ตอนที่ 724 สัญญาณอสูรคลั่ง

-A A +A

ตอนที่ 724 สัญญาณอสูรคลั่ง

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 724 สัญญาณอสูรคลั่ง

ยัง! มันยังไม่จบ!

แม้ว่าเหล่าบรรดาผู้มีอำนาจของสมาคมจะหันหลังให้เขา แต่เซี่ยเฟยก็ยังไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้

ชายหนุ่มที่ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดพยายามเหยียดร่างกายขึ้นอย่างยากลำบาก โดยบริเวณมุมปากของเขาค่อย ๆ เผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างช้า ๆ และเขาก็จะพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางจนกว่าหัวใจของเขาจะหยุดเต้น

พยายามลุกขึ้นยืนหลังจากบาดเจ็บสาหัสเนี่ยนะ!?

มันคงไม่มีใครสามารถจินตนาการได้เลยว่าความเจ็บปวดที่ชายหนุ่มกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เป็นความเจ็บปวดที่อยู่ในระดับไหน และมันต้องใช้กำลังใจมากเท่าไหร่ในการพยายามดิ้นรนลุกยืนขึ้นมา

เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นท่ามกลางหยดเลือดด้วยแววตาอันเป็นประกาย และหงส์ครามที่อยู่ในแขนขวาของเขาก็พยายามดิ้นรนอย่างหนัก เพื่อที่จะฟื้นฟูใบหญ้าของมันกลับคืนมาเช่นเดียวกัน

ขนอุยส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างแผ่วเบา ขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างของมันได้เปลี่ยนไปจนกลายเป็นสีแดงเลือด

หนึ่งคน, หนึ่งต้นหญ้า, หนึ่งสัตว์อสูรต่างก็แสดงความพยายามที่จะมีชีวิตรอดออกมาอย่างบ้าคลั่ง

อาจจะเป็นเพราะว่าทั้งหงส์ครามและขนอุยเติบโตขึ้นมาเคียงข้างเจ้านายอย่างเซี่ยเฟย พวกมันจึงติดนิสัยไม่ยอมแพ้มาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งพวกมันก็พร้อมที่จะยืนหยัดอยู่จนวินาทีสุดท้าย และมีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่จะหยุดพวกมันได้

โอโร่พยายามทุบโลงศพน้ำแข็งอย่างบ้าคลั่ง และเขาก็รู้สึกเสียใจมากที่สุดในรอบหลายหมื่นปีที่เขาอ่อนแอเกินไปจนไม่สามารถที่จะออกไปช่วยเหลือเซี่ยเฟยได้

หากใครก็ตามที่ได้มาเห็นภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้ พวกเขาก็คงจะรู้สึกสะเทือนใจอย่างแท้จริง เพราะพวกเซี่ยเฟยยังคงยืนหยัดท้าทายจักรพรรดิกฎทั้งสองคนอย่างกล้าหาญ ในขณะที่เหล่าบรรดาผู้มีอำนาจจากสมาคมผู้คุมกฎต่างก็หันหลังให้กับพวกเขา

นี่มันคนหรือปีศาจกันแน่? ทำไมเซี่ยเฟยถึงยังมีกำลังใจยืนหยัดต่อสู้ได้จนถึงตอนนี้!!

“ฆ่า... ฆ่ามันซะ” เซียงอู๋เฉิงตะโกนขึ้นมาอย่างอ่อนแรง

เขาเป็นถึงผู้มีอำนาจผู้ซึ่งใช้ฝ่ามือปิดบังท้องฟ้าได้ด้วยฝ่ามือเดียว แต่แขนของเขากลับถูกเซี่ยเฟยตัดขาดออกจากลำตัวและทำให้เขาต้องตกอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสแบบนี้

เขาจะยอมรับความอัปยศแบบนี้ได้ยังไง ถ้าหากเซี่ยเฟยยังไม่ตาย เขาก็ต้องแบกรับความอัปยศนี้ไปตลอดชีวิต!!

เซียงไป๋กัดฟันรวบรวมพลังเข้ามาไว้ในฝ่ามืออย่างรุนแรง ทันใดนั้นเขาก็ได้ปลดปล่อยลำแสงสีขาวราวกับมังกรออกไปโดยมีเป้าหมายคือการทำลายชายหนุ่มให้สิ้นซาก

‘ลำแสงเงินส่องประกาย! นั่นมันวิชาเฉพาะของตระกูลมูนวอร์ด!!’

‘นี่เขาถึงกับต้องใช้วิชาที่รุนแรงในระดับนี้เพื่อจัดการกับเซี่ยเฟยเลยงั้นเหรอ?’

เหล่าบรรดาผู้ชมต่างก็คิดภายในใจอย่างตกตะลึง

เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า จักรพรรดิกฎทั้งสองคนคือเซียงไป๋และเซียงอู๋เฉิง ผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิกฎแห่งตระกูลมูนวอร์ด

ลำแสงเงินส่องประกายถือเป็นวิชาลับของตระกูลมูนวอร์ดที่จะเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น หากเซี่ยเฟยสัมผัสเข้ากับพลังนี้ร่างกายของเขาก็จะถูกบดขยี้ทำลายให้หายไปอย่างแน่นอน 

ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ชายหนุ่มยังได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วมันก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถต้านทานการจู่โจมอันทรงพลังจากจักรพรรดิกฎตรงหน้าได้

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจไปที่วิชาการโจมตีอันทรงพลังของเซียงไป๋ จู่ ๆ แววตาของเซี่ยจงไห่ก็เปลี่ยนจากความประหลาดใจกลายเป็นความโกรธ

คลื่นนน!

ลำแสงสีเงินเคลื่อนที่เข้ามาอย่างว่องไว และเซี่ยเฟยก็ไม่มีทางที่จะหลบหนีการโจมตีในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน แต่ในช่วงเวลาที่กำลังวิกฤตจู่ ๆ ราชากฎจากตระกูลสกายวิงก็เริ่มเคลื่อนไหว

ร่างกายของเขาหายตัวไปจากตำแหน่งเดิมก่อนที่ใครจะทันได้รู้ตัว จากนั้นเขาก็คว้าตัวเซี่ยเฟยออกมาจากขอบเหวแห่งความตาย

ตระกูลสกายวิงคือตระกูลผู้เชี่ยวชาญการใช้กฎแห่งความเร็ว การเคลื่อนไหวของพวกเขาจึงคล้ายกับผู้ที่มีปีกอยู่บนหลัง และถึงแม้ว่าการโจมตีในครั้งนี้จะเป็นการโจมตีจากจักรพรรดิกฎผู้ทรงพลัง แต่มันก็ยังไม่สามารถที่จะไล่ตามความเร็วของเซี่ยจงไห่ได้

ฟุบ!

เซี่ยจงไห่โอบแขนล้อมรอบเซี่ยเฟย ก่อนที่จะนำพาเขาไปยังสถานที่อันห่างไกล พร้อมกลับจับจ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนทางอารมณ์

“นั่นตาเฒ่าเซี่ยกำลังทำอะไรอยู่? เขาอยากจะเป็นศัตรูกับตระกูลมูนวอร์ดงั้นเหรอ?”

เหล่าบรรดาผู้นำของสมาคมผู้คุมกฎอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เซี่ยจงไห่ถึงได้เคลื่อนที่อย่างกะทันหันในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้

ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวนี้ก็ทำให้เซียงไป๋กับเซียงอู๋เฉิงรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าเซี่ยจงไห่จะเป็นเพียงแค่ราชากฎ แต่ชายคนนี้ก็ยังคงเป็นตัวแทนของตระกูลสกายวิงทั้งหมด ที่พร้อมจะส่งข่าวกลับไปยังตระกูลของตัวเองได้ตลอดเวลา

แม้ว่าเซี่ยเฟยจะเคยพบกับเซี่ยจงไห่มาก่อน แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความสนิทสนมมากมายขนาดนั้น อย่างไรก็ตามเมื่ออีกฝ่ายได้เคลื่อนไหวเข้ามาเพื่อช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ชายหนุ่มจึงรีบกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ

“ผมขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณมาก แต่ผู้อาวุโสรีบหนีไปเถอะครับ คุณจะได้ไม่ต้องมาถูกลูกหลงจากเรื่องนี้”

แม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามบอกให้ชายชราทิ้งเขาเอาไว้ แต่เซี่ยจงไห่ก็ยังคงจับไหล่เซี่ยเฟยเอาไว้แน่น

ทันใดนั้นเซี่ยจงไห่ก็ทำการเคลื่อนไหวอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะเขาได้เหยียดนิ้วออกไปเพื่อเอาเลือดจากบาดแผลของชายหนุ่มเข้าไปในปาก

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าพฤติกรรมแปลก ๆ ของเซี่ยจงไห่มันมีความหมายว่าอะไรกันแน่

ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างทั้งร่างของเซี่ยจงไห่ก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงด้วยความโกรธที่พร้อมจะระเบิดออกมา

อ๊ากกกก!!

เซี่ยจงไห่ส่งเสียงร้องคำรามราวกับสัตว์ร้าย จนทำให้ทุกคนตัวสั่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว และถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าชายชราคนนี้มีนิสัยอันแปลกประหลาด แต่มันก็ไม่มีใครเคยเห็นเซี่ยจงไห่บ้าคลั่งได้ถึงขนาดนี้

นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสับสนอยู่นั่นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงอันแหบห้าวร้องคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ

“นาย! นายคือเชื้อสายสกายวิงของพวกเรา!!”

คำพูดเพียงประโยคเดียวสามารถพลิกสถานการณ์ในครั้งนี้ได้อย่างสิ้นเชิง เหล่าบรรดาผู้ชมทุกคนจึงล้วนแล้วแต่อ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“เซี่ยเฟยมาจากตระกูลสกายวิง?”

“มันเป็นไปได้ยังไง?!”

อ๊ากกกก!!!

เซี่ยจงไห่ยังคงส่งเสียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง และเขาก็ชูมือทั้งสองข้างออกมาดึงผมตัวเองราวกับว่าเขากลายเป็นคนบ้าไปแล้ว

เมื่อได้มองไปยังร่างของเซี่ยเฟยที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดอีกครั้ง เซี่ยจงไห่ก็หันศีรษะจ้องมองไปยังเซียงไป๋กับเซียงอู๋เฉิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต

ไม่! 

มันไม่ใช่แค่จักรพรรดิกฎทั้งสองคนจากตระกูลมูนวอร์ดที่ถูกจ้องมองด้วยแววตาอันอาฆาต แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ถูกจับจ้องมองไปด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาร้ายเหมือนกันทั้งหมด

“พวกแกกล้าแตะต้องสมาชิกของตระกูลสกายวิงได้ยังไง?!” เซี่ยจงไห่คำรามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา

ผู้ฟังทุกคนตกใจมากจนเหงื่อไหลออกมาชุ่มโชกไปทั่วทั้งร่าง และแม้แต่เซียงไป๋และเซียงอู๋เฉิงก็กำลังกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่อย่างประหม่า

‘ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว!!’ เซียงอู๋เฉิงตะโกนภายในใจอย่างโศกเศร้าและเขาก็พยายามดิ้นรนที่จะลุกจากพื้น

“เฒ่าเซี่ยอย่าพึ่งใจร้อน”

“ใช่ ถ้ามีอะไรพวกเราค่อย ๆ มาพูดคุยกันก่อน ทำไมเซี่ยเฟยถึงกลายเป็นคนจากตระกูลของคุณได้?”

“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับฉันนะ!!” เตี้ยวฉีผู้ซึ่งมีนิสัยขี้ขลาดมากที่สุดเริ่มพยายามพูดปกป้องตัวเองขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าตระกูลสกายวิงเป็นดาบอันแหลมคมที่เผ่าเทพเอาไว้ใช้ในการฟาดฟันศัตรู มันจึงทำให้แม้แต่ 9 ตระกูลชั้นยอดก็ยังไม่กล้าที่จะท้าทายตระกูลที่มีนิสัยอันโหดร้ายตระกูลนี้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเริ่มชักดาบออกมาแล้ว ดาบเล่มนั้นก็จะไม่มีวันถูกเก็บเข้าไปภายในฝักจนกว่าศัตรูจะถูกกวาดล้างไปทั้งหมด

“หุบปาก! หากใครกล้าพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะถือว่าคนคนนั้นเป็นศัตรูของตระกูลสกายวิง!!” เซี่ยจงไห่ร้องคำรามออกมาด้วยความหยิ่งผยอง

ทุกคนต่างก็เงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของเซี่ยจงไห่ มันก็ไม่มีใครกล้าที่จะอ้าปากออกมาเลยแม้แต่คนเดียว

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมาก เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาได้กลายเป็นสมาชิกของตระกูลสกายวิงไปตั้งแต่เมื่อไหร่

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ในครั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าพึงพอใจ เพราะเพียงแค่เซี่ยจงไห่ประกาศออกมามันก็ทำให้จักรพรรดิกฎทั้งสองและราชากฎทั้งเก้าต่างก็รู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก แล้วมันก็เริ่มเผยให้เห็นว่าเขามีโอกาสรอดไปจากเหตุการณ์ในวันนี้แล้ว

“ผมมาจากดาวโลกไม่ใช่ตระกูลสกายวิงของคุณ” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น

“นายก็หุบปากไปด้วย!!” เซี่ยจงไห่ร้องคำรามใส่เซี่ยเฟยด้วยเช่นกัน

เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้พบกับคนที่หยิ่งผยองมากกว่าตัวเอง

“ตระกูลมูนวอร์ดของพวกแกต้องการที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลสกายวิงของฉันสินะ” เซี่ยจงไห่กล่าวขณะชี้นิ้วไปยังจักรพรรดิกฎทั้งสอง

ทันทีที่เขาพูดจบร่างกายของเขาก็เคลื่อนไหวออกไปอย่างฉับพลัน แล้วมันก็ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่า เซี่ยจงไห่จะกล้าจู่โจมจักรพรรดิกฎทั้งสองแห่งตระกูลมูนวอร์ดโดยไม่มีการประกาศล่วงหน้า

อย่าลืมว่าเซี่ยจงไห่เป็นเพียงแค่ราชากฎขั้นที่ 6 เท่านั้น แต่การที่เขากล้าเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกฎทั้งสองคนเพียงลำพัง มันก็หมายความว่าชายคนนี้เป็นหมาบ้าที่พร้อมจะแว้งกัดทุกคนโดยไม่เลือกหน้า

เหตุการณ์ในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ผู้ชมทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน และสิ่งที่น่าสับสนมากยิ่งกว่านั้นก็คือความโกรธเกรี้ยวที่เซี่ยจงไห่แสดงออกมามันมีสาเหตุมาจากเซี่ยเฟย

ในชั่วพริบตาเซี่ยจงไห่ก็จู่โจมเข้าใส่จักรพรรดิกฎทั้งสองแห่งตระกูลมูนวอร์ดไปแล้วหลายครั้ง และเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วจากนักรบสกายวิง มันจึงทำให้ผู้ชมแทบที่จะไม่สามารถมองเห็นการจู่โจมของเขาได้เลย

ปัง!

เสียงประทัดดังขึ้นมาสนั่นพร้อมกับร่างของเซี่ยจงไห่ที่ถูกบังคับให้กลับมาหาเซี่ยเฟยอีกครั้ง แต่บนใบหน้าของเซียงไป๋กลับมีรอยข่วนเป็นแผลยาว จนทำให้ใบหน้าทางด้านซ้ายของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลหยดลงมาจากบาดแผล

เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นจักรพรรดิกฎผู้ทรงพลัง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังถูกจู่โจมด้วยราชากฎที่มีพลังที่ด้อยกว่า

เซี่ยจงไห่ค่อย ๆ หยิบตราสีดำสนิทขึ้นมาจากมือขวาที่เปื้อนเลือด ขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังเซียงไป๋กับเซียงอู๋เฉิงด้วยแววตาที่เย็นชา

“นั่นมันตราอสูรคลั่ง!”

“เฒ่าเซี่ยคิดดี ๆ ถ้าหากว่านายใช้ตราอสูรชิ้นนี้ มันจะก่อให้เกิดหายนะตามมาเลยนะ!!” ผู้อาวุโสจากตระกูลเกลเชอร์ ซึ่งมีความอาวุโสมากที่สุดในบรรดาราชากฎทั้งเก้าสามารถจดจำตราชิ้นนี้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะมันคือตราที่เอาไว้ใช้สำหรับการเรียกรวมพลสมาชิกของตระกูลสกายวิง

เมื่อไหร่ก็ตามที่ตราอสูรคลั่งถูกทำลาย นั่นก็หมายความว่าสมาชิกผู้ถือตรากำลังประสบกับปัญหา สมาชิกทุกคนจะรีบมุ่งหน้ามารวมตัวกันที่ตระกูลในทันที และพวกเขาก็จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแก้แค้นศัตรูที่กล้ามาทำร้ายสมาชิกภายในตระกูลของพวกเขา

กร๊อบ!

น่าเสียดายที่ก่อนที่ผู้อาวุโสจะทันได้พูดจบ เซี่ยจงไห่ก็ใช้กำลังของมือขวาบีบทำลายตราอสูรคลั่งให้แหลกสลายลงเป็นชิ้น ๆ และเมื่อมันได้ผสมรวมกันกับเลือดของเซียงไป๋ มันก็กลายเป็นลูกบอลเศษโลหะที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเลือด

เสียงของตราที่ถูกทำลายดังขึ้นมาอย่างคมชัดราวกับคมมีดที่แทงทะลุหัวใจของทุกคน!

“ตระกูลของเราจะไม่มีวันทอดทิ้ง ไม่ว่าสมาชิกในตระกูลจะอ่อนแอมากเพียงใด นี่คือคติประจำใจของพวกเรามาตั้งแต่สมัยโบราณ” 

“ในเมื่อตระกูลมูนวอร์ดกล้ามาแตะต้องคนของตระกูลสกายวิง ฉันก็ขอเป็นตัวแทนของตระกูลประกาศสงครามระหว่างตระกูล ถ้าหากในดินแดนนี้มีตระกูลมูนวอร์ดก็จะไม่มีตระกูลสกายวิงอีกต่อไป สงครามนี้จะจบลงก็ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกทำลายโดยสมบูรณ์” เซี่ยจงไห่ส่งเสียงตะโกนร้องคำรามด้วยใบหน้าอันดุร้าย

ตราอสูรคลั่งถูกทำลายลงไปแล้ว! 

ซึ่งมันก็หมายความว่าสงครามระหว่างตระกูลมูนวอร์ดกับตระกูลสกายวิงได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป

***************

จบแล้วสำหรับเนื้อหา E-Book เล่ม 13 หลังจากนี้จะเป็นสงครามการแก้แค้นระหว่างมูนวอร์ดกับสกายวิง แค่คิดก็น่าสนุกแล้วใช่ไหมล่ะ? เชื่อได้เลยว่าถ้าทุกคนชอบพี่เฟยก็จะรักสกายวิงแน่นอน เพราะพวกเขาคือตระกูลคนบ้าที่ไม่สนกฎอะไรทั้งนั้นเหมือนพี่เฟยยังไงล่ะ

ประกาศแจ้งข่าว E-Book เล่ม 13 (ตอนที่ 685-724) วางจำหน่ายแล้วน๊า ใครที่รอสอยอยู่จัดไปโล๊ด เราแปะลิงก์ไว้ให้แล้วหรือสามารถดูข้อมูลและติดตามข่าวสาวได้ที่เพจ สำนักพิมพ์เซียนอ่าน - Xianaan ได้เหมือนกันนะ (❁´◡`❁)

ช่องทาง MEB >> https://bit.ly/3NZ3Qca   ช่องทางเด็กดี >> https://bit.ly/3LDePFC  ช่องทางปิ่นโต >> https://bit.ly/3M9vXUI

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.