล้วปิดปากเงียบ
นิรชาพยายามเซ้าซี้ถามเพื่อนเท่าไหร่ก็เหมือนคุยกับก้อนหิน ถ้าไม่มีอะไรป่านนี้จารวีมีหรือจะเงียบ แค่ไม่กี่สัปดาห์เธอจะมีคู่แข่งแล้วหรือนี่ ถามคนงานนี้คงไม่มีใครยอมบอก แล้วจะทำยังไงดี
ใครฆ่าพี่ชายของปรานต์นะ
ปล. ขอแจ้งนิดนึงนะคะว่าต้นฉบับที่ลงให้อ่านเป็นต้นฉบับที่โบว์ตรวจรอบที่ 1 ไม่ใช่รอบล่าสุด ถ้ามีคำผิด คำตก นั่นเพราะมันคือการตรวจรอบที่ 1 ค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่าน
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 123
แสดงความคิดเห็น