ตอนที่ 758 เจ้านายใหม่ของศิลาหางฟินิกซ์
ตอนที่ 758 เจ้านายใหม่ของศิลาหางฟินิกซ์
เมื่อไม่สามารถติดต่อไปหาเยว่เกอหรือเฉินตงได้ เซี่ยเฟยก็กลับไปยังดินแดนลับด้วยความผิดหวัง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพิชิตเบญจมาศดาวกระจายและเตรียมความพร้อมที่จะเดินทางไปยังสนามรบโบราณ
“นายยังเหลือเวลาเตรียมความพร้อมอีก 20 วัน หลังจากนั้นพวกเราค่อยมาตัดสินกันว่าร่างกายของนายพร้อมสำหรับการพิชิตเบญจมาศดาวกระจายแล้วหรือยัง” โอโร่กล่าว
“20 วัน? เวลานับถอยหลังบนเข็มทิศมิติคือ 49 วันไม่ใช่เหรอ เวลาเพิ่งจะผ่านไปวันเดียวผมควรจะต้องมีเวลาในการเตรียมตัว 48 วันสิ” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างสับสน
“การเข้าไปยังสนามรบโบราณมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวก่อนเข้าไปทั้งหมด 4 สัปดาห์ สรุปสั้น ๆ ก็คือนายจะต้องไปรอที่ขอบสนามรบทั้งหมด 28 วัน” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่เคยเดินทางไปยังสนามรบโบราณมาก่อน เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องทำตามคำแนะนำของโอโร่
เซี่ยเฟยเดินไปบนท้องถนนของเมืองอย่างเงียบ ๆ และเนื่องมาจากในครั้งนี้เขาไม่ได้แจ้งใครให้ทราบล่วงหน้า พวกมอร์โรว์จึงไม่ได้ออกมาต้อนรับเขาเหมือนเคย
แต่ในขณะที่เขาหักเลี้ยวบริเวณหัวมุม จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาอย่างฉับพลันพร้อมกับอาคารที่พักของเขาที่กำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“แอวริล!!” เซี่ยเฟยตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งเข้าไปและพบว่าแอวริลกำลังยืนตัวเกร็งอยู่ในห้องฝึก
“ขอโทษ! ขอโทษจริง ๆ! ฉันบังเอิญ…”
เมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยปรากฏตัวขึ้นมาหญิงสาวก็รีบพุ่งตัวเข้าหาโอบรัดร่างของคนรักเอาไว้อย่างฉับพลัน
หุ่นยนต์หลายตัวเข้ามาภายในห้องพร้อมกับทักทายเล็กน้อย จากนั้นพวกมันก็เริ่มทำความสะอาดห้องฝึกอย่างเงียบ ๆ
ปัจจุบันห้องฝึกที่มีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตรถูกทำลายจนแทบจะจำภาพเดิมของพวกมันไม่ได้ คล้ายกับว่าพวกมันได้รับความเสียหายจากการระเบิดอย่างรุนแรง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยความห่วงใย ขณะลูบหัวของหญิงสาวเบา ๆ
“ตั้งแต่ฉันได้พลังมามันก็เกิดการระเบิดขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างที่ฉันไม่สามารถที่จะควบคุมพลังนั้นได้เลย” แอวริลกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“ฉันเคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าให้เธอหัดควบคุมพลังเอาไว้ตั้งแต่แรก พลังของแอวริลคืออีเธอเรียลวอยซ์ ซึ่งเป็นพลังพิเศษที่แข็งแกร่งทั้งหมดในบรรดาพลังเกี่ยวกับเสียงทั้งหมด เมื่อพลังของเธอเพิ่มขึ้นเธอก็ไม่สามารถที่จะควบคุมพลังของตัวเองได้อีกต่อไป แล้วมันก็ทำให้มีการระเบิดขึ้นมาแบบนี้ไง” โอโร่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด เขารู้ดีว่าพลังของแอวริลคือพลังเสียงที่น่ากลัวมากที่สุด แต่เขาก็ไม่คิดว่าระดับพลังของเธอจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมากขนาดนี้ และเนื่องมาจากว่าเธอไม่เคยฝึกควบคุมพลังของตัวเองมาก่อน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้
“เซี่ยเฟยคุณลองไปดูห้องฝึกอีกสองห้องด้วยก็ได้นะ ความจริงห้องพวกนั้นพังยับเยินมากกว่าห้องนี้มาก” มอร์โรว์กล่าวขณะที่เขาเดินเข้ามาในระยะไกล
ข้าง ๆ มอร์โรว์มีเพียงวอร์สตาร์และกระป๋องที่เดินทางมาด้วยเท่านั้น ส่วนโซฟีกับอันธน่าจะยังยุ่งอยู่กับการศึกษาเรื่องวิญญาณอมตะ พวกเขาจึงไม่ได้ออกมาต้อนรับชายหนุ่ม
ภาพที่ปรากฏทำให้เซี่ยเฟยอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นกระป๋อง, มอร์โรว์หรือแม้กระทั่งวอร์สตาร์ต่างก็ได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน มันจึงทำให้กระป๋องดูค่อนข้างที่จะเศร้าหมองไปมากพอสมควร
แม้ว่าร่างกายของกระป๋องจะได้รับการซ่อมแซมแล้ว แต่มันก็ยังมีสายไฟหลายเส้นโผล่ออกมาจากร่างของมัน ส่วนสภาพของมอร์โรว์ดูแย่ยิ่งกว่า เพราะปลอกแขนซ้ายของเขาได้หายไปจากร่างคล้ายกับว่ามันถูกตัดออกด้วยใบมีดที่แหลมคม
“ฉันขอโทษ ช่วงนี้ฉันทำให้ทุกคนลำบากมากจริง ๆ” แอวริลกระซิบขึ้นมาเบา ๆ
“ทั้งหมดนี่คือฝีมือเธอเหรอ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความตกใจขณะชี้นิ้วไปทางพวกมอร์โรว์
หญิงสาวพยักหน้ารับพร้อมกับจับแขนเซี่ยเฟยด้วยมือทั้งสองข้าง
“คราวหน้าฉันจะระวังให้มากกว่านี้…”
—
พลังที่หลุดจากการควบคุมของแอวริลถือว่าน่ากลัวมาก เพราะนอกเหนือจากพวกวอร์สตาร์ที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว หุ่นยนต์ที่มีหน้าที่ดูแลห้องฝึกต่างก็ล้วนแล้วแต่มีสภาพที่ย่ำแย่กว่าพวกวอร์สตาร์อย่างเห็นได้ชัด
พลังของแอวริลที่พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจมาก แต่โชคดีที่รอบ ๆ ตัวเธอมีเพียงแต่หุ่นยนต์ที่สามารถเปลี่ยนร่างกายของพวกเขาได้ตลอดเวลา มันจึงยังไม่มีความเสียหายอะไรที่ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้
ในที่สุดทุกคนก็มานั่งรวมตัวกันบนโต๊ะอาหารเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเนื่องจากแอวริลมีความสุขที่เซี่ยเฟยกลับมาเธอจึงส่งเสียงฮัมเพลงออกมาอย่างมีความสุข
ปัง!
ทันใดนั้นเองแขนของหุ่นยนต์ที่ยกอาหารเข้ามาก็ถูกตัดแยกออกจากร่าง ก่อนที่แขนข้างนั้นจะลงไปดิ้นชักกระตุกบนพื้นอย่างต่อเนื่อง
“ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษจริง ๆ!” แอวริลขอโทษและรีบวิ่งเข้าไปช่วยหุ่นยนต์ตัวนั้นอย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่ความหวังดีของเธอกลับทำให้แขนอีกข้างของหุ่นยนต์ตัวนั้นถูกตัดออกไปจากร่างด้วยเช่นกัน…
ทุกคนต่างก็มองไปยังหญิงสาวด้วยแววตาอันว่างเปล่า ขณะที่แอวริลรู้สึกละอายใจมากเกินไปเธอจึงรีบวิ่งกลับไปยังห้องของเธอในทันที ซึ่งในระหว่างนั้นหุ่นยนต์อีกตัวก็ถูกแรงระเบิดอัดทำลายจนร่างของมันแน่นิ่งไป คล้ายกับว่าระบบวงจรบนร่างกายของมันได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
เมื่อเซี่ยเฟยเห็นภาพทุกอย่างกับตา มันก็ถึงกับทำให้เขาพูดไม่ออก และพลังที่มองไม่เห็นนี้มันก็ดูเหมือนจะรุนแรงกว่าที่เขาจินตนาการไว้
“คุณเห็นแล้วใช่ไหมว่าตอนนี้แอวริลกลายเป็นเทพแห่งการทำลายล้างไปแล้ว โชคดีที่เธออยู่ในเมืองหุ่นยนต์ไม่อย่างนั้น…” มอร์โรว์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกละอายใจอยู่เล็กน้อย เพราะมันดูเหมือนกับว่าคนรักของเขาจะสร้างปัญหาให้กับพวกหุ่นยนต์เสียแล้ว
โดยปกติแอวริลมีนิสัยร่าเริงและมักจะออกไปร้องเพลงเล่นกับหุ่นยนต์ชนิดต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ หุ่นยนต์หลาย ๆ ตัวจึงหลงใหลในพลังเสียงของเธอ แต่น่าเสียดายที่ช่วงเวลาดี ๆ แบบนั้นกลับอยู่ได้เพียงไม่นาน เพราะเมื่อแอวริลไม่สามารถควบคุมพลังทำลายที่มาพร้อมกับเสียงของเธอได้ งานคอนเสิร์ตที่เคยเต็มไปด้วยความสุขมันก็ถูกเปลี่ยนเป็นหายนะของทุกคน
“ฉันขอบอกเลยนะว่านี่มันเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ถ้าหากแอวริลยังไม่ฝึกควบคุมพลังของตัวเอง สักวันหนึ่งเมืองทั้งเมืองก็คงจะถูกพลังเสียงของเธอทำลาย” โอโร่กล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาจนน้ำตาไหล
—
เมื่อได้เห็นปัญหาเซี่ยเฟยก็แอบตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเริ่มสอนให้แอวริลรู้จักวิธีควบคุมพลังของเธอ
บนโต๊ะอาหารเซี่ยเฟยเริ่มสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทควอนตัมและงานวิจัยของโซฟี ซึ่งเขาก็ได้รับคำตอบมาว่างานวิจัยเรื่องวิญญาณอมตะมีความคืบหน้าไปช้ามาก คล้ายกับว่าการวิจัยใกล้ที่จะเดินทางมาจนถึงทางตันแล้ว
ในทางกลับกันสถานการณ์ของทั้งฝั่งบริษัทควอนตัมก็ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเซธได้ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดของชาร์ลี มันก็ทำให้ไม่มีใครสามารถปองร้ายชาร์ลีได้อีกต่อไป ท้ายที่สุดทาสของเซี่ยเฟยคนนี้ก็เป็นถึงราชากฎผู้แข็งแกร่ง และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้โดดเด่นภายในดินแดนกฎมากนัก แต่ตัวตนของเขาก็ไม่ต่างไปจากเทพเซียนเมื่อเขาได้ไปอยู่ในพันธมิตรมนุษย์
หลังจากสอบถามเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องของแอวริลด้วยความเป็นห่วง
ปัจจุบันหญิงสาวกำลังนั่งอยู่บนเตียงด้วยดวงตาอันแดงก่ำ โดยที่เธอพยายามจะไม่ร้องไห้ออกมา เพราะเธอกลัวว่าเสียงร้องไห้ของเธอคงจะทำให้ห้องนอนแห่งนี้ถูกทำลายลงไปด้วย
เมื่อเห็นเซี่ยเฟยเดินเข้ามาหญิงสาวก็เช็ดน้ำตาอย่างเร่งรีบ ก่อนที่เธอจะเผยรอยยิ้มออกไปให้กับชายหนุ่ม
“นายจะรู้จักแอวริลดีเกินไปแล้ว แค่เธอทำลายหุ่นยนต์ไป 2-3 ตัวไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะต้องมานั่งเศร้าแบบนี้ เธอไม่มีทางเป็นนักสู้ได้จริง ๆ ฉันว่านายรีบสอนวิธีควบคุมพลังให้กับเธอดีกว่า เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งทนทุกข์ทรมานแบบนี้อีก” โอโร่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เซี่ยเฟยเดินลงไปนั่งข้าง ๆ หญิงสาวพร้อมกับยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาของเธออย่างแผ่วเบา
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใครจริง ๆ…” แอวริลบ่นพึมพำขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
“ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากทำร้ายใครหรอก ถ้าจะมีใครผิดคนคนนั้นก็คงจะเป็นฉันเองที่ไม่สอนให้เธอควบคุมพลังของตัวเองให้ดี หลังจากนี้ฉันจะสอนให้เธอควบคุมพลังของเธอเอง เธอจะได้ไม่ต้องไปทำร้ายใครแบบนี้อีก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จริงเหรอ?”
“จริงสิ”
แอวริลอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงรู้สึกผิดที่พลาดไปทำร้ายหุ่นยนต์ตัวอื่นอยู่ดี
เซี่ยเฟยพยายามเล่าเรื่องตลกให้หญิงสาวฟัง แต่น่าเสียดายที่มันไม่ค่อยได้ผลมากนัก เพราะแอวริลยังคงไม่สามารถลืมความผิดที่เธอก่อเอาไว้ได้
“ตามฉันมาสิ” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่เขาจะพาหญิงสาวไปยังห้องฝึกขนาดใหญ่
ห้องฝึกแห่งนี้มีพื้นที่มากกว่า 5,000 ตารางเมตร และเซี่ยเฟยก็ทำการเทสิ่งของมากมายออกมาจากแหวนมิติของเขา
สิ่งของจากดินแดนกฎต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่แอวริลไม่เคยเห็นมาก่อน เธอจึงมองไปยังสิ่งของต่าง ๆ ด้วยความสนใจ
“ฉันได้ของพวกนี้มาจากดินแดนกฎ ถ้าหากว่าเธอชอบอันไหนก็เก็บเอาไว้ได้เลย ยกตัวอย่างเช่น อันนี้คือเครื่องจับเท็จที่สามารถตรวจสอบคนพูดโกหกได้ในระดับจิตวิญญาณ ส่วนอันนี้คือเครื่องบังคับสภาพอากาศซึ่งถ้าหากว่าเธอกดปุ่มนี้มันก็จะเกิดฝนตก”
หลังจากอธิบายจบเซี่ยเฟยก็กดปุ่ม ๆ หนึ่งที่อยู่บนเครื่อง ซึ่งทันใดนั้นฝนก็ตกลงมาจากท้องฟ้าในทันที หุ่นยนต์หลาย ๆ ตัวจึงต่างก็เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าด้วยความสับสน
เซี่ยเฟยค่อย ๆ อธิบายวิธีการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างใจเย็น ซึ่งมันก็สามารถดึงดูดความสนใจของหญิงสาวได้มากพอสมควร
“ฉันว่าฉันจะพาเธอไปอยู่ที่ดินแดนกฎกับฉันด้วยสักพักหนึ่ง ตอนนี้ฉันอยู่ในที่ที่เรียกว่าสวนสายลม แต่ว่ามันไม่ค่อยมีใครอยู่บ้านฉันเลยอยากจะพาเธอกลับไปอยู่กับฉันด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ตอนนี้นายไม่ถูกตามล่าแล้วเหรอ?” แอวริลถามอย่างสงสัย เพราะเธอกังวลว่าตัวเธออาจจะกลายเป็นตัวถ่วงของคนรัก
“ฉันจัดการเรื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอเธอเดินทางไปถึงที่นั่นเธอก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง” เซี่ยเฟยกล่าวโดยพยายามเลี่ยงไม่อธิบายถึงสงครามครั้งที่ผ่านมา
“อืม ขอแค่ฉันได้อยู่กับนาย ฉันจะอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่ฉันต้องติดต่อไปหาพ่อกับปู่ของฉันก่อน ตอนนี้พวกเขาคงจะห่วงฉันมาก ๆ แล้ว” แอวริลกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ระหว่างเดินทางไปดินแดนกฎเซี่ยเฟยรวบรวมสิ่งของแปลกตามาเก็บไว้อย่างมากมาย ซึ่งของส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่สิ่งที่มีประโยชน์มากนัก และตราบใดก็ตามที่ของพวกนี้ช่วยให้แอวริลมีความสุขได้ เขาก็พร้อมที่จะให้ของทุกอย่างกับเธอได้ทุกเมื่อ
เซี่ยเฟยขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยปล่อยแอวริลเล่นกับสิ่งของต่าง ๆ ในแหวนมิติของเขาไปพลาง ๆ แต่หลังจากที่เขากลับมาใน 10 นาทีให้หลัง เขากลับต้องมองไปยังภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
ภาพที่เขาเห็นคือศิลาเรืองแสงสีเขียวอ่อนกำลังวิ่งวนรอบตัวแอวริลอย่างต่อเนื่อง แล้วมันก็บินวนไปวนมาราวกับว่ามันกำลังเล่นกับหญิงสาวอยู่
อย่างไรก็ตามทันทีที่ศิลาก้อนนั้นเห็นเซี่ยเฟย มันก็รีบหนีไปซ่อนตัวด้านหลังหญิงสาวคล้ายกับว่ามันรู้สึกกลัวชายหนุ่มคนนี้มาก
“หินก้อนนี้น่ารักจัง มันชื่ออะไรงั้นเหรอ?” แอวริลกล่าวถามด้วยใบหน้าอันสดใส เพราะเธอคิดว่าหินก้อนนี้กำลังเล่นซ่อนหากับเธอ
“นั่นมันศิลาหางฟินิกซ์ อย่าบอกนะว่าแอวริลสามารถพิชิตอาวุธมายาชิ้นนั้นได้?!” โอโร่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
***************
เอาแล้วไง หรือแอวริลจะต้องฝึกการต่อสู้จริงๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 223
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น