บทที่ 6...2/2
พันธินหักพวงมาลัยหลบเมื่อจู่ๆ รถคันหนึ่งก็แล่นมาตัดหน้าแล้วเลี้ยวเข้าไปยังถนนเส้นมุ่งหน้าสู่ชลบุรี อรอินทุ์หน้าคะมำแต่ไม่เจ็บเพราะเข็มขัดที่คาดหรือว่าแขนยาวๆ ที่พาดมาทันเธอก็ไม่แน่ใจ
“ขอโทษที ฉันคงขับรถไม่ดีเอง”
พันธินจงใจพูดไปอย่างนั้น อรอินทุ์ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปกว่ามันเป็นเรื่องน่าโมโห แต่เขามั่นใจว่ามันไม่ใช่ความมักง่ายของคนขับรถสมัยนี้ คราวก่อนก็อย่างนี้ คนร้ายแค่มาเตือน วันก่อนสายของเขาเพิ่งโทรมาบอกให้ระวังตัว พวกมันเริ่มเกมตามที่เขาต้องการแล้ว ถ้ามันเอาจริงเมื่อไหร่ไม่มีทางจากไปง่ายๆ แบบนี้หรอก ความปลอดภัยของเขาคงจำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดติดตัวไว้จริงๆ แล้วสินะ
อรอินทุ์กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยในบ่ายวันนั้น พันธินยิ้มให้เธอก่อนจะลงจากรถและทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้เหมือนเดิม เธอเดินผ่านสวนสไตล์ยุโรปมายังประตูเหล็กบานเล็กแล้วกลับมาสู่โลกของตัวเองอีกครั้ง บ้านเงียบ พ่อยังไม่กลับมา แต่ว่ายัยเฉาก๊วยรีบวิ่งมากอดขาร้องเสียงงี๊ดๆ ราวกับอยากถามว่า เธอไปไหนมา คิดถึงจัง ฉันก็คิดถึงเธอล่ะยัยลูกสาว
หญิงสาวหาขนมให้เฉาก๊วยกินไปก่อน อีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาให้อาหาร มันรู้เวลาไม่มาขอกินเพราะการฝึกให้เคยชิน พออรอินทุ์อาบน้ำเสร็จกำลังจะทำอาหารเย็นรอพ่อที่โทรมาบอกว่าใกล้จะถึงบ้านแล้ว เพื่อนรักอย่างธนิดาก็โทรมาเฉ่งเธอโทษฐานตกงานแล้วไม่บอก
“หูชาแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอก ฉันไม่อยากให้เธอกับพิพัฒไม่สบายใจ” อรอินทุ์ยอมรับแต่โดยดี ไม่งั้นถูกบ่นยาวแน่ๆ เธอจะรีบไปทำอาหารรอพ่อ
“แล้วฉันมารู้จากยัยเบญมันน่าปลื้มตรงไหนยะ แล้วตอนนี้หางานใหม่ได้หรือยัง” ธนิดาทั้งโกรธ ทั้งห่วง
“ยังเลย แต่สัมภาษณ์ไปหลายที่แล้ว”
ธนิดาถอนใจ ตอนนี้หายโกรธเพื่อน แต่โกรธคนก่อเรื่องแทนแล้ว
“ฉันมีข่าวร้ายจะบอก ฟังแล้วก็ใจร่มๆ ไว้ แล้วเราค่อยมาวางแผนกัน พรุ่งนี้ฉันว่างตอนเย็นจะได้แวะไปหา”
อรอินทุ์หัวเราะพลางเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรบ้าง “โอเค เล่าได้แล้วว่าไปรู้อะไรมา”
ธนิดาเล่าเรื่องร้อนๆ ให้เพื่อนที่อดทนฟังจนจบโดยที่ไม่ร้องเฮ้อออกมา อรอินทุ์โกรธจนอยากชกคนก่อเรื่อง ก็ถึงว่าสิมันแปลกๆ สมพงศ์กับเบญญาเล่นงานเธอด้วยการส่งเมลไปที่บริษัทโฆษณาต่างๆ ถึงพฤติกรรมอันโหดร้ายของเธอ ทั้งที่หากสมพงศ์ไม่มาลวนลามเธอ แล้วแมวที่ไหนจะไปอยากกัดกับหมากันล่ะ ธนิดาปลอบใจเธอเสียหลายยก ไม่ใช่ว่ากลัวเพื่อนท้อ แต่กลัวใจเธอไปซ้อมสมพงศ์กับเบญญาจนปางตายมากกว่า ก่อนจะวางสายไป
อรอินทุ์ทำกับข้าวรอพ่อเสร็จและเลี้ยงข้าวเฉาก๊วยแล้วก็ออกมานั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ถามว่าเธอหายโมโหหรือยัง ตอบได้เลยว่ายัง แต่ไม่รู้จะโวยวายไปทำไม ถ้าถูกทำร้าย เธอจะตอบโต้ แต่กรณีนี้การตอบโต้ด้วยการใช้กำลังหรือแม้กระทั่งการให้ร้ายกลับจะได้ประโยชน์อะไร การแก้แค้นของเธอต้องงดงามและน่าจดจำมากกว่านั้น แต่ต้องทำยังไง
เสียงเฉาก๊วยเห่าตรงข้างบ้าน พออรอินทุ์มองไปก็เห็นชายยอดรักของมันกำลังเดินมาทางนี้ พักนี้ประตูบานนั้นถูกเปิดบ่อยจนคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้สักพักเธอคงชิน พันธินเดินมาหาทั้งๆ ที่ไม่น่ามีธุระอะไรกับเธอ หรือว่าเขามาหาพ่อ ไม่ดึงตัวพ่อไป แต่เอาตัวเองมาหา เขากำลังใช้วิธีนี้อยู่หรือเปล่านะ
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณธิน”
“อ้าว! ถามอย่างนี้แสดงว่าจะไม่รับผิดชอบใช่ไหม แผลเปียก เธอต้องทำแผลให้ฉันใหม่” เขาบอกพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม
อรอินทุ์มองมือของเขา ลืมไปด้วยซ้ำว่าโบยังอยู่และเขามีมันมาตลอดทั้งวัน แต่บ้านของเขาก็ออกจะรวย ไม่มีใครทำแผลให้เชียวหรือ
“ฉันคิดว่าแผลน่าจะดีขึ้นแล้วนะคะ ถ้าแผลคุณธินยังไม่หาย ฉันต้องทำแผลให้ทุกวันหรือเปล่าเนี่ย”
“ก็ถ้าพรุ่งนี้มันดีขึ้นแล้ว ฉันคงไม่กวนเธอหรอกน่า ถ้าฉันขอให้คนอื่นทำให้ได้ฉันทำไปแล้ว ถ้าไม่ต้องตอบคำถามว่าไปโดนอะไรกัดมา”
คนก่อเรื่องหัวเราะเมื่อมันจริงอย่างที่เขาบอก แล้วถ้าบอกว่าเธอเป็นคนกัดมันคงตามมาด้วยคำถามว่าทำไมถึงกัด ยิ่งถามยิ่งเข้าตัวอันตรายเปล่าๆ
“รอเดี๋ยวนะคะ”
อรอินทุ์วิ่งเข้าไปหากล่องยาในบ้าน เดี๋ยวเดียวก็ออกมา คนมีแผลยื่นมือให้ คนทำแผลจำเป็นค่อยๆ แก้ผ้าก๊อซออก บาดแผลที่เห็นเริ่มแห้งแล้ว แต่ยังเป็นรอยแดงๆ แม้ว่าแผลจะสมานกันดี เธอล้างแผลแล้วใส่ยาแดงให้ แต่ยังไม่วายคิดถึงปัญหาของตัวเอง
‘ยัยเบญบ้าไปปล่อยข่าวแบบนั้น ใครจะรับฉันเข้าทำงานล่ะ หรือว่าจะเปิดบริษัทเป็นของตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไป’
พันธินเงียบฟังความคิดของอรอินทุ์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เราแยกกัน แผลถูกพันเสร็จคราวนี้เธอแปะสก็อตเทปให้อย่างเรียบร้อยเผื่อพรุ่งนี้เขาไปทำงาน
“ขอบใจนะ ว่าแต่เธอมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า มีข่าวดีเรื่องงานหรือยัง”
“ยังค่ะ โอ๊ะ พ่อกลับมาพอดีเลย เดี๋ยวฉันมานะคะ”
อรอินทุ์วิ่งไปเปิดรั้วบ้านที่เป็นแบบสไลด์ รถของอิชย์แล่นเข้ามาในบ้าน พอลงจากรถลูกสาวก็กอดแขนควงกันมาหาแขกหน้าเดิมที่พักนี้มาบ้านหลังนี้บ่อยๆ
“ผมมีเรื่องอยากปรึกษาพอดีเลยครับลุงอิชย์” น้ำเสียงของพันธินดูสบาย แม้เรื่องที่จะปรึกษาน่าปวดหัวใช่น้อย
“งั้นหรือครับ ถ้างั้นไปที่ห้องทำงานดีกว่า วันนี้กินข้าวด้วยกันไหม ผมจะได้บอกยัยอรให้เตรียมคดข้าวเผื่อ”
“ก็ดีเหมือนกันครับ”
อรอินทุ์ชักใจแป้วๆ พอพ่อกับพันธินเข้าห้องทำงานไปก็รีบเข้าครัวไปชิมอาหารทุกอย่างให้แน่ใจ ก่อนจะเพิ่มเมนูเข้าไปอีกอย่าง ถ้าบอกว่าไม่อร่อยจะไล่กลับให้ไปกินอาหารเชฟเหมือนเดิม ว่าแต่เขาเบื่ออาหารเชฟหรือไงถึงได้มากินอาหารบ้านๆ เสี่ยงคายทิ้งเป็นครั้งที่สอง
พันธินเล่าเรื่องที่เขาถูกขับรถปาดหน้า แต่นั่นไม่ใช่เหตุการณ์แรก ก่อนหน้านี้มีของส่งมาถึงห้องทำงานของเขา แต่พอเปิดดูก็พบเป็นลูกปืนซึ่งเขาให้ดรัณไปช่วยตรวจสอบแล้ว ที่เขาไม่เคยเล่าเพราะอยากรู้ว่าคนร้ายจะทำอย่างไรต่อ พอวันนี้เขาจึงมั่นใจว่าพวกมันเริ่มแล้ว
อิชย์ฟังแล้วถอนใจเครียดเพราะเป็นห่วงพันธินทันที ถ้าจิณณ์กับภาวิตรู้ว่าพันธินทำอะไรมาตลอดหกเดือนคงไม่อยู่เฉยแน่ หลังจากวางแผนรัดกุม อีกทั้งแผนบางส่วนได้ดำเนินไปก่อนและมั่นใจในสภาพร่างกายพันธินพร้อมแล้วถึงได้เดินทางกลับมา
“ตอนนี้มีใครน่าสงสัยบ้างครับ”
“อย่างที่ลุงอิชย์รู้ นายจิณณ์ นายภาวิต ตอนนี้ผมเพิ่มคู่หมั้นและแม่เลี้ยงของผมเข้ามาเป็นผู้น่าสงสัยอีกสองคน นายจิณณ์อยากฆ่าเพราะอยากแก้แค้นให้ลูกชาย นายภาวิตก็อาจจะอยากฆ่าเพราะความแค้นส่วนตัวก็ได้ ดรุณีกลัวผมจะพูดความลับที่เรารู้กันแค่สองคน ส่วนคุณตุลก็เหมือนมีความลับที่กลัวใครจะรู้” มันน่าหงุดหงิดที่เขาอุตส่าห์รู้ว่าคนเหล่านี้มีความลับที่ไม่ต้องการให้เขารู้ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าความลับที่ว่านั้นมันคืออะไร
“แล้วที่คุณดรัณมาบอกคราวก่อน”
“กำลังสืบต่อไปครับ อ้อ รถที่ปาดหน้าผม ผมจำเลขทะเบียนรถได้เลยขอให้ดรัณกับสายของผมช่วยสืบให้ วันสองวันคงรู้ว่ารถของใครครับลุงอิชย์”
ถ้าได้เบาะแสจะได้สืบต่อไปว่าคนที่น่าสงสัยเป็นใครกันแน่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็อยากรู้ความลับของแต่ละคนอยู่ดี
“ต่อไปนี้ผมคิดว่าปริญจำเป็นสำหรับคุณธินแล้ว ไปไหนก็ต้องระวังตัว”
พันธินพยักหน้า เขาคิดถูกแล้วที่ปรึกษาเรื่องนี้กับลุงอิชย์ แทนที่จะเป็นพ่อของตัวเอง การเห็นหมอประจำตัวมาที่บ้าน ทำให้เขาไม่อยากนำเรื่องน่าปวดหัวไปให้พ่อ รอให้ทุกอย่างคลี่คลาย เขาจะเล่าให้พ่อฟังทุกเรื่อง
“ครับ ไปกินข้าวกันเถอะ ผมหิวแล้ว”
พอทั้งสองไปที่โต๊ะอาหาร อรอินทุ์ก็ตักข้าวไว้รอแล้ว จากที่กินข้าวกันสองคนพ่อลูก ตอนนี้พอมีสมาชิกเพิ่มมาอีกคน บ้านดูเหมือนจะเป็นบ้านที่รื่นรมย์ อรอินทุ์อดคิดไม่ได้ว่าน่าเสียดายถ้าพ่อมีลูกชายอีกสักคน การกินข้าวด้วยกันคนสนุกมีเรื่องเล่าให้หัวเราะให้ยิ้มแบบนี้เหมือนกัน
วันแรกของสัปดาห์ต่อมา พันธินสั่งให้คนขับรถพาไปยังตึกสูงแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าจะไม่มีการขัดขวางการทำหน้าที่ของปริญอีก เขาเข้าลิฟต์ไปพร้อมบอดี้การ์ด การมาครั้งนี้ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า แม้ที่ทำงานเก่าของอรอินทุ์จะอยู่ที่นี่ แต่ปลายทางของเขาไม่ใช่ที่นั่น ทว่าเป็นชั้นสูงที่สุดของตึกนี้ต่างหาก
เลขาของแพรพลอยโทรบอกเจ้านายสาวถึงการมาขอพบของพันธิน ชายหนุ่มจงใจบอกนามสกุลของตัวเอง แน่ล่ะ เขาไม่ชอบวิธีนี้ แต่มันเป็นทางเดียวที่จะได้พบแพรพลอยเร็วที่สุด เพียงไม่ถึงนาทีเขาก็เข้ามาในห้องทำงานของหญิงสาวแล้ว
“คุณเป็นคนที่ฉันคิดว่าใช่หรือเปล่าคะ” แพรพลอยเคยได้ยินชื่อและนามสกุลของผู้ชายคนนี้ แต่ไม่เคยพบตัวจริงเลยสักครั้ง ถ้าจำไม่ผิดเขาไปที่โรงพักในคราวก่อนด้วยสินะ
พันธินคลี่ยิ้มเพียงเล็กน้อยแทบมองไม่ออกว่ากำลังยิ้มหรือรอฟัง
แพรพลอยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อเมื่อรู้ว่าการพูดหากไม่เข้าหูพันธิน งานนี้อาจเกิดความเสียหาย
“ใช่ครับ พอดีผมเป็นพี่ชายของอรอินทุ์ เลยต้องมาพูดอะไรเพื่อให้เกิดความเข้าใจสักหน่อย”
“เชิญค่ะ” หญิงสาวยิ้มแม้จะใจเต้นแรงขึ้นมา ‘ยัยอรไปเล่าอะไรให้เขาฟังอีกหรือเปล่านะ’
จุดอ่อนของมนุษย์คือการวิตกกังวลไปก่อน ทั้งที่หากเจอปัญหาเข้าจริงๆ คงผ่านไปได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง พันธินพอใจที่การมาของเขาทำให้แพรพลอยรู้สึกวิตกกังวล
“ผมรู้จักอรตั้งแต่เด็กแล้วครับ วันก่อนนายสมพงศ์ไปป้วนเปี้ยนที่บ้านของอร อ้อ อย่าเข้าใจผิด อรไม่เคยคิดเป็นมือที่สามของคุณกับผู้ชายแบบนั้น ถ้าจะให้ดีคุณควรดูแลแฟนอย่าให้ไปเพ่นพ่านแถวนั้นอีก ถ้าทำอีกครั้ง ผมคงต้องยกเลิกสัมปทานที่พ่อของคุณมีกับเอ็มไพร์ กรุ๊ปในไตรมาสหน้า”
ใบหน้าแพรพลอยซีดเผือด แต่ยังไว้ท่าที พ่อของเธอมีสัมปทานการส่งวัสดุก่อสร้างให้เอ็มไพร์ กรุ๊ป แม้จะผ่านผู้รับเหมา มูลค่าของการค้าให้กำไรเป็นเงินมหาศาล แต่เท่าที่รู้เขาเพิ่งกลับมาจะมีพาวเวอร์ขนาดเปลี่ยนสัมปทานได้เชียวเหรอ ‘แค่มาขู่ละมั้ง เอาเข้าจริงคงไม่มีอะไรหรอก’
“แน่ใจหรือคะว่ายัยอรไม่ได้โทรมาหาแฟนของฉันก่อน”
“อรแยกได้ครับว่าผู้ชายคนไหนควรหลีกให้ห่างไม่สมควรเอามาทำพืชทำพันธุ์ ทำเพื่อนยังทำไม่ได้ เอาเป็นว่าคุณเข้าใจแล้วนะครับ” พันธินเอ่ยคราวนี้ยิ้ม แต่ไม่เห็นแม้แต่ฟัน พูดแค่นี้ผู้หญิงที่ฉลาดเรื่องธุรกิจ แต่เป็นเด็กน้อยเรื่องความรักน่าจะเข้าใจได้บ้าง
‘ก็แค่ขู่ละน่า’ แพรพลอยดูถูกอยู่ในใจ
“ผมทำจริง ถ้าอยากพิสูจน์ก็ได้นะครับ ผมยินดี” พันธินพูดทิ้งท้ายและลุกขึ้นไม่จำเป็นต้องร่ำลา ในเมื่อเขาไม่ได้มาเพื่อทำให้เกิดความพอใจกับผู้ฟัง
แพรพลอยฝืนยิ้มเริ่มไม่แน่ใจว่าพันธินมาเพื่อขู่ พอคล้อยหลังแขกรายแรกของวันนี้หญิงสาวรีบโทรหาพ่อทันที เธอถูกสั่งให้ไปดูแลแฟนให้ดี อีกทั้งยังกำชับว่าถ้าสมพงศ์ยังก่อเรื่องอีกเธอต้องเลิก ถ้าไม่เลิกพ่อก็จะหาทางเลิกให้ แต่วิธีนั้นลูกสาวคงไม่ชอบเท่าไหร่
แพรพลอยวางสายรีบไปจัดการคนที่ทำให้เป็นเรื่องขึ้นมา เธอไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมไม่ตัดใจจากผู้ชายเจ้าชู้แบบสมพงศ์เสียที มีสองข้อที่เธอยังตัดใจจากเขาไม่ได้ หนึ่งคือเรื่องงาน สองคือเขาเจ้าชู้ แต่ไม่เคยจริงจังกับใครนอกจากเธอคนเดียว
อรอินทุ์จะหางานทำต่อไป หรือ เปิดบริษัทเป็นของตัวเองดีนะ
จะมา up เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 139
แสดงความคิดเห็น