ตอนที่ 658 การเปิดบัญชีแบบแบ่งระดับ
ตอนที่ 658 การเปิดบัญชีแบบแบ่งระดับ
“นั่นมันบัตรระดับทองเข้ม!!”
ทันทีที่เซี่ยเฟยโชว์บัตรธนาคารของตัวเองออกมาฝูงชนก็เริ่มตื่นตระหนก แม้แต่ชายหนุ่มเผ่าโคบอลต์ที่พยายามพูดเสียดสีเขามาโดยตลอดก็กลืนน้ำลายลงไปเสียงดัง พร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างบิดเบี้ยว
บัญชีของธนาคารฟารซีถูกแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ โดยบัตรที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดคือบัตรระดับทองแดง, บัตรระดับเงินและบัตรระดับทอง แน่นอนว่าการแบ่งระดับลูกค้าแบบนี้วัดจากความมั่งคั่งของลูกค้าแต่ละคน และผู้ที่ถือบัญชีระดับสูงย่อมได้รับการดูแลจากธนาคารมากเป็นพิเศษ
ลูกค้าระดับทองแดงกับระดับเงินจะต้องเข้าแถวรอคิวเพื่อให้บริการเท่านั้น ขณะที่ลูกค้าระดับทองจะได้รับการดูแลจากพนักงานโดยเฉพาะ ท้ายที่สุดธนาคารของพวกเขาก็ไม่ใช่องค์กรการกุศลที่จะต้องมอบความยุติธรรมให้กับลูกค้าทุกคน มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะให้การดูแลลูกค้าที่มีความมั่งคั่งมากเป็นพิเศษ
แต่ในกรณีของเซี่ยเฟยเป็นกรณีพิเศษที่หาพบได้ยากมาก เพราะบัตรระดับทองเข้มไม่ใช่สิ่งที่จะหาพบได้ง่าย ๆ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ในกรณีของบัตรระดับทองขอแค่ลูกค้ามีเงินพวกเขาก็สามารถที่จะสมัครรับบัตรระดับนี้ไปได้ แต่ในกรณีของบัตรระดับทองเข้มเป็นกรณีที่แตกต่างออกไป เพราะไม่เพียงลูกค้าจะต้องมีเงินเป็นจำนวนมากเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นตัวตนที่ทางธนาคารให้ความเคารพเป็นอย่างสูงอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เองบัตรระดับทองเข้มจึงเป็นบัตรที่ทางธนาคารจะเป็นคนเลือกลูกค้าด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าใครจะร่ำรวยมากเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถถือครองบัตรระดับทองเข้มเหมือนกับเซี่ยเฟยได้
ชายหนุ่มชาวโคบอลต์เลื่อนมือไปจับแหวนมิติของตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะการที่เซี่ยเฟยเป็นผู้ถือครองบัตรทองเข้มแบบนี้ มันก็หมายความว่าอีกฝ่ายมีสินทรัพย์มากกว่าเขาอยู่หลายเท่า
เพียงแค่การโชว์บัตรระดับทองเข้มขึ้นมาเพียงแค่ครั้งเดียว มันก็เปลี่ยนสายตาของคนอื่น ๆ ที่เคยดูถูกกลายเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพในทันที เพราะไม่ว่าจะเป็นมุมไหนของจักรวาลผู้มีความมั่งคั่งย่อมเป็นผู้ที่มีสถานะสูงศักดิ์อยู่เสมอ แม้แต่ภายในดินแดนที่สูงที่สุดของจักรวาลอย่างเผ่าเทพและเผ่ามารต่างก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีข้อยกเว้น
“ขออภัยด้วยครับ ผมไม่ทราบจริง ๆ ว่าคุณผู้ชายเป็นลูกค้าชั้นยอดของธนาคาร พวกเราต้องขอโทษที่ต้องให้คุณมารอพวกเราแบบนี้” พนักงานร่างแคระขอโทษเซี่ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในเวลาเดียวกันพนักงานทุกคนในธนาคารต่างก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับโค้งคำนับให้กับชายหนุ่มเหมือนกับนัดกันมา ก่อนที่เขาจะถูกเชิญเข้าไปในห้องวีไอพีในทันที
ตอนแรกชายหนุ่มไม่ต้องการที่จะให้ตัวเองเป็นจุดเด่นมากนัก แต่น่าเสียดายที่เรื่องต่าง ๆ อยู่เหนือการควบคุมของเขาไปแล้ว แต่อย่างน้อยการที่ได้เห็นชายหนุ่มชาวโคบอลต์ที่คอยพูดแซะเขาอยู่ตลอดหน้าซีดไป มันก็ทำให้เขารู้สึกสะใจอยู่พอสมควร
—
ห้องวีไอพีถูกตกแต่งอย่างหรูหราและทันทีที่เขานั่งลงที่โต๊ะมันก็มีพนักงานรีบยกเครื่องดื่มกับของว่างมาเสิร์ฟให้กับเขาในทันที แตกต่างจากลูกค้าคนอื่นที่กำลังรอคิวอยู่ทางด้านนอกอย่างสิ้นเชิง
พนักงานร่างแคระเข้ามาขอบัตรของเซี่ยเฟยไปตรวจสอบด้วยความเคารพ ซึ่งชายหนุ่มก็ยื่นบัตรธนาคารออกไปด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดบัตรใบนี้ก็ไม่ใช่บัตรของเขา มันจึงทำให้เขารู้สึกประหม่าอยู่พอสมควร
“ทำไมคุณถึงไม่บอกผมก่อนหน้านี้ว่าบัตรสีทองเข้มมันหมายถึงการเป็นลูกค้าชั้นยอดของธนาคาร?” เซี่ยเฟยถามโอโร่
“มันก็เป็นแค่บัตรธนาคารธรรมดาไม่ใช่เหรอ? นี่ถ้าหากพวกเขาเจอบัตรสีดำของฉัน พวกเขาจะไม่กลัวจนตายไปเลยหรือยังไง” โอโร่กล่าวถามขึ้นมาด้วยความสับสน
เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก เพราะเขาลืมไปเลยว่าโอโร่เป็นนักสู้คนสำคัญของแดนมาร ของธรรมดา ๆ ในสายตาของเขาจึงไม่ใช่ของธรรมดาในสายตาของคนอื่น ส่วนบัตรสีดำที่โอโร่พูดถึงเซี่ยเฟยก็ไม่รู้ว่ามันมีความหมายว่ายังไง
“ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าชาวแอตแลนติสจะมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีมากเท่าไหร่?” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองอย่างตื่นเต้น
หลังจากนั้นไม่นานพนักงานร่างแคระก็เดินกลับเข้ามาภายในห้องวีไอพี ก่อนที่เขาจะโค้งคำนับยื่นบัตรธนาคารด้วยมือทั้งสองข้างคืนให้กับเซี่ยเฟยด้วยความเคารพ
“ขออภัยด้วยครับที่ล่าช้า พอดีว่าบัญชีของคุณผู้ชายเก่าแก่มาก พวกเราจึงจำเป็นจะต้องใช้เวลาตรวจสอบนานมากพอสมควร”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะท้ายที่สุดชาวแอตแลนติสก็ถูกตามล่าตั้งแต่หลายหมื่นปีที่แล้ว มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พนักงานธนาคารจะบอกว่าบัญชีของเขาเป็นบัญชีที่เก่าแก่มากแบบนี้
“ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายต้องการที่จะใช้บริการในด้านไหนครับ?” พนักงานกล่าวถาม
“ฉันต้องการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีกับตรวจสอบห้องนิรภัย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ห้องนิรภัย? บัญชีของคุณไม่มีห้องนิรภัยนะครับ มันมีแต่ห้องแห่งความลับอยู่เท่านั้น” พนักงานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ห้องนิรภัยที่ฉันหมายถึงมันก็คือห้องแห่งความลับของนายนั่นแหละ” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่เขาจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบแก้เขิน
“คุณผู้ชายสมกับเป็นลูกค้าชั้นยอดจริง ๆ ที่เรียกห้องแห่งความลับเป็นเหมือนห้องเก็บของธรรมดาแบบนี้” พนักงานกล่าวอย่างหยอกล้อ ก่อนที่เขาจะหันไปตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดบัญชี
“บัญชีของคุณลูกค้าเป็นบัญชีแบบแบ่งระดับตามระดับพลังนะครับ ด้วยระดับพลังของคุณในปัจจุบันคุณสามารถเปิดบัญชีระดับที่ 1 ได้เท่านั้น แล้วนี่คือยอดเงินคงเหลือในบัญชีที่คุณต้องการตรวจสอบ”
‘หน่วยสิบ, ร้อย, พัน, หมื่น, แสน, ล้าน เดี๋ยวนะ! 8 ล้านเลยเหรอ!!’ เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาในใจด้วยความตกตะลึง
“ยอดเงินคงเหลือในบัญชีระดับ 1 มีมากถึง 8.476 ล้านคริสตัลเหลืองทั้ง ๆ ที่รายได้ต่อปีของตระกูลหยูมีเพียงแค่ประมาณ 3-4 ล้านคริสตันเหลืองเท่านั้น หรือมันก็หมายความว่ายอดเงินในบัญชีนี้มีค่าเท่ากับรายได้โดยรวมของตระกูลหยูเป็นเวลา 2 ปีกว่า ๆ เลยทีเดียว
เมื่อได้เห็นเงินปริมาณมหาศาลกองอยู่ตรงหน้า เซี่ยเฟยก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ และเมื่อมันได้รวมเงินกับสินทรัพย์ภายในมือของเขาเข้าไป ตอนนี้เขาก็มีสินทรัพย์มูลค่ารวมกันใกล้จะถึงหลักสิบล้านคริสตันเหลืองแล้ว
แม้ว่าภายในใจชายหนุ่มจะตื่นเต้นมากแค่ไหน แต่ภายนอกเขาก็ยังคงพยักหน้าให้กับพนักงานด้วยความสงบ
“ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายต้องการจะโยกเงินจำนวนนี้ไปลงทุนหรือเปล่าครับ? ธนาคารฟารซีของเรามีนักวิเคราะห์มืออาชีพคอยให้บริการ ตราบใดก็ตามที่คุณลูกค้าสนใจ พวกเราสามารถที่จะปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนที่เหมาะสมตามความต้องการของคุณลูกค้าได้ในทันที”
“ตอนนี้ฉันยังไม่สนใจเรื่องลงทุน หลังจากนี้ขอฉันตรวจสอบห้องแห่งความลับก่อน” เซี่ยเฟยกล่าว
พนักงานรับกุญแจจากเซี่ยเฟยก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องเพื่อทำการตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงอีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดทางบัญชีและกุญแจของชาวแอตแลนติสต่างก็ล้วนแล้วแต่เก่าแก่มากเกินไป จนพนักงานคนนี้ไม่สามารถที่จะบอกข้อมูลของพวกมันได้ในทันที
“ที่แท้ตระกูลแอตแลนติสก็ค่อนข้างร่ำรวยมากพอสมควรเลยสินะ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาเปิดบัญชีเป็นบัญชีแบบแบ่งระดับ ทำให้นายไม่สามารถเบิกสินทรัพย์ทั้งหมดออกมาในคราวเดียวได้” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังเล็กน้อย
“บัญชีแบบแบ่งระดับ มันหมายถึงอะไรเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือยิ่งนายมีระดับพลังสูงเท่าไหร่ นายก็จะมีสิทธิ์เข้าถึงบัญชีได้มากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากนายพัฒนาจนกลายเป็นราชากฎได้สำเร็จ นายก็จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงบัญชีในระดับที่ 2 และถ้าหากว่านายสามารถพัฒนาไปจนถึงระดับจักรพรรดิได้สำเร็จ เมื่อนั้นนายก็จะมีสิทธิ์เข้าถึงบัญชีได้ในระดับที่ 3”
“บางตระกูลก็ชอบที่จะใช้วิธีการแบบนี้เพื่อกระตุ้นลูกหลานของตัวเองให้รีบพัฒนาความแข็งแกร่ง และเก็บสิ่งที่มีค่ามากที่สุดเอาไว้ในบัญชีระดับที่ 3 เพราะถ้าหากสมาชิกรุ่นใหม่ ๆ มีความกระตือรือร้นในการฝึกฝนไม่มากพอ เด็กพวกนั้นก็จะไม่สามารถเข้าถึงสมบัติระดับสูงในตระกูลของตัวเองได้”
“ดังนั้นการเปิดบัญชีในลักษณะนี้จึงค่อนข้างที่จะได้รับความนิยมในตระกูลขนาดใหญ่หลาย ๆ ตระกูลอยู่พอสมควรเลยทีเดียว” โอโร่กล่าวอธิบาย
“นี่ผมจะต้องรีบเพิ่มพลังเพื่อเข้าถึงบัญชีในระดับต่อไปงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับชะงักค้างไปเล็กน้อย
“บางทีนายอาจจะแปลกใจก็ได้ถ้าได้เห็นว่ามันมีอะไรถูกเก็บไว้ในบัญชีระดับที่สูงขึ้น” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำตอบอันคลุมเครือแบบนี้สามารถที่จะกระตุ้นเซี่ยเฟยได้จริง ๆ ว่าถ้าหากเขาสามารถก้าวข้ามสู่ระดับราชากฎได้สำเร็จ มันจะมีเงินจำนวนมากขนาดไหนรอคอยเขาอยู่ในบัญชีกันแน่
—
หลังจากเดินผ่านประตูมิติของธนาคาร เซี่ยเฟยก็เดินทางไปจนถึงห้องโถงอันกว้างขวางที่มีความสว่างและส่องแสงออกมาอย่างสดใส
ทางเดินในห้องแห่งนี้มีห้องแห่งความลับถูกจัดวางเอาไว้ทางด้านข้างอย่างประณีต และมันก็มีรูกุญแจขนาดใหญ่ 3 รูอยู่ที่ประตู ซึ่งมันก็หมายความว่าผู้จัดการธนาคาร, ผู้ดูแลคลังและเซี่ยเฟยจะต้องไขกุญแจพร้อมกันถึงจะสามารถเปิดประตูเข้าสู่ห้องแห่งความลับได้
แกรก!
เมื่อกุญแจทั้งสามดอกถูกหมุนพร้อม ๆ กัน ในที่สุดประตูบานใหญ่ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ
“เชิญคุณผู้ชายเข้าไปตรวจสอบด้านในได้เลยครับ พวกเราจะรออยู่ทางด้านนอก ถ้าหากว่าคุณต้องการได้รับบริการด้านไหนสามารถเรียกพวกเราได้ทุกเวลา ส่วนเรื่องเวลาการใช้บริการคุณลูกค้าก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวล ถึงแม้คุณลูกค้าจะต้องการนอนพักในห้องแห่งความลับ พวกเราก็พร้อมที่จะรอให้บริการคุณลูกค้าทุกเมื่อ”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างพอใจกับทัศนคติในการให้บริการของธนาคารแห่งนี้
เจ้าหน้าที่ธนาคารรีบถอยหลังกลับไปในทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มเดินเข้าไปทางด้านในห้องแห่งความลับแล้ว ประตูบานใหญ่ก็ค่อย ๆ ปิดตัวลงเพื่อป้องกันไม่ให้ใครสามารถมองเข้ามายังห้องแห่งความลับแห่งนี้ได้
ห้องแห่งความลับแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 70 ตารางเมตร เพดานสูงขึ้นไปจากพื้นประมาณ 6 เมตร ซึ่งนอกเหนือจากมันจะมีชั้นวาง 3 แถวแล้ว มันยังมีเตียง, โซฟา, เครื่องผลิตน้ำดื่มอัตโนมัติ, ห้องน้ำ, ห้องอ่านหนังสือและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ คอยให้บริการอีกด้วย คล้ายกับว่าเขาสามารถเข้ามาพักภายในห้องแห่งความลับได้เหมือนกับที่พนักงานได้บอกเขาเอาไว้ในก่อนหน้านี้จริง ๆ
บนชั้นวางมีกล่องไม้ขนาดต่าง ๆ ถูกจัดเรียงเอาไว้ และถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมานานนับหมื่นปี แต่กล่องไม้พวกนี้ก็ยังคงดูเหมือนใหม่ราวกับว่ากาลเวลาไม่สามารถที่จะทำอันตรายพวกมันได้เลยแม้แต่น้อย
เซี่ยเฟยพยายามสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หยิบกล่องไม้ที่อยู่บนชั้นวางชั้นแรกออกมาเปิดดูทีละกล่อง
“เอาล่ะพวกเรามาดูกันซิว่ามันมีอะไรพอที่เราจะนำกลับไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น
—
กล่องไม้ในแถวแรกส่วนใหญ่ได้บรรจุหนังสือที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกในตระกูล ซึ่งหลังจากที่เขาได้อ่านข้อมูลทางประวัติศาสตร์เหล่านี้แล้ว เขาก็ได้พบว่าตัวตนที่แท้จริงของชาวแอตแลนติสคือตระกูลฮวงที่เคยอาศัยอยู่ในกลุ่มดาวม้าขาว และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่เก้าตระกูลชั้นยอด แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นตระกูลขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากพอที่จะทำให้ตระกูลของพวกเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งดินแดนกฎ
ตามบันทึกเซี่ยเฟยได้พบว่าตระกูลนี้ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงที่ดี และไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร แต่การที่จู่ ๆ ตระกูลขนาดใหญ่ต้องถูกตามล่าจนต้องหลบหนีออกไปหัวซุกหัวซุน มันจึงทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนว่าชาวแอตแลนติสพลาดไปเจอกับโชคร้ายอะไรกันแน่
“บางทีตระกูลฮวงอาจจะเป็นเหยื่อของการต่อสู้ระหว่างชนชั้นสูงก็ได้ นายเห็นไหมว่ามันมีข้อมูลบันทึกเอาไว้ว่าชนชั้นสูงของตระกูลบางคนสามารถเข้าร่วมกับดินแดนเทพได้ และได้กลายเป็นหนึ่งในสองเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในจักรวาล”
“ความเป็นจริงเผ่าพันธุ์เทพและเผ่าพันธุ์มารก็ไม่เพียงแต่จะมีการต่อต้านกันเท่านั้น แต่ภายในเผ่าเทพหรือเผ่ามารเองก็มีการแบ่งกันออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ ด้วยเหมือนกัน”
“การที่ตระกูลฮวงไม่ได้มีความบาดหมางกับตระกูลใดแต่ต้องรีบหลบหนีออกมาแบบนี้ เหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุดนั่นก็คือพวกเขาอาจจะมีส่วนร่วมในความขัดแย้งภายในของเผ่าพันธุ์เทพ”
“หากนับตามหน้าประวัติศาสตร์ การที่ตระกูลใหญ่ถูกกำจัดไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะท้ายที่สุดดินแดนกฎก็ยังคงเป็นสถานที่ที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่เสมอ และในบางครั้งปลาขนาดมหึมาก็มักจะขยับเข้ามากินปลาใหญ่เข้าไปด้วยเหมือนกัน” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้าก่อนที่เขาจะวางกล่องเก็บบันทึกกลับไปไว้บนชั้น และเริ่มจับกล่องจากชั้นวางชั้นที่ 2
“หือ? นี่มันวิชาการต่อสู้” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“วิชาพวกนั้นมันเป็นแค่ขยะ วิชาทุกวิชาที่ต่ำกว่าระดับ 6 ถือว่าเป็นขยะทั้งหมด นายรีบ ๆ ทิ้งพวกมันไปซะ” โอโร่กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เซี่ยเฟยยักไหล่อย่างเมินเฉยก่อนที่เขาจะเริ่มค้นหาวิชาที่พอจะมีประโยชน์กับเขา ท่ามกลางวิชามิติเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
“เดี๋ยวก่อน ฉันขอดูวิชานี้หน่อย!” จู่ ๆ โอโร่ก็พูดขึ้นมาหลังจากที่เซี่ยเฟยได้เปิดไปจนเจอวิชา ๆ หนึ่ง
***************
ถ้าโอโร่สะดุดใจแสดงว่ามันต้องดี! ถูกไหม? 555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 207
แสดงความคิดเห็น