บทที่ 107: ภาวนาขอให้นางไม่โกรธ
หูเจียวเจียวเพิ่งดึงสติตัวเองกลับมาได้หลังจากที่ทั้งคู่เดินออกไปสักพัก
เธอมองไปที่แผ่นหลังกว้างของหลงโม่ด้วยสีหน้าเศร้าโศกปนกังวล
“หูเจียวเจียว ทำไมเจ้าถึงทำหน้าทุเรศเช่นนี้? เจ้าขโมยผู้ชายเก่งนักไม่ใช่หรือ? หากเจ้าอารมณ์เสียมากนักก็ไปแย่งหลงโม่กลับมาสิ!” หู่จิงชำเลืองมองจิ้งจอกสาวอย่างไม่พอใจ
นางคิดว่าหูเจียวเจียวอารมณ์เสียเพราะอีกฝ่ายกำลังหึง
“หู่จิง เจ้าพูดอะไรน่ะ...” ลู่เมี่ยนเอ๋อรีบดึงแขนของสหายคนสนิทไว้แล้วกระซิบเตือนนาง
จากนั้นหญิงสาวก็หันไปยิ้มให้คนที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่
“เจียวเจียว อย่าโกรธไปเลย เจ้ากับหลงโม่มีลูกด้วยกันแล้ว เขากับหวงเยว่ไม่มีอะไรหรอก เจ้าต้องเชื่อใจหลงโม่นะ”
ในขณะนี้หูเจียวเจียวกำลังบังคับมุมปากให้เผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าเวลาร้องไห้เสียอีก
“รู้แล้ว ข้าไม่ได้โกรธ”
ฉันไม่กล้าโกรธหรอก ฉันกลัวมากกว่า!
สิ่งที่เธอต้องรับมือกับจอมวายร้ายในวันนี้ก็เหมือนกับการนั่งตอกเสาเข็ม หากไม่ระวังให้ดี เธออาจจะหนีไม่พ้นชะตากรรมแห่งความตาย
ทางด้านหู่จิงเม้มริมฝีปากก่อนจะพูดจี้ใจดำจิ้งจอกสาวแบบไม่เกรงใจ “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่โกรธ แต่รอยยิ้มของเจ้ามันน่าเกลียดมากเลยนะ หยุดยิ้มได้แล้ว ถ้าเด็ก ๆ มาเห็นเข้าคงจะกลัวจนร้องไห้”
“หู่จิง!” ลู่เมี่ยนเอ๋อยกมือปิดปากเสือสาวพร้อมกับมองหูเจียวเจียวอย่างขอโทษ
จิ้งจอกสาวเองก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาก่อนดี
“ข้าไม่โกรธจริง ๆ ข้าขอตัวกลับก่อนนะ ถ้าลูก ๆ กลับมาบ้านแล้วไม่เห็นข้า พวกเขาจะต้องเป็นห่วงแน่!” หญิงสาวโบกมือลาทั้ง 2 คนแล้วเดินกลับทันทีโดยไม่รั้งรอฟังคำพูดเสียดแทงใจอีก
ตอนนี้เธอต้องกลับไปคิดให้ดีว่าควรจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปทิศทางไหนจึงจะดีที่สุด
หลังจากที่ตนพยายามมาอย่างหนัก ปัจจุบันมันก็ไม่ต่างกับการกระโดดขึ้นบนหลังเสือแล้วลงไม่ได้ เธอเลยไม่สามารถละทิ้งความพยายามที่ทำมาทั้งหมดไป!
แผ่นหลังอันโดดเดี่ยวของหูเจียวเจียวในสายตาของหู่จิงนั้นเหมือนคนกำลังอกหักไม่มีผิด
เสือสาวมองภาพตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะดึงมือของลู่เมี่ยนเอ๋อออกไปและพึมพำอย่างไม่พอใจ
“เมี่ยนเอ๋อ ทำไมเจ้าจะต้องปิดปากข้าด้วย เจ้าก็เห็นว่ารอยยิ้มของนางน่าเกลียดขนาดไหน ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านางกำลังพยายามหลอกใครอยู่ ข้าเกรงว่าผู้หญิงต่างเผ่าคนนั้นจะเข้ามาทำให้ในเผ่าของเราวุ่นวาย”
“เรื่องสำคัญในตอนนี้ก็คือ พวกเราจะต้องจัดการแม่นางคนนั้นให้ได้ แล้วบอกนางว่าอย่ามายุ่งกับหลงโม่!”
หู่จิงคิดว่าทางออกของปัญหานั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมาเสมอ
ถ้าหูเจียวเจียวไม่ไปจากที่นี่ เธอจะรู้ว่าเสือสาวคือคนที่กำราบเจ้าของร่างเดิมมาก่อน
“หู่จิง เราจะใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาทุกเรื่องไม่ได้หรอกนะ...” ลู่เมี่ยนเอ๋อพูดขณะที่กุมหน้าผากตัวเอง
หู่จิงชะงักนิ่งไปแล้วพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
กวางสาวคิดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในวินาทีถัดมา นางก็ได้ยินเสียงที่กระตือรือร้นของสหาย
“งั้น... ลองแข่งทำอาหาร 2 มื้อดีไหม?”
“...”
“เมี่ยนเอ๋อไปกันเถอะ กลับบ้านกัน” เมื่ออิงหยวนเห็นว่าทั้ง 2 คุยกันเหมือนกำลังกลุ้มใจอะไรบางอย่าง เขาก็เดินเข้ามากอดคนรักไว้ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
จากนั้นลู่เมี่ยนเอ๋อก็มุ่งความสนใจของตัวเองไปหาสามีหนุ่มและบอกลาหู่จิง
ต่อมา อิงหยวนกลายร่างเป็นนกอินทรีดำเพื่อพาภรรยาสุดที่รักบินกลับบ้าน
“อาหยวน ข้าเตรียมของขวัญไว้ให้เจ้าด้วย ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่?” หญิงสาวพิงหลังของอินทรีหนุ่มพลางกระซิบบอกเขาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ของขวัญ?” อิงหยวนมีสีหน้างุนงง “ของขวัญคืออะไร?”
เขาไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน
“ของขวัญไม่ใช่สิ่งของ มันเป็นเพียง... สิ่งที่ข้าจะมอบให้แก่เจ้า”
ลู่เมี่ยนเอ๋อไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร นางรู้เพียงว่าของขวัญที่หูเจียวเจียวบอกคือสิ่งที่พวกเขาทำให้คู่ของตนเอง
“ขอแค่มันมาจากเจ้า ข้าก็ชอบทั้งหมดนั่นแหละ!” อิงหยวนตอบโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา แล้วนางเอกสาวก็ตบขนนกบนหลังของอินทรีดำอย่างเขินอาย ไม่นานภูตหญิงกับนกอินทรีก็หายวับไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
...
“หลงโม่ ช้าหน่อย ข้าตามไม่ทัน...”
หวงเยว่วิ่งตามชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตตนไปในสภาพหอบเหนื่อยและตะโกนเสียงหวานบอกอีกฝ่ายให้ผ่อนฝีเท้ารอตน
แต่หลงโม่ไม่เลียวแลนางเลยสักนิด รวมถึงฝีเท้าของเขาก็ไม่ได้ช้าลงเลย
จนกระทั่งเขาถึงบ้านไม้ว่างเปล่าหลังหนึ่ง มังกรหนุ่มจึงหยุดแล้วหันไปจ้องมองบ้านตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดว่า “นี่คือบ้านของเจ้า ต่อจากนี้ไปเจ้าจะอาศัยอยู่ที่นี่”
ชายร่างสูงพูดจบแล้วก็นึกถึงปฏิกิริยาของหูเจียวเจียวในวันนี้ เขาจึงพูดเสริมว่า “ถ้าเจ้ามีอะไรก็ไปบอกท่านผู้เฒ่า ไม่ต้องมาวุ่นวายกับข้า”
ขณะที่หวงเยว่วิ่งไปหาเขา ก่อนที่นางจะมีเวลาได้พักหายใจ นางก็ได้ยินสิ่งที่หลงโม่กล่าว
คำพูดไม่แยแสเหล่านั้นทำให้ใบหน้าของนางยิ่งซีดลง
“ขอบคุณ ข้า...” จังหวะนั้นร่างกายที่อ่อนแอเหมือนต้นหลิวโงนเงน หงส์สาวพูดยังไม่จบประโยค นางก็เซล้มลงไปทางมังกรหนุ่มเสียก่อน
ทว่าหลงโม่ก้าวออกไปด้านข้างเพื่อหลบหวงเยว่
ส่งผลให้หญิงสาวตัวพุ่งไปข้างหน้า 2-3 ก้าว แล้วก็รีบกลับมายืนตัวตรงอย่างมั่นคง จากนั้นนางรีบยื่นมือออกไปเพื่อขอโทษอีกฝ่าย “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าเผลอสะดุด...”
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว!”
ใบหน้าคมคายของมังกรหนุ่มยังคงไร้ความรู้สึก เขาหลบมือที่ยื่นมาอีกครั้ง แล้วพูดกับนางด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
“ในป่า เจ้าตามข้าไปที่ค่ายพักแรมด้วยร่างสัตว์ ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าไว้อย่างที่เจ้าบอกใคร ๆ เลย”
ระหว่างทางเป็นผู้หญิงคนนี้ที่สวมหน้ากากใสซื่อบริสุทธิ์เพื่อขอความเห็นใจของคนในเผ่า พอทุกคนเห็นด้วยจึงรับนางเข้ามาดูแล และความจริงแล้วนางก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น
ภูตหญิงที่สามารถรักษาความเร็วในการติดตามชายหนุ่มซึ่งอยู่ในร่างสัตว์ระหว่างที่อยู่ในป่าได้โดยไม่ถูกทิ้งห่างนั้นไม่น่าจะเปราะบางหรือขี้อายเหมือนที่นางแสดงให้คนอื่นเห็น
“ทำไมเจ้าต้องโกหก เรื่องนั้นข้าไม่อยากรู้ ข้าไม่สน ถ้าเจ้าอยากอยู่ในเผ่าต่อไปก็อย่ามายุ่งกับข้า มิฉะนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะส่งเจ้ากลับไปเช่นกัน” หลงโม่กล่าวอย่างเฉยเมย
“หลงโม่ ทำไมข้าถึงไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้ากำลังพูดถึงเลย...” หวงเยว่ประสานมือไว้ที่หน้าอก นางเงยหน้าขึ้นมองอีกคนด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา
“เจ้าช่วยข้าไว้นั่นถูกต้องแล้ว!”
“ตอนนั้นข้าหวาดกลัวมากจึงตามเจ้ามา ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงเร่ร่อนอยู่ในป่า เจ้าคือคนที่ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ ข้าขอบคุณเจ้ามาก...” ดวงตาของหงส์สาวเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่พูด ท่าทางของนางตอนนี้คล้ายกับคนที่ได้รับความอยุติธรรมเสียอย่างนั้น
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนเจ้า ข้าแค่อยากตอบแทนเจ้า ถ้าข้าทำให้คู่ของเจ้าเข้าใจผิด ข้าขอโทษเจ้าก็ได้ ข้าแค่หวังว่านางจะไม่โกรธข้า”
ยามนี้ท่าทางของหญิงสาวดูน่าสงสารมาก ทว่าในสายตาของมังกรหนุ่ม ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากธาตุอากาศเลยสักนิด
หลงโม่ใช้สายตาเย็นชามองหวงเยว่ หลังจากคำเว้าวอนประโยคสุดท้ายของนางจบลง เขาก็พยักหน้ารับเล็กน้อย
พอหงส์สาวได้เห็นเช่นนี้ นางก็คิดว่าเขาไม่โกรธตนเองแล้ว นางกำลังจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
แต่ในวินาทีต่อมา ชายร่างสูงก็พูดอย่างเคร่งขรึม
“จริง ๆ แล้ว เจ้าควรจะภาวนาให้นางไม่โกรธเจ้ามากกว่า ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะถูกส่งกลับไปยังที่เจ้าเคยอยู่ก่อนหน้านี้โดยเร็วที่สุด”
ใบหน้าของหวงเยว่แข็งทื่อทันที ตอนนี้สภาพหน้าของนางกำลังกึ่งยิ้มกึ่งร้องไห้ แล้วยังต้องรักษาสีหน้าอ่อนแออีก มันจึงทำให้ยิ่งดูตลกมากขึ้น
หลังจากที่หลงโม่พูดจบ เขาก็ไม่มองหน้าผู้หญิงคนนั้นอีก เขาหันหลังเดินออกไปโดยไม่เอ่ยคำร่ำลาใด ๆ
บ้านไม้ที่หัวหน้าเผ่าจัดให้หวงเยว่พักอยู่ใกล้กับบ้านของอิงหยวนมาก แค่เดินไปไม่กี่ก้าว มังกรหนุ่มก็เห็นอีกฝ่ายยืนอยู่นอกบ้านพร้อมกับมีคนรายล้อมรอบตัวเขาอยู่ 2-3 คนในขณะที่ทุกคนมองไปที่อินทรีหนุ่มด้วยสายตาอิจฉา
หลงโม่ไม่ได้สนใจคนพวกนั้นมากนัก เขาไม่ได้หยุดฝีเท้าหรือผ่อนให้ช้าลง แต่ทันใดนั้น คำพูดหยอกล้อของเหล่าภูตก็ดังเข้ามากระทบหูของเขา
“อิงหยวน ดูเจ้าสิ! พอกลับบ้านมา เจ้าก็เปลี่ยนเสื้อผ้าหนังสัตว์ชุดใหม่ทันทีเลยนะ”
“ทำไมข้าไม่เคยเห็นชุดหนังสัตว์แบบนี้มาก่อนเลย มันดูแปลกมาก”
มังกรหนุ่มขมวดคิ้วมองไปทางต้นเสียง เขาเห็นว่าอิงหยวนดูเหมือนจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดหนังสัตว์ที่ใหม่และสะอาด แต่เสื้อผ้าแบบนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังจากนั้นก็มีภูตคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า
“คงมีผู้หญิงเย็บมันมาให้เจ้าสินะ!”
“สมแล้วที่อิงหยวนเป็นผู้ชายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเผ่าของเรา ฮ่าๆๆ”
“ข้ารู้! ข้ารู้! ข้าเห็นว่าหูเจียวเจียวทำเสื้อผ้าหนังสัตว์แบบนี้เหมือนกัน อิงหยวน นี่เป็นของที่หูเจียวเจียวมอบให้เจ้าใช่ไหม?”
เมื่อหลงโม่ที่ยืนฟังอยู่ไม่ไกลได้ยินประโยคหลัง อารมณ์ของเขาก็ขุ่นมัวทันที
พอชายหนุ่มมองไปที่ชุดหนังสัตว์บนตัวของอิงหยวนอีกครั้ง สีหน้าของเขาก็เศร้าหมองลง แล้วเขาก็กลายร่างเป็นมังกรบินหนีไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
ทว่าการเคลื่อนไหวของหลงโม่เสียงดังมาก มันทำให้พวกผู้ชายที่ล้อมวงคุยกันอยู่หันไปมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“หุบปาก พวกเจ้าพูดไร้สาระอะไร เสื้อผ้าพวกนี้เมี่ยนเอ๋อทำให้ข้าเอง! ผู้หญิงอย่างหูเจียวเจียวจะเป็นคนทำอะไรแบบนี้ออกมาได้ยังไง” อินทรีหนุ่มอธิบายด้วยใบหน้าที่มืดมน
แต่ช่างน่าเสียดายเพราะคนที่บินจากไปไม่ได้ยินประโยคนี้…
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: หลงโม่กลับมาก่อนนน ลางไม่ดีอีกแล้วววว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 237
แสดงความคิดเห็น