Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 5
Chapter 5: ปลดปล่อยความเครียด วันเลือกชมรมของเด็กใหม่ ตอนจบ
(ช็อกโกล่าบรรยาย)
ความเดิมตอนที่แล้ว
ฉันกับมาการงพลัดหลงกับซินนามอนและพวกวาฟเฟิลขณะที่เดินดูบูธของชมรมต่างๆ พวกเราสองคนเดินดูเรื่อยๆ แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเข้าชมรมไหนดี จนได้มาเจอบูธหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างออกจากบูธอื่นไปมากจนน่าสงสัย และบูธนี้มีคนมาดูไม่มากด้วยเพราะตั้งอยู่ภายในอาคารเรียน ซึ่งส่วนใหญ่บูธอื่นๆ จะตั้งอยู่นอกอาคารกันหมด
รุ่นพี่ม.ปลายประจำบูธแนะนำว่านี่เป็นบูธชมรมศิลปะ และเอารูปที่พวกพี่เขาช่วยกันวาดด้วยมือให้ดู ฉันมองดูและอดชื่นชมกับความสวยงามไร้ที่ติไม่ได้ ทั้งลายเส้นและการลงสีดูเข้ากันดีไปหมด มองเท่าไรก็ไม่เบื่อเลยละ
“พวกพี่วาดกันเองเหรอคะเนี่ย?” ได้ยินเสียงมาการงถามด้วยความประหลาดใจอยู่ข้างตัว รุ่นพี่ที่แนะนำตัวว่าชื่อแอปเปิ้ลพายพยักหน้ารับ
“ใช่แล้วจ้ะ พวกเราวาดกันเอง” รุ่นพี่ที่อยู่ข้างพี่แอปเปิ้ลพายเป็นผู้ตอบ ฉันหันไปมองมาการงแวบหนึ่ง เธอพยักหน้าเชิงบอกว่า “ฉันจะเข้าชมรมนี้แหละ” ฉันจึงจำใจต้องนั่งอยู่ตรงนั้นต่อไปเพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะเข้าชมรมอะไรเหมือนกัน และชมรมศิลปะนี้ก็คงเป็นสิ่งที่คิดว่าเข้าง่ายที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับชมรมอื่น ถ้าไม่มีการจำกัดจำนวนคนเข้าซะก่อนละก็นะ
“ชมรมของพวกเรามีการจำกัดจำนวนคนเข้านะจ๊ะ” เสียงของพี่แอปเปิ้ลพายเอ่ยขึ้นกับพวกเรา รวมถึงเพื่อนคนอื่นที่นั่งอยู่บริเวณนั้นประมาณ 5-6 คน ฉันใจหายวาบ มองหน้าเพื่อนสนิทอย่างขอความเห็น
“ถ้าพวกเราไม่ได้เป็น 1 ในคนที่ถูกเลือกล่ะ ถึงตอนนั้นจะเข้าชมรมไหนดี?” สุดท้ายก็ทนไม่ไหว จึงเอ่ยถามมาการงที่กำลังนั่งนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออกเช่นเดียวกับเพื่อนที่นั่งอยู่แถวนั้น
แต่ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ พี่แอปเปิ้ลพายซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าชมรมก็เอ่ยขึ้นว่า
“แต่ไม่ต้องเสียใจไปจ้ะ ชมรมศิลปะของเราทำงานร่วมกับชมรมอื่นอีก คือ ชมรมการแสดง แล้วก็ชมรมแฟชั่น ใครที่ไม่ได้เข้าชมรมเรายังสามารถเลือกเข้าชมรมที่พี่บอกไปเมื่อกี้ได้อีกน้า” ฉันเริ่มใจชื้นขึ้นมาเปราะหนึ่งหลังจากฟังคำพูดเมื่อครู่จบไป แต่ตอนนี้ก็ขอให้เข้าชมรมศิลปะนี่ให้ได้ก่อนก็แล้วกัน ในเมื่อพี่เขาบอกว่ารับคนเข้าจำนวนจำกัดแบบนี้ แสดงว่าต้องมีบททดสอบอะไรสักอย่างสินะ
“เอาละ อย่างที่พี่บอกว่าชมรมเรารับคนเข้าจำนวนจำกัด คือเรารับได้ไม่เกิน 6 คนนะจ๊ะ” สิ้นคำพูดนั้น มีเสียงเซ็งแซ่เกิดขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างร้องโอดครวญในจำนวนอันน้อยนิดในการรับเข้าของชมรม ซึ่งฉันเองก็คิดไม่ต่างจากคนอื่นเท่าไร
“รับน้อยจังเลยเนอะ” มาการงกระซิบ ฉันพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิ พวกเราต้องทำยังไงก็ได้ให้ได้เข้าไปเป็น 1 ในสมาชิกชมรมแล้วล่ะ รับน้อยขนาดนี้ต้องมีอะไรแปลกๆ ในชมรมแน่ๆ”
“เอาละ พี่เชื่อว่าพวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ทุกคนต้องอยากเข้าชมรมของเราใช่มั้ยล่ะจ๊ะ?” ทุกคนรวมทั้งฉันพยักหน้า “ดังนั้น พวกพี่มีบททดสอบมาให้พวกเราจ้ะ เพื่อจะวัดฝีมือการวาดรูปของแต่ละคน และรูปไหนที่โดนใจพวกพี่มากที่สุด 3 อันดับแรก จะได้เข้าชมรมศิลปะเลยทันที”
สิ้นเสียงของพี่แอปเปิ้ลพาย รุ่นพี่ที่อยู่แถวนั้นก็แจกกระดาษให้พวกเราคนละแผ่น และมีกล่องดินสอ และสีไม้ สีน้ำมาวางตรงหน้าให้หยิบได้ตามสะดวก
“เอาละ เมื่อทุกคนได้กระดาษแล้ว ให้หันหน้าเข้าโต๊ะ และฟังพี่นะจ๊ะ” พี่แอปเปิ้ลพายเอ่ยเป็นสัญญาณให้ทุกคนที่กำลังคุยกันอยู่เงียบลงและหันมาฟังสิ่งที่จะพูดต่อไป
“สำหรับบททดสอบของเราในวันนี้ก็คือ…” พี่เขาหันไปมองเพื่อนข้างๆ เล็กน้อย ทุกคนนั่งลุ้นในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“ทะเลจ้ะ” สิ้นเสียงของหัวหน้าชมรม เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่พี่เขาจะพูดต่อไปว่า “ให้วาดรูปทะเลในจินตนาการ ไม่มีถูกไม่มีผิด ใครวาดได้สร้างสรรค์ และสวยงามที่สุด 3 อันดับแรก เข้าชมรมของพวกเราได้เลยทันทีจ้ะ พี่ให้เวลา 10 นาทีนะจ๊ะ เริ่มได้!” พูดจบ นาฬิกาจับเวลาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่แถวนั้นก็เริ่มทำหน้าที่ของมัน เช่นเดียวกับสายตาของทุกคนที่จับจ้องอยู่ที่กระดาษขาวตรงหน้า และปล่อยใจให้ล่องลอยออกไปไกลแสนไกล
ฉันนึกถึงความทรงจำในวัยเด็กที่ได้ไปเที่ยวทะเลกับพี่สาว และได้เจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเราได้รู้จักกัน และมิตรภาพของเราก็เริ่มขึ้นมาตั้งแต่วันนั้น ฉันชำเลืองมองเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ข้างๆ เห็นยังเงียบอยู่จึงลอบยิ้มในใจ และนำโครงหน้าของเพื่อนสนิทมาใช้เป็นแบบในการวาดรูปครั้งนี้ด้วย
ใช้เวลาไม่นาน รูปที่วาดไว้ก็เสร็จเรียบร้อย ฉันใช้เวลาระบายสีอีกสักพักก็หมดเวลาพอดี ฉันหันมองเพื่อนที่นั่งอยู่ เห็นบางคนยังวาดรูปไม่เสร็จ บางคนก็กำลังระบายสี ส่วนมาการงนั้นเมื่อหันไปมองอีกทีก็เห็นว่าระบายสีเสร็จไปแล้ว
“เสร็จแล้วเหรอ?” ฉันกระซิบถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อยังไม่หมดเวลาจึงหันไปชวนคุย
“เสร็จแล้วจ้ะ” มาการงตอบ ก่อนจะถามต่อว่า “ช็อกโกล่าวาดรูปอะไรเหรอ?”
“ไม่บอกได้ไหม?” ฉันถามกลับเป็นเชิงปฏิเสธไปในตัว ถ้ามาการงรู้ว่าฉันวาดรูปอะไรไปละก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
ฉันอยากให้ความทรงจำในวัยเยาว์นั้นเป็นความทรงจำดีๆ ของเราตลอดไป แม้เธอจะลืมมันไปแล้ว แต่ฉันยังคงจำได้เสมอ
“ขอดูหน่อย น้าๆ” มาการงเอียงคอเล็กน้อย ส่งสายตาอ้อนวอนสุดชีวิต และยังส่งเสียงกระซิบขอร้องมาอีก ฉันจึงถามกลับว่า
“แล้วเธอวาดรูปอะไรล่ะ?”
“นี่ไง” มาการงยื่นกระดาษของเธอมาตรงหน้า ฉันมองดูก็ได้เห็นภาพนก 2-3 ตัวกำลังบินกลับรัง และภาพพระอาทิตย์สีส้มที่กำลังจะลับขอบฟ้า ตัดกับพื้นน้ำทะเลสีคราม จึงเดาได้ทันทีว่าเธอกำลังจะสื่อถึงอะไร
“วาดดีขนาดนี้ ฉันว่าเธอได้เข้าชมรมแน่แล้วล่ะ” ฉันเอ่ยชมฝีมือวาดรูปของเพื่อนสนิทจากใจจริง มาการงพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ ยังไม่ทันที่พวกเราจะคุยอะไรกันต่อ เสียงนาฬิกาจับเวลาก็ดังขึ้น
“หมดเวลาแล้วจ้ะ ทุกคนชูกระดาษขึ้นเลย เดี๋ยวจะมีพี่ๆ เดินไปเก็บนะจ๊ะ”
ฉันชูกระดาษขึ้นช้าๆ ไม่นานก็มีรุ่นพี่ผมยาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินมารับกระดาษจากมือฉันไป
เวลาผ่านไป ความเงียบและความอึดอัดโรยตัวเข้าปกคลุมบูธชมรมศิลปะอย่างช้าๆ เด็กม.ต้นทุกคนรวมทั้งฉันต่างนั่งลุ้นกับผลที่พวกรุ่นพี่จะประกาศออกมาว่าใครจะได้เข้าชมรมบ้าง โดยรุ่นพี่ทุกคนของบูธจับกลุ่มคุยกันอยู่ด้านใน ทิ้งให้รุ่นน้อง 6 คนนั่งลุ้นกันตัวโก่งอยู่ด้านหน้าบูธ สิ่งที่พวกเราทำได้คือหันมองโน่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งสิ่งที่น่ามองที่สุดเห็นจะเป็นรูปที่พี่เขาวาดเอาไว้ หรือถ้าใครมองรูปจนเบื่อแล้วก็จะหันไปมองความเคลื่อนไหวด้านนอกบูธ ซึ่งก็ไม่เห็นอะไรมากมายเพราะที่ตั้งของบูธนั้นอยู่ภายในตึก ซึ่งนานๆ จะมีคนเดินผ่านมาแถวบูธสักที
“ฉันอยากรู้แล้วสิว่าใครจะได้เข้าชมรมบ้าง” มาการงเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก ฉันพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะหันกลับมาเพื่อคุยกับเพื่อนสนิทหลังจากมองภายนอกบูธจนไม่มีอะไรให้มองแล้ว
“รู้สึกว่าชมรมนี้จะโหดเอาเรื่องเลยนะ ขนาดคัดเลือกเด็กใหม่ยังเคี่ยวขนาดนี้ แล้วถ้าต้องมีการทำงานกับชมรมอื่นด้วยนี่จะขนาดไหนกัน” ฉันออกความเห็น
“นั่นสินะ ฉันอยากรู้ว่าทำงานร่วมกับชมรมอื่นนี่คือเราต้องทำอะไรบ้างเหรอ? เพราะชมรมเราก็ชื่อชมรมศิลปะ มันก็ต้องมีวาดรูปอยู่แล้ว แต่อย่างอื่นฉันยังคิดไม่ออกเลย”
“เรื่องนั้นอย่าเพิ่งคิดเลย เข้าชมรมให้ได้ก่อนเถอะ” เสียงแหลมๆ ของใครคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ฉันหันไปมองด้วยความตกใจ ก็เห็นร่างที่คุ้นเคยของเพื่อนผมแดงเดินมานั่งแปะลงข้างๆ
“คะ… คัสตาร์ด” มาการงละล่ำละลักเรียกชื่อเพื่อนสาว คัสตาร์ดพยักหน้า
“ไง ตกใจใช่ไหมล่ะว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่” คัสตาร์ดเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“เหมือนฉันเห็นเธอมาตั้งแต่แรกแล้วนะ ว่าแต่วาฟเฟิลกับซินนามอนล่ะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องก่อนที่มาการงจะพูดอะไรออกมา
“ตั้งแต่แยกกันตรงบูธชมรมวิทย์ ฉันก็ตามหาพวกเธอตลอดแต่ไม่เจอ ส่วนวาฟเฟิลได้เข้าชมรมแฟชั่นแล้ว” คัสตาร์ดตอบ มาการงพยักหน้าพร้อมเอ่ยถามว่า
“แล้วซินนามอนล่ะ?”
“ฉันไม่เห็นเลย หลังแยกกับวาฟเฟิล ฉันก็เดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงตรงนี้นี่แหละ ไม่เห็นมีชมรมไหนโดนใจเลยสักชมรมเดียว”
“ฉันก็เหมือนกัน” มาการงตอบ ฉันพยักหน้ารับ
“ขอโทษที่ให้รอนานนะจ๊ะ” เสียงหวานของพี่แอปเปิ้ลพายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นรุ่นพี่สาวยืนอยู่ต่อหน้า ในมือถือกระดาษอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“เราได้ผู้โชคดีที่จะได้เข้าชมรม 3 คนแล้ว” สิ้นเสียง ทุกคนหยุดกิจกรรมทุกอย่าง และหันมาจ้องรุ่นพี่ผู้เป็นหัวหน้าชมรมเป็นตาเดียว
“และ 3 คนนั้นก็คือ…” หัวใจของฉันเต้นแรง หวังอยู่ลึกๆ ว่าจะมีชื่อตัวเองอยู่ในนั้นบ้าง
“ผู้โชคดีของเราทั้ง 3 คน เมื่อได้ยินชื่อใครขอให้ลุกขึ้น แล้วเดินมาหาพี่นะคะ” รอไม่นาน พี่แอปเปิ้ลพายก็เอ่ยชื่อผู้โชคดีออกมา
“น้องมาการง น้องฮันนี่ และน้องคัสตาร์ด ลุกขึ้นเลยค่ะ”
มาการงและคัสตาร์ดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความดีใจ ฉันเห็นมาการงพูดอะไรกับคัสตาร์ดสองสามคำ ก่อนจะรับกระดาษจากมือของรุ่นพี่แล้วเดินกลับมานั่นที่เดิม ก่อนจะกรอกข้อมูลแล้วส่งคืน ฉันแสดงความยินดีกับเพื่อนทั้งสองคน ก่อนจะเริ่มหัวหมุนอีกครั้ง ด้วยว่าชมรมที่อยากเข้าที่สุดก็ไม่ได้เข้า แล้วควรจะเข้าชมรมอะไรดีหนอ…
“ส่วนน้องอีก 3 คนที่เหลือ ยังไม่ต้องเสียใจนะคะ ชมรมเรายังรับได้อีก 1 คนค่ะ” คำพูดของหัวหน้าชมรมทำให้ฉันเริ่มใจชื้นขึ้นอีกครั้ง ฉันชำเลืองมองพี่แอปเปิ้ลพายว่าพี่เขาจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ไม่มีคำใดหลุดออกมาจากริมฝีปากบางนั้น
“ระหว่างนี้ใครที่อยากเข้าชมรมการแสดงให้เดินไปที่บูธข้างๆ ได้เลยค่ะ” รุ่นพี่คนที่เดินมาแจกกระดาษวาดรูปเมื่อตอนแรกเอ่ยขึ้น มีเพื่อน 2 คนลุกออกไป เหลือเพียงฉันนั่งอยู่กับเพื่อนที่ได้เป็นสมาชิกใหม่ของชมรมสดๆร้อนๆ
“เหลือแค่เราคนเดียวแล้วสินะ อยากเข้าชมรมศิลปะหรือเปล่าจ๊ะ?” พี่เขาเดินมาหา ฉันพยักหน้ารับ
“งั้น พี่ขอสัมภาษณ์เราหน่อยจ้ะ นิดเดียว ไม่เยอะหรอก” พี่เขาพาฉันเดินเข้าไปอีกด้านหนึ่งของบูธ ก่อนจะลากเก้าอี้ใกล้ตัวมาให้นั่ง และเริ่มเอ่ย
“พี่ชื่อเบอร์รี่น้า แล้วเราชื่ออะไรจ๊ะ?”
“ช็อกโกล่าค่ะ”
“ช็อกโกล่า ใช่คนที่วาดรูปปราสาททรายกับเด็กผู้หญิงหรือเปล่าจ๊ะ?” พี่เขาหยิบรูปหนึ่งมาให้ฉันดู ฉันมองแล้วจำได้ว่ารูปนี้เป็นของตนจึงพยักหน้ารับ
“วาดสวยมากเลย พี่คาดไว้แล้วว่าจะต้องเหลือเราคนสุดท้าย ดูท่าทางแล้วเราชอบวาดรูปใช่ไหมจ๊ะ?”
“ชอบค่ะ” ฉันตอบตามตรง “แต่ก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพื่อนหนูวาดสวยกว่าเยอะ”
“เพื่อนคนไหน ที่ได้เป็นสมาชิกใหม่น่ะเหรอ?”
“ใช่ค่ะ” ฉันตอบ พี่เขาคุยอะไรกับฉันอีกเล็กน้อย ถึงพี่เขาจะบอกว่าเป็นการสัมภาษณ์ แต่ฉันว่าเป็นการชวนคุยเสียมากกว่า คำถามก็ประมาณว่า อยู่ห้องไหน งานอดิเรกคืออะไร เรียนเป็นยังไงบ้าง และรู้อะไรเกี่ยวกับชมรมบ้าง ปิดท้ายด้วยการอธิบายเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของชมรมอีกเล็กน้อย และให้กระดาษมากรอกเอกสาร เมื่อเสร็จแล้วฉันจึงได้เป็นสมาชิกใหม่ของชมรมนี้อย่างสมบูรณ์
“นึกว่าจะไม่ได้อยู่ชมรมเดียวกันแล้วนะ” มาการงเอ่ยขึ้นหลังจากฉันเดินกลับมานั่งที่เดิม ส่วนพี่เบอร์รี่นั้นกำลังจัดการกับเอกสารของสมาชิกใหม่อยู่ที่โต๊ะตัวเดิม
“โล่งไปที นึกว่าจะไม่มีชมรมซะแล้ว” ฉันตอบอย่างโล่งอก ชำเลืองดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่านี่ใกล้จะเลิกเรียนแล้ว ขณะที่กำลังจะหันไปถามพวกรุ่นพี่ที่กำลังยุ่งอยู่ภายในบูธ มีเสียงประกาศผ่านไมโครโฟนว่า ถ้าใครเลือกชมรมได้แล้วสามารถกลับบ้านได้ จึงเอ่ยชวนเพื่อนอีก 2 คนที่เหลือ “กลับกันเลยไหม?”
“ดีเลยจ้ะ เดินจนเหนื่อยแล้ว” มาการงเห็นด้วย พวกเราสามคนเดินฝ่าฝูงชนที่ออกันอยู่หน้าตึกเรียนอย่างยากลำบาก และมุ่งตรงไปที่ประตูโรงเรียนทันที ก่อนที่ฉันจะแยกกับคัสตาร์ด ส่วนมาการงกดโทรศัพท์หาซินนามอน และพวกเรานั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่โต๊ะหินฆ่าเวลา
(ติดตามตอนต่อไป)
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 580
แสดงความคิดเห็น