สักวันของเรา 4: ห้าปีก่อน
“อ้าว! เกลียว มาขายของหรือ พักนี้พี่ไม่เจอเราเลย” วันสกาวที่มาเดินตลาดนัดยามเย็นเล่นคนเดียวเจอหลานรหัสตนเองเปิดแผงขายเสื้อผ้าอยู่จึงเข้ามาทักทายตามประสาคนรู้จักกัน เกลียว หรือ เกลียวคลื่น เป็นหลานรหัสที่มหาวิทยาลัยของเธอ
“ครับพี่” พันฤทธิ์ยิ้มรับไมตรีอีกฝ่าย ทว่าก็เป็นยิ้มไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะทั้งวันตระเวนทำงานพิเศษมาเกือบทั่วราชอาณาจักรจนเหนื่อยล้าเหลือเกิน
“กินอะไรหรือยัง ดูท่าทางเพลียๆนะ” เธอสังเกตรุ่นน้องได้จึงถามไถ่อย่างใส่ใจ
“ยังเลยพี่ ผมไปรับจ๊อบมาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ยังไม่ได้พักเท่าไรเลย” เขาเล่าให้ฟังคร่าวๆ คร้านจะอธิบายอะไรมากนัก พอวันสกาวได้ยินอย่างนั้นก็ตาโตทันที ก่อนจะอาสาไปหาซื้ออะไรมาให้เขากินด้วยความเป็นห่วง
“มากินข้าวก่อน ลูกค้ายังว่าง เดี๋ยวพี่ช่วยดูแผงให้อีกแรง” คนแก่ปีกว่าบอกกับเขา สองมือเต็มไปด้วยถุงพลาสติกใส่อาหารเครื่องดื่มสองสามอย่างที่ซื้อมาให้ชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ” เขายิ้มรับแห้งๆ ก่อนรับของในมือบางไปจัดการ โดยมีวันสกาวก้าวไปยืนหน้าร้านแทนชั่วครู่ และระหว่างที่ยังไม่มีลูกค้ามาเธอก็หันไปชวนเขาคุยฆ่าเวลา จนรู้ว่าช่วงนี้อีกฝ่ายดร๊อบเรียนเพื่อออกมาหาเงินช่วยทางบ้านและใช้หนี้ที่ตนไม่ได้ตั้งใจก่อได้หลายเดือนแล้ว
“มีอะไรที่พี่พอจะช่วยเราได้ไหม ครั้งก่อนเรามาช่วยพี่ขนของย้ายหอ และพาพี่ไปโรงพยาบาลยังไม่มีโอกาสตอบแทนสักทีเลย” เธอยังจำน้ำใจของเขาได้ ตอนนั้นไม่มีใครว่างมาช่วยสักคนก็มีเพียงเขานี่แหละ
“ไม่รู้สิครับ” คนอ่อนวัยกว่านึกไม่ออก ครั้นจะขอยืมเงินมันก็เหมือนจะเป็นการสร้างหนี้ไปโปะหนี้เท่านั้น
“งั้นเอาเงินพี่ไป ถือเป็นค่าตอบแทนที่เรามาช่วยพี่ย้ายหอนะ” เธอพยายามหาทางช่วย แต่ชายหนุ่มก็ปฏิเสธ เพราะนั่นเขาทำด้วยใจจริงๆ และไม่อยากรบกวนรุ่นพี่ด้วย
“รับไปเถอะน่า พี่จะได้ไม่เป็นห่วง เข้าใจไหม” เธอพยายามยัดเงินใส่มือหนาด้วยน้ำใจ จนที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมรับเงินนั้นไว้เพราะคิดว่าระยะนี้เขามีความจำเป็นจะต้องใช้เงินมากและเร่งด่วนจริงๆ ต่อให้จะเกรงใจหญิงสาวพอควรก็ตาม
“พี่จะไม่เดือดร้อนเพราะผมใช่ไหม” เขายังอดเป็นกังวลไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอก พี่พอมีเงินสำรอง เราไม่ต้องห่วงนะ” เธอส่งยิ้มกว้างให้เพื่อให้เขาคลายใจ และเย็นวันนั้นวันสกาวก็อยู่ช่วยเขาขายผ้าจนตลาดเลิก ก่อนพันฤทธิ์จะส่งหญิงสาวรับประทานมื้อเย็น และส่งเธอกลับหออย่างปลอดภัย
วันสกาวสนใจในตัวรุ่นน้องหนุ่มมานานแล้ว แต่ยังไม่มีเหตุจำเป็นเข้าหาเขามากกว่าปกติสักทีกระทั่งทราบว่าเขากำลังมีปัญหา เธอจึงไม่ยอมปล่อยโอกาสนั้นไปง่ายๆ คอยโทรถามไถ่ และแวะเวียนไปช่วยขายเสื้อผ้าด้วยตลอด จะว่าเป็นน้ำใจก็ส่วนหนึ่ง แต่จะว่ากำลังตามสร้างคะแนนพิศวาสก็ใช่เช่นกัน เด็กคนนี้นอกจากมีดีที่หน้าตา การศึกษาและอัธยาศัยก็แดดดี้สุดๆ ทำเอาหัวใจรุ่นพี่อย่างเธอรวมถึงสาวน้อยใหญ่หลายหน้าหวั่นไหวไปนักต่อนัก ทว่าไม่รู้เจ้าตัวจะรู้บ้างหรือเปล่า
“หะโหล อยู่ไหนอะ นอนยัง” วันสกาวโทรหาเขาในคืนวันหนึ่ง เวลาดังกล่าวปาไปสี่ทุ่มกว่าแล้ว ทว่าเธอนอนไม่หลับและคิดถึงรุ่นน้องหนุ่มจึงตัดสินใจกดเบอร์หา เธอพอทราบว่าเขามักชอบนอนดึกเป็นนิสัย ส่วนใหญ่ก็มักจะมัวสร้างสิ่งประดิษฐ์ เช่น ของเล่นแบบต่างๆ แก้เครียด
[ยังไม่นอนเลยครับ ผมออกมาเดินเล่นข้างนอก] ปลายสายตอบกลับมาอย่างสุภาพ ขณะนั้นวันสกาวก็ยังได้ยินเสียงผู้คนจอแจและเสียงรถวิ่นไปมาแว่วมาเข้าสายด้วย
“อ้าว! วันนี้ไม่นั่งประดิษฐ์อะไรต่อหรอกหรือ ปกติเห็นทำประจำ” หญิงสาวนึกสงสัย
[ไม่ครับ ถึงผมจะชอบมันมากแต่ก็คงไม่ทำทุกวันหรอก]
“มีอะไรหรือเปล่า ฟังเสียงไม่ค่อยดีเลยนะ” เธอจับน้ำเสียงอีกฝ่ายได้จึงถามด้วยความเป็นห่วง หลังจากใกล้ชิดกันพักหนึ่งทำให้เธอทราบว่าแต่ละวันมักจะมีปัญหาสักอย่างเข้ามาทำให้เขาไม่สบายใจตลอด และยิ่งถ้าเรื่องนั้นมันทำให้ต้องคิดหนักด้วยแล้ว เขามักจะออกมาผ่อนคลายอารมณ์ข้างนอกเสมอ
[ก็นิดหน่อยครับ] เขาตอบสั้นอย่างคร้านจะอธิบายยืดยาว
[ว่าแต่พี่เถอะ นอนไม่หลับอีกแล้วหรือ]
“ใช่ คิดถึงเราก็เลยโทรหานี่แหละ หะๆ” คนแก่ปีกว่าได้ทีจึงตอบทีเล่นทีจริงเพื่อให้อีกฝ่ายยิ้มออกบ้าง
[คิดถึงผมทำไม ผมไม่มีอะไรให้น่าคิดถึงขนาดนั้นหรอก] เสียงคนปลายสายฟังดีขึ้น
“เราไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย ไม่รู้หรือไงว่าตอนเราอยู่ในม.สาวน้อยสาวใหญ่แอบปลื้มเพียบเลยนะ”
[รวมถึงพี่ด้วยใช่ไหม] เขาแกล้งหยอกกลับบ้างด้วยความนึกสนุกอยากแหย่อีกฝ่ายเล่น
“ฉันจะไม่บอกหรอกนะ” วันสกาวแกล้งทำเสียงเชิดกลับอย่างจะรับมุก
[ผมรู้นา..ว่าพี่คิดไม่ซื่อกับผมถึงชอบมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ] เขายังเล่นต่อ เพราะชอบที่สามารถแหย่รุ่นพี่สาวได้สำเร็จ
“ย่ะ พ่อคุณสุดหล่อ พ่อคุณทูนหัวของพี่” เธออดประชดออกมาด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ เป็นผลให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ก่อนหญิงสาวจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นบ้าง
“แล้วเราจะกลับหอเมื่อไร”
[อีกสักพักครับ สบายใจขึ้นก็กลับ]
“ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะเข้าหอไหม” หญิงสาวถามอย่างใส่ใจ
[ถ้าพี่ง่วงแล้วก็นอนเถอะ ไม่เป็นไร]
“จริงๆพี่ไม่อยากทิ้งเรานะ แต่พรุ่งนี้พี่ฝึกงานต่อ เราโอเคใช่ไหม”
[ครับ ผมไม่เป็นไร] เขาบอกให้รุ่นพี่สาวคลายใจ จนเธอยอมวางสายไปนอน ส่วนเขาก็กลับมาเดินครุ่นคิดบางอย่างไปเรื่อยๆกระทั่งตีสองตีสามถึงกลับหอนอน
เสียงไลน์ดังขึ้น ขณะที่พันฤทธิ์กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานตรงหน้า กว่าเขาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กก็ปาไปหลายนาที ทว่าเมื่อเขาเห็นข้อความสุขสันต์วันเกิดจากใครบางคนและเลื่อนสายตาลงมาเจอการแจ้งเตือนเงินเข้าของธนาคารก็ถึงกับนิ่งไปชั่วครู่
‘โอนของขวัญวันเกิดให้แล้วนะคุณชาย ขอให้สุขสมหวังในสิ่งดีงามทุกๆประการจ้า’
‘4000 บ.’
น้อยคนนักจะจำวันเกิดของเขาได้ และน้อยยิ่งกว่าน้อยจะมีอะไรให้ในวันนี้ ในอกรู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่รุ่นพี่สาวทำให้มากพอควร แต่ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกแย่ไปด้วยไม่ได้ เหตุผลหนึ่งคือ แม้แต่บุพการีก็ไม่เคยจำวันสำคัญนี้ได้สักปี จะติดต่อหาก็แค่เรื่องเงิน เรื่องธุระ ปล่อยให้เผชิญปัญหาต่างๆลำพัง ทำราวเขาเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง ทว่าคนนอกกลับใส่ใจรายละเอียดของเขามากกว่า ช่างน่าขมขื่นเสียจริง
พันฤทธิ์: ขอบคุณครับ
วันสกาว: เย็นนี้ว่างไหม ไปฉลองกัน ฉลองวันเกิดเราและฉลองที่พี่ถูกหวยด้วย สามตัวสองใบแหนะ
พันฤทธิ์: ได้ครับ
ชายหนุ่มยอมรับว่าการคุยกับรุ่นพี่สาวคนนี้ทำให้ความหม่นเศร้าในใจคลายลงได้มาก เธอจิตใจดีและคอยอยู่เคียงข้างมาตลอด ช่วยเหลือเขาก็หลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องเงิน จนอดนึกระอายใจไม่ได้ที่ต้องรบกวนเธอบ่อยครั้ง ทว่าหลายครั้งก็เป็นเธอเองที่ยื่นมือเข้ามาแม้เขาจะปฏิเสธอย่างไรก็ตาม ถึงอย่างนั้นยังคิดว่าสักวันจะตอบแทนน้ำใจอีกฝ่ายให้สมน้ำสมเนื้อแน่นอน แต่เมื่อไรล่ะ?...ชีวิตเขามีแต่ปัญหา ปัญหา มีเรื่องมีราวต้องแก้ไม่เว้นวันอยู่แบบนี้เรื่อยๆ และมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นไปอีกจนอยากถอดใจหลายครั้ง
หลังจากนัดสถานที่กันเสร็จ ขณะที่พันฤทธิ์กำลังจะออกไปหาคนแก่ปีกว่าตามที่คุยกันไว้ จู่ๆโทรศัพท์ก็ส่งเสียงขัดจังหวะขึ้นมาก่อน มือหนาหยิบมันขึ้นมาดูเบอร์เรียกเข้า แค่เห็นเท่านั้นก็พอเดาได้ว่าคงจะมีอะไรไม่ดีตามมาแน่ๆ และเป็นจริงดังคาด ที่บ้านโทรมาพร้อมปัญหาให้แก้อีกแล้ว ส่งผลให้วันนั้นเขาต้องยกเลิกนัดฉลองวันเกิดตัวเองไปอย่างน่าเศร้า ยากจะเลี่ยงอีกครั้ง
ตรู๊ด..ตรู๊ด..
เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนอีกทางที่โทรหาจะยอมรับสายแม้แต่น้อย วันสกาวจิ้มเบอร์เดิมอยู่สองสามรอบ สุดท้ายต้องยอมถอดใจอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีมากกว่านี้ เช้าก็โทร บ่ายก็โทร ดึกๆก็โทร ฝ่ายนั้นก็รับสายบ้างไม่รับสายบ้างเป็นวันๆไป มาพักหลังเริ่มเว้นช่วงรับสายยาวขึ้น เธอไม่เข้าใจเลย รุ่นน้องหนุ่มของเธอเป็นอะไรไป ตั้งแต่วันเกิดสองเดือนก่อน เขาก็หายหน้าหายตาไปจากชีวิต จริงๆไม่อยากรบกวนเขานัก ติดเพียงอดเป็นห่วงตามประสาคนแอบมีใจให้แต่ไหนแต่ไรไม่ได้
น้ำใสๆเริ่มไหลออกมาจากหางตาเรียวทีละหยด ทีละหยด ก่อนหลั่งเป็นสายในเวลาต่อมา ในหัวหวนนึกถึงวันเก่า พันฤทธิ์ดูไม่ออกหรือว่าเธอคิดอย่างไรกับเขา ทุกอย่างยังติดตรึงความทรงจำ รุ่นน้องหนุ่มเคยมีน้ำใจต่อเธอก็จริง เคยสนิทสนมใกล้ชิดกันก็ใช่ แต่นอกจากเล่นหัวกันตามประสาคนคุ้นเคย เขาก็ไม่ได้แสดงออกอย่างอื่นไปมากกว่าพี่น้อง เธอพอรู้นานแล้ว ทว่าความสุขเวลาได้พูดคุยหรือใช้ร่วมกันมันช่างวิเศษเหลือเกิน จนยากจะห้ามใจไม่ให้แอบหวังลึกๆได้อีก...มาตอนนี้ คงต้องยอมรับแล้วใช่ไหม?
“นี่..ถามจริง นอกจากชื่อพี่ ยังมีอย่างอื่นจำได้อีกไหมฮะ” วันสกาวถามเขา หลังจากสังเกตว่าหลายเรื่องที่คุยกันเขาแทบจำอะไรเกี่ยวกับเธอไม่ได้เลย คล้ายคนไม่ใส่ใจทำนองนั้น ซึ่งว่ากันว่า ถ้าอยากรู้ว่าอีกฝ่ายมีใจให้หรือไม่ ต้องดูจากการที่เขาพยายามจำเรื่องราวของอีกคนมากแค่ไหน แต่สิ่งที่พบ กลายเป็นว่ารุ่นน้องของเธอแทบไม่จดจำอะไรเลย
“พี่เป็นผู้หญิง เป็นป้ารหัสของผม และอายุมากกว่าผมไง” เขาตอบติดตลก
“เรื่องนั้นใครก็จำได้ แต่ฉันเล่าให้แกฟังหลายเรื่องจำได้แค่นี้น่ะหรือฮะ” ตอนนั้นเธออดค้อนเขาไม่ได้ แม้จะรู้ว่าสถานะของเธอไม่มีสิทธิ์ไปนอยเขาเรื่องนี้ก็ตาม
“แหม่ คุยกันก็ตั้งหลายเรื่อง ใครจะไปจำหมดเล่า” เขาแก้ตัว แม้มันจะฟังไม่ค่อยขึ้น แต่วันสกาวก็พยายามเข้าใจ อีกอย่างเธอไม่อยากหาเรื่องทะเลาะเพิ่มความปวดหัวให้เขาอีก จึงปล่อยผ่านไป ทั้งที่ส่วนลึกก็ยังตั้งคำถามและแอบน้อยใจอยู่เหมือนกัน
วันเดือนล่วงเลย ระยะแรกหญิงสาวพอเข้าใจ อีกฝ่ายมีธุระ แต่นานวันเข้าทุกอย่างก็เริ่มชัดเจน เมื่อท่าทีเขาเปลี่ยนไป ดูเย็นชาห่างเหิน ถามคำตอบคำราวไม่ได้สนใจจะคุยกับเธอจริงจัง ล่าสุดก็รับสายแค่สัปดาห์ละครั้ง ส่งไลน์หาก็แทบไม่ตอบ ถามว่ายุ่งหรือก็เงียบ พอรับสายก็บอกว่าไม่ว่าง สองเดือนแล้วที่เธอคอยวิ่งตามเขาแต่คล้ายอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นเลยสักนิด หรือไม่คงจงใจทำเป็นไม่รับรู้กระมัง
“มันชัดเจนแล้วนะสกาว ทำไมต้องหลอกตัวเองให้เสียเวลาเปล่า” ปรึกษาเพื่อนคนไหนก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
“มันก็แค่เด็กคนหนึ่ง ถ้าทำอะไรให้ไปแล้วอีกฝ่ายไม่เห็นค่าก็ควรพิจารณาเถอะ”
“ความรักมันอาจต้องพยายามบ้างนะ แต่ใช่ว่าพยายามแล้วทุกอย่างว่างเปล่า และต้องวิ่งตามจนเสียน้ำตาแบบนี้”
“ช่างมันเถอะ ถ้าคู่กันจริงเดี๋ยวสักวันคงได้กลับมาหากัน”
ร้อยข้อคิด พันคำเตือนสติ ก็ยังไม่อาจช่วยให้เธอตัดใจจากพันฤทธิ์ได้ แต่คนเราต้องรักตนเอง คราวนี้เธอจะพยายามหายไปสักเดือน ถ้าเขายังเฉยเมย ทุกอย่างก็จะได้จบลงเสียที
ระหว่างช่วงเวลาแห่งการหักห้ามใจตนเองอย่างยากลำบาก ตอนนั้นวันสกาวเกิดป่วยเป็นไข้เลือดออกกะทันหันถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน ด้วยสภาพจิตใจที่อ่อนแอจากความเจ็บป่วยทำให้เธอต้องการกำลังใจจากใครสักคน และคนแรกที่นึกถึงก็คือ พันฤทธิ์ ต่อเมื่ออาการดีขึ้นบ้าง เธอจึงกดเบอร์หาเขา ยอมทิ้งความตั้งใจเดิมชั่วคราว ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นเสียงสัญญาณรอสายน่าหดหู่ใจตามเคย แต่เพราะอยากได้กำลังใจจากอีกฝ่ายเหลือเกินทำให้หญิงสาวยังไม่ยอมแพ้ เปลี่ยนไปส่งไลน์หาแทน ก่อนจะได้รับคำตอบกลับมาเพียง ‘ครับ’ จากนั้นเงียบหาย ทั้งที่พิมพ์บอกไปว่า ‘พี่ป่วยนอนโรงบาล โทรหาหน่อย’ แล้วแท้ๆ จนเธออดคิดไม่ได้ว่า นี่เขายุ่งจนลืม หรือเธอไร้ความสำคัญใดต่อสายตาเขางั้นหรือ? เมื่อมันเป็นแบบนี้ก็ไม่อยากจะไปรบกวนอีกฝ่ายอีก จึงกลับมาตั้งมั่นกับตนเองอีกครั้ง
กระทั่งสามสัปดาห์ผ่านไป หญิงสาวก็ต้องประสบกับปัญหาใหญ่ซ้ำสอง แอพพลิเคชั่นธนาคารของเธอถูกมิจฉาชีพแฮ็กขโมยเงินไปจนเกลี้ยงบัญชี โชคดีที่ฝากเงินไว้ในบัญชีกองทุนรวม และมีบัญชีปิดเป็นบัญชีอนาคตอยู่ สถานการณ์จึงยังพอให้ใจชื้นได้ ติดแค่หกวันนี้เป็นวันหยุดยาว พนักงานกองทุนรวมและธนาคารหปิดทำการหลายวัน แต่เงินสดมีติดกระเป๋าเพียงห้าสิบบาทคงไม่พอ และคนแรกที่คิดถึงก็เป็น รุ่นน้องหนุ่มคนนั้น ตามเคย แม้จะทราบอยู่ว่าเขาอาจช่วยอะไรไม่ได้มาก ทว่าก็อยากลองใจดูอีกสักครั้ง
เงียบ..ทุกช่องทางไร้การตอบกลับ เธอเห็นท่าอย่างนั้นจึงตัดใจไปยืมเพื่อนคนอื่นก่อน คาดว่ากว่าอีกฝ่ายจะตอบคงนาน แต่ต่อให้เธอจะได้เงินจากเพื่อนมาแล้วก็ยังไม่รีบบอกให้เขารู้ ตั้งใจรอดูอีกสามสี่วัน สุดท้ายทั้งโทรศัพท์และไลน์ก็ยังปราศจากความเคลื่อนไหว....
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 314
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น