ตอนที่ 649 การพบกันอีกครั้ง
ตอนที่ 649 การพบกันอีกครั้ง
“ฉันไม่ใช่แค่รู้ แต่ฉันยังใช้วิชามนตราอสูรได้ด้วย” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับปลดปล่อยหงส์ครามออกมา
โดรอนไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่เขาจัดการกับชาวแอตแลนติสไปจนหมดแล้ว เขาจะได้พบกับคนที่สามารถใช้วิชามนตราอสูรได้อีกคนแบบนี้
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะฝึกวิชามนตราอสูรได้เพียงแค่ขั้นที่ 6 แต่วิชาขั้นที่ 6 นี้มันก็มากพอสำหรับการจัดการกับอสูรเทวะแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ครอบครองหงส์ครามซึ่งเป็นอาวุธมายาในตำนาน, บลัดบิวเทียสที่สามารถดูดพลังชีวิตของคู่ต่อสู้ได้, วิญญาณหวนซึ่งเป็นอาวุธที่ทำขึ้นมาจากดาร์คเมทัลอันล้ำค่า และที่สำคัญคือเขามีพลังของกฎแห่งความโกลาหล
การโจมตีแบบผสมผสานเป็นวิธีการต่อสู้หลักของเซี่ยเฟยมาโดยตลอด ซึ่งทันทีที่เขาพูดจบหงส์ครามก็โบกสะบัดไปในอากาศทันที โดยใบหญ้าแต่ละใบล้วนแล้วแต่มีความยาวไม่น้อยกว่า 5 เมตร การเคลื่อนไหวของมันจึงไม่ต่างไปจากแส้ที่กำลังโบกสะบัดเข้าหาศัตรู
เนตรมนตรา!
เซี่ยเฟยส่งกระแสจิตผ่านดวงตาก่อให้เกิดเป็นคลื่นพลังจิตราวกับสายน้ำสาดกระทบเข้ากับอสูรเงาครั้งแล้วครั้งเล่า
เหตุการณ์นี้ทำให้โดรอนรู้สึกตกตะลึง เพราะเขาไม่เข้าใจว่าคนนอกอย่างเซี่ยเฟยรู้จักวิชามนตราอสูรได้ยังไง แต่มันรู้ดีว่าวิชานี้เป็นภัยคุกคามต่อมันมากแค่ไหน เพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นเพราะวิชามนตราอสูรนี้เองที่ทำให้มันถูกกักขังมาเป็นเวลานานหลายปี
ทันใดนั้นเองร่างขนาดใหญ่ของอสูรเงาก็กระจัดกระจายออกเป็นสัตว์อสูรตัวเล็ก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ปกคลุมพื้นที่เพื่อหลบหนีการโจมตีจากหงส์ครามของชายหนุ่ม
“คิดจะหนีงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เมื่อได้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังพยายามจะหนี
“มันจะต้องมีร่างใดร่างหนึ่งในนี้เป็นร่างหลักแน่ ๆ และตราบใดก็ตามที่เราจู่โจมเข้าใส่ร่างหลักได้ เราก็จะสามารถกำจัดมันได้ในทันที” โอโร่กล่าวแนะนำ
“ผมขี้เกียจหา เอาเป็นว่าผมทำลายร่างทุกร่างที่ขวางหน้าไปเลยก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ ก่อนที่เขาจะเริ่มออกวิ่งด้วยความเร็ว 30,000 เมตรต่อวินาที
เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง หงส์ครามก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับแขนขนาดใหญ่ที่คอยส่งร่างแยกของโดรอนมาให้บลัดบิวเทียสดูดกลืนพลังงานเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
พลังงานส่วนใหญ่ที่ถูกดูดกลืนเข้ามาจะถูกส่งไปยังบลัดบิวเทียส ขณะที่พลังงานอีกส่วนหนึ่งจะเคลื่อนที่ไปเก็บสะสมในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยซึ่งเป็นเจ้าของอาวุธชิ้นนี้
ข้อเท็จจริงในอดีตได้พิสูจน์แล้วว่าการสะสมพลังงานเอาไว้ภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาเป็นเวลานาน สามารถที่จะช่วยให้เขาพัฒนาพลังต่อไปได้ และมันก็เป็นทรัพยากรสำคัญที่จะช่วยให้ชายหนุ่มสามารถพัฒนาพลังต่อไปได้อย่างรวดเร็ว
ขวับ! ขวับ!
หงส์ครามจับร่างแยกของอสูรเงาทุกตัวภายในรัศมี 500 เมตร พร้อมกับส่งให้บลัดบิวเทียสตัดร่างของพวกมันออกเป็นชิ้น ๆ
การหลบหนีด้วยวิธีการแยกร่างช่วยให้มันสามารถหลบเลี่ยงวิชามนตราอสูรได้อย่างแน่นอน แต่มันก็เป็นการละทิ้งพลังการต่อสู้ของตัวเองด้วย เพราะร่างแยกตัวน้อย ๆ จะสามารถต่อต้านการโจมตีของเซี่ยเฟยได้อย่างไร
โดรอนเริ่มรู้สึกร้อนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และมันก็พยายามสั่งการให้ร่างแยกของมันตอบโต้ชายหนุ่มอย่างสิ้นหวัง
สัตว์อสูรตัวน้อยเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนกระโจนร่างไปในอากาศ และพุ่งเข้าใส่เซี่ยเฟยที่ยังคงสวมใส่ชุดเกราะชาร์ปเลสปกปิดทั่วทั้งร่างเอาไว้อย่างมิดชิด
ปรสิตพวกนี้พยายามที่จะชอนไชผ่านช่องว่างของชุดเกราะ เพื่อเจาะเข้าไปภายในร่างของชายหนุ่ม เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกมันสามารถเจาะเข้าไปภายในร่างกายของเซี่ยเฟยได้ ชายคนนี้ก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของมันในทันที
น่าเสียดายที่โดรอนไม่ได้สังเกตเห็นตราสัญลักษณ์บนไหล่ของชุดเกราะชาร์ปเลส เพราะตราสัญลักษณ์นี้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่านี่คือชุดเกาะที่ใช้เทคโนโลยีที่โดดเด่นที่สุดในจักรวาลในการสร้างมันขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้นชุดเกราะชิ้นนี้ยังมีตราสัญลักษณ์ของลินนิจถูกประดับเอาไว้อย่างลับ ๆ ซึ่งมันก็หมายความว่าผู้ที่ผลิตชุดเกราะชิ้นนี้ขึ้นมา คือผู้ก่อตั้งเผ่าพันธุ์จักรกลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในจักรวาล
คิดจะเจาะผ่านการป้องกันของชุดเกราะชาร์ปเลสเข้ามางั้นเหรอ!?
ชาติหน้าเถอะ!!
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยรวดเร็วมากจนไม่ปล่อยให้โดรอนมีเวลาได้คิดพิจารณาสถานการณ์ด้วยซ้ำ ซึ่งในเวลาเพียงแค่พริบตาร่างแยกของมันก็ถูกดูดซับพลังงานไปแล้วหลายร้อยตัว
ถึงแม้ว่าร่างแยกพวกนี้จะไม่ได้มีพลังงานเท่ากับร่างหลัก แต่พวกมันก็ยังคงให้พลังงานเข้าสู่บลัดบิวเทียสในปริมาณมาก และยิ่งการต่อสู้ยังคงยืดเยื้อต่อไป เซี่ยเฟยก็จะค่อย ๆ ทวีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่โดรอนค่อย ๆ อ่อนแอลงตามระยะเวลาที่ผ่านพ้นไป
ถ้าหากโดรอนเลือกจะเผชิญหน้ากับเซี่ยเฟยตรง ๆ ตั้งแต่แรก สถานการณ์ก็คงจะไม่ดำเนินมาอย่างเลวร้ายแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่มันไม่หลงเหลือความกล้าในฐานะของอสูรเทวะอีกต่อไปแล้ว และถ้าหากว่าขนอุยได้มาเห็นการต่อสู้ในวันนี้มันก็คงจะหัวเราะจนท้องแข็ง
หากจะกลับตัวในตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว เพราะเซี่ยเฟยไม่ทิ้งโอกาสใด ๆ ให้มันพลิกสถานการณ์กลับมาเลย โดยในปัจจุบันโดรอนอ่อนแอลงกว่าเดิมมาก และแม้แต่การจู่โจมที่ทรงพลังที่สุดของมันก็อาจจะไม่สามารถสร้างอันตรายให้กับเซี่ยเฟยได้
“มีคนกำลังมา”
“ราชากฎกำลังมาที่นี่”
อันธกับโอโร่ต่างก็รีบตะโกนเตือนเซี่ยเฟย
—
“อสูรเงา!?” ชายร่างอ้วนอุทานขึ้นมาจากบนท้องฟ้า ขณะที่มีชายหนุ่มเปลือยท่อนบนก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับเขา
“อสูรเทวะตัวนี้จะต้องปกป้องของมีค่าอยู่แน่ ๆ กูเดอร์เรี่ยนดูท่าคราวนี้พวกเราคงจะรวยแล้ว!” ชายชราร่างอ้วนกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ขณะยืนดูการต่อสู้ระหว่างเซี่ยเฟยกับอสูรเงาอย่างสนุกสนาน
เซี่ยเฟยรู้ดีว่าคน 2 คนที่ลอยอยู่บนฟ้ามีระดับพลังงานที่สูงมาก แต่เขาก็ยังคงพัวพันเพื่อจัดการกับอสูรตรงหน้าต่อไป
ท้ายที่สุดเขาก็ไม่อยากจะถูกปิดล้อมจู่โจมจาก 2 เส้นทางพร้อม ๆ กัน ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการรับมือเหตุการณ์อันคลุมเครือแบบนี้คือ เขาจะต้องจัดการกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลงให้ได้เสียก่อน
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาสังเกตเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ชายชราคนนั้น มันก็ทำให้เขาไม่สามารถสงบจิตใจลงได้เป็นเวลานาน
“ให้ตายเถอะ! อสูรเทวะตัวนี้มันกระจอกจริง ๆ มันไม่สามารถตอบโต้ชายคนนั้นกลับไปได้ด้วยซ้ำ”
“กูเดอร์เรี่ยน นายลองช่วยฉันดูทีซิว่าเขาคนนั้นใช่เซี่ยเฟยหรือเปล่า?” ชายร่างอ้วนกล่าวถาม
“ไม่ใช่ครับ” ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างกล่าวตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาดไปจากเดิมเล็กน้อย
“พวกเขาดูคล้ายกันมากเลยนะ เขาคนนั้นไม่ใช่เซี่ยเฟยจริง ๆ เหรอ?” ชายชราบ่น
“ไม่ใช่จริง ๆ ครับ” ชายหนุ่มยังคงยืนกรานต่อไป
“แน่ใจนะ?”
“แน่ใจครับ”
ทันใดนั้นแววตาของชายชราก็เผยความเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างฉับพลัน ก่อนที่เขาจะหยุดพูดและมุ่งความสนใจไปที่การรับชมการต่อสู้ระหว่างเซี่ยเฟยกับโดรอน
—
“คนหนึ่งมีพลังระดับราชากฎและพลังมิติที่เขาใช้ปกปิดร่องรอยของตัวเองเอาไว้ก็ทำได้ดีมาก ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นนักฆ่าที่แอบสะกดรอยตามนายอยู่ นายควรจะเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมและใช้เข็มทิศมิติหลบหนีออกไปทันทีเมื่อสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดีแล้ว” โอโร่กล่าวกับเซี่ยเฟย
แม้พลังส่วนใหญ่ของโอโร่จะหายไปแต่ประสาทสัมผัสของเขายังคงเฉียบคม เขาจึงเชื่อว่าชายชราคนนี้ไม่ใช่ผู้ที่เซี่ยเฟยสามารถต่อกรได้ และถ้าหากว่ามันเกิดการปะทะกันขึ้นมาเซี่ยเฟยย่อมจะต้องประสบกับปัญหาอย่างแน่นอน
ปัจจุบันบลัดบิวเทียสได้กลับมามีใบดาบสีแดงสดอีกครั้ง และร่างแยกส่วนใหญ่ของโดรอนก็ถูกดาบสั้นเล่มนี้จัดการไปจนหมดแล้ว
การต่อสู้ไม่เพียงแต่จะต้องใช้ทักษะและความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่มันยังจำเป็นจะต้องพึ่งพาความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับศัตรูด้วย
ด้วยความขี้ขลาดของโดรอนที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเซี่ยเฟยโดยตรง มันจึงทำให้พลังงานภายในร่างของมันถูกดูดหายไปมากกว่าครึ่ง แล้วในตอนนี้มันก็ไม่ได้มีความคิดที่จะเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอีกต่อไปแล้ว
“ดาบสั้นภายในมือของเขาแปลกประหลาดจริง ๆ ดูเหมือนว่ามันจะสามารถดูดเลือดของศัตรูได้นะ ส่วนใบหญ้าสีฟ้าขนาดใหญ่ที่แขนของเขามันก็ดูเหมือนอาวุธมายาในตำนานเลย” ชายชราร่างอ้วนในอากาศพึมพำขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมอสูรเงาตัวนั้นถึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ที่แท้ชายคนนั้นก็ได้ถือครองสมบัติเอาไว้อย่างมากมายนี่เอง เพื่อความปลอดภัยพวกเรารีบส่งสัญญาณไปขอความช่วยเหลือจากทีมอื่น ๆ เอาไว้ก่อนดีกว่า” ชายชรากล่าว
น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเขาจะออกคำสั่งออกไปแล้วแต่ลูกศิษย์ของเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ที่สำคัญมันยังมีอากาศเย็น ๆ ไหลออกมาราวกับว่าชายคนนี้กำลังพยายามระงับจิตสังหารภายในร่างของเขาอยู่
“กูเดอร์เรี่ยน! ฉันสั่งให้นายส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปให้ทีมอื่นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมนายยังไม่ทำตามคำสั่งของฉันอีก?”
“ช่างมันเถอะ! เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องนี้เองก็ได้ แต่จำเอาไว้ว่าหลังจากจบเรื่องนี้ฉันจะกลับมาลงโทษนายแน่ ๆ”
ชายชรายังคงบ่นอย่างไม่พอใจที่ลูกศิษย์ของเขาไม่ยอมทำตามคำสั่ง จากนั้นเขาก็พยายามค้นหาเครื่องมือสื่อสารที่ถูกเก็บเอาไว้ภายในแหวนมิติของตัวเอง
แต่ในทันใดนั้นชายหนุ่มที่ชื่อกูเดอร์เรี่ยนก็เริ่มจู่โจมเข้าใส่อาจารย์ของตัวเอง
ผนึกเยือกแข็ง!
กูเดอร์เรี่ยนตะโกนพร้อมกับอากาศบริเวณนั้นที่ถูกควบแน่นกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
พริบตาต่อมาร่างของชายชราก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวหลายชั้น ซึ่งมันเป็นน้ำแข็งที่กำลังบีบแน่นเข้าด้วยกันคล้ายกับเครื่องบดขนาดใหญ่
“เซี่ยเฟย! รีบมาฆ่าเขาคนนี้เร็วเข้า!!” กูเดอร์เรี่ยนส่งเสียงร้องขึ้นมาเสียงดัง ซึ่งเซี่ยเฟยก็หยุดการจู่โจมเข้าใส่อสูรเงาในทันทีและรีบกระโจนขึ้นมาบนท้องฟ้า
แท้ที่จริงแล้วกูเดอร์เรี่ยนไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของเขา แต่มันเป็นชื่อที่เฉินตงได้ตั้งขึ้นมาใช้ภายในดินแดนกฎ
ครั้งหนึ่งพวกเขาทั้งสองคนเคยถูกตั้งฉายาว่าไอ้บ้าแห่งศูนย์ฝึกจัสทิสลีก และในก่อนหน้านี้เฉินตงก็ขาดการติดต่อจากเซี่ยเฟยไปโดยสิ้นเชิง
บางครั้งโชคชะตามันก็เล่นตลกมากจนเกินไป เพราะในระหว่างที่เซี่ยเฟยเข้าสู่ดินแดนกฎผ่านทางตระกูลหยู เฉินตงก็เริ่มกลายเป็นนักฆ่าภายในดินแดนกฎเช่นเดียวกัน และที่สำคัญคือในครั้งนี้เขากับอาจารย์ได้รับมอบหมายให้เดินทางมาจัดการกับเซี่ยเฟย
นับตั้งแต่วินาทีที่เฉินตงปรากฏตัว เซี่ยเฟยก็สามารถจดจำสหายเก่าคนนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่เขาพยายามอดทนรอดูว่าเฉินตงต้องการจะทำอะไรอยู่กันแน่
ท้ายที่สุดผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่เซี่ยเฟยได้คาดการณ์เอาไว้ เพราะทันทีที่ชายชราคนนั้นไม่ทันได้ระวังตัวเฉินตงก็เริ่มลงมือในทันที
วิญญาณหวนแตกออกเป็น 3 เหลี่ยมพีระมิดขนาดเล็กกระจายตัวกันออกไปในอากาศ ขณะที่เปลวไฟด้านหลังชุดเกราะชาร์ปเลสก็กำลังปะทุออกมา ทำให้ร่างของชายหนุ่มพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับสายฟ้าอย่างรวดเร็ว
นิสัยของคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ ดังนั้นหลังจากที่ไม่ได้เจอกับเฉินตงมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี เซี่ยเฟยจึงไม่แน่ใจว่าสหายของเขาคนนี้ยังคงเป็นมิตรที่ดีต่อเขาหรือไม่
โชคดีที่นิสัยของเฉินตงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากนัก และเมื่อเซี่ยเฟยต้องการความช่วยเหลือชายคนนี้ก็ไม่เคยลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ตูม!
กฎน้ำแข็งของเฉินตงแตกสลายในทันที พร้อมกับชายชราที่กำลังส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ
“กูเดอร์เรี่ยน! แกกล้าดียังไงมาหักหลังฉัน!!”
ผนึกเยือกแข็ง!
เฉินตงพยามปิดผนึกชายชราตรงหน้าเอาไว้อีกครั้ง โดยในครั้งนี้เขาได้พุ่งตัวเข้าไปกอดรัดชายชราเอาไว้ด้วย
แต่น่าเสียดายที่กฎน้ำแข็งยังคงมีระดับต่ำกว่ากฎมิติมาก ชายชราจึงได้จู่โจมด้วยคลื่นมิติสีแดงตัดผ่านพลังน้ำแข็งที่อยู่โดยรอบในทันที และมันยังมีบาดแผลฉกรรจ์เกิดขึ้นทั่วทั้งร่างของเฉินตงอีกด้วย
การลงมือในครั้งนี้ทำให้ร่างทั้งสองที่ยังคงเกาะเกี่ยวกันร่วงลงมาจากบนท้องฟ้า และเฉินตงก็สมควรที่จะได้รับฉายาว่าคนบ้าจริง ๆ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะปล่อยมือออกจากร่างของศัตรู
“เฉินตง!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามด้วยดวงตาอันแดงก่ำ โดยในขณะนี้เขาไม่ได้ต้องการที่จะสังหารเพียงแค่อสูรเทวะเท่านั้น แต่เขายังต้องการที่จะสังหารราชากฎผู้ที่มาทำร้ายสหายของเขาคนนี้ด้วย
***************
เวลาเปลี่ยนแต่ใจเฉินตงไม่เคยเปลี่ยน เพราะบ้ามาด้วยกัน 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 209
แสดงความคิดเห็น