ตอนที่ 672 ครอบครัวของซุยเซน
ตอนที่ 672 ครอบครัวของซุยเซน
หญิงสาวร้องไห้ออกมาอย่างโศกเศร้าแต่มันก็ไม่ใช่เพราะการโจมตีของเซี่ยเฟยรุนแรงมากจนเกินไป แต่มันเป็นเพราะเธอรู้สึกหดหู่ใจที่ชายหนุ่มสามารถมองทะลุผ่านการปลอมตัวของเธอเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้นสภาพของเธอในปัจจุบันยังสะบักสะบอมไม่เหลือชิ้นดี ซึ่งมันถือว่าเป็นความอัปยศภายในใจของเธอมากพอสมควร
“ฮ่า ๆ ๆ ดูเหมือนว่านายจะเผลอไปรังแกลูกสาวของซุยเซนเข้านะ” โอโร่หัวเราะอย่างชอบใจ
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่ส่ายหัวเงียบ ๆ และมองไปยังชายผู้มาใหม่ที่มีคิ้วหนาและตาโต
“บ้านพวกนี้ก็เป็นของปลอม, ป่าไผ่ก็เป็นของปลอมและผู้คนก็เป็นของปลอมด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าฉันจะถูกหลอกตั้งแต่แรกเลยสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ชายคิ้วหนาผู้กระโดดออกมาปกป้องหญิงสาวชะงักค้างไปในทันที เมื่อเซี่ยเฟยบอกว่าทุกสิ่งคือของปลอม
“นายรู้ได้ยังไง? ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกอะไรเลย?” โอโร่ถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่เป็นทักษะที่ผสานระหว่างภาพลวงตา, การปลอมตัวและการแสดงชั้นยอด ความจริงสถานที่แห่งนี้มันไม่ใช่ป่าไผ่แต่เป็นเวทีแสดงละครขนาดใหญ่ต่างหาก” เซี่ยเฟยตอบกลับไป
แม้ว่าโอโร่จะสูญเสียพลังการต่อสู้ทั้งหมดไปแล้วแต่ทักษะการสังเกตของเขายังคงอยู่ อย่างไรก็ตามการที่เซี่ยเฟยจับได้ว่าเซธที่เดินทางมาพร้อมกันไม่ใช่ตัวจริง มันก็มากพอที่จะทำให้โอโร่รู้สึกตกใจแล้ว และในตอนนี้ชายหนุ่มยังบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นของปลอม มันจึงยิ่งทำให้โอโร่รู้สึกตกตะลึงมากขึ้นไปอีก
เซี่ยเฟยจะต้องมีทักษะการสังเกตและการวิเคราะห์มากแค่ไหน เขาถึงสามารถแยกแยะภาพลวงตาออกจากความจริงได้แบบนี้!?
ชายหนุ่มค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าที่มีชายคิ้วหนาปกป้องหญิงสาวด้านหลังเอาไว้อย่างเต็มที่
“วันนี้ฉันเดินทางมาเพื่อต้องการว่าจ้างคุณซุยเซนอย่างจริงใจ หากพวกเธอไม่ต้องการรับงานก็แค่บอกตรง ๆ ทำไมเธอจะต้องมาทำเรื่องให้มันยุ่งยากแบบนี้ด้วย และถึงแม้ว่าวิธีการของเธอจะแยบยลมาก แต่มันก็ยังไม่สามารถหลอกสายตาของฉันได้” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงใจ
“คุณกำลังพูดอะไร? มันเห็นได้ชัดเลยว่าอาจารย์ไม่อยู่บ้านแต่คุณมารังแกศิษย์น้องของฉัน ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังมาโยนความผิดให้กับพวกเราว่าเป็นคนไปหลอกลวงคุณอีก?” หนุ่มคิ้วหนากล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เซี่ยเฟยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแหวนมิติ ก่อนที่เขาจะใช้พลังจิตบังคับให้ผ้าเช็ดหน้าผืนบางค่อย ๆ ลอยไปหาหญิงสาวราวกับใบไม้ที่กำลังร่วงหล่น
หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาอย่างสับสน เพราะเธอไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยทำยังไงผ้าเช็ดหน้ามันถึงได้ลอยเข้ามาหาเธอแบบนี้
“ถ้าเธอไม่ปลอมตัวเป็นเซธและเริ่มหลอกฉันก่อน เรื่องทุกอย่างมันก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่ถึงยังไงฉันก็เริ่มรังแกเด็กผู้หญิงคนนี้ก่อนจริง ๆ เอาเป็นว่าฉันขอโทษเธอด้วยก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“ใครบอกว่าฉันเป็นเด็ก! ฉันอายุ 14 แล้วนะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
เด็กหนุ่มคิ้วหนาเหลือบตามองหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังและทำให้หญิงสาวคนนั้นหยุดพูดในทันที แน่นอนว่าภาพนี้ย่อมอยู่ภายในสายตาของเซี่ยเฟย และมันก็ช่วยยืนยันการตัดสินใจของเขาว่าสิ่งที่เขาคิดมันไม่ได้ผิดไปจากสิ่งตรงหน้ามากนัก
“เธอยังเด็กแล้วมันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะชอบเล่นสนุก แต่คุณเป็นผู้ใหญ่แล้วมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลใช่ไหมที่คุณจะมาหลอกลวงแขกที่ต้องการจะว่าจ้างคุณ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ใครหลอกคุณ? ถึงศิษย์น้องของฉันจะหลอกลวงคุณแต่คุณก็อย่ามาเหมาว่าฉันเป็นคนหลอกลวงคุณด้วย” ชายหนุ่มกล่าวอย่างมั่นใจ
เซี่ยเฟยมองเห็นร่องรอยแห่งความดูถูกภายในแววตาของชายตรงหน้า คล้ายกับว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะดื้อรั้นจนถึงขีดสุด โดยคิดว่าเซี่ยเฟยไม่สามารถมองเห็นการหลอกลวงตรงหน้าได้
“ในเมื่อคุณต้องการหลักฐานก็ดูนี่ก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ จากนั้นเขาก็สะบัดมือขึ้นไปในอากาศก่อเกิดเป็นคลื่นพลังที่จู่โจมออกไปตรงหน้าอย่างฉับพลัน
ตูม!
คลื่นพลังที่ไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยตาเปล่าแพร่กระจายไปทั่วทั้งอากาศอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมันก็มีลมพายุอันรุนแรงพัดกระท่อมไม้ไผ่ทั้งสามหลังและป่าไผ่ในบริเวณนั้นจนราบเป็นหน้ากลอง
ทันใดนั้นเองสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบก็เปลี่ยนไปตามการโจมตีของเซี่ยเฟย เพราะทันทีที่ป่าไผ่ถูกทำลายอาคารอีกหลังหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน โดยอาคารนี้ถูกปกคลุมไปด้วยกระเบื้องสีฟ้า, ผนังตัวอาคารเป็นสีขาวเหมือนใหม่, บนพื้นลานกว้างถูกประดับไปด้วยก้อนกรวดที่สวยงาม บ่งบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดสรรมาเป็นอย่างดี
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็พุ่งตัวออกไปราวกับสายฟ้านำพาคนสองคนออกมาจากอาคารตรงหน้า โดยคนหนึ่งคือเซธที่เป็นลมหมดสติ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนแปลกหน้าที่ปัจจุบันมีใบหน้าอันซีดเซียว
“หลักฐานแค่นี้มากพอไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับโยนร่างของคนแปลกหน้าเอาไว้ด้านข้างร่างของเด็กสาว
ชายคิ้วหนาขมวดคิ้วจนเห็นรอยย่นบนหน้าผาก เพราะการที่เซี่ยเฟยสามารถทำลายการพรางตาของพวกเขาได้ มันก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นความอับอายในวิชาชีพของพวกเขา
“นายมันเป็นพวกไร้เหตุผล! มันไม่มีใครไร้ยางอายเหมือนกับนายอีกแล้ว!!” เด็กสาวหยุดร้องไห้และตะโกนไปทางเซี่ยเฟยด้วยความโกรธ
“เธอต่างหากที่มาหลอกลวงฉันก่อน ฉันกับทาสยังไม่ทันได้ทำอะไรให้พวกเธอขุ่นเคืองเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมเธอถึงต้องมาวางยาแล้วปลอมตัวเป็นทาสของฉันด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างใจเย็น
หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็หยิบขวดยาออกมาให้เซธดม ก่อนที่ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่จะรีบกระโดดขึ้นจากพื้นแล้วมองไปรอบ ๆ ในทันที
“นายท่านระวัง…”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของนาย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับโบกมือ
ทันใดนั้นชายหนุ่มคิ้วหนาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาในทันที โดยในขณะนี้เสียงของเขาไม่ใช่เสียงของเด็กอีกต่อไป แต่มันเป็นเสียงของผู้ใหญ่ที่ฟังดูแหบแห้งอยู่เล็กน้อย
“นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีเลยที่บ้านของฉันถูกเปิดเผยออกมาแบบนี้”
จู่ ๆ มันก็ได้มีกลุ่มควันสีเขียวลอยขึ้นมาปกคลุมร่างของทุกคนเอาไว้ และเมื่อควันหายไปเด็กสาวก็ได้เปลี่ยนไปอยู่ในชุดสีเหลือง โดยที่รูปร่างหน้าตาของเธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แล้วเธอก็ยังคงกอดอกมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยความโกรธ
ส่วนอีกสองคนได้เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นคู่รักวัยกลางคนที่เซี่ยเฟยเข้าใจว่า พวกเขาคือซุยเซนกับภรรยาที่ไม่ค่อยเต็มใจให้คนนอกได้เห็นตัวตนที่แท้จริง
“ว่าไงเซธ? พวกเราไม่ได้เจอกันมา 10 กว่าปีแล้วสินะ ตอนนี้นายเป็นยังไงบ้าง?” ซุยเซนเริ่มทักทายด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เขาไม่จำเป็นจะต้องปิดบังตัวตนอีกต่อไปแล้ว
—
หลังจากสนทนากันไปสักพักหนึ่งเซธก็เริ่มแนะนำเซี่ยเฟยให้ซุยเซนได้รู้จัก และอธิบายว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นทาสของชายหนุ่ม
เมื่อภาพมายาถูกทำลายลงไปแล้วซุยเซนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเชิญเซี่ยเฟยเข้าไปพักภายในบ้านที่แท้จริงของเขา
เมื่อทุกคนเข้าไปแล้วภรรยาของซุยเซนก็เริ่มทำอะไรบางอย่าง ทำให้ภาพภายนอกถูกล้อมรอบด้วยป่าไผ่อันเขียวขจีอีกครั้ง และแม้แต่บ้านไม้ไผ่ทั้งสามหลังก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วย
‘สมแล้วที่พวกเขาเป็นสายลับมืออาชีพ การลงมือของพวกเขารวดเร็วมากและการวางตำแหน่งของพวกเขาก็ชาญฉลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ คนส่วนใหญ่ที่หลงเข้ามาในพื้นที่ของซุยเซนคงจะไม่มีทางหาตำแหน่งบ้านที่แท้จริงของพวกเขาได้’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร?” ซุยเซนถาม
เซธยังไม่รู้จักชื่อจริงของเซี่ยเฟย เขาจึงทำได้เพียงแค่มองไปทางชายหนุ่มด้วยแววตาที่อยากรู้ด้วยเหมือนกัน
“เรียกฉันว่าอาเฟยก็ได้” เซี่ยเฟยตอบกลับไป
“คุณคงจะเป็นซุยเซนที่มีชื่อเสียงในแวดวงของสายลับสินะ ฉันรู้สึกชื่นชมคุณมานานแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวขณะมองไปยังมือซ้ายของอีกฝ่ายที่นิ้วก้อยถูกตัดหายไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าชายตรงหน้าคือซุยเซนที่ทำภารกิจล้มเหลวเพียงแค่ครั้งเดียวตั้งแต่สมัยเมื่อ 25 ปีก่อน
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่โด่งดังก็ยังเคยทำผิดพลาดได้เหมือนกัน แม้กระทั่งจอมมารผู้ทรงพลังอย่างโอโร่ก็ถูกขังอยู่ในโลงน้ำแข็ง
สิ่งสำคัญคือผู้เชี่ยวชาญจะไม่ทำผิดแบบเดิมอีกเป็นครั้งที่ 2 และประสบการณ์ที่ผิดพลาดมาในอดีตนั้นก็จะค่อย ๆ สั่งสมทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
“พูดตามตรงคำว่าซุยเซนไม่ได้หมายถึงฉันเพียงแค่คนเดียว แต่เป็นกลุ่มของพวกเราทั้งหมด และฉันก็แค่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจากทุกคนเท่านั้นเอง” ซุยเซนกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ตอนนั้นลูกสาวของคุณตะโกนเรียกหาพ่อกับลุงของเธอด้วยความตื่นตระหนก ถ้าผมเดาไม่ผิดตอนนี้ลุงที่เธอเรียกหาก็คงจะอยู่แถว ๆ นี้ใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าว
“พวกเรามักจะแฝงตัวอยู่ทุกที่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถที่จะตอบคำถามข้อนี้ของคุณได้” ซุยเซนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เทคนิคการปกปิดของพวกคุณถือได้ว่าเป็นเทคนิคชั้นยอดจริง ๆ” เซี่ยเฟยเริ่มกล่าวชม
อย่างไรก็ตามคำกล่าวชมนี้กลับทำให้ซุยเซนหน้าเสียไปเล็กน้อย เพราะเซี่ยเฟยสามารถเปิดเผยสิ่งที่พวกเขาปกปิดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย การที่ชายหนุ่มมาชื่นชมพวกเขาแบบนี้มันจึงดูค่อนข้างที่จะน่าประหลาดมากพอสมควร
“ฉันขอแนะนำให้รู้จักเธอชื่อโซระเป็นภรรยาของฉันเอง ส่วนเธอชื่อซากุระเป็นลูกสาวของฉัน” ซุยเซนเปลี่ยนหัวข้อเริ่มแนะนำภรรยากับลูกสาวของเขา
เซี่ยเฟยไม่ได้สนใจซุยเซนกับโซระมากนัก เพราะเขารู้ว่าใบหน้าพวกนี้ย่อมเป็นของปลอม มันจึงไม่มีประโยชน์ที่จะจดจำใบหน้าของพวกเขาเอาไว้ แต่ในกรณีของซากุระเธอจะต้องใช้ใบหน้าที่แท้จริงอย่างแน่นอน เขาจึงแอบจดจำใบหน้าของเธอเอาไว้เป็นพิเศษ เผื่อว่าเขาจะต้องติดตามคนพวกนี้ในอนาคต
“ไม่ทราบว่าคุณมองทะลุการปลอมตัวของซากุระได้ยังไง? ถึงฉันไม่อยากจะอวดอ้างแต่ซากุระก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะในเผ่าพันธุ์ของพวกเรา ฉันกับภรรยาฝึกฝนเธอมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบและคุณก็เป็นคนแรกเลยที่สามารถมองทะลุผ่านการปลอมตัวของเธอได้” ซุยเซนเอ่ยถาม
ทันทีที่ซากุระได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง เธอก็รีบเอียงหูฟังบทสนทนานี้อย่างตั้งใจ
“เมื่อวานนี้ฝนตกและพื้นดินส่วนใหญ่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นโคลน เซธเป็นคนที่ตัวสูงใหญ่มากการเดินของเขาย่อมทำให้เกิดรอยเท้าฝังลึกลงไปบนพื้น” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ แค่เรื่องรอยเท้าฉันไม่มีทางลืมได้อยู่แล้ว” ซากุระรีบลุกยืนขึ้นและชี้นิ้วไปทางเซี่ยเฟยอย่างไม่พอใจ
“ถูกต้อง เธอเลียนแบบเรื่องรอยเท้าของเซธแล้วจริง ๆ แต่เธอคงจะลืมเรื่องรายละเอียดไปว่ารองเท้าของคนที่เหยียบลงไปบนพื้นจะไม่ใช่รอยเท้าแบน ๆ แต่รอยเท้าที่เธอสร้างขึ้นมามันมีความสมบูรณ์มากจนเกินไป”
“นอกจากนี้ขาซ้ายของเซธยังได้รับบาดเจ็บ ทำให้เวลาเดินขาซ้ายของเขาจะเบี่ยงออกข้างไปเล็กน้อย, ระยะการก้าวขาครั้งหนึ่งจึงอยู่ที่ประมาณ 49 เซนติเมตร แต่ทุกครั้งที่เธอก้าวเท้าเธอจะก้าวเท้าในระยะมากกว่า 50 เซนติเมตรขึ้นไปทุกครั้งเลย”
คำอธิบายของเซี่ยเฟยทำให้สมาชิกทั้งครอบครัวของซุยเซนรู้สึกตกตะลึง เพราะใครจะไปคิดว่าความแตกต่างเพียงแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะมีคนมานั่งจับสังเกตอย่างละเอียดขนาดนี้ด้วย
“จริง ๆ แล้วรายละเอียดพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่มันเป็นเพราะว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงไม่เหมือนเซธที่เป็นผู้ชาย ดังนั้นในเวลาเดินเธอจะหนีบต้นขาโดยไม่รู้ตัว ไม่เหมือนกับผู้ชายที่จะก้าวเดินโดยพยายามให้ต้นขาแยกออกจากกัน”
“เอ่อ…”
ใบหน้าของซากุระเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เพราะการเดินในลักษณะนั้นเป็นการปกป้องตัวเองตามธรรมชาติของหญิงสาว ท้ายที่สุดสรีระร่างกายของผู้ชายกับผู้หญิงก็มีโครงสร้างแตกต่างกัน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลักษณะการเดินจะมีท่าทางที่แตกต่างกันตามไปด้วย
**************
โอเค รู้เหตุผลของพี่เฟยแล้วมั่นใจเลยว่าเราดูไม่ออกแน่นอน 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 242
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น