ตอนที่ 416 นักพรตระดับสูง
ตอนที่ 416 นักพรตระดับสูง
“เข้ามาสิ ฉันรอคุณมานานแล้ว” เสียงที่เต็มไปด้วยความอาวุโสดังขึ้นมาจากอาคารสีแดง
ทันใดนั้นคลื่นความร้อนอันอบอุ่นก็เคลื่อนที่เข้าสู่ร่างกายของอูดี้และปัดเป่าความหนาวเย็นในร่างกายของเขาออกไปด้วยความรวดเร็ว จนทำให้เขารู้สึกสบายสุด ๆ คล้ายกับว่าเขากำลังนอนอาบแดดอยู่ริมชายหาด
น่าเสียดายที่ความรู้สึกอันแสนสบายนี้หายไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้อูดี้อดที่จะรู้สึกเสียดายขึ้นมาไม่ได้
หลังจากสังเกตดี ๆ เขาก็ได้พบว่าอาคารหลังนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากพายุหิมะที่อยู่ด้านนอกเลย นอกจากนี้ในตัวอาคารยังเต็มไปด้วยทุ่งหญ้า, ต้นไม้และดอกไม้ที่สวยงาม ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นมิติที่แยกตัวออกมาต่างหากทำให้มันไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะแวดล้อมภายนอก
เมื่อเขาได้เดินขึ้นบันไดหินแกรนิต 13 ขั้นประตูอาคารด้านหน้าก็เปิดออกโดยอัตโนมัติเผยให้เห็นห้องโถงอันกว้างใหญ่ที่เงียบสงบ
ตรงกลางห้องโถงมีชายชราและเด็กชายเด็กหญิงคู่หนึ่งที่คอยรับใช้อยู่ข้าง ๆ โดยเด็กชายคอยรับใช้อยู่ด้านซ้ายและเด็กหญิงที่คอยรับใช้อยู่ทางด้านขวา
“สวัสดีครับท่านนักพรต” อูดี้กล่าวทักทายและโค้งคำนับด้วยรอยยิ้ม
“เข้ามาสิ เส้นทางที่เดินทางมาที่นี่คงจะยากลำบากมากสินะ ถึงยังไงคุณก็เป็นเจ้าของเต็นท์ทองคำ ฉันก็ควรจะรับรองคุณให้ดี” เลยูตี้กล่าวพร้อมกับพยักหน้าช้า ๆ
“ท่านนักพรตเปรียบเสมือนกับเทพเจ้าแล้วผมจะกล้าให้ท่านมารับรองผมได้ยังไง” อูดี้รีบกล่าวแย้งขึ้นมา
เมื่ออูดี้พูดคำว่าเทพเจ้าขึ้นมาใบหน้าของเลยูตี้ก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะได้เผยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวออกมาจากมุมปาก
“ฉันไม่ใช่เทพเจ้า เพราะถ้าฉันเป็นเทพเจ้าจริง ๆ ฉันก็คงจะไม่ได้อยู่ที่นี่” เลยูตี้กล่าวขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด
“ระหว่างทางรู้สึกยังไงบ้าง?” เลยูตี้กล่าวถามเปลี่ยนเรื่อง
“ผมรู้สึกถึงความขมขื่นก่อนที่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกอันหอมหวาน ถ้าผมยอมแพ้กับพายุหิมะข้างนอกนั่นผมก็คงจะไม่รู้ว่าหลังอุปสรรคนั้นมีสถานที่ที่มหัศจรรย์แบบนี้ซ่อนอยู่” อูดี้กล่าวตอบ
เลยูตี้พยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่เขาจะหันไปสั่งเด็กชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ให้เสิร์ฟชาให้กับราชาแห่งเต็นท์ทองคำ
อูดี้รับน้ำชามาดื่มด้วยความสงบและนี่ก็เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาได้กลายเป็นเจ้าของเต็นท์ทองคำที่เขาได้นั่งอยู่ต่ำกว่าคนอื่น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะผู้ที่นั่งอยู่สูงกว่าเขาคือนักพรตอันดับ 1 ของเผ่าพันธุ์ ซึ่งถ้าหากว่าเขาเป็นคนอื่นเขาก็คงจะไม่สามารถผ่านประตูเข้ามาในอาคารแห่งนี้ได้ด้วยซ้ำ
ราชาแห่งเต็นท์ทองคำได้ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ในการพิจารณาสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งราวกับเทพเจ้าที่นั่งอยู่ตรงหน้า ซึ่งเลยูตี้ที่มีอายุนับพันปีก็ไม่ได้ดูแก่ชราในสายตาของเขามากนัก อย่างไรก็ตามชายชราคนนี้ก็ให้ความรู้สึกเย็นชาออกมาเป็นครั้งคราวจนทำให้อูดี้รู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย
“ฉันได้ยินมานานแล้วว่าเจ้าของเต็นท์ทองคำในปัจจุบันเป็นเซิร์กที่ฉลาดที่สุดในประวัติศาสตร์ แล้วมันก็ดูเหมือนจะเป็นไปอย่างที่ฉันคาด และการเดินทางกลับมาในครั้งนี้ก็ไม่ใช่การเดินทางที่เสียเปล่าเลยจริง ๆ” เลยูตี้กล่าว
“ท่านนักพรตยกย่องผมมากเกินไปแล้ว ผมก็แค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเท่านั้นเอง” อูดี้กล่าว
“นายกำลังจะบอกว่าฉันละเลยหน้าที่ของเผ่าพันธุ์มานานกว่า 300 ปีงั้นเหรอ?” เลยูตี้กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ท่านนักพรตเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” อูดี้รีบแก้ไขความเข้าใจผิด
อูดี้รีบยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มอย่างเงียบ ๆ เพื่อปกปิดความลำบากใจภายในใจของเขา และถึงแม้ว่าโดยปกติเขาจะมีอำนาจในการควบคุมผู้คน แต่เมื่อเขาได้มาอยู่ต่อหน้านักบวชคนนี้แล้วเขาก็ไม่ต่างไปจากประชาชนคนตัวเล็ก ๆ
ถึงแม้ว่ามันจะมีคำพูดมากมายอัดอั้นอยู่ในใจแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เพราะท้ายที่สุดชายชราที่อยู่ตรงหน้าก็คือนักพรตอันดับ 1 ของเผ่าพันธุ์ ที่แม้แต่ 7 สุดยอดนักรบศักดิ์สิทธิ์รวมตัวกันก็ยังไม่อาจที่จะต้านทานชายชราคนนี้เพียงแค่คนเดียวได้
“เหตุผลที่ฉันใช้ชีวิตอย่างสันโดษในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นั่นก็เพราะว่าฉันกำลังลำบากใจกับปัญหาของตัวเอง ปัญหานี้เป็นปัญหาที่คนทั่วไปไม่สามารถจะทำความเข้าใจได้ เพราะมันเป็นปัญหาสำหรับคนที่สามารถขึ้นมายืนอยู่บนจุดนี้ได้เท่านั้น”
“อย่าคิดว่าการที่คุณสามารถครอบครองดินแดนมนุษย์ได้แล้วครึ่งหนึ่ง มันจะช่วยทำให้คุณได้กลายเป็นผู้มีอำนาจ เพราะในสายตาของเหล่าบรรดามหาอำนาจที่แท้จริง สงครามในครั้งนี้ก็เป็นเหมือนกับการทะเลาะกันของเด็กน้อย” เลยูตี้กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ขอบคุณท่านนักพรตที่สั่งสอน สถานะของคุณอยู่เหนือกว่าพวกเรามากและผมก็เกรงว่าชั่วชีวิตนี้ผมก็คงจะไม่อาจทำความเข้าใจปัญหาของคุณได้” อูดี้กล่าวขึ้นมาด้วยความเคารพ
“เอาล่ะ เนื่องมาจากว่าฉันอยู่ในสถานะที่สูงมากและฉันก็คงจะไม่มีทางเข้าใจปัญหาของผู้ที่ต่ำต้อยได้ ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกมาเถอะ สักวันหนึ่งที่ฉันออกเดินทางไปจากที่นี่ฉันก็คงจะไม่กลับมาที่นี่อีกต่อไปแล้ว” เลยูตี้กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
‘ไม่ใช่ว่าตัวเองเคยบอกว่าจะขึ้นไปอยู่บนดินแดนเทพเจ้าอะไรนั่นไม่ใช่หรือยังไง? ที่ตอนนี้แกยังไม่เข้าไปไม่ใช่เพราะแกโดนพวกเขาถีบหัวส่งมางั้นเหรอ! ทีแบบนี้มาทำตัวสูงส่งกว่าฉัน ที่จริงแกก็ต่ำต้อยไม่น้อยไปกว่าฉันมากนักหรอก’ อูดี้แอบต่อว่าชายชราอยู่ภายในใจ
อย่างไรก็ตามราชาแห่งเต็นท์ทองคำก็ยังไม่เร่งรีบที่จะขอความช่วยเหลือออกไปในทันที แต่เลือกที่จะส่งแหวนมิติที่เขาเตรียมมาให้ชายชราก่อน โดยด้านในแหวนมิตินั้นเป็นอาหารที่ว่ากันว่าเลยูตี้เคยชื่นชอบ และมันก็มีหัวใจจักรวาลสีม่วงถูกบรรจุอยู่ในแหวนวงนั้นด้วย
เลยูตี้มักจะขอให้พวกเขาเตรียมหัวใจจักรวาลสีม่วงให้เขาในทุก ๆ ปี ซึ่งเหตุการณ์นี้ดำเนินอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว
ดูเหมือนว่าเลยูตี้กำลังพยายามจะทำอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ และถ้าหากว่าชายชราคนนี้ไม่พูดออกมามันก็คงจะไม่มีใครสามารถทำความเข้าใจการกระทำของเขาได้
หลังจากรับแหวนมิติมาเลยูตี้ก็มอบแหวนให้กับเด็กสาวทางด้านขวา โดยไม่แม้แต่จะมองหาสิ่งที่อยู่ด้านในของแหวนมิติ
“สงครามกับพันธมิตรมนุษย์เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งถ้าหากว่ามันไม่มีปัญหาอะไรดินแดนมนุษย์ทั้งหมดก็คงจะถูกครอบครองภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี และถึงแม้ว่าในปัจจุบันกองกำลังหลักของมนุษย์จะยังไม่ได้รับความเสียหาย แต่ผลของสงครามในปัจจุบันก็ทำให้พวกเขาสูญเสียขวัญกำลังใจไปมากแล้ว ดังนั้นการที่คุณเดินทางมาที่นี่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่จะร้องขอให้ฉันไปเข้าร่วมในสงครามนี้ใช่ไหม?”
อูดี้พยักหน้าอย่างประหลาดใจกับการวิเคราะห์สถานการณ์ของเลยูตี้ เพราะเขาไม่คิดเลยว่านักรบผู้เก็บตัวอยู่อย่างสันโดษจะรับรู้ถึงข้อมูลที่เกิดขึ้นในสงครามครั้งนี้ด้วย
“ใช่ครับ ผมเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เพราะเรื่องสงคราม และถึงแม้ว่าการต่อสู้จะดุเดือดไปบ้างแต่มันก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวล อย่างไรก็ตามสถานการณ์ภายในดินแดนของเราไม่ค่อยสงบนัก เพราะเมื่อไม่นานมานี้มันได้มีนักรบมนุษย์สังหารนักรบศักดิ์สิทธิ์ของเราไปถึง 16 คนในเดือนเดียว ทำให้ประชาชนภายในเผ่าออกมาเรียกร้องให้จัดการกับมนุษย์คนนั้นโดยเร็วที่สุด”
“แม้ว่านักรบคนนี้จะเป็นเพียงแค่นักรบมนุษย์ตัวเล็ก ๆ แต่ผลกระทบที่เขาสร้างก็ค่อนข้างจะแผ่ออกไปอย่างกว้างขวาง ดังนั้นการจัดการเขาให้เร็วที่สุดมันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของประชาชนชาวเซิร์กด้วยเช่นกัน”
คำอธิบายนี้ทำให้เลยูตี้เลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาไม่คิดจริง ๆ ว่าอูดี้จะถึงกับเดินทางมาหาเขาเพียงเพราะนักรบมนุษย์ที่แทบจะไม่มีค่าในสายตาของเขาเลย
หรือว่านักรบคนนั้นจะเป็นผู้ครอบครองพลังมหาศาล?
“ไหนลองเล่าเรื่องนักรบมนุษย์คนนั้นตั้งแต่ต้นสิ” เลยูตี้ถาม
อูดี้เริ่มเล่าเรื่องของเซี่ยเฟยตั้งแต่ที่เขาบุกเข้ามาในดินแดนเซิร์กไปจนถึงเหตุการณ์ที่เขาสังหารฟูซี่ จนทำให้เรื่องราวของเขาโด่งดังไปทั่วทั้งดินแดนเซิร์ก
“นักรบคนนั้นเป็นผู้ใช้พลังความเร็วระดับสูงที่ค่อนข้างฉลาดสินะ แล้วเขาก็มียานอวกาศที่ค่อนข้างดีทำให้พวกคุณไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเขาได้” เลยูตี้กล่าวขึ้นมาหลังจากที่ได้รับฟังข้อมูลของเซี่ยเฟย
“ตอนแรกถึงแม้ยานรบของเขาจะล่องหนได้ แต่มันก็ยังพอมีร่องรอยความผันผวนของพลังงานให้สังเกตเห็นอยู่บ้าง แต่หลังจากที่เขาโดนพวกเราดักจับได้ จู่ ๆ ร่องรอยพลังงานนั้นก็หายไปอย่างกะทันหัน ดังนั้นนอกเหนือจากเขาจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแล้วเขายังเป็นช่างกลที่มีฝีมืออยู่ในระดับสูง เพราะปัจจุบันนักวิจัยของเรายังไม่สามารถผลิตระบบล่องหนขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการพยายามปรับแต่งระบบล่องหนได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพียงแค่นี้” อูดี้กล่าว
“ในจักรวาลนี้มีผู้เก็บซ่อนความสามารถเอาไว้อย่างมากมาย การที่คุณทำไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้เหมือนกับคุณ”
“เมื่อกี้คุณเล่าว่าในระหว่างที่เขาสังหารฟูซี่ เขาสามารถหลบหนีออกไปโดยที่กองยานทั้งสามที่เฝ้าอยู่ในบริเวณนั้นไม่สามารถที่จะตรวจจับยานรบของเขาได้ ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาสามารถแอบเข้ามาในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ และพร้อมที่จะจู่โจมเข้าใส่เต็นท์ทองคำได้ทุกเมื่อสินะ”
“ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมราชาแห่งเต็นท์ทองคำผู้ยิ่งใหญ่ถึงได้มาร้องขอให้ฉันจัดการกับนักรบมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่แท้มันก็เป็นเพราะมนุษย์คนนั้นมีความสามารถในการคุกคามชีวิตของท่านราชานี่เอง” เลยูตี้กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
อูดี้ทำได้เพียงแต่กัดฟันโดยไม่พูดจาตอบโต้อะไรกลับไปสักคำ เนื่องจากความเป็นจริงมันก็เป็นสิ่งเดียวกับที่เลยูตี้ได้พูดเอาไว้ เพราะเซี่ยเฟยได้ครอบครองเทคโนโลยีที่สามารถเข้าใกล้เต็นท์ทองคำได้โดยที่ไม่มีใครรู้ได้จริง ๆ
หากเซี่ยเฟยสังหารนักรบศักดิ์สิทธิ์ไปเพียงแค่ไม่กี่คน เขาก็คงจะไม่ได้รู้สึกกังวลเรื่องพวกนั้นมากนัก แต่เซี่ยเฟยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป้าหมายของเขาคือเต็นท์ทองคำ ดังนั้นอูดี้จึงไม่สามารถที่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ต่อไปได้
ในความเป็นจริงอูดี้สามารถที่จะอพยพออกไปจากเมืองหลวงเพื่อหลีกเลี่ยงการลอบโจมตีครั้งนี้ไปเลยก็ได้ แต่การทำแบบนั้นจะทำให้เขาถูกหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ หัวเราะเยาะอย่างแน่นอน เขาจึงไม่คิดที่จะใช้วิธีการนั้นเว้นแต่ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นจริง ๆ และวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดในปัจจุบันก็คือการร้องขอให้เลยูตี้เข้ามาทำการช่วยเหลือ
เลยูตี้ไม่ได้ตอบรับคำขอของอูดี้ขึ้นมาในทันที โดยอ้างว่าเขาปลีกตัวออกมาจากปัญหาทางโลกมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ย่อมทำให้อูดี้รู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรชายชราคนนี้ได้
“ถ้าการคาดเดาของฉันถูกต้อง คนคนนี้น่าจะเจาะเข้าไปในเครือข่ายของเซิร์กเรียบร้อยแล้ว ทำให้เขาได้เรียนรู้ข้อมูลมากมายที่เขาไม่ควรจะรู้ และสามารถประเมินสถานการณ์ได้ว่าการเคลื่อนไหวแบบไหนจะสร้างผลกระทบให้กับเซิร์กได้มากที่สุด”
“เหตุผลที่เขากล้าเสี่ยงสังหารฟูซี่นั้นก็เพราะว่าเขาพยายามทดสอบผลการวิจัยของตัวเอง แล้วมันก็ไม่สำคัญว่าเขาจะลงมือด้วยวิธีไหน สิ่งสำคัญกว่าคือเป้าหมายของเขาคืออะไรต่างหาก”
“บางทีเป้าหมายของเขาอาจจะยังไม่ใช่การคุกคามเต็นท์ทองคำ แต่เป็นการทำลายขวัญกำลังใจของประชาชนชาวเซิร์กทั้งหมดก่อน เพราะท้ายที่สุดหากเขาลงมือสังหารเจ้าของเต็นท์ทองคำ ตำแหน่งนั้นก็คงจะถูกคนอื่นขึ้นมาแทนที่ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงกำหนดเป้าหมายไปยังอะไรบางอย่างที่ส่งผลกระทบกับขวัญกำลังใจของประชาชนชาวเซิร์กในช่วงเวลานั้นมากที่สุด”
เลยูตี้กล่าวเยาะเย้ยอูดี้อย่างเต็มที่ โดยการบอกว่าเจ้าของเต็นท์ทองคำสามารถที่จะถูกเปลี่ยนตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยปกติชนชั้นสูงหลาย ๆ คนจะไม่สามารถทนรับคำเยาะเย้ยแบบนี้ได้ และแน่นอนว่าอูดี้ย่อมไม่สามารถทนรับคำถากถางอยู่เฉย ๆ ได้เช่นกัน
ใบหน้าของอูดี้บิดเบี้ยวไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย และเขาก็พยายามคิดหาวิธีแก้แค้นชายชราคนนี้
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุคคลในตำนานผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าใกล้ชิดกับเทพเจ้ามากที่สุดจะเป็นคนที่น่ารังเกียจได้ถึงขนาดนี้ ที่สำคัญคือไอ้แก่นี่ยังแอบด่าเขาได้อย่างหน้าตาเฉย
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 217
แสดงความคิดเห็น