บทที่ 12 เงื่อนไขนี้ ฉันขอ
บทที่ 12 เงื่อนไขนี้ ฉันขอ
ณ อาณาจักรวิทาเรีย
ชายหนุ่มสวมแว่นคนหนึ่งกำลังมองท่าทางของราชาของตน ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เก่าบางสิ่งที่ทำให้หัวใจของคนที่ฟังอยู่สั่นไหว
“เรื่องนี้พวกเราไม่รู้มาก่อน”
“หมายความว่าไงที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ดอกเตอร์เอ็ดเวิร์ดไม่ได้ส่งข่าวมาผ่านทางรับหรือยังไง”
“ท่านราชา เราไม่ได้รับข้อมูลอะไรแม้แต่นิดเดียวจากชายผู้นั้นเลย เรื่องที่พวกเขาสามารถเปิดประตูมิติได้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราเปิดประตูไม่ติดได้เราสามารถนำทรัพยากรจากโลกอื่นมาช่วยเหลืออาณาจักรเราได้ แต่ว่า”
“เจ้าหมายความว่ายังไง ลองอธิบายมาให้ชัดเจนสิ”
“ตอนนี้พวกเราต้องร่วมมือกับอีก 2อาณาจักร ทั้งอาณาจักรแพนเจียและอาณาจักร”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาทดังขึ้น ผู้คนเบื้องนอกกรีดร้องส่งเสียงวุ่นวาย ก่อนที่จะมีใครทันทำอะไรประตูพระราชวังก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง
“ท่านราชาเกิดเรื่องใหญ่แล้ว มีรอยแยกมิติปรากฏขึ้นเหนือพระราชวัง”
สิ้นเสียงของชายที่มาใหม่ ราชาก็มีสีหน้าซีดเผือด พระองค์กำมือแน่นเส้นเลือดปูดโปน ก่อนที่จะได้ทันตะโกนสั่งการอัสนีบาตสีชาติฟาดใส่เบื้องหน้าของพระองค์อย่างรุนแรง ราชาโลภมากสะดุ้งตกจากพระที่นั่ง ขุนนางต่างรีบกูลีกุจอไปถวายการอารักขา
“ทุกคนเตรียมตัวรับมือ มันจะมาแล้ว”
—----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ณ อาณาจักรแพนเจีย
อาณาจักรแห่งนี้เป็นอาณาจักรที่รวบรวมความรู้สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ไว้ทั้งสิ้น เมื่อเกิดอาเพศประตูมิติปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า ผู้คนในอาณาจักรนี้ต่างก็จับจ้องมองไปเบื้องบนด้วยความสงสัยอยากรู้ บ้างก็นำกล้องมาถ่ายรูปบ้างก็เตรียมตัวที่จะอุทยานร่างเข้าไปสำรวจ
ผู้คนในอาณาจักรนี้ปฏิบัติตนผิดไปจากอาณาจักรทั้งสอง พวกเขาต่างตระเตรียมรับมืออย่างเป็นระบบ ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเป็นผู้คงแก่เรียนกล่าวขึ้น
“พวกมันกำลังมา พวกคนจากต่างมิติ มันไม่ใช่แค่ตำนานแต่มันคือเรื่องจริง มันไม่ใช่แค่นิทานที่พวกเราเคยอ่านมาตั้งแต่สมัยเด็ก”
“ไม่น่าเชื่อ เรื่องนี้จะเกิดขึ้น แสดงว่าพวกเราก็จะได้เจอกับเทพและมารตัวเป็นๆ”
ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวเสริมว่า “แบบนี้โลกคงวุ่นวายน่าดู พวกเทพกับพวกมารจะต้องปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่พบแน่นอน”
ชายผู้คงแก่เรียนพยักน่ารัก “ใช่ มันก็คงเป็นอย่างที่ผู้หญิงท่านนี้ได้พูดเอาไว้ แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้พวกเราต่างหากที่จะตกอยู่ในอันตราย ถ้าพวกเราไม่สามารถต่สู้กับคนเบื้องบนได้“
‘และการที่จะต่อสู้กับคนเบื้องบน มันไม่มีทางเป็นไปได้ ‘ชายหนุ่มได้เพียงแต่คิดอยู่ในใจ แต่เขากลับไม่กล้ากล่าวมันออกมา สิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้หวาดกลัวที่สุดก็คือสงคราม สงครามที่มนุษย์ต้องห้ำหั่นกับเทพเจ้า
—----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ลูกชายของนายท่านแห่งข้า ท่านมีชื่อว่าไบรท์ เรื่องนี้ข้ารู้แต่แรกก่อนที่ข้าจะเดินทางมายังโลกนี้”
ไบรท์มองประเมินคู่ต่อสู้ตรงหน้า เด็กหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้เขาต้องรีบรับข้อตกลง หรือไม่ก็ต้องผ่าสตูที่แข็งแกร่งคนนี้ออกไปให้ห่างจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด ถ้าพี่ไอยราต้องต่อสู้โดยที่มีน้องสาวและอาซึนะรวมไปถึงคาเสะอยู่ด้วยพี่ของเขาก็ไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่
“แกต้องการจะบอกอะไรกับพวกเรากัน”
ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มอย่างพึงพอใจ เขารู้ได้ทันทีว่าลูกชายของนายท่านนั้นมีความฉลาดปราดเปรื่อง หากเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาก็เกรงว่าตอนนี้เด็กหนุ่มผู้นั้นคงจะต้องทะยานร่างมาสู้กับเขา แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มผู้นั้นกับเจรจาอย่างใจเย็น ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าพยายามที่จะถ่วงเวลา แต่สำหรับเขามันก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
ชายหนุ่มเก็บดาบ ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร
“อย่างที่ข้าได้พูดไป ถ้าหากท่านไม่ขัดขืนและยอมตามข้าไปแต่โดยดีเพื่อนๆของท่านจะปลอดภัย พวกเราจะถอยทัพกลับในทันที แต่ถ้าหากท่านคิดขัดขืนข้าก็มีสิทธิ์ที่จะสังหารพวกพ้องของท่าน และพาท่านกลับไป”
ไบรท์พยักหน้ารับ หลังจากนั้นออร่าของชายเบื้องหน้าก็ค่อยลดลงอย่างช้าๆ สีหน้าของไอยราแล้วเพื่อนๆของเขาจากที่ซีดเผือกก็บ่ค่อยกลับเป็นปกติ เมื่อเด็กหนุ่มเห็นดังนั้นเขาจึงพยักน่ารัก
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ฉันจะไปกับนาย”
สิ้นคำกล่าวไอยราก็เอื้อมมือมาแต่ไหล่ของไบร์ท เด็กหนุ่มส่งสายตาเป็นเชิงห้ามปรามให้กับพี่สาวของตน เขาค่อยๆเดินตรงมาหาชายหนุ่มเบื้องหน้า
พอเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ เขาก็หยุดฝีเท้า “ว่าแต่ไหนๆแกก็รู้จักชื่อของฉันแล้ว ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนเผ่า เดมอนส่วนใหญ่จะตั้งชื่อว่าอะไร และเผ่านี้มันอยู่ที่ไหนกันแน่”
“เผ่านี้อยู่ที่ไหนข้าสามารถตอบท่านได้ แต่เรื่องที่ว่าข้าชื่ออะไรนั้นท่านราชาของข้าได้บอกเอาไว้ว่า เรื่องชื่อของข้านั้นให้ท่านเป็นคนตัดสินใจท่านจะเรียกข้าอย่างไรก็ได้ นับตั้งแต่วันนี้ข้าคือทาสรับใช้ของท่าน”
“อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก่อนที่ฉันจะไปอาณาจักรของพวกแก พวกแกก็ต้องช่วยฉันทำอะไรสักหน่อย”
“ย่อมได้ ถ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคำสั่งของนายท่าน ถ้าหากนายท่านไปกับข้า”
พ่อไบร์ทพูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็มองเขาด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ
“นี่นายจะบ้าแล้วหรือไง ดูอย่างไรพวกนั้นมันก็อันตรายเห็นๆ”
ไบรท์ยกยิมก่อนที่จะหันไปมองยังอาซึนะ “แหม ดูยังไงเผ่าพันธุ์นี้ก็น่าสนใจชัดๆ ทั้งพลังเวทมนต์ที่ฉันเองก็จับไม่ได้รวมไปถึงความแข็งแกร่งที่หาได้ยาก แล้วดูท่าทางถ้าฉันไปเผ่านั้นฉันก็มียศศักดิ์และอำนาจที่สูงพอควรเลยทีเดียว ถ้าอย่างนั้นฉันสู้รับข้อเสนอดีๆนี้ไว้ไม่ดีกว่าหรือไง”
“ไอ้บ้าเอ้ย ดูยังไงๆพวกนั้นก็อันตรายโง่หรือไง”
ไบรท์หันมายิ้มกับรูรุ “ไม่ต้องห่วงหน้า สำหรับพวกนายแล้วคงไม่มีทางมีพลังได้แบบนั้นหรอก เพราะฉะนั้นฉันจะไม่อยู่กับพวกนาย ฉันจะไปเผ่าพันธุ์ที่มีพลังอำนาจมากกว่านี้ ยิ่งเผ่าพันธุ์ที่มีพลังอำนาจมากกว่าจักรพรรดิเวทมนต์ได้ยิ่งดี”
ระหว่างที่ไบร์ทพูดเขาก็นำนิ้ว ส่งสัญญาณไปยังมินาโตะ เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเวลาเขาอยู่ที่ไหนหญิงสาวก็จะสามารถรับรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นได้เหมือนกัน หากข้อสันนิษฐานของเขาถูกต้อง เวทมนตร์พันธสัญญานี้ก็ยังจะสามารถใช้ได้ในต่างมิติอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นท่าทางดังนั้น เนกิกับไอจึงเข้าใจข้อความที่จะสื่อในทันที ต่างจากรูรุที่มีท่าทางไม่พอใจ
รูรุไม่รู้ว่า ไบรท์จะต้องการทำอะไรกันแน่ เขาเป็นห่วงไบท์อย่างประหลาดมันไม่เหมือนความรู้สึกที่เขาห่วงเนกิหรือนากิ แต่มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมากกว่านั้น เด็กหนุ่มไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนี้ได้ ไม่สิถ้าจะบอกให้ถูกรูรุไม่อยากจะนึกถึงความรู้สึกนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ควรมี
รูรุเม้มปากในใจเขาก็อย่าข้ามไบรท์ไว้อยากจะพูดแค่คำเดียวว่าอย่าไป อย่าไป อย่าไปกับมัน สำหรับเด็กหนุ่มแล้วหากคนตรงหน้าหายไปเขาคิดว่าเขาคงไม่มีโอกาสได้พบไบรท์ที่เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ถึงแม้เขาต้องการจะพูดอะไรแต่เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถพูดมันออกมาได้ เขาได้แต่มองดูไบรท์ที่ค่อยๆเคลื่อนร่างลอยตัวออกไปอย่างช้าๆ น้ำตาของชายหนุ่มไม่ได้ไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
“ไม่เป็นไร พวกเราต้องพาหมอนั่นกลับมาได้อย่างแน่นอน” คาเสะนำมือมาตบไหล่รูรุ เด็กสาวผมเขียวมองไปยังผู้ทำพันธะของตน หญิงสาวรอเวลาเท่านั้น รอเวลาที่พลังเวทย์ของชายหนุ่มนัยน์ตาสีทองจะออกห่างจากบริเวณ จนไม่สามารถสัมผัสได้ หลังจากนั้นเธอก็จะเริ่มอธิบายแผนการทั้งหมดในทันที
ไบรท์เคลื่อนร่างตามติดชายนัยน์ตาสีทองมาติด ๆ เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อย เดิมทีพลังเวทย์ของเด็กหนุ่มก็มีไม่มากอยู่แล้วยิ่งเขาต้องใช้ติดๆกันแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกล้า แต่อาจจะเป็นเพราะศักดิ์ศรีหรืออะไรเด็กหนุ่มก็ไม่สามารถรู้ได้ ไบรท์ไม่คิดจะบอกให้ชายตรงหน้าหยุดการเคลื่อนร่าง เขาใช้พลังเท่าที่มีทะยานร่างตามไปอย่างไม่ลดละ
แต่ในขณะเดียวกันไบรท์ก็ไม่ใช้พลังที่มีให้เต็มที่มากนัก เด็กหนุ่มจงใจปล่อยพลังเวทย์และเคลื่อนตัวไปช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะสามารถถ่วงเวลาให้พวกไอยราสามารถมาหาเขาได้ง่าย
ในระหว่างที่เขากำลังคิดสรตะอยู่ในหัวนั่นเองชายหนุ่มเบื้องหน้าก็หยุดฝีเท้าลงไบรท์มองสภาพรอบข้างก่อนที่จะขมวดคิ้วมุ่น
ที่ที่ชายหนุ่มพาไบรท์มาในตอนนี้มันคือในป่าลึก มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยต้นไม้ที่สูงกว่า 10 คนโอบ ถ้าจะพูดง่ายๆหากชายหนุ่มเบื้องหน้าคิดตระบัดสัตว์ทำอะไรที่เขาไม่คาดคิดขึ้นมา ไบรท์เองก็คงต้องไปนอนเฝ้ารากมะม่วงอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น ไบรท์กลับรู้สึกถึงจิตสังหารที่พวยพุ่งออกมา เขาเพิ่มพลังเวทย์ในทันทีเด็กหนุ่มเยี่ยวร่านหลบคมดาบที่ฟาดผ่านร่างเขาไป เขาตีลังกาออกห่างจากชายหนุ่มนัยน์ตาสีทอง
“พลังเวทย์แค่นี้ พลังเวทย์เล็กน้อยแค่นี้แกไม่สมควรกลับไปหานายท่านแห่งข้า เพราะฉะนั้นข้าจะทำให้แกตายอยู่ที่นี่”
ไบรท์มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางที่อยากจะหั่นเขาออกเป็นหลายๆส่วน
“ไอ้บ้าเอ้ย ถ้าจะพูดขนาดนี้ล่ะก็ เงื่อนไขของแกฉันขอปฏิเสธ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 180
แสดงความคิดเห็น