ตอนที่ 725 หากรักชีวิตจงอยู่ให้ห่างจากสกายวิง
ตอนที่ 725 หากรักชีวิตจงอยู่ให้ห่างจากสกายวิง
“ในเมื่อตระกูลมูนวอร์ดกล้ามาแตะต้องคนของตระกูลสกายวิง ฉันก็ขอเป็นตัวแทนของตระกูลประกาศสงครามระหว่างตระกูล ถ้าหากในดินแดนนี้มีตระกูลมูนวอร์ดก็จะไม่มีตระกูลสกายวิงอีกต่อไป สงครามนี้จะจบลงก็ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกทำลายโดยสมบูรณ์” เซี่ยจงไห่ส่งเสียงตะโกนร้องคำรามด้วยใบหน้าอันดุร้าย และคำประกาศของเขาก็เป็นเหมือนกับเหล็กแหลมที่ทิ่มแทงเข้าไปภายในจิตใจของทุกคน
ฉัวะ!
เซี่ยจงไห่สะบัดดาบของเขาตัดนิ้วก้อยข้างซ้ายออกจากมืออย่างกะทันหัน และทำให้เลือดสีแดงฉานพุ่งทะลักออกมาในทันที
“ในวันนี้ฉันขอใช้นิ้วก้อยของตัวเองเป็นหลักประกัน ว่าพวกเราจะไม่ยอมหยุดสงครามจนกว่าอีกฝ่ายจะถูกทำลาย!!” เซี่ยจงไห่ร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ดวงตาของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีแดง
เซี่ยเฟยตกใจ!
มู่เฉียนหลิงตกใจ!
หลางจิวหลินตกใจ!
ทุกคนตกใจ!!
น้ำเสียงอันเย็นชาของชายชราคนนี้มีความเยือกเย็นจนแทรกซึมไปจนถึงไขกระดูก และถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นตระกูลมูนวอร์ด ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอด แต่ตระกูลสกายวิงก็กล้าที่จะประกาศสงครามเพียงเพื่อปกป้องสมาชิกตัวน้อย ๆ ภายในตระกูลเพียงแค่คนเดียว
นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องบ้า ๆ ธรรมดาแล้ว แต่มันเป็นเรื่องบ้า ๆ ที่สุดแสนจะบ้ามากเลยต่างหาก!!
สกายวิงถูกขนาดนามว่าดาบคลั่งแห่งเผ่าเทพ และในคราวนี้ดาบคลั่งก็ได้ถูกชักออกมาจากฝักอีกครั้ง โดยเป้าหมายของมันก็คือตระกูลมูนวอร์ด
อึก!
เซี่ยเฟยกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าชายชราที่ชื่อเซี่ยจงไห่คนนี้ดูเท่ในสายตาของเขามาก
คนทั่วไปมักจะคิดเสมอว่าเซี่ยเฟยคือคนบ้า แต่วันนี้เขาได้ตระหนักแล้วว่าเขาไม่ใช่คนบ้าเพียงคนเดียวในจักรวาล แต่มันยังมีคนบ้าอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าตระกูลสกายวิง
นี่คือตระกูลที่เย่อหยิ่งมากที่สุดในดินแดนกฎ ตระกูลที่ทำอะไรอย่างไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง แต่ถึงกระนั้นการเคลื่อนไหวของสกายวิงก็ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน จนทำให้เหล่าบรรดาผู้ชมถึงกับรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก
เตี้ยวฉีผู้ซึ่งเป็นตัวแทนจากตระกูลสโนว์ดริฟท์รีบหยิบเข็มทิศมิติของตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะรีบติดต่อกลับไปยังตระกูลด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“สงคราม! สงครามมันเริ่มต้นขึ้นแล้ว!!” เตี้ยวฉีตะโกนออกไปเสียงดัง โดยไม่สนใจเลยว่าอีกฝั่งของหน้าจอจะเป็นใคร
“มีอะไร? ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จา” หญิงสาววัยกลางคนที่ทั่วทั้งใบหน้าถูกปกคลุมไปด้วยผ้าสีเขียวกล่าวถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
“ตราอสูรคลั่งถูกทำลาย! เซี่ยเฟยคือคนของตระกูลสกายวิง! ตระกูลสกายวิงประกาศสงครามกับตระกูลมูนวอร์ดแล้ว!! ทุกอย่างมันจบแล้ว คนพวกนี้มันบ้ากันไปจนหมดแล้ว!!” เตี้ยวฉีร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“ตราอสูรคลั่ง!?” จู่ ๆ สตรีภายในจอภาพก็สะดุ้งขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะเหล่าบรรดาสมาชิกในตระกูลขนาดใหญ่ต่างก็รู้ดีว่าตราสัญลักษณ์นี้มันมีความหมายว่าอะไร
นี่คือตราคำสั่งอันยิ่งใหญ่ของตระกูลสกายวิง และเมื่อไหร่ก็ตามที่ตรานี้ถูกทำลายทั่วทั้งดินแดนกฎก็จะตกอยู่ภายใต้ความโกลาหล
“รีบกลับมาเดี๋ยวนี้! ฉันอยากรู้ทุกอย่างโดยละเอียดว่าทำไมตระกูลสกายวิงถึงทำลายตราอสูรคลั่ง!!” ผู้หญิงในหน้าจอตะโกนกลับมาอย่างตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน
โดยเสียงบทสนทนาระหว่างสตรีทั้งสองคนนี้ก็ได้ดึงสติของเหล่าบรรดาราชากฎทั้งหมดกลับมาอีกครั้ง พวกเขาจึงรีบหยิบเข็มทิศมิติของตัวเองออกมา เพื่อรายงานสถานการณ์กลับไปยังตระกูลต้นสังกัดของตัวเอง
ในเวลาเดียวกันเซียงไป๋ก็หยิบตราของตระกูลมูนวอร์ดออกมาบีบด้วยความตื่นตระหนก ซึ่งตรานี้ก็เป็นเหมือนกับตราอสูรคลั่งของสกายวิง ซึ่งเป็นตราคำสั่งเอาไว้เรียกรวมสมาชิกในตระกูลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีใครสนใจการเคลื่อนไหวของเซียงไป๋เลย เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าตระกูลมูนวอร์ดถูกบังคับให้ต้องยอมรับการต่อสู้ สิ่งที่น่าสนใจจริง ๆ คือทางตระกูลสกายวิงที่เป็นฝ่ายประกาศสงครามต่างหาก
เหตุการณ์นี้ทำให้เซียงไป๋รู้สึกเสียหน้ามาก เพราะการที่เขาหยิบตราออกมาทำลายอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ นั่นก็เพราะว่าเขาพยายามจะกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับมาอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีใครให้ความสนใจการกระทำของเขาเลย
“พวกเรากลับกันเถอะ ตอนนี้พวกเราไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้อีกแล้ว” เซียงอู๋เฉิงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันโกรธเกรี้ยว ขณะมองไปยังแขนขวาของตัวเองที่ถูกตัดขาด
คำพูดของชายชราเต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความสิ้นหวัง ก่อนที่จักรพรรดิกฎทั้งสองคนจะเดินทางกลับไปด้วยความอัปยศ เพราะคนหนึ่งก็ถูกตัดแขนขวาให้ขาดออกจากร่าง ขณะที่อีกคนก็ถูกข่วนใบหน้าจนมีรอยแผลเป็นทางยาว
ทั้งเซี่ยเฟยและเซี่ยจงไห่ต่างก็ไม่ได้มีความคิดที่จะหยุดชายชราทั้งสองคนนั้นเอาไว้เลย เพราะท้ายที่สุดอีกฝั่งก็เป็นจักรพรรดิกฎทั้งสองคน ถ้าหากว่ามันเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง ๆ ทางฝั่งของพวกเขาก็มีแต่จะเป็นฝั่งที่เสียเปรียบ
แววตาของเซี่ยเฟยค่อย ๆ ว่างเปล่าลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งในตอนนี้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะตั้งสติเอาไว้ได้อีกต่อไป สาเหตุที่เขายังคงยืนหยัดมาได้จนถึงวินาทีนี้ นั้นก็เพราะว่าเขาไม่คิดที่จะยอมแพ้ แต่เมื่อวิกฤตได้คลี่คลายลงไปเป็นการชั่วคราวแล้ว เขาจึงเป็นลมล้มหมดสติลงไปด้วยความเหนื่อยล้า
—
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังหมดสติ พายุที่มีเขาเป็นต้นเหตุก็กำลังโหมกระหน่ำไปทั่วทุกที่ แล้วมันก็ก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ขึ้นมาอย่างมากมาย
ณ หมู่บ้านที่เงียบสงบในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งที่มีบ้านเรือนหลายร้อยหลัง
จู่ ๆ หญิงชราคนหนึ่งก็รีบถีบประตูพุ่งตัวออกมาจากบ้านอย่างรุนแรง และถึงแม้ว่าผมของเธอจะหงอกขาว บนใบหน้าจะมีรอยย่นอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ดวงตาของเธอกลับเป็นสีแดงก่ำและอารมณ์ของเธอก็เกือบจะเรียกได้ว่าบ้าคลั่งได้แล้ว
“ย่าจะไปไหน?”
“ช่วงนี้ป้าสุขภาพไม่ค่อยดีไม่ใช่เหรอ จะรีบเดินออกมานอกบ้านไปทำไม?”
เหล่าบรรดาลูกหลานที่พบหญิงชราต่างก็พยายามห้ามปรามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ตราอสูรคลั่งถูกทำลายแล้ว! ไม่ว่ายังไงฉันก็จะต้องกลับไป” หญิงชรามองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่แน่วแน่
“แม่! ตอนนี้แม่แก่มากแล้วนะ ไม่ใช่สาว ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว” ชายชราคนหนึ่งพยายามร้องขอและถึงแม้ว่าเขาจะดูแก่ชรามากเช่นกัน แต่เขาก็ยังเป็นลูกชายของหญิงชราคนนี้อยู่ดี
ผัวะ ๆ ๆ
หญิงชรายกไม้เท้าขึ้นมาตีหัวลูกชายของเธอ 3 ครั้ง ก่อนที่เธอจะร้องคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ
“ถึงแม้ว่าฉันจะตายแต่ฉันก็ต้องกลับไป ไม่ว่ายังไงฉันก็คือคนของตระกูลสกายวิง เมื่อไหร่ก็ตามที่ตราอสูรคลั่งถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง, ผู้ชาย, เด็กเล็กหรือคนแก่จะต้องกลับไปรวมตัวกันโดยไม่มีข้อยกเว้น และนี่คือกฎของตระกูลที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หลีกทางออกไปให้พ้น! อย่าเข้ามาขวางทางฉัน!!”
“แม่! แต่แม่แต่งงานแล้วนะ!! ตอนนี้แม่ไม่ใช่คนจากตระกูลสกายวิงอีกแล้ว” หญิงชราผู้ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของหญิงแก่คนนี้พยายามห้ามปรามด้วยเช่นกัน
ผัวะ ๆ ๆ
หญิงแก่ยังคงใช้ไม้เท้าฟาดเข้าใส่ลูกสะใภ้ของเธอเช่นเดิม และถึงแม้ว่าเธอจะอายุมากแล้วแต่เธอก็ยังคงมีความดื้อรั้นและไร้เหตุผล ซึ่งเป็นนิสัยประจำตัวของสมาชิกตระกูลสกายวิงอยู่เหมือนเดิม
นอกจากนี้ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งงานออกมานอกตระกูล แต่นิสัยเหล่านี้ก็ยังคงฝังอยู่ในพันธุกรรมของเธอชั่วนิรันดร์ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ในความเป็นจริงตระกูลสกายวิงเป็นตระกูลที่มีกฎเกณฑ์น้อยมาก เพราะนอกเหนือจากคำสั่งรวมตัวกันที่นาน ๆ จะมีสักครั้งหนึ่งแล้ว ตระกูลแห่งนี้ก็แทบจะไม่มีกฏเกณฑ์ใด ๆ คอยบังคับสมาชิกในตระกูลของพวกเขาเลย
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์! นี่พวกเอ็งไม่รู้หรือยังไงว่าตราอสูรคลั่งมันคืออะไร?” หญิงชราบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด
“ดูเหมือนว่าพวกเอ็งจะไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ สินะ... พวกเอ็งรู้ไหมว่าทำไมทั่วทั้งดินแดนกฎถึงรู้สึกหวาดกลัวตระกูลสกายวิงขนาดนี้?”
“สาเหตุที่ทุกคนหวาดกลัวตระกูลสกายวิง มันก็ไม่ใช่เพราะว่าพวกเราแข็งแกร่งกว่าตระกูลอื่นอะไรแบบนั้นเลย แต่พวกเราคือตระกูลที่สามัคคีและโหดเหี้ยมมากกว่าตระกูลอื่นต่างหาก ดังนั้นไม่ว่าใครที่กล้าแตะต้องสมาชิกในตระกูลของเรา พวกเราก็จะกวาดล้างศัตรูไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ตาม”
“ตอนนี้ตราอสูรคลั่งถูกทำลายแล้ว ตราบใดก็ตามที่ฉันยังมีลมหายใจ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องกลับไปรวมตัวกันกับทุกคน” หญิงชรากล่าว ขณะที่ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องมองไปทางกลุ่มดาวม้าขาวด้วยแววตาอันแน่วแน่
—
ณ ป่าดึกดำบรรพ์
ชายฉกรรจ์ผู้มีความสูงมากกว่า 2 เมตรและมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 300 กิโลกรัม กำลังจับจ้องมองไปยังผืนป่าตรงหน้าและส่งเสียงตะโกนขึ้นมาด้วยความดุร้าย
“ออกมาเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันจะพลิกแผ่นดินทั้งดาวเพื่อไล่ฆ่าแก!!”
เสียงร้องคำรามอันหยิ่งผยองนี้เกิดจากการที่ชายร่างใหญ่กำลังพยายามท้าทายอสูรเทวะให้ออกมาเผชิญหน้ากับเขา อย่างไรก็ตามด้วยกลิ่นอายที่เขาได้ปลดปล่อยออกมา มันก็ทำให้แม้แต่แมลงภายในป่าก็ไม่กล้าส่งเสียง เพราะพวกมันกำลังตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“ยังไม่โผล่หัวมาอีกงั้นเหรอ?!” ชายฉกรรจ์พึมพำด้วยแววตาอันเย็นชา และเขาก็กำลังตั้งท่าจะพุ่งตัวเข้าไปในป่าเพื่อจัดการกับอสูรเทวะที่หลบซ่อนตัวอยู่
แต่ในทันใดนั้นเองการเคลื่อนไหวของเขาก็หยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะรีบหยิบตรารูปมังกรออกมาพิจารณาอย่างระมัดระวัง และมันก็ทำให้เขาได้พบว่าทั่วทั้งตรากำลังลุกไหม้เปลวไฟ
“ตราอสูรคลั่งถูกเปิดใช้งานแล้ว!!”
แต่เดิมตรารูปมังกรนี้เป็นเพียงแค่ตราอันหมองคล้ำ แต่ตอนนี้ทั่วทั้งลำตัวของมังกรกลายเป็นสีแดงเผยให้เห็นลวดลายของมังกรที่สง่างาม
“แกโชคดีไปที่ฉันต้องรีบกลับไปหาตระกูล จำเอาไว้ฉันชื่อเซี่ยหม่างจากตระกูลสกายวิง สักวันฉันจะต้องกลับมาหาแกแน่” ทันทีที่พูดจบร่างของเขาก็หายตัวไปราวกับสายฟ้า ซึ่งหลังจากนั้นอีกไม่นานมันก็มีเสียงร้องคำรามดังออกมาจากภายในป่าด้วยความเจ็บปวด
แรดธารขาวผู้ซึ่งเป็นอสูรเทวะระดับ 3 กำลังถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะการจากไปของอีกฝ่ายทำให้มันได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง
ปัจจุบันทั่วทั้งร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผลที่บาดลึกอย่างมากมาย ซึ่งถ้าหากว่าตราอสูรคลั่งไม่ได้ถูกทำลาย วันนี้ก็คงจะเป็นวันสิ้นชะตาชีวิตของมันแล้ว
อย่างไรก็ตามอสูรเทวะตัวนี้ก็หยุดชะงักเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่มันจะรีบหนีไปโดยไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย เพราะมันพยายามจะทำยังไงก็ได้ให้อยู่ห่างจากสมาชิกของตระกูลสกายวิงให้ได้มากที่สุด
***************
วีรกรรมฉาวโฉ่ ดูจากนิสัยแล้วครอบครัวพี่เฟยจริงๆแหละ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 231
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น