ภาคโซมายา บทที่ 7 รอยประทับ
"โอ๊ะ! นี่มันฮาฟทาสผู้ซื่อสัตย์ของเธอนี่นาเบล" แอมเบอร์ลากเบลล่ามาหยุดยืนอยู่ข้างเด็กหนุ่มร่างผอม เขาเงยหน้ามองผู้มาใหม่ทั้งสองก่อนจะก้มหน้าลง เอลลานีเห็นมือทั้งคู่ของเขากำหมัดแน่น ไหล่ที่งองุ้มสั่นน้อยๆ กอรปกับเครื่องแต่งกายสีซีดที่อยู่บนร่างผอม ทำให้เขายิ่งดูหมองเมื่อเทียบกับความมีสีสันต์ของคนรอบตัว
"สภาพอย่างนี้ฉันไม่เอาแล้วล่ะ นายนี่ไม่มีอะไรคู่ควรกับฉันหรอก ไปกันเถอะ อยู่ตรงนี้นานเดี๋ยวความกาลากินีจะกระเด็นใส่" พูดจบเบลล่าก็ปิดปากหัวเราะคิกคัก
"อ้อ! ว่าก็ว่าเถอะนะ พวกแกสองคนเนี่ยอยู่ด้วยกันก็เหมาะสมดี อีกคนก็เป็นตัวกาลากินี อีกคนก็ยากจนและไร้สมอง ฉันรู้แล้วว่าทำไมถึงไม่มีใครมาต่อแถวเพื่อเข้าคฤหาสน์นี้ เพราะกลัวจะได้รับความซวยจากพวกแกไงล่ะ ฉันล่ะสงสารเจ้านายของพวกแกจริงจริ้ง ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่รับแก่ทั้งคู่ ไม่งั้นคงซวยตลอดชาติ" แอมเบอร์ว่า เรียกเสียงหัวเราะครืนได้จากคนที่อยู่ในแถวข้างๆ
"เฮ้! พวกเธอลืมความเหมาะสมไปอีกอย่าง ดูสิว่ามันเป็นความแตกต่างที่ลงตัวสุดๆ ไปเลย ดูซิอีกคนก็ผอมกะหร่อง อีกคนก็อุดมสมบูรณ์ ช่างเหมาะสมอะไรอย่างนี้ ฮาฟฉันดีใจกับนายด้วย ในที่สุดนายก็ค้นพบเนื้อคู่ที่เหมาะสมกันสักที" เด็กหนุ่มที่ยืนต่อแถวใกล้ๆ สัมทับ นั่นทำให้หลายคนหันมามองแถวของทั้งคู่พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะ
เธอเกลียดนักคนพวกประเภทที่คิดว่าตัวเองดีกว่า เหนือกว่าคนอื่น แต่กลับไม่เคยมองเห็นความชั่วร้ายที่แสดงออกมากันเลย ไม่ว่าจะโลกไหน มิติไหนก็มักจะมีคนประเภทนี้แฝงอยู่ทุกที่ ทำไมกัน...ทำไมถึงต้องมีกลุ่มคนประเภทนี้อยู่บนโลกกันนะ หรือว่าสวรรค์สร้างพวกเขาขึ้นมา เพื่อสร้างความสมดุลทางธรรมชาติ แต่เอาเข้าจริงเธอก็ไม่อยากรับมือหรือพบเจอกับคนกลุ่มนี้สักเท่าไหร่นักหรอก ยอมรับว่าเธอไม่สามารถที่จะปล่อยผ่านพฤติกรรมแย่ๆ ของพวกเขาไปได้เลย ประสบกับตัวเองทีไรเป็นต้องอารมณ์ขึ้นและอยากจัดการเสียให้รู้หลาบจำกันเสียบ้างสักครั้ง
"ปากเก่งอย่างนี้ คงไม่กลัวดวงกาลากินีของฉันกันแล้วซินะ ฉันขออำนาจความกาลากินีของตัวฉันเองสาปแช่งนาย...นาย...แล้วก็...พวกนายทั้งหมด" เอลลานีนชี้นิ้วไล่ไปตามคนที่ส่งเสียงหัวเราะพวกเธอเมื่อครู่ นั่นทำให้พวกเขามีสีหน้าซีดเผือด แต่ใครสนกันล่ะ ก็ในเมื่ออยากมาลองดีกับเธอก่อน อย่างน้อยแค่ได้สาปแช่งไปส่งๆ คงไม่ทำให้พวกนี้สึกหรอกันหรอกมั้ง
"ไม่ได้ไปโซมายากันทุกคน" จบคำเธอก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายให้พวกเขา
"อีนางปีสาจ" เด็กหนุ่มปากเก่งเมื่อครู่กระโจนใส่เด็กสาวอย่างเดือดดาล เอลลานีนที่ระวังตัวอยู่แล้วหลบฉาด พร้อมกับยกมือที่เตรียมผงหมามุ่ยที่เหลือไม่มากเอาไว้ออกมา แต่เธอยังไม่ทันจะทำอะไรมือผอมเกร็งของเพื่อนร่วมชะตากรรมก็กระแทกมือของเธอจนผงหมามุ่ยที่อยู่ในซองสาดเข้าใบหน้าของเด็กหนุ่มจนหมด
"เฮ่ย!" ทั้งเธอและเด็กหนุ่มคู่กรณีอุทานอย่างตกใจขึ้นพร้อมกัน เอลลานีนตกใจที่อาวุธของเธอถูกเพื่อนร่วมชะตากรรมใช้จนหมด แต่เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายตกใจเมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว
"แกสาดอะไรใส่ฉันฮะนางปีสาจ" เด็กหนุ่มยกมือลูบคลำใบหน้าอย่างตระหนก อาการคันยุบยิบตามผิวหนังทำให้เขาหน้าซีด แต่ยังไม่ทันที่จะหาเรื่องเด็กสาวก็ถึงคิวของเขาเสียก่อน
"ฝากไว้ก่อนเถอะ" เด็กหนุ่มขู่อย่างอาฆาต แต่เอลลานีนกลับยิ้มละไมแทนคำตอบโต้ นั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มคู่กรณีเดือดดาล
"ฉันจะกลับมาจัดการแกแน่" เขาพูดลอดไรฟัน เด็กสาวเพียงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วหันไปเล่นงานคนที่เหลือต่อ
"ส่วนพวกเธอ...คงยังไม่เข็ดซินะ แม้ว่าจะได้รับสัญลักษณ์ประจำคฤหาสน์แล้วก็เถอะ แต่ฉันก็สามารถทำให้พวกเธอไม่ได้ไปโซมายาได้นะ...อยากจะลองดูไหมล่า" เอลลานีนตั้งท่าจะสอดมือเข้ากระเป๋าเพื่อหยิบของออกมาอีกครั้ง
"นางบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ" เด็กสาวผมแดงสีหน้าตื่นตระหนกพร้อมกับลากแขนเบลล่าไปอย่างรวดเร็ว
"เฮ้อ! ทำไมมีแต่คนชอบฝากกันนะ พวกเธอก็อย่าลืมรีบกลับมาเอาคืนเสียล่ะ อย่าฝากฉันไว้นานล่ะแอมเบอณ์ เบล" เอลลานีนตะโกนไล่หลัง พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะร่าโดยไม่ทันสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้า
"ผงนั่นคืออะไร" เสียงแหบห้าวดังหลังจากที่เด็กสาวเงียบเสียงหัวเราะ เธอสบเข้ากับดวงตาสีมรกตที่มองเธออย่างสงสัยใคร่รู้
"ขอบใจมากนะ" เธอไม่ตอบแต่ขอบคุณที่เขาช่วยเธอได้ทันท่วงที ถ้าไม่ได้ความว่องไวของเขาเธอคงถูกกำปั้นซัดหน้าไปแล้ว เจ้าของผมสีฟางแห้งพยักหน้ารับ แต่ดวงตายังไม่ละจากเธอ
"ผงพิษอ่อนๆ จากพืชน่ะ ถูกผิวหนังก็จะคัน ฉันเพิ่งฝึกทำ เอาไว้จัดการกับพวกชอบแกล้ง นายสนใจเหรอ" เธอถามกลับ เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ
"แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าหมอนั่นจะไม่ถูกเลือก" คราวนี้เอลลานีนเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ พร้อมกับมองไปทางที่เด็กหนุ่มคู่กรณีที่มีสีหน้าผิดหวังซึ่งกำลังก้าวฉับๆ ตรงมายังจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่
"อ้าว! ไม่ได้ถูกเลือกจริงด้วย ทำไงล่ะคราวนี้ ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะเป็นจริงสักหน่อย" เธอว่าหน้าตาตื่น
"ยายกาลากินี วันนี้ฉันจะฆ่าเธอ" เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายตั้งท่าจะลงมือกับเอลลานีน แต่แดนนี่ที่กลับจากห้องน้ำเห็นเหตุการณ์พอดีจึงปรี่เข้ามาขวางไว้ได้ทัน เกิดการลงไม้ลงมือจนผู้ดูแลความเรียบร้อยต้องเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน สภาพของเด็กหนุ่มยับเยินดูไม่ได้ ต่างจากแดนนี่ที่ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
"ฉันจะฆ่าเธอ"
เสียงอาฆาตและคำสาปแช่งของเด็กหนุ่มในขณะถูกผู้ดูแลลากตัวออกไปดังไปทั่วบริเวณ แววตารังเกียจและหวาดกลัวจากผู้คนสาดเข้าหาเด็กสาว เธอเพียงหันไปขอบคุณแดนนี่ที่โผล่มาทันเวลาด้วยอาการปกติ แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่ในโชคชะตาของเจ้าของร่างเหลือกำลัง เสียงประกาศจากนายท่าเรียกผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เตรียมตัวขึ้นเรือโดยสารเพื่อโดยทางไปยังเมืองโซมายาดังขึ้น ทั้งเอลลานีนและเด็กหนุ่มต่างก็ละความสนใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วพร้อมใจหันไปมองนกยักษ์ที่ยืนตระหง่านเบื้องหน้าอย่างจนใจ
ขณะที่ลานจัตุรัสค่อยๆ ว่างเปล่าจากผู้คน เสียงหัวเราะเยอะหยันของแอมเบอร์และเบลล่าลอยมาให้ได้ยิน เอลลานีนและฮาฟต่างก็สบตากันอยางผิดหวัง ทั้งคู่หันมองนกยัษ มันยังคงยืนนิ่งอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ตรงหน้า ในขณะที่เหล่าตัวแทนของคฤหาสน์ต่างๆ ที่มาทำการคัดเลือกคนงานต่างทยอยจากไปทีละคน เด็กสาวรู้สึกแปลกใจที่คฤหาสน์เทซนิมไม่มีตัวแทนพ่อบ้านหรือแม่บ้านประจำคฤหาสน์มารอรับคน มีเพียงรูปปั้นโลหะของนกยักษ์ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า เธอจึงจนใจที่จะค้นหาข้อมูล ได้แต่ปล่อยให้โชคชะตาเป็นผู้กำหนด
"โถ่เอ๊ย! ทำมาเป็นชวน พอเรามาก็ไม่เอาเราแย่จริงๆ เลย" เอลลานีนบ่นอย่างไม่จริงจังนัก เธอไม่ได้กระตือรือร้นสักเท่าไหร่ ได้ไปก็ดี ไม่ได้ไปก็หาวิธีรับมือกับคนกับปีสาจต่อไปไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย
"โอ๊ย!" เสียงอุทานของฮาฟทำให้เอลลานีนกำลังจะหมุนตัวเดินออกจาแถวถึงกับสะดุ้ง เด็กสาวหันหลังกลับไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังกุมข้อมืออีกข้างด้วยสีหน้าเจ็บปวด
"เกิดอะไรขึ้น นายเป็นอะไร" เอลลานีนวิ่งเข้าไปประคองเด็กหนุ่มที่ยืนตัวงอ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดของเขาสร้างความตกใจให้เธอไม่น้อย
"โอ๊ย!" จู่ๆ ข้อมือซ้ายของเธอก็แสบร้อนขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ จึงละมือจากร่างเขามากุมข้อมือข้างที่ปวด ผิวหนังจุดที่แสบร้อนมีรอยแดงเป็นปื้นขึ้นมา เอลลานีนพยายามเป่าเพื่อลดอาการเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย กลับยิ่งทวีความแสบร้อนดั่งถูกเพลิงเผาไหม้ เด็กสาวทรุดนั่งลงอย่างอ่อนแรงข้างๆ เด็กหนุ่มซึ่งมีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกัน เหงื่อกาฬไหลพราก ทั้งคู่ทำได้แต่กัดฟันข่มความเจ็บปวดไว้สุดกำลัง
"เกิดอะไรขึ้นเอลล่า เธอเป็นอะไร" แดนนี่และพ่อแม่ของเด็กหนุ่มวิ่งเข้ามานั่งยองๆ มองทั้งคู่อย่างตระหนก
"โอ๊ย!...เฮ้อ!..." เธอครางออกมาเมื่อรู้สึกว่าอาการเจ็บปวดเมื่อครู่ทุเลาลง เงยหน้าขึ้นมาก็สบกับดวงตาของเด็กหนุ่มที่มองเธออย่างสงสัยอยู่ก่อนแล้ว
"เกิดอะไรกับข้อมือของเรากัน" เอลลานีนยกข้อมือที่มีรอยประทับลวดลายสัญลักษณ์ของคฤหาสน์เทซนิมขึ้นมาจ้องใกล้ๆ ด้วยสีหน้างุนงง
"ของฉันก็เหมือนกัน" เด็กหนุ่มผมสีฟางแห้งยื่นข้อมือที่ประทับรอยเดียวกันกับเธอมาตรงหน้า
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ" อลิเซียที่กลับจากซื้อของปรี่เข้ามาพร้อมกับใช้สายตาสำรวจร่างของน้องสาวอย่างห่วงใย
"ดูสิ นี่มันอะไรกัน" เอลลานีนยื่นข้อมือให้พี่สาว อลิเซียคว้าข้อมือของเธอมาพิศดูรอยที่ปรากฏขึ้น คิ้วขมวดเมื่อเห็นรอยนั้นชัดตา
"นี่มัน..."เธออุทานอย่างแปลกใจ แต่เสียงที่ดังแทรกเข้ามาทำให้แต่ละคนเงยหน้ามองไปยังทิศทางเดียวกัน
"สวัสดีครับ" นายท่าที่ประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเรือเดินถือโทรโข่งปรี่เข้ามาแล้วโค้งกายคำนับกลุ่มของเอลลานีนที่กำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น รอยยิ้มใจดีประดับบนดวงหน้าอวบอูมทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
"โอ้ว! นั่นพวกเธอผ่านการคัดเลือก แล้วยังผ่านงานโดยไม่ต้องอยู่ในช่วงทดลองงานอีกด้วย วิเศษมาก วิเศษมากจริงๆ ยินดีด้วย ยินดีด้วย" นายท่าร่างยักษ์มองยังรอยประทับบนข้อมือของทั้งคู่แล้วก็ทิ้งร่างใหญ่ยักษ์ลงนั่งข้างๆ เด็กหนุ่ม พร้อมทั้งเอื้อมมือใหญ่ลูบหลังลูบไหล่ของเขาอย่างยินดี
"ผะ...ผ่านแล้วเหรอ" ทั้งหมดอุทานขึ้นพร้อมกัน
"ก็ใช่น่ะสี้ นี่พวกเธอโชคดีกันมากเลยนะเนี่ย ร้อยวันพันปีคฤหาสน์เทซนิมเคยรับคนที่ไหนกันเล่า มีปีนี้แหละที่ทางคฤหาสน์แจ้งทางเรามาว่าจะรับคนงาน แถมพวกเธอยังได้รับเกียรติรับรอยประทับจากสัญลักษณ์ประจำคฤหาสน์อีกด้วย มันจะพิเศษเกินไปหน่อยแล้ว"
"พิเศษยังไงคะคุณแอนดรู" เอลลานีนรอให้นายท่าร่างยักษ์เฉลย แต่เห็นเขาเว้นช่องว่างไว้นานและเหมือนว่าเขาไม่มีทีท่าที่จะเล่าต่อเธอจึงอดรนทนไม่ไหวถามขึ้น
"นี่เธอไม่มีความรู้เสียเลยนะแม่หนูหายนะ" อลิเซียรู้สึกไม่สบอารมณ์กับคำที่เขาใช้เรียกน้องสาวเธอ ต่างจากเอลลานีนกที่ไม่มีทีท่าจะสนใจในคำเรียกของเขา แอนดรูเองก็เหมือนจะชินกับคำเรียกเด็กสาวตรงหน้าจึงไม่ได้สังเกตสีหน้าไม่พอใจของอลิเซีย
"เอาล่ะฉันจะเล่าให้ฟังคร่าวๆ ก็แล้วกัน โดยปกติแล้วคนงานในประจำคฤหาสน์ของโซมายานั้นจะเริ่มต้นทำงานที่หนึ่งปีก่อน โดยปีแรกพวกเขาจะได้รับเพียงป้ายประจำคฤหาสน์คล้องคอจากตัวแทนที่มาคัดเลือก ซึ่งจะเรียกผู้ที่ถูกคัดเลือกเหล่านี้ว่าพนักงานขั้นฝึกหัด เมื่อเข้าสู่ปีที่สองก็จะได้รับสายรัดข้อมมือเพิ่มมา จะเรียกว่าพนักงานขั้นเตรียมพร้อม หมายถึงเตรียมพร้อมเรียนรู้ในงานที่ตัวเองถนัดจากผู้ดูแลประจำงานในแต่ละด้าน ส่วนในปีที่สามก็จะได้รับรอยประทับจากสัญลักษณ์ประจำคฤหาสน์อย่างพวกเธอนี่ยังไงล่ะ หน้าที่ของพวกเธอก็จะต้องคอยดูแลและสอนวิธีการทำงานในแต่ละด้านให้กับเหล่าพนักงานขั้นเตรียมพร้อม ขั้นสูงสุดในปีที่สี่ พวกเธอจะได้รับเครื่องแบบประจำตำแหน่งพ่อบ้านแม่บ้านของคฤหาสน์ที่ตนสังกัดอยู่ หรือเป็นคนดูแลทายาทของเจ้าของคฤหาสน์ ทั้งยังได้ลงทะเบียนคนงานถูกกฎหมายจากสถานศึกษาโซมายา และได้รับใบรับรองการทำงาน เพื่อเป็นหลักฐานในการไปทำงานในที่อื่นๆ ได้ด้วย"
"แล้วถ้าในระหว่างสี่ปีนี้ฉันเกิดอยากย้ายที่ทำงาน เอ๊ย! ย้ายคฤหาสน์ อยากจะเปลี่ยนเจ้านายจะทำยังไงล่ะ" ยังคงเป็นเอลลานีนที่ซักต่ออย่างสนใจ
"เขามีกฎหมายคุ้มครองพวกเธออยู่น่า นี่เธอไม่ได้เรียนเรื่องกฎหมายของโซมายาเลยรึยังไงกันฮะ ไม่มีใครไม่รู้เรื่องนี้นะ ใช่ไหมฮาฟ" เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ พร้อมกับมองเด็กสาวอย่างแปลกใจ
"ก็ฉันลืมนี่นา สรุปจะไม่บอกเลยเหรอว่าจะต้องทำยังไง ถ้าเจ้าของคฤหาสน์รังแกฉันเล่า ฉันจะต้องยอมให้เขารังแกจนตายเลยเหรอ"
"ชาวลูน่าผู้ที่ถูกคัดเลือกให้เข้าเมืองโซมายา เมื่อใดที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากผู้ดูแลสามารถเรียกร้องค่าเสียหาย และสามารถเปลี่ยนผู้ดูแลได้ หรือถ้าไม่ประสงค์จะอยู่ที่โซมายาต่อก็สามารถกลับเมืองลูน่าได้ตลอดเวลา" ผู้ไขข้อข้องใจให้เอลลานีนคืออลิเซีย พร้อมทั้งยื่นหนังสือกฎหมายคุ้มครองชาวลูน่าให้เด็กสาว
"แต่ถ้าทำผิดก็จะถูกลงโทษตามกฎหมายของโซมายา ดังนั้นเราต้องทำความเข้าใจกับกฎหมายของที่นั่นให้ดีนะเอลล่า อย่าให้พี่เป็นห่วง" อลิเซียกำชับน้องสาว รู้ดีว่าเวลาของการจากลาใกล้เข้ามาทุกที เด็กสาวพยักหน้ารับ เอื้อมมือรับหนังสือปกบางจากอลิเซียมาเก็บใส่กระเป๋า
"สรุปว่าฉันกับฮาฟผ่านแล้ว และก็ขึ้นเรือไปเมืองโซมายาได้แล้วเหรอคะ ไม่มีใครมารอรับเหมือนคฤหาสน์อื่นๆ เลยเหรอเนี่ย หดหู่ชะมัด" เด็กสาวบ่นพึมก่อนจะลุกขึ้นเหวี่ยงเป้สะพายขึ้นหลัง
"ก็ใช่น่ะสี้ เอ้าๆ รีบๆ หน่อยเรือกำลังจะออกแล้วนะ" แอนดรูกระโดดโหยงพร้อมกับคว้าแขนทั้งคู่ออกวิ่งตรงไปยังเรือที่ทอดสมออยู่ไม่ไกล โดยมีอลิเซียแดนนี่และพ่อแม่ของฮาฟวิ่งตามหลังมาเป็นพรวน ขณะที่นกยักษ์ค่อยๆ เลือนหายไปจากที่ตรงนั้น
"คุณแอนดรู" เอลลานีนส่งเสียงเรียกนายท่าร่างยักษ์ที่กำลังจะลงจากเรือโดยสารเอาไว้
"มีอะไรแม่หนูหายนะ" รอยยิ้มล้อเลียนไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกโกรธเขา เพราะรู้ดีว่าภายใต้นิสัยโผงผางและปากร้ายของเขานั้น มันซ่อนความใจดีและเห็นอกเห็นใจเอาไว้เต็มเปี่ยม
"คุณจะได้ไปที่เมืองโซมายาบ้างไหม" เธอถามเพราะคาดหวังว่าจะได้พบเขาที่นั่น อย่างน้อยก็จะได้ไถ่ถามข่าวคราวของครอบครัวบ้าง
"เดือนหน้า เธอเตรียมของกำนันไว้ให้ฉันได้เลย" เอลลานีนฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจ เธอหันไปโบกมือให้กับครอบครัวของตัวเองและฮาฟอย่างร่าเริง ขณะที่นายท่าร่างยักษ์เดินไปยืนรวมกลุ่มกับครอบครัวของเด็กทั้งสอง
"ไว้จะเตรียมของอร่อยไว้รอนะคะ" เธอตะโกนขณะที่เรือถอนสมอออกจากท่า มือใหญ่ของคุณแอนดรูโบกตอบกลับมา ประกายแดดเต้นระริกพร่าพรายทำให้เอลลานีนกับฮาฟไม่เห็นแววหม่นเศร้าจากดวงตาของอลิเซีย แดนนี่ พ่อแม่ของฮาฟและนายท่าร่างยักษ์ที่มองส่งทั้งคู่อย่างอาลัย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 282
แสดงความคิดเห็น