บทที่ 5...3/3
ลมด้านนอกกำลังพัดเย็นสบาย พอเมษาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงเดินออกมาที่ระเบียง รถที่วิ่งกันขวักไขว่เริ่มลดลงจนนานๆ จะแล่นผ่านมาสักคัน ทำให้ความวุ่นวายไปหายแทนที่ด้วยความสงบเงียบน่าสบายใจ หญิงสาวสูดหายใจพลางบิดขี้เกียจ แต่ความเงียบมันเงียบเกินไปหรือเปล่านะ ไฟของห้องในตึกข้างๆ กันมืดสนิท ภามบอกว่าจะมาดูแลเธอ ที่แท้วันนั้นเขาแค่มาขู่ว่าเธออย่าได้หนีกระมัง
“ซื้อตึกมาให้จิ้งจกวิ่งเล่นเสียละมั้ง”
เกือบ 4 ทุ่มแล้ว เมษาเดินกลับเข้าห้องแล้วปิดล็อคประตูสไลด์ หญิงสาวแทบจะหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน
ให้หลังไม่ถึง 10 นาทีห้องข้างเคียงที่เมษามองก็มีไฟเปิดสว่าง ภามเดินมาที่ระเบียงแล้วมองไป เรียวปากหนายิ้มบางป่านนี้เมษาคงหลับไปแล้ว เธอคงไม่รู้ตัวกระมังว่าเขาไม่ได้มาค้างที่นี่สองคืน พรุ่งนี้เราคงได้พบกับ
6 โมงกับ 35 นาที เมษากำลังทำขนมโดยมีผู้ช่วยเป็นป้าพิสมัยที่มาค้างอยู่ด้วยกันเมื่อคืน โดยป้าพิสมัยจะนอนอยู่ชั้นสอง พอเสร็จแล้วหญิงจึงไปไขเปิดประตูหน้าพร้อมของที่เตรียมไว้สำหรับใส่บาตร เธอตั้งโต๊ะตัวเล็กๆ แล้ววางถาดของใส่บาตรไว้รอ ไม่กี่นาทีต่อมาพระก็เดินบิณฑบาตมาถึง
เมษาถอดรองเท้าแล้วนั่งคุกเข่าลง ก่อนจะหยิบข้าวในถุง แกงจืดที่เพิ่งทำเสร็จและขนมมาใส่ในบาตร พระท่านสวดมนต์อยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวพนมมือแล้วรับพร พอพระท่านเดินไปแล้ว เธอจึงเก็บถาด แต่ใครบางคนกลับคว้าถาดไปช่วยถือเช่นเดียวกับโต๊ะตัวเล็ก เธอมองไปแล้วยิ้มบางเมื่อเห็นสภาพของภามที่ปกติดูเนี้ยบตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ตอนนี้ผมของเขาปรกหน้าผาก ใส่เสื้อยืดกับกางเกงวอร์ม รองเท้าที่ใส่ก็เป็นรองเท้าแตะธรรมดาๆ
“คุณมาได้ยังไง ทำไมมาเช้าจังคะ” เมษาถามพลางมองหาโมกข์ที่มักตามเขาเป็นเงา แต่กลับไม่เห็น รถของเขาก็ไม่อยู่แถวๆ นี้
“ผมเดินมาจากตึกข้างๆ ตึกของคุณไง” ภามชี้ ก่อนจะบอกเหตุผลที่เดินมาหาเมษาตั้งแต่ยังไม่ 7 โมงเช้า “ผมหิวข้าว คุณทำอะไรให้ผมทานหน่อยสิ คิดว่าผมเป็นลูกค้านำโชคในเช้าวันนี้ก็ได้นะ”
“ในร้านมีแต่ขนมนะคะ” เมษาพูดไปแล้วก็นึกได้ว่าเธอมีแกงจืดนี่นา ภามพยักหน้า แต่เดินตามเมษาเข้ามาในร้าน แถมยังช่วยปิดประตูให้ดิบดี เมษาเห็นแล้วก็ใจอ่อน “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไปผัดข้าวให้คุณทาน ทานได้ไหมคะ”
ภามยิ้มบางนึกไว้อยู่แล้วว่าเมษาไม่ดูดายให้เขาทานขนมเป็นอาหารเช้าหรอก
“ได้สิ ผมทานง่าย นอนง่าย ไม่เรื่องมากหรอก”
เมษาฟังแล้วอ่อนใจ ถ้าผัดข้าวใส่ผักที่เหลืออยู่ในตู้เย็นมาให้ แล้วภามไม่ยอมทานล่ะน่าดูชม
ภามมองหญิงสาวที่มัดผมเอาไว้ลวกๆ ใบหน้าไร้เครื่องสำอาง มีละอองแป้งทำขนมอยู่ที่เสื้อบางเบา เธอเรียบง่ายและใจดี ความจริงแล้วเขาจะโทรหาโมกข์ให้ซื้ออาหารเข้ามาตอนมารับเขาไปโรงแรมก็ได้ แต่เพราะเขายืนอยู่ที่ระเบียงแล้วเห็นว่าเมษากำลังมารอพระเพื่อใส่บาตรจึงเปลี่ยนใจเดินลงจากตึกมาหาเธอแทน ช่างเป็นการตัดสินสินใจที่ถูกต้องสำหรับเช้าอันสดใสในวันนี้
ป้าพิสมัยมองๆ แล้วช่วยรินน้ำเปล่ามาให้ภาม แถมยังวางน้ำไว้ให้อีกทั้งขวด ภามยกมือไหว้ขอบคุณ คราวก่อนที่พบกัน ป้าคนนี้เกือบหยิบไม้เบสบอลมาฟาดเขา มาวันนี้พอได้รู้จักกันมากขึ้นและรู้ว่าเขามาดี ตอนนี้ถึงกับรินน้ำให้นับว่าเขาก้าวหน้าขึ้นมากทีเดียว กลิ่นหอมๆ ของข้าวผัดลอยมา ภามอดไม่ได้ที่จะชะเง้ออยากเข้าไปดูใกล้ๆ แต่บางอย่างควรทำเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
ไม่กี่นาทีต่อมาเมษาก็ถือจานข้าวผัดมาให้ภามพร้อมกับแกงจืดอีกถ้วย ก่อนจะหายไปครู่หนึ่งเพื่อวางจานข้าวผัดกับถ้วยแกงจืดของตัวเองที่โต๊ะตัวเดียวกัน ภามยิ้มกว้างเพราะรู้เหตุผลที่หญิงสาวยอมมานั่งทานข้าวด้วยกัน เขาได้ยินเสียงป้าพิสมัยคะยั้นคะยอให้เมษามานั่งทานข้าวกับ ‘แฟน’ ถ้าเธอไม่มาการหาเหตุผลคงยากกว่า
“วันนี้ผมจะไปคุยกับตำรวจ” ภามเอ่ยเสียงเบาพลางแยกมะเขือเทศมาไว้ข้างจาน ก่อนจะมองเมษาอย่างเกรงใจ เขาเพิ่งบอกเธอไปว่าทานง่ายแท้ๆ แต่ตอนนี้เขี่ยมะเขือเทศออกเสียแล้ว “พอดีว่าผมไม่ทานมะเขือเทศ แต่อย่างอื่นผมทานหมดนะ”
“ฉันชอบมะเขือเทศ เอามาที่จานฉันก็ได้ค่ะ” เมษาไม่ได้คิดมากอะไร
ภามยิ้มมุมปากยามที่ตะล่อมมะเขือเทศใส่ช้อน แล้วเลื่อนไปวางบนข้าวในจานของเมษา มันอาจดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่ถ้าไม่สนิทใจพอ เมษาจะบอกกับเขาแบบนี้ไหมนะ
“แล้วมีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าใครวางแผนฆ่าแล้วหรือคะ” เมษากระซิบถามเสียงเบา ถ้าป้าพิสมัยมองมาคงคิดว่าเราสองคนคุยกันหงุงหงิงน่ารักกระมัง
ภามขยับเก้าอี้มาข้างๆ เมษาแทนการคุยกันเหมือนกับกระซิบ ใช้แผ่นหลังบังป้าพิสมัยไปในตัว เมษาเข้าใจในสิ่งที่ภามทำอยู่ แต่เขาใกล้เธอไปหรือเปล่า ครั้นเธอจะเขยิบห่างก็จะกลายเป็นดูเหมือนรังเกียจเขาอีก
“ยังไม่มีหลักฐานเชิงลึกถึงขนาดนั้น มีแต่หลักฐานแวดล้อมที่น่าจะเป็นแรงจูงใจได้ ยังต้องหาหลักฐานต่อ พอดีว่าเพื่อนของผมที่เป็นตำรวจก็ตามคดีนี้อยู่เหมือนกัน”
เมษาพยักหน้าพลางตักข้าวผัดมาเคี้ยว แม้จะเกร็งอยู่บ้างที่ไหล่ของเขาชิดกับไหล่ของเธอ ความใกล้แบบไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ประหม่า บางทีอาจเพราะเขาหล่อมากกระมัง เธอเลยไม่ชินสักเท่าไหร่ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก ขอแค่แก้มของเธออย่าแดงจนเขาสังเกตได้เชียว
“แล้วคุณจะติดต่อพี่ชายเมื่อไหร่คะ”
“เอาไว้ผมค่อยบอกคุณนะ” ภามก้มหน้ายิ้มเมื่อเห็นแก้มนวลเรื่อแดงจางๆ “คุณไม่ชอบทานอะไร”
เมษาแปลกใจคุยกันเรื่องคดีพี่ชายของเขา ทำไมเขาวกมาถามเรื่องนี้ได้
“ฉันทานได้ทุกอย่าง บางอย่างถึงจะไม่ชอบก็ทานได้ค่ะ”
“อะไรหรือที่ไม่ชอบก็ทานได้” ภามถามเมษา แต่ก็ถามไปตัวเองไปด้วยว่าที่ผ่านมาเขาเคยอยากรู้เรื่องส่วนตัวของใครสักคนแบบนี้ไหมนะ
มีเสียงอือเบาๆ ในลำคอของเมษา ภามนิ่งมองราวกับเห็นภาพวาดที่มีชีวิต
“ผักชี บวบ หัวไชเท้าค่ะ”
ภามพยักหน้ายิ้มชอบใจ “ไม่ชอบคล้ายๆ กับผมเลย แต่ถ้าผมไม่ชอบก็ไม่ทานเลย”
ถ้าสนิทกันกว่านี้เมษาคงเล่าให้ภามฟังว่าเธอไม่อยากเลือกว่าอะไรชอบหรือไม่ชอบ ความที่พ่อแม่ช่วยกันทำงานสร้างฐานะเพื่อส่งลูกๆ เรียนหนังสือ ทำให้เธอรู้ค่าของเงินและสิ่งต่างๆ แล้วยิ่งตอนที่พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว เธอจะคิดเสมอว่ามันก็แค่ผัก กินแล้วอร่อย กินบ่อยๆ ก็ชินไปเอง แต่ภามคงไม่เคยต้องฝืนเพราะด้วยฐานะขนาดนั้น เขาคงไม่เดือดร้อนอะไร
“บางอย่างฝืนได้ บางอย่างฝืนไม่ได้ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันนี่คะ”
“แต่ถ้าผมชอบ ผมจะเอาตัวไปหาเอง”
เมษาทำหน้านิ่งแม้ว่าคำพูดของภามจะทำให้เธอหัวใจเต้นแรง เขาอาจไม่ได้หมายถึงอะไรนอกจากเรื่องอาหาร ทว่าสายตาของเขาทำไมต้องมองมาที่เธอด้วย
ภามมองเมษาอย่างพินิจ พอเห็นหญิงสาวทำเหมือนกำลังกลั้นหายใจก็ก้มหน้าทำทีตักข้าวมาทานอีกหลายคำ จนกระทั่งหมดจาน
“อร่อย เอาไว้ผมจะมาอีก ขอบคุณนะ” ภามวางเงินให้เมษา แต่หญิงสาวกำลังเลื่อนเงินคืนให้ “ถ้าไม่รับไว้ผมจะไปล้างจานที่ห้องครัว”
เมษาปล่อยมือจากเงินที่กำลังจะเลื่อนคืนให้ภามทันที แต่ท่าทางเม้มปากเวลาขัดใจแบบนั้น เขาขอซื้อได้ไหม ชายหนุ่มอ้อยอิ่งดื่มน้ำอยู่หลายอึก ก่อนจะออกไปจากร้าน แล้วเปิดประตูเข้าไปในตึกข้างๆ ซึ่งกลายเป็นบ้านชั่วคราวของเขาเอง
เมษายืนมองจนกระทั่งเขาปิดประตูเรียบร้อยแล้วจึงกลับมาเก็บจานชามต่างๆ ไปล้าง ป้าพิสมัยมองแล้วยิ้มตาม เชื่อแล้วว่าภามเป็นแฟนของเมษาจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะตามมาอยู่ใกล้ๆ เมษาทำไม
ถ้าผมชอบ ผมจะเอาตัวไปหาเอง ตอนนี้ที่ภามทำอยู่เรียกว่าชอบหรือยัง? ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 190
แสดงความคิดเห็น