ตอนที่ 712 พายุกำลังมา

-A A +A

ตอนที่ 712 พายุกำลังมา

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 712 พายุกำลังมา

ในวันที่ 2 ขณะที่เซี่ยเฟยกำลังพัฒนาเป็นราชากฎ มันก็ได้มีงานแสดงที่น่าสนใจเกิดขึ้นในตระกูลหยูด้วยเช่นกัน

ในวันนั้นตระกูลหยูถูกตกแต่งด้วยรูปลักษณ์ใหม่ แล้วมันก็มีแขกจากตระกูลต่าง ๆ เดินทางมาที่ตระกูลอย่างคับคั่ง

แขกที่เดินทางมาในวันนั้นไม่ได้มีเพียงแต่ตัวแทนของตระกูลที่สนิทสนมกับตระกูลหยูเท่านั้น เพราะแม้แต่ตัวแทนจากตระกูลชั้นยอดก็เดินทางมาที่ตระกูลหยูในวันนั้นด้วย

ตระกูลชั้นยอดในเขตแดนเทพถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอำนาจด้อยกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเผ่าเทพเท่านั้น ตัวตนของพวกเขาจึงไม่ต่างไปจากผู้ทรงอำนาจที่สามารถเหลือบสายตามองดูผู้คนได้จากยอดพีระมิด

แน่นอนว่าตระกูลเฝิงที่ดูแลหอคอยมังกรฟ้าก็เป็นตระกูลที่ไม่อาจมองข้ามได้ด้วยเช่นเดียวกัน เพียงแต่ตระกูลเฝิงไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก ฐานอำนาจของพวกเขาจึงยังด้อยกว่าเหล่าบรรดาตระกูลชั้นยอด

พิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลถูกจัดขึ้นที่โถงบรรพบุรุษภายในเมืองหลักของตระกูลหยู ซึ่งโถงบรรพบุรุษของตระกูลหยูที่มีเอาไว้สำหรับการไหว้บรรพบุรุษมีอยู่ทั้งสิ้น 2 แห่ง โดยแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่เกาะอสรพิษพิทักษ์ ส่วนอีกแห่งตั้งอยู่ภายในเมืองหลักให้คนทั่วไปสามารถเข้ามากราบไหว้บรรพบุรุษของตระกูลได้

ในอดีตตอนที่ตระกูลหยูมีความเจริญรุ่งเรือง มันมีตระกูลขนาดเล็กหลาย ๆ ตระกูลที่ได้รับการคุ้มครองจากตระกูลนี้ พวกเขาจึงมักจะส่งคนมาไหว้บรรพบุรุษของตระกูลหยูในทุก ๆ ปี โถงบรรพบุรุษในเมืองหลักของตระกูลหยูจึงได้กลายเป็นสถานที่ที่มีเอาไว้สำหรับจัดงานสำคัญของตระกูล

บริเวณโถงบรรพบุรุษถูกตกแต่งเอาไว้ด้วยผ้าไหมสีแดง และตรงกลางลานได้มีแท่นหินอ่อนสีขาวถูกสลักเอาไว้ด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ที่มีใจความเขียนไว้ว่า

“พิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูล”

อายุขัยของผู้คนในดินแดนกฎมักจะมีอายุยืนยาวหลายร้อยปี ผู้นำตระกูลคนใหม่จึงมีสิทธิ์ชี้นำเส้นทางให้กับตระกูลเป็นเวลาหลายร้อยปีด้วยเช่นกัน ดังนั้นทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งผู้นำตระกูลจึงจำเป็นจะต้องมีการแต่งตั้งอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในกระแสสังคม

โถงบรรพบุรุษมีขนาดใหญ่มากและมีแขกเข้าร่วมพิธีจำนวนหลายพันคน ซึ่งแขกแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญในตระกูล เพราะแขกที่ไม่ค่อยสำคัญมากนักไม่สามารถที่จะเข้ามาร่วมพิธีในเขตของโถงบรรพบุรุษได้

พิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลในครั้งนี้คล้ายกับงานเลี้ยงของชาวตะวันตกบนโลกมนุษย์ โดยแขกทุกคนจะยื่นพูดคุยสนทนาสังสรรค์กันและมีบริกรคอยนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้กับแขกตามมุมต่าง ๆ

วันนี้หยูชิชิสวมชุดสีม่วงและตกแต่งเครื่องประดับอย่างงดงาม ขณะที่เธอยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างตื่นเต้น

“คุณลุงหยูฮัวมีคนรู้จักอยู่มากจริง ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าแม้แต่ 9 ตระกูลชั้นยอดก็ยังส่งตัวแทนมาเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลในวันนี้ด้วย ย่าของฉันบอกว่างานเลี้ยงวันนี้มันมีชีวิตชีวามากกว่าตอนที่คุณปู่ได้รับตำแหน่งเสียอีก ฉันว่าคุณลุงจะต้องนำพาตระกูลของเราให้ทะยานขึ้นไปในฟากฟ้าได้อย่างแน่นอน” หยูชิชิหันไปพูดกับชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง

“ท่านลุงคืออดีตอัจฉริยะของตระกูลเราเชียวนะ แม้แต่พี่เสี่ยวเป่ยก็ยังมีพรสวรรค์เทียบกับท่านลุงหยูฮัวไม่ได้ ความคิดของท่านลุงก็มีความเฉลียวฉลาดและตัดสินใจได้อย่างเฉียบแหลมมากเหมือนกัน จนทำให้แม้กระทั่งท่านอาหยูจินก็ยังต้องยอมยกตำแหน่งให้กับท่านลุง” ชายหนุ่มที่อยู่กับหยูชิชิกล่าวเสริมอย่างเห็นด้วย

“คนสมัยนี้นี่มันรีบร้อนจริง ๆ กระดูกของคนรุ่นก่อนยังไม่ทันย่อยสลายไปด้วยซ้ำ แต่พวกเขากลับแต่งตั้งผู้นำตระกูลคนใหม่ขึ้นมาแล้ว” จู่ ๆ มันก็ได้มีเสียงอันเย็นชาดังขึ้นมาจากด้านหลังของหยูชิชิ

เมื่อหญิงสาวหันกลับไปด้วยความโกรธเธอก็ได้พบกับชายหนุ่ม 2 คนวัยประมาณ 20 ปี ซึ่งคนหนึ่งเป็นคนอ้วนและอีกคนหนึ่งเป็นคนผอมที่เธอไม่รู้จัก

“พวกนายกำลังพูดถึงใคร!?” หยูชิชิเป็นคุณหนูที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เมื่อคนพวกนี้ตั้งใจที่จะต่อว่าตระกูลของเธอ มันจึงทำให้เธอเริ่มแสดงนิสัยเสียออกมาด้วยเช่นกัน

“ทุกคนที่นี่มีใครรู้บ้างว่าอดีตผู้นำเสียชีวิตลงได้ยังไง? เซี่ยเฟยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง ๆ หรือเปล่า? คุณที่เป็นสมาชิกของตระกูลหยูรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้นจริง ๆ เหรอ?”

“เซี่ยเฟยคือผู้ต้องสงสัยที่มาทำร้ายคุณปู่อย่างแน่นอน และสาเหตุที่เขาเข้าร่วมกับตระกูลหยูมันก็เป็นเพราะว่าเขามีเจตนาร้ายตั้งแต่แรก แล้วพวกนายล่ะรู้อะไรบ้างถึงได้มาพูดแบบนี้!” หยูชิชิกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง

“เธอนั่นแหละรู้อะไรถึงกล้ามาพูดแบบนี้ ถ้ามีปัญหามากก็มาอัดกันเลยไหม!” ชายอ้วนจ้องมองไปทางหยูชิชิด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส

“นี่นายจะมาทะเลาะกับเธอไปทำไม พวกเราไปดื่มที่อื่นกันเถอะ” ชายร่างผอมกล่าว

หยูชิชิรู้ดีว่าแขกทุกคนที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ห้องโถงบรรพบุรุษได้ ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีสถานะที่สูงศักดิ์ แต่เธอก็ไม่คิดมาก่อนว่าชายอ้วนผู้หยิ่งผยองคนนี้จะถึงขนาดกล้าหาเรื่องเธอภายในโถงบรรพบุรุษ

เมื่อชายทั้งสองคนนั้นจากไปหยูชิชิก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ แต่เนื่องจากเธอไม่กล้าตามไปหาเรื่องแขกทั้งสองคนต่อ เธอจึงทำได้เพียงแต่ยืนเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้นด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น

“น้องเจ็ดพวกเราอย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลยดีกว่า” ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ส่งเสียงกระซิบ

“ทำไม? พวกเขามีอำนาจมากเลยงั้นเหรอ?” หยูชิชิถามขึ้นมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

“คนอ้วนคนนั้นเป็นหลานชายสายตรงของผู้นำตระกูลเชฟชิฟเตอร์คนปัจจุบัน ส่วนคนผอมคนนั้นคือนายน้อยของตระกูลเฝิง ตอนที่พวกเขาเดินทางมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้แม้แต่ท่านอาหยูเผิงก็ยังต้องออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยความเคารพ”

เมื่อหยูฮัวได้รับการแต่งตั้งให้กลายเป็นผู้นำตระกูล พี่น้องหยูเผิงกับหยูจินก็ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้อาวุโสของตระกูลด้วยเช่นกัน แม้แต่เรื่องสำคัญอย่างการต้อนรับแขกก็ยังถูกมอบหมายให้กับหยูเผิง ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าหยูฮัวให้ความไว้วางใจพี่น้องทั้งสองคนนี้มากแค่ไหน

“แขกจากตระกูลเชฟชิฟเตอร์กับตระกูลเฝิงงั้นเหรอ?” หยูชิชิอุทานขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด

“ใช่แล้ว ในคราวนี้ตระกูลเชฟชิฟเตอร์ไม่ได้ส่งตัวแทนคนไหนมาเข้าร่วมงาน แต่หลางซุนเย่ได้มาเข้าร่วมพิธีในฐานะตัวแทนจากสมาคมผู้คุมกฎ ขณะที่เฝิงซินเหนียนก็เดินทางมาเข้าร่วมงานด้วยตัวเองไม่ได้มาร่วมงานในฐานะของตัวแทนจากกลุ่มมังกรฟ้าด้วยเหมือนกัน” ชายหนุ่มกล่าวตอบ

“พวกเขาเป็นเพื่อนของเซี่ยเฟยงั้นเหรอ?” หยูชิชิพึมพำขึ้นมาเบา ๆ

ตระกูลเชฟชิฟเตอร์เป็น 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอด ขณะที่ตระกูลเฝิงก็เป็นตระกูลที่มีความพิเศษมากเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขาคือตระกูลที่กุมอำนาจภายในกลุ่มมังกรฟ้า ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดภายในแดนเทพ หยูชิชิจึงไม่เข้าใจว่าหลังจากที่เซี่ยเฟยเดินทางไปยังกลุ่มดาวม้าขาวเพียงแค่ไม่กี่วันแล้วเขาได้กลายเป็นเพื่อนของสองคนนี้ได้ยังไง

“หลางซุนเย่! นายจะใจร้อนมากเกินไปแล้ว อย่าลืมนะว่าพวกเราเดินทางมาที่นี่ในฐานะของแขก ถ้านายก่อเรื่องขึ้นมาไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบต่อตระกูลของนายบ้างหรือยังไง?” เฝิงซินเหนียนหยิบแก้วแชมเปญยื่นให้หลางซุนเย่พร้อมกับพยายามพูดเตือนสติ

“คนพวกนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอดีตผู้นำของตัวเองตายได้ยังไง แต่พวกเขาก็ยังผลักความรับผิดชอบทุกอย่างไปให้กับเซี่ยเฟย เรื่องนี้มันจะต้องมีเลศนัยอะไรบางอย่างแน่ ๆ ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าวันนี้พวกมันจะแสร้งทำตัวต่อหน้าคนอื่นออกมายังไง” หลางซุนเย่กล่าวอย่างเย็นชา

เฝิงซินเหนียนทำได้เพียงแต่ยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร แล้วมันก็โชคดีที่หลางซุนเย่มีพี่ชาย 2 คนเขาจึงไม่ต้องแบกรับภาระที่จะต้องขึ้นเป็นผู้นำตระกูลในรุ่นต่อ ๆ ไป ดังนั้นถึงแม้ว่าหลางซุนเย่จะสูญเสียความเยือกเย็นไปบ้างแต่มันก็ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อตระกูลมากนัก

ในทางกลับกันเฝิงซินเหนียนจะต้องขึ้นไปสืบทอดตำแหน่งผู้นำของตระกูล แรงกดดันที่เขาแบกรับจึงเหนือกว่าหลางซุนเย่มาก และมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีความคิดที่เยือกเย็นมากกว่าคนในรุ่นเดียวกัน

“บางทีฉันก็อิจฉานายจริง ๆ ที่อยากจะพูดอะไรก็พูดอยากจะทำอะไรก็ทำ ฉันนี่จะทำอะไรทีก็ต้องคิดถึงตระกูลก่อนเสมอ หวังว่าคราวนี้ทุกอย่างจะเป็นเหมือนกับสิ่งที่เซี่ยเฟยได้บอกเอาไว้ในจดหมายนะ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะต้องถูกพ่อดุแน่ ๆ” เฝิงซินเหนียนกล่าว

“พี่เฝิงคิดว่าจดหมายนั่นเป็นจดหมายของเซี่ยเฟยจริง ๆ หรือเปล่า?” หลางซุนเย่กล่าวถามด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม

“มีโอกาสเป็นไปได้ ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นคนที่ไม่มีภูมิหลังในดินแดนกฎ คนที่เขาพอจะขอความช่วยเหลือได้มากที่สุดก็มีแค่นายกับฉันเท่านั้น เราควรรอดูก่อนว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้ไหม ถ้าหากว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริงเหมือนกับที่จดหมายได้บอกเอาไว้ เราก็แค่ต้องร่วมมือกันสร้างปัญหาให้มันใหญ่ขึ้น” 

“ถึงแม้ว่ากำลังของเรายังไม่มากพอที่จะสร้างความปั่นป่วนให้วุ่นวายขึ้นมา แต่อย่างน้อยเรื่องนี้มันก็จะไม่ถูกปกปิดเอาไว้อีกต่อไป นอกจากนี้ฉันยังประเมินเซี่ยเฟยเอาไว้สูงมาก การที่เรามีโอกาสสร้างหนี้บุญคุณให้กับเขามันก็จะเป็นประโยชน์ต่อเราในอนาคต” เฝิงซินเหนียนกล่าว

“ผมไม่ได้อยากทำให้ใครมาเป็นหนี้บุญคุณผมหรอก ผมก็แค่ทนไม่ไหวถ้าหากว่าเห็นใครเจอเรื่องที่ไม่ยุติธรรม” หลางซุนเย่กล่าวอย่างไม่เห็นด้วย

เฝิงซินเหนียนทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เพราะเมื่อพูดถึงเรื่องความซื่อตรงเรื่องนี้เขาก็สู้หลางซุนเย่ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะท้ายที่สุดตระกูลเฝิงก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องแบกรับเอาไว้หนักมาก แล้วถ้าหากว่าเขาเป็นคนที่ซื่อตรงมากเกินไป มันก็อาจจะทำให้เขาไม่สามารถเอาตัวรอดภายในดินแดนอันโหดร้ายแห่งนี้ได้

“พิธีมอบตำแหน่งกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ทำไมมู่ฟู่ผิงถึงยังไม่มาอีกล่ะ?” หลางซุนเย่กล่าวขึ้นมาเบา ๆ หลังจากที่เขาเหลือบตามองดูเวลา

“มู่ฟู่ผิงจะมาทำอะไร?” เฝิงซินเหนียนกล่าวถามด้วยความแปลกใจ

“ผมเป็นคนขอให้เธอมาเอง ในตอนที่ผมได้จดหมายผมก็คิดว่าเซี่ยเฟยกำลังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราจริง ๆ ผมก็เลยติดต่อไปหามู่ฟู่ผิง เพราะอย่างน้อยเธอก็น่าจะช่วยเหลือพวกเราในเรื่องนี้ได้” หลางซุนเย่ตอบ

คราวนี้เสียงของหลางซุนเย่ค่อนข้างดังน้ำเสียงของเขาเลยดึงดูดความสนใจของคนอื่นได้ในทันที เฝิงซินเหนียนจึงรีบดึงตัวชายหนุ่มออกไป ก่อนที่เขาจะกระซิบพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า

“หลางซุนเย่! ทำไมนายไม่บอกเรื่องนี้กับฉันก่อน นายไม่รู้หรือยังไงว่าเซี่ยเฟยกับมู่ฟู่ผิง…”

“ผมรู้! พวกเขากำลังชอบพอกันอยู่ใช่ไหมล่ะ? ผมก็เลยเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แล้วใครจะไปรู้หลังจากนี้พวกเขาก็อาจจะแต่งงานกันเลยก็ได้ เมื่อถึงเวลาที่เซี่ยเฟยแต่งงานกับทายาทของตระกูลวิทเทอร์จริง ๆ ในเวลานั้นผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะมีใครกล้ามาดูถูกเขาอีกไหม” หลางซุนเย่กล่าวขัดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

คำตอบนี้ถึงกับทำให้เฝิงซินเหนียนพูดไม่ออก และเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลางซุนเย่ไปได้ยินข่าวเรื่องนี้มาจากไหน แต่เรื่องหนึ่งที่เขามั่นใจคือเซี่ยเฟยไม่ได้มีความคิดที่จะแต่งงานกับมู่ฟู่ผิงแน่ ๆ

ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น มันก็มีเสียงดังโวยวายดังขึ้นมาจากระยะไกล เมื่อเฝิงซินเหนียนหันไปยังต้นเสียงเขาก็ได้พบกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 กว่าคนเดินโซเซเข้ามาภายในงาน หลางซุนเย่จึงรีบยกมือตะโกนเรียกทุกคนในทันที

“พี่น้อง! ฉันอยู่ทางนี้!!”

“นี่นาย... นายเรียกพวกเขามาทำไม?” เฝิงซินเหนียนอุทานพร้อมกับส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง

***************

555555555 อย่าบอกนะว่าไอ้หมาน้อยเรียกระดมพลเด็กแสบประจำดินแดนกฎมา

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.