บทที่ 211: ถ้าอย่างนั้นก็อย่าลุกขึ้นมาอีกเลย
หูเจียวเจียวมองหลงเหยาที่สกปรกเหมือนลูกแมวจรจัดด้วยความฉงน
“เหยาเอ๋อ ทำไมเจ้าเพิ่งกลับมา แล้วไปทำอะไรมาถึงสกปรกขนาดนี้?”
“เปล่า เสี่ยวเหยาไม่ได้ทำอะไร เสี่ยวเหยาแค่เข้าไปพักผ่อนในป่ามา!”
เจ้าตัวเล็กรีบเอามือออกจากท้องพร้อมอธิบายแบบรีบร้อน
จากนั้นเขาใช้มือเปื้อนสัมผัสหน้าตัวเองจนมีรอยนิ้วมือสีดำ 2-3 รอยคล้ายกับหนวดแมว พอเขายิ้มก็เผยให้เห็นฟันน้ำนมที่เกลี้ยงเกลาเต็มปากซึ่งทำให้ฟันดูขาวเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น
ผู้เป็นแม่ที่ได้เห็นสภาพของลูกชายนวดหัวคิ้วตัวเองอย่างเหนื่อยล้า การอาบน้ำเจ้าตัวแสบในวันนี้ถือว่าเป็นภารกิจใหญ่อีกภารกิจหนึ่งแน่นอน
ส่วนเด็กทุกคนเมื่อเห็นหลงเหยากลับมาก็รู้สึกโล่งใจในเวลาเดียวกัน
ไม่กี่อึดใจต่อมา พวกเขาแต่ละคนก็ถือจอบขนาดเล็กของตัวเองเดินตามหูเจียวเจียวกลับบ้าน
ขณะที่ภูตหญิงคนอื่น ๆ ในทุ่งก็เดินกลับบ้านพร้อมกับเครื่องมือขุดของพวกนาง
ทางด้านเป้าเฟิง พอเขาทำงานเสร็จก็พบว่าหวงเยว่ไม่ได้นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ดังนั้นเขาจึงรีบไปถามผู้หญิงที่อยู่ใกล้ ๆ ว่าเห็นนางไหม
เขาไล่ถามคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงทั้งหมด แต่ไม่มีใครเห็นภรรยาของเขาเลย
ในตอนนั้นเอง หลงเหยาที่เดินตามหลังหูเจียวเจียวยกมือป้อมสั้นขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านอาเป้าเฟิง เสี่ยวเหยาเห็นนาง!”
“เจ้าเห็นนางจริงหรือ นางอยู่ที่ไหน?” เสือดาวหนุ่มรีบเดินมาหาคนตัวเล็กทันทีและถามอย่างเป็นกังวล
“เอ่อ…”
เด็กน้อยเอียงคอใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นางไปแล้ว เสี่ยวเหยาเห็นนางคุยกับนกในป่า พอปล่อยนกไปนางก็ออกไปเลย”
“ออกไป?” เป้าเฟิงตกตะลึงไปชั่วขณะ
“ใช่!” เจ้าของใบหน้าน่ารักน่าชังผงกหัวยืนยันอย่างจริงจัง
แต่หูเจียวเจียวจับประเด็นสำคัญของคำพูดของหลงเหยาที่บอกว่านาง ‘คุยกับนก’ ได้เป็นอย่างดี
ทำไมหวงเยว่ถึงพูดกับนก?
เป็นไปได้ไหมว่านางสามารถใช้นกเพื่อส่งข้อความให้ศัตรูได้โดยไม่ต้องออกจากเผ่า?
เมื่อจิ้งจอกสาวคิดว่าหวงเยว่เป็นภูตนก บางทีนางอาจมีวิธีพิเศษในการส่งข้อความโดยการใช้นก รูม่านตาของเธอก็หดลง ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางสามารถส่งข้อความแบบไม่ต้องออกไปนอกเผ่า และยังเร็วกว่าหลงโม่ที่เป็นภูตมังกรอีก
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!
ถ้าเช่นนั้นเผ่าก็กำลังตกอยู่ในอันตรายไม่ใช่หรือ!?
ในเวลาเดียวกัน หลงเหยาเหลือบไปเห็นนกในมือของหยินชาง แล้วเขาก็เบิกตากว้างก่อนจะพูดว่า
“นั่นมันนกตัวนั้นนี่!”
“ท่านแม่ นกตัวนี้พูดได้!”
เจ้าตัวเล็กวิ่งไปหาหยินชางอย่างตื่นเต้น จากนั้นเขาเอามือลูบหัวนกและอยากจะลองคุยกับมัน “เจ้านกน้อย เจ้าชื่ออะไร บ้านเจ้าอยู่ที่ไหน?”
ตอนที่เขากำลังแอบกินผลไม้ดินในป่า เขาบังเอิญเห็นฉากที่หวงเยว่กำลังพูดคุยกับนก เด็กน้อยจึงคิดว่านกสามารถพูดภาษามนุษย์ได้
ปัจจุบันนกหัวขาวอ่อนแอมาก ก่อนหน้านี้มันพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของภูตสุดชีวิต แต่หยินชางหิ้วปีกมันไว้ในมือเพื่อไม่ให้มันหนีไปไหน
ในยามที่หลงเหยาถามนก มันก็ส่ายหัวอย่างอ่อนแรงเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
คำพูดและการกระทำของเด็กน้อยทำให้ทุกคนตะลึง
“เหยาเอ๋อ เจ้าแน่ใจหรือว่าหวงเยว่กำลังคุยกับนกตัวนี้ ไม่ใช่นกตัวอื่นที่มีสีเดียวกันใช่ไหม?“ หูเจียวเจียวถามด้วยความประหลาดใจ
หลงเหยาพยักหน้ายืนยัน “ถูกต้อง! เสี่ยวเหยาจำไม่ผิดแน่นอน นกตัวนี้มีขนสีขาวบนหัว มันเหมือนกันทุกประการ!”
โชคดีจริง ๆ! โล่งอกไปที!
อย่างน้อยการที่หวงเยว่ส่งข่าวไปให้ศัตรูก็ยังถูกขัดขวางได้โดยบังเอิญ แม่จิ้งจอกไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นโชคร้ายหรือว่าครอบครัวของเธอโชคดีกันแน่
ไม่นานความกังวลที่ฉายอยู่ในดวงตาของหูเจียวเจียวก็ถูกแทนที่ด้วยความสุข เธอลูบหัวของลูกชายคนเล็กด้วยความรักใคร่ก่อนจะหันไปมองหยินชาง
“หยินชาง เจ้ายิงนกตัวนี้ลงมาหรือ?”
เด็กตระกูลหลงรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับคำถามของแม่จิ้งจอก ส่วนหยินชางเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็คิดว่าตนทำอะไรผิด เขาจึงขมวดคิ้วราวกับว่าเขาเต็มใจที่จะยอมรับความผิดทั้งหมดไว้เอง
“ท่านแม่ ข้าเป็นคนบอกให้หยินชางยิงนกเอง ท่านแม่อย่าโกรธเขาเลย ถ้าท่านอยากจะตำหนิก็ตำหนิข้า มันไม่เกี่ยวอะไรกับหยินชาง” หลงหลิงเอ๋อยืดอกยอมรับผิด แล้วแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำ
แต่ผู้เป็นแม่กลับยิ้มอ่อนโยน “แม่จะโกรธเจ้าได้ยังไง! ทำได้ดีมากหยินชาง เจ้าได้ช่วยเผ่าไว้แล้ว!”
เธอพูดในขณะที่ยกนิ้วโป้งให้เด็กหนุ่มไปด้วย
ปฏิกิริยาของหูเจียวเจียวทำให้ดวงตาของหยินชางแสดงถึงความสับสน และเธอก็พูดต่อไปว่า “หยินชาง บอกข้ามาได้เลยว่าเจ้าต้องการอะไร ข้ารับปากว่าจะทำให้เจ้าแน่นอน”
ในเมื่อเด็กคนนี้ทำความดีอันยิ่งใหญ่ เขาก็สมควรได้รับรางวัลตอบแทน
ทว่าหยินชางกลับส่ายหัวตอบ
เพียงแค่อีกฝ่ายรับเขามาเลี้ยงดูมันก็ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว เขาไม่ได้มีความปรารถนาในสิ่งอื่นใดอีก
“ท่านแม่~” หลงเหยาเงยหน้าขึ้นร้องเรียกผู้เป็นแม่เสียงหวาน เจ้าเด็กน้อยถูมือของตัวเองไปมา พร้อมกับที่ดวงตาสีแดงทับทิมคู่สวยเปล่งประกายแวววาว เขาถามอย่างมีความหวังว่า
“เสี่ยวเหยาขอรางวัลด้วยได้ไหม?”
เขาเป็นคนที่เห็นนกตัวนั้นเหมือนกัน!
“ไม่ได้” หูเจียวเจียวมองไปที่ลูกชายตัวอ้วนแล้วปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
แม่จิ้งจอกรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น และเมื่อเร็ว ๆ นี้เธอได้ตั้งกฎควบคุมปริมาณอาหารของหลงเหยา เธอจะปล่อยให้เขากินมากกว่านี้ไม่ได้อีกต่อไป ขนาดว่าเขาถูกจำกัดอาหารมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่น้ำหนักของเขาไม่ลดลงเลยสักนิด แถมมันยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย
หญิงสาวอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวแสบมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นแม้กระทั่งการดื่มแค่น้ำเปล่าหรือไม่?
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป หลงเหยาจะเติบโตจากชายร่างอ้วนตัวเล็กกลายเป็นชายร่างอ้วนตัวใหญ่
หูเจียวเจียวเป็นกังวลกับเรื่องนี้มากจริง ๆ
คำตอบจากปากแม่จิ้งจอกทำให้แสงประกายในดวงตาของเจ้ามังกรน้อยดับลงทันที พร้อมกับที่เขาก้มหน้าลงต่ำ
ทางด้านเป้าเฟิงเมื่อได้รู้ว่าหวงเยว่ไม่อยู่ที่นี่แล้ว เขาก็กลายร่างเป็นสัตว์วิ่งออกไปจากทุ่งมันฝรั่งให้เร็วที่สุด
ถัดมา หูเจียวเจียวเดินกลับบ้านพร้อมกับลูก ๆ อย่างอารมณ์ดี ทว่าหลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็พบว่าทางข้างหน้าถูกกลุ่มภูตชายขวางไว้
“หูเจียวเจียว ข้า…ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า...”
ชายร่างสูงกำยำที่มีท่าทางซื่อตรงเดินหน้าแดงเข้ามาหาหญิงสาวแล้วพูดตะกุกตะกักด้วยท่าทางขัดเขิน
เมื่อจิ้งจอกสาวเห็นว่าเขาลังเล เธอก็คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญจึงบอกให้ลูก ๆ กลับบ้านไปก่อน จากนั้นเธอก็หันไปมองอีกฝ่าย
“มีเรื่องอะไรหรือ? บอกข้ามาเถอะ”
“ข้าชอบเจ้า ให้ข้าเป็นคู่ของเจ้าได้ไหม ข้าจะดูแลลูกเจ้าเหมือนเป็นลูกของข้า ได้โปรดยอมรับข้าด้วยเถอะ!”
ใบหน้าของชายคนนั้นแดงเป็นสีมะเขือเทศสุก เขาตะโกนสุดเสียงราวกับจะให้กำลังใจตัวเอง และในขณะเดียวกันเขาก็ก้มลงไปหาหญิงสาวที่ตนหมายปอง
ทางด้านหูเจียวเจียวไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้
จิ้งจอกสาวรีบถอยห่างจากอีกคนพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและเหินห่าง “ขอโทษด้วย ข้าไม่ชอบเจ้า”
ฝ่ายที่ได้รับคำตอบทำหน้าผิดหวังทันที แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยโอกาสดี ๆ หลุดมือไป ไม่นานเขาก็คุกเข่าลงพร้อมตะโกนเสียงดัง
“หูเจียวเจียว ให้โอกาสข้าเถอะ!” เขากัดฟันพูด “ข้าจะไม่ลุกไปไหนจนกว่าเจ้าจะตอบตกลง”
หญิงสาวขมวดคิ้วขณะที่ตั้งท่าจะเดินออกไปจากสถานการณ์น่าอึดอัด
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าก่อนที่เธอจะทันได้ก้าวเท้า จู่ ๆ ก็มีเงาดำขนาดใหญ่ปกคลุมเหนือหัวของทั้ง 2 คน ตามด้วยหางมังกรที่ฟาดเข้าใส่หลังของภูตชายเสียงดัง
ป้าบ!
“โอ๊ย!” ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายร้องเสียงหลง ด้วยความที่ว่าเขาถูกโจมตีแบบไม่ทันได้ตั้งตัวจึงหน้าทิ่มพื้นจนศีรษะครึ่งหนึ่งติดอยู่ในดิน
หูเจียวเจียวยืนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และวินาทีถัดมา ชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาก็ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ เธอ โดยที่เขาเปล่งออร่าเย็นเยียบออกมาประหนึ่งเตือนให้เธอรู้ว่าเขาเองก็มีอารมณ์เช่นกัน
เพียงแค่ว่าอารมณ์ของเขาพุ่งไปที่บุคคลภายนอกเท่านั้น
หลงโม่มองไปที่ชายตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา และน้ำเสียงของเขาก็เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งขั้วโลกใต้ “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าลุกขึ้นมาอีกเลย”
“…” ภูตชายผู้โชคร้ายไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้โต้ตอบด้วยซ้ำ!
“หลงโม่ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ เจ้าทำงานของเจ้าเสร็จแล้วหรือ?” ทันทีที่จิ้งจอกสาวเห็นมังกรหนุ่ม ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น และเธอก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อโอบแขนเขา
เมื่อเร็ว ๆ นี้ชายหนุ่มยุ่งมาก เขาแทบไม่ได้กลับมาเลยจนกระทั่งฟ้ามืด
เธอคิดว่าวันนี้คู่ของตนจะกลับมาช้าเหมือนเช่นเคย
ต่อมา หลงโม่หันหน้าไปมองภรรยาสาว ในวินาทีนั้น ความเย็นชาในดวงตาสีทองจางหายไป อีกทั้งบรรยากาศโดยรอบก็ปกคลุมไปด้วยความอ่อนโยนทันที
“อืม ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน”
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะไปจากที่นี่ เขาชำเลืองมองภูตชายที่หัวยังคงจมอยู่ในดิน เขากังวลว่าเธอยังไม่อยากกลับไปจึงพูดเสริมว่า “ข้ามีบางอย่างจะมอบให้เจ้า”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: พ่อกลับมาแล้ววว ช่วงนี้พ่อหายไปเลย ใครคิดถึงพ่อมังกรสุดหล่อคนนี้บ้าง~
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 271
แสดงความคิดเห็น