ตอนที่ 713 ความวุ่นวายในพิธี

-A A +A

ตอนที่ 713 ความวุ่นวายในพิธี

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 713 ความวุ่นวายในพิธี

ที่ใดมีคนมีอำนาจที่นั่นย่อมต้องมีผู้ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิดเป็นเรื่องธรรมดา กลุ่มวัยรุ่นที่กำลังเดินเข้ามาต่างก็ทำตัวกร่างกับทุกคน จนทำให้แขกภายในงานต่างพยายามหลีกเลี่ยงพวกเขากันอย่างจ้าละหวั่น

“พี่หลางซุนเย่!”

“ดูนั่น! พี่เฝิงก็อยู่ด้วย ทุกคนรีบทักทายพี่เฝิงเร็วเข้า!!”

เมื่ออีกฝ่ายทักทายเฝิงซินเหนียนก็ไม่มีทางเลือกนอกเสียจากจะต้องพยักหน้าให้กับทุกคน โดยกลุ่มคนกลุ่มนี้มีสมาชิกอยู่ประมาณ 20 คน และแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นคุณชายจากตระกูลที่ร่ำรวยทั้งสิ้น เมื่อพวกเขาได้มารวมตัวกันมันจึงไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาพูดห้ามปรามพวกเขาเลย

“ชุนหลิน! ชุนเฟิง! พวกนายนำแก๊งต่อจากพวกฉันได้ดีมาก วันนี้อย่าลืมแสดงความสามารถของพวกนายให้ฉันกับพี่เฝิงได้เห็นล่ะ?” หลางซุนเย่หัวเราะเสียงดังพร้อมกับเดินเข้าไปตบไหล่ชายในกลุ่มทีละคน

“ไม่มีปัญหา”

“เรื่องแค่นี้มันเรื่องกล้วย ๆ”

“ในเมื่อพวกพี่อยู่ด้วย แล้วพวกเรายังจะต้องกลัวอะไรอีก?”

หลางซุนเย่ทำตัวเป็นเหมือนกับพี่ใหญ่ที่พูดจาทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง และพวกชายหนุ่มตัวแสบในกลุ่มนี้ต่างก็ให้ความเคารพหลางซุนเย่กับเฝิงซินเหนียนเป็นอย่างมาก

ความเป็นจริงในอดีตเฝิงซินเหนียนกับหลางซุนเย่เคยเป็นหัวหน้าแก๊งนี้มาก่อน และพวกเขาก็เคยก่อความวุ่นวายขึ้นมาอย่างมากมาย จนทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาโด่งดังไปทั่วทั้งกลุ่มดาวม้าขาว

อย่างไรก็ตามทายาทของตระกูลใหญ่ต่างก็ต้องแบกรับภาระเอาไว้อย่างเข้มงวด เมื่อพวกเขาอายุครบ 18 ปีพวกเขาก็ต้องเริ่มออกไปทำงานให้กับตระกูล พวกเขาจึงไม่เหลือเวลาว่างไปเป็นหัวหน้าแก๊งอีกต่อไป

เมื่อหัวหน้าแก๊งรุ่นเก่าต้องไปทำงานพวกเขาก็ต้องแต่งตั้งหัวหน้าแก๊งรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทน โดยกลุ่มคนหนุ่มสาวพวกนี้ต่างก็มีอายุไม่ถึง 18 ปี เฝิงซินเหนียนกับหลางซุนเย่จึงเป็นเหมือนพี่ใหญ่สำหรับพวกเขา

ด้วยเหตุนี้เองเมื่อหลางซุนเย่เรียกแก๊งอันธพาลเก่าให้มารวมตัวกันในสถานที่แห่งนี้ พวกเขาจึงรีบเดินทางมาในทันที และต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองให้หัวหน้าแก๊งรุ่นเก่าได้เห็นว่า ถึงแม้แก๊งจะมาตกอยู่ในการดูแลของพวกเขาแล้วแต่พวกเขาก็ยังคงดูแลแก๊งต่อได้เป็นอย่างดี

เมื่อมีกลุ่มคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงดึงดูดความสนใจได้อย่างรวดเร็ว และถึงแม้ว่าหลางซุนเย่จะเป็นคนง่าย ๆ แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นหลังจากพูดคุยทักทายกันเล็กน้อย เขาก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกระจายตัวกันออกไปเพื่อปะปนกับแขกภายในงาน

“เด็กพวกนั้นพอใช้ได้เลยใช่ไหม? พวกเขาทำให้ผมนึกถึงพวกเราในอดีตเลย แต่น่าเสียดายที่เราคงจะกลับไปทำตัวแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว” หลางซุนเย่กล่าวพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ

ทั้งคู่ต่างก็เคยเป็นหัวหน้าแก๊งมาก่อน แต่หลังจากที่พวกเขาอายุครบ 18 ปีแล้วพวกเขาต่างก็เลือกเส้นทางเดินที่แตกต่างกันออกไป โดยหลางซุนเย่ยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับสมาชิกภายในแก๊งเอาไว้ แตกต่างจากเฝิงซินเหนียนที่ปลีกตัวออกมาจากแก๊งในทันที และพยายามพิสูจน์ตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมจะสืบทอดตำแหน่งผู้นำกลุ่มมังกรฟ้าในอนาคต

“อย่างที่ฉันเคยบอกนั่นแหละว่านายโชคดีกว่าฉันมาก นี่ถ้าหากพ่อรู้ว่าฉันยังมาเจอกับพวกเขาอีก บางทีฉันก็อาจจะถูกลงโทษก็ได้” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

“มันเป็นเพราะว่าตระกูลของพี่มีลูกหลานน้อยเกินไป ภาระหน้าที่ทั้งหมดมันเลยตกอยู่กับพี่เพียงคนเดียว ผมได้ยินมาว่าตระกูลพี่กำลังพยายามหาภรรยาให้กับพี่อยู่ใช่ไหมล่ะ? ผมแนะนำให้พี่แต่งงานกับผู้หญิงหลาย ๆ คนไปเลย เพราะถ้าหากว่าพี่มีลูกมาก ๆ ลูกชายพี่ก็จะได้เข้ามาช่วยแบ่งเบาความรับผิดชอบของพี่ไป” หลางซุนเย่กล่าว

“นายคิดว่าการมีลูกมาก ๆ มันเป็นเรื่องดีงั้นเหรอ? อีกอย่างกฎของตระกูลฉันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็มีภรรยาได้เพียงแค่คนเดียว”

“ว่าแต่นายระวังตัวเอาไว้เถอะ ถ้าหากเด็กพวกนั้นสร้างปัญหาขึ้นมามากเกินไป ฉันกับนายอาจจะถูกคนอื่นด่าลับหลังว่าพวกเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในวันนี้” เฝิงซินเหนียนกล่าว

“เรื่องนี้ผมไม่ผิดนะ! ผมแค่บอกชุนหลินกับชุนเฟิงเท่านั้น ส่วนคนที่เหลือไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย” หลางซุนเย่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว

คำตอบนี้ถึงกับทำให้เฝิงซินเหนียนพูดไม่ออก ท้ายที่สุดทั้งชุนหลินและชุนเฟิงต่างก็เคยติดตามหลางซุนเย่มานานหลายปี เมื่อพี่ใหญ่ของพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาจึงเรียกรวมสมาชิกแก๊งทุกคนเพื่อให้สถานการณ์ในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

แม้ว่าเด็ก ๆ ภายในแก๊งจะค่อนข้างก้าวร้าวแต่พวกเขาก็มีนิสัยรักพวกพ้องของตัวเองมาก เมื่อทุกคนได้ยินแผนการที่หลางซุนเย่กับเฝิงซินเหนียนกำลังจะทำ พวกเขาจึงรีบอาสาเดินทางกันมาที่นี่อย่างรวดเร็ว

เมื่อมีแก๊งเด็กอันธพาลจำนวนมากมารวมตัวกัน คนที่รู้สึกปวดหัวที่สุดย่อมต้องเป็นตระกูลหยูอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปห้ามปรามคุณชายพวกนี้ได้ งานเลี้ยงแต่งตั้งผู้นำตระกูลคนใหม่จึงวุ่นวายไปพักหนึ่ง

“ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะต่างไปจากที่ผมจินตนาการเอาไว้นิดหน่อยนะ” หลางซุนเย่เอามือลูบหัวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ

เฝิงซินเหนียนทำได้เพียงแต่พยายามอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจแค่ไหนก็ตาม

ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยต้องการที่จะขอความช่วยเหลือพวกเขาทั้งสองคนเพื่อมาสร้างความวุ่นวายขึ้นจากเดิมเล็กน้อยเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ที่ตามมามันกลับเกินกว่าความคาดหมายของเซี่ยเฟยไปมาก

ทันใดนั้นทั่วทั้งโถงบรรพบุรุษของตระกูลหยูก็เงียบเสียงลงอย่างฉับพลัน พร้อมกับหญิงสาว 2 คนที่เดินเข้ามาภายในงาน

“นั่นมันพี่มู่ฟู่ผิง!”

“แม้แต่พี่มู่ฟู่ผิงก็มางานนี้ด้วยงั้นเหรอ?”

เหล่าบรรดาลูกหลานจากกลุ่มดาวม้าขาวต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี เหล่าบรรดาสมาชิกแก๊งอันธพาลจึงรีบทักทายมู่ฟู่ผิงในทันทีที่พวกเขาได้เห็นเธอ

แก๊งอันธพาลทำให้มู่ฟู่ผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเธอไม่คิดว่ามันจะมีลูกหลานตระกูลใหญ่จากกลุ่มดาวม้าขาวได้มารวมตัวกันเป็นจำนวนมากขนาดนี้

“หลางซุนเย่กับเฝิงซินเหนียนอยู่ไหน?” มู่ฟู่ผิงกล่าวถาม

“พวกเขาอยู่ตรงนั้น” สมาชิกแก๊งอันธพาลชี้นิ้วไปยังพี่ใหญ่ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันมู่ฟู่ผิงแต่งกายด้วยผ้าไหมที่ปลิวไสว และเมื่อมันได้รวมรูปลักษณ์อันสวยงามเข้ากับสถานะอันพิเศษของเธอ การปรากฏตัวของเธอจึงดึงดูดสายตาของแขกภายในงานได้ทุกคน

“เธอคือคุณหนูมู่ฟู่ผิงจากตระกูลวิทเทอร์ไม่ใช่เหรอ?”

“ทำไมเธอถึงเดินทางมาที่นี่? หรือว่าตระกูลวิทเทอร์จะมีความสัมพันธ์กับตระกูลหยู?”

พิธีรับตำแหน่งของหยูฮัวเริ่มมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วทุกคนต่างก็พยายามคาดเดาว่าตระกูลหยูจะต้องมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลใหญ่ของเด็กพวกนี้แน่ ๆ

“สวัสดีมู่ฟู่ผิง”

ทั้งเฝิงซินเหนียนและหลางซุนเย่ต่างก็เริ่มทักทายเมื่อได้เห็นหญิงสาวเดินเข้ามา

“พี่เฝิง สิ่งที่ฉันได้ยินในก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?” มู่ฟู่ผิงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล

“พวกเรามารอดูกันก่อนเถอะ ความจริงฉันก็ยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของจดหมายนั้นได้เหมือนกัน มันจึงยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าคนที่ส่งจดหมายนั้นมาคือเซี่ยเฟย”

“ตอนนี้เวลาก่อนเริ่มพิธีเหลือไม่ถึง 5 นาทีแล้ว ถ้าหากเหตุการณ์เป็นไปอย่างที่จดหมายได้อธิบายไว้จริง ๆ ในเวลานั้นพวกเราก็ต้องช่วยกันทวงหาความยุติธรรมให้กับเขา” เฝิงซินเหนียนกล่าว

ในระหว่างที่เฝิงซินเหนียนอธิบายหลางซุนเย่ก็พยักหน้าเสริมอยู่ซ้ำ ๆ เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นโรคที่คุยกับผู้หญิงไม่ค่อยรู้เรื่อง ดังนั้นถ้าหากว่าเขาเป็นคนอธิบาย มันก็อาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

“เซี่ยเฟยเคยช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ในเมื่อเขามีปัญหาฉันก็จะพยายามช่วยเขาอย่างสุดความสามารถ” มู่ฟู่ผิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ

หลังจากพูดคุยกันสั้น ๆ มู่ฟู่ผิงกับน้องสาวของเธอก็แยกตัวจากไป ท้ายที่สุดสถานะของเธอก็ค่อนข้างสำคัญมากจนเกินไป มันจึงไม่ใช่เรื่องดีถ้าหากว่าเธออยู่พูดคุยกับเฝิงซินเหนียนเป็นเวลานาน

เมื่อถึงเวลาเริ่มพิธี เสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้นอย่างแผ่วเบา แขกภายในงานจำนวนหลายพันคนต่างก็พร้อมใจเงียบเสียงของพวกเขาลง เพราะเสียงดนตรีเป็นสัญญาณบอกว่าพิธีการกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

หยูจิน, หยูซีหยวน, ผู้อาวุโสของตระกูลหยูและตัวแทนจากสมาคมผู้คุมกฎต่างก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีทีละคน

“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่เดินทางมาเข้าร่วมงานสำคัญของตระกูลหยูในวันนี้ ในฐานะที่ผมเป็นผู้อาวุโสของตระกูล ผมขอเป็นตัวแทนของตระกูลกล่าวยินดีต้อนรับพวกคุณทุกคน”

“ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าผู้นำตระกูลคนเก่าของพวกเราเพิ่งจะเสียชีวิตลงไปเพียงแค่ไม่นาน แม้ว่าพวกเราจะยังคงระลึกถึงผู้อาวุโสหยูเจียงอยู่เสมอ แต่ตระกูลก็ยังจำเป็นจะต้องเดินหน้าต่อไป คณะผู้อาวุโสของตระกูลจึงมีมติเอกฉันท์ โดยให้หยูฮัวผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหลนของผู้นำตระกูลคนก่อนและเป็นราชากฎระดับสูงขึ้นรับตำแหน่งเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป” หยูจินประกาศเปิดพิธีการ

ทันทีที่เสียงประกาศจบลงทุกคนต่างก็ปรบมือเพื่อเป็นเกียรติให้กับหยูฮัว

แต่ในขณะที่หยูจินกำลังจะประกาศเรียกหยูฮัวออกมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลอยู่นั่นเอง จู่ ๆ มันก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“พวกเรายังไม่เจอตัวฆาตกรที่สังหารอดีตผู้นำด้วยซ้ำ ฉันคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องแต่งตั้งผู้นำตระกูลคนต่อไป!”

เสียงปริศนาก่อให้เกิดบรรยากาศอันเงียบสงัดในทันที และในขณะที่หยูจินกำลังจะพูดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ มันกลับได้มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นมาจากฝูงชน

โห่…

“พวกตระกูลหยูไม่คิดที่จะแก้แค้นให้อดีตผู้นำของตัวเองด้วยซ้ำ แต่กลับคิดที่จะแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ขึ้นมาแล้ว”

“ไอ้พวกตาขาว!”

เสียงโห่ร้องเริ่มดังมากขึ้นเรื่อย ๆ และทันใดนั้นหยูจินก็ได้พบว่ามันมีกลุ่มวัยรุ่นหลายสิบคนพยายามสร้างปัญหาให้กับพวกเขา

“รีบลากไอ้เด็กพวกนั้นออกไปเร็ว ๆ เข้า! พวกมันกล้าดียังไงถึงมาทำตัวแบบนี้ในพิธีสำคัญของตระกูลหยู” หยูจินรีบเรียกทหารของตระกูลมาขับไล่แก๊งอันธพาลออกไปในทันที

แต่ในทันใดนั้นเองมันก็ได้มีใบมีดปริศนาบินออกมาจากฝูงชนแล้วพุ่งเข้าไปยังใบหน้าของหยูจินอย่างฉับพลัน และมันก็ทำให้พิธีการในวันนี้เข้าสู่ความวุ่นวายอย่างแท้จริง

***************

เปิดฉากของขวัญแสดงความยินดีของพี่เฟย

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.