ตอนที่ 261 เดินหมาก

-A A +A

ตอนที่ 261 เดินหมาก

เปิดขาย

ตอนที่ 261 เดินหมาก

ปัจจุบันอู่หลงอายุ 38 ปีซึ่งเขามีประวัติเกิดขึ้นมาจากครอบครัวที่ยากจนในมณฑลหูหนาน ทำให้ในตอนเด็ก ๆ เขาต้องบวชเรียนในภูเขาเทียนเหมินและฝึกมวยในช่วงเวลานั้นไปด้วย จากนั้นเขาก็ได้เข้าร่วมกับกองทัพตั้งแต่อายุ 16 ปี ก่อนจะได้ประจำการในเมืองเซียงถานในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกไม่พอใจในระบบของกองทัพ ก่อนที่จะลาออกมาจนกลายเป็นนักสืบอิสระที่ไม่จำเป็นจะต้องรับคำสั่งจากเบื้องบน

ต่อมาหลังจากสหพันธ์โลกได้เข้าร่วมกับพันธมิตรมนุษย์ อู่หลงก็ทำการฝึกฝนมนตราดวงดาวจนสามารถได้รับพลังพิเศษมาในที่สุด จากนั้นเขาก็ได้รับการว่าจ้างจากองค์กรบริษัทที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของสหพันธ์ และได้กลายเป็นบอดี้การ์ดที่เดินทางไปทำงานทั่วทั้งโลก

หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปเขาก็บังเอิญได้พบกับเซี่ยเฟยและอันเดร์ในช่วงพักร้อน และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์บุกปล้นเครื่องบินของแก๊งค์อสรพิษดำ จากนั้นเขาก็เป็นหนึ่งในผู้เดินทางไปสำรวจความลับของแอตแลนติสและได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งของบริษัทควอนตัมในที่สุด

แต่ในตอนนี้เซี่ยเฟยได้มาบอกกับเขาว่าเขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหพันธ์โลก!!

อู่หลงใช้มือบีบต้นขาของเขาอย่างแรงเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป และถึงแม้ว่ามันจะเป็นความฝันไร้สาระที่เกิดขึ้นมาเอง แต่เขาก็ไม่เคยฝันว่าจะได้เป็นประธานาธิบดีของสหพันธ์โลกเลย คำพูดของเซี่ยเฟยจึงทำให้อู่หลงตกอยู่ในความสับสนเป็นเวลานาน

ความเจ็บปวดที่ต้นขาได้เป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขาไม่ได้ฝันไป และเมื่อพิจารณาจากสายตาที่แน่วแน่ของเซี่ยเฟยแล้ว มันก็ทำให้เขาแน่ใจว่าเซี่ยเฟยมีแผนการในเรื่องนี้อยู่จริง ๆ เพียงแต่เขากังวลว่าตัวเองไม่ใช่คนที่เหมาะสมที่เซี่ยเฟยจะดันขึ้นไปสู่บัลลังก์

“เซี่ยเฟยฉันขอไม่เป็นได้ไหม? ฉันไม่ได้อยากจะขึ้นไปเป็นประธานาธิบดีห่วย ๆ แค่การจัดการกับเอกสารทั้งวันก็ลำบากสำหรับฉันมากพออยู่แล้ว ถ้านายรู้สึกเสียใจจริง ๆ ส่งฉันไปช่วยกองยานขนส่งก็ได้ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีใบอนุญาตขับยานรบแต่อย่างน้อยฉันก็ช่วยขับยานขนส่งได้” อู่หลงกล่าวหลังจากดื่มแชมเปญเข้าไปจนหมดแก้ว

อู่หลงพยายามบอกเซี่ยเฟยอยู่เสมอว่าเขาไม่ต้องการทำงานในส่วนบริหาร เพราะเขาชอบออกเดินทางและทำงานอย่างอิสระมากกว่า ดังนั้นการให้เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีจึงไม่ต่างไปจากการพยายามฆ่าเขาเลย

“ไม่ได้ครับ ยังไงประธานาธิบดีคนต่อไปก็จะต้องเป็นพี่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“เอาน่าการเป็นประธานาธิบดีไม่ใช่เรื่องยากหรอก คุณแค่ต้องวางมาดกับแสร้งทำตัวจริงจังแค่นั้น คุณทำได้แน่นอน!” อันเดร์กล่าว

“ผมไม่ใช่คนฉลาด คุณก็น่าจะรู้” อู่หลงกล่าวอย่างจริงจัง

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง มันจะมีทีมงานมาจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้กับพี่เองครับ สิ่งที่พี่จะต้องทำมีเพียงแค่ออกคำสั่งเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าว

“ฉันเกลียดการเข้าสังคม” อู่หลงกล่าว

“เรื่องนั้นก็ง่ายมาก ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงพี่ก็เข้าร่วมงานเลี้ยงพอเป็นพิธีเท่านั้น แล้วพี่ค่อยแสร้งหาเหตุผลตีตัวออกไป คนอื่น ๆ จะคิดว่าพี่งานยุ่งจนไม่มีเวลาสังสรรค์ ใครจะรู้ว่าพี่อาจจะกลับไปนั่งดูฟุตบอลในทำเนียบก็ได้ ยิ่งพี่ทำตัวให้ดูยุ่งมากเท่าไหร่คนส่วนใหญ่ก็จะยิ่งชื่นชมพี่มากขึ้นเท่านั้น เพราะพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่างานของประธานาธิบดีคืออะไร” เซี่ยเฟยกล่าว

“แต่บริษัทต้องการฉันนะ! มันยังเหลืองานอีกเยอะเลยที่ฉันยังไม่ได้ทำ” อู่หลงพยายามหาเหตุผลอะไรก็ได้ที่จะช่วยให้เขาไม่ต้องกลายเป็นประธานาธิบดี

“บริษัทต้องการพี่จริง ๆ ครับ แต่การที่พี่เป็นประธานาธิบดีมันก็จะยิ่งส่งผลดีกับบริษัทมากขึ้นไปอีก” เซี่ยเฟยกล่าว

อู่หลงใช้มือนวดขมับอย่างแรงเพื่อพยายามหาเหตุผลหลีกเลี่ยงคำเชิญชวนของเซี่ยเฟย

“เอาล่ะ ฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมอีกแล้วนะ ฉันไม่อยากขึ้นเป็นประธานาธิบดีห่วย ๆ ในความคิดของฉันไม่ว่าจะเป็นนาย, ชาร์ลีหรือลุงอันเดร์ต่างก็เหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่าฉัน แล้วทำไมนายถึงต้องมาเลือกฉันด้วย” อู่หลงบ่น

“ผมรู้ว่าช่วง 2 ปีนี้พี่เหนื่อยกับการทำงานมากแค่ไหน ผมจึงอยากจะหาโอกาสให้พี่ได้พักผ่อน ส่วนเรื่องตัวเลือกอื่นพี่ก็น่าจะรู้ว่าผมต้องเดินทางไปไหนมาไหนตลอดเวลา ส่วนชาร์ลียังเด็กและยังต้องการเวลาให้เขาเติบโตขึ้นอีกหน่อย ลุงอันเดร์ก็มีอายุค่อนข้างมากแล้วและเขาก็เหมาะสมกับการทำงานอยู่เบื้องหลังมากกว่า”

“หลังจากพิจารณาตัวเลือกทั้งหมด พี่คือคนที่เหมาะสมมากที่สุด นอกจากนี้การได้เป็นประธานาธิบดีก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ถ้าผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับแม่พี่ ผมเชื่อว่าเธอจะต้องมีความสุขมากที่สุดในโลก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเซี่ยเฟยไม่สามารถโน้มน้าวใจอู่หลงด้วยวิธีการปกติได้ เขาจึงเริ่มใช้ท่าไม้ตายโดยการอ้างเรื่องแม่ของอู่หลง

แม้ว่าอู่หลงจะมีอายุเกือบ 40 ปีแล้วแต่เขาก็ยังคงเชื่อฟังแม่ของเขามาโดยตลอด แน่นอนว่าแม่ของทุกคนย่อมคาดหวังให้ลูกของตัวเองเติบโตขึ้นไปบนจุดสูงสุด และถึงแม้ว่าตำแหน่งของอู่หลงในปัจจุบันจะทำให้แม่ของเขารู้สึกภาคภูมิใจแล้ว แต่ถ้าแม่ของเขารู้ว่าลูกชายตัวเองมีโอกาสจะได้เป็นประธานาธิบดี เธอก็จะต้องคอยรบเร้าอู่หลงในเรื่องนี้อย่างแน่นอน

เซี่ยเฟยพยายามให้เหตุผลว่าการเป็นประธานาธิบดีเป็นเพียงแค่เรื่องง่าย ๆ และเขาก็สัญญาว่าเขาจะทำการว่าจ้างผู้ช่วยที่ฉลาดหลักแหลมมาคอยช่วยอู่หลงในเรื่องการจัดการ ซึ่งตราบใดก็ตามที่เขาคอยออกงานบ้างเป็นครั้งคราว เขาก็จะกลายเป็นประธานาธิบดีในสายตาของประชาชน

สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือเซี่ยเฟยให้คำสัญญาว่าตราบใดที่อู่หลงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครบ 2 วาระ เขาจะถูกโยกไปยังตำแหน่งกัปตันกองยานคุ้มกันของบริษัท ซึ่งถือได้ว่าเป็นตำแหน่งในฝันของอู่หลง

อู่หลงมีความฝันที่จะได้โบยบินไปทั่วทั้งจักรวาลไม่ต่างไปจากเซี่ยเฟย แต่เป็นเพราะเขาต้องจมอยู่ในกองเอกสารเขาจึงทำได้เพียงแต่ถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง

แต่ตอนนี้เซี่ยเฟยได้มอบความหวังให้กับเขาแล้ว และตราบใดก็ตามที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีครบ 8 ปี เขาก็จะสามารถไปทำงานในตำแหน่งที่เขาต้องการได้ ท้ายที่สุดอายุของเขาก็จะยืนยาวมากกว่าคนทั่วไป เนื่องมาจากว่าเขาคือหนึ่งในผู้มีพลังพิเศษ ดังนั้นการทนรับตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงแค่ 8 ปีจึงไม่ใช่เวลาที่นานมากนัก และเขาก็จะสามารถใช้เวลาที่เหลือในการทำตามความฝันของตัวเองได้

ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังบอกให้อู่หลงทำการสร้างกองยานป้องกันโลกในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่ง และเนื่องมาจากว่าในเวลานั้นเขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี เขาจึงสามารถสร้างกองยานป้องกันได้ตามที่เขาต้องการ

เหตุผลนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สามารถล่อตาล่อใจอู่หลงได้เป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่เขาจะสามารถตอบสนองความต้องการในจิตใจของตัวเองได้เท่านั้น แต่เกียรติยศที่เขาได้สร้างกองยานปกป้องดาวบ้านเกิดก็จะถูกส่งต่อไปยังลูกหลานของเขาอีกด้วย

ทันใดนั้นอู่หลงก็รู้สึกว่าการเป็นประธานาธิบดีไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพราะเขาสามารถทิ้งงานเรื่องเอกสารที่เขาไม่ชอบไปทำเรื่องทางการทหารได้อย่างเต็มตัว นอกจากนี้การที่เขาเป็นประธานาธิบดียังเป็นการช่วยเปิดทางให้กับบริษัทควอนตัม ซึ่งมันถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็สามารถใช้เวลา 8 ปีในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งในการยกระดับการรักษาความปลอดภัยของโลกได้ จากนั้นเขาก็จะสามารถใช้เวลาในส่วนที่เหลือของชีวิตไปกับการผจญภัยในจักรวาลไม่ต่างไปจากสิ่งที่เซี่ยเฟยกำลังทำอยู่ในตอนนี้

ด้วยเหตุนี้เองอู่หลงจึงตกลงยอมรับข้อเสนอและบอกกับเซี่ยเฟยว่าเขาจะทำการส่งมอบงานที่เขาทำอยู่ในปัจจุบันให้กับคนอื่นโดยเร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะมาเตรียมตัวเพื่อกลายเป็นประธานาธิบดี

หลังจากเกลี้ยกล่อมอู่หลงได้เรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยก็ติดต่อไปยังสำนักเงาสังหารเพื่อขอกำลังนักฆ่าเดนตายทั้งสิ้นแปดคน

ว่ากันว่านักฆ่าเดนตายไม่ต่างไปจากหุ่นยนต์และเป็นกองกำลังหลักที่คอยค้ำจุนสำนักเอาไว้ การพยายามขับเคลื่อนนักฆ่าเดนตายจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างที่ใครอยากจะทำก็ทำ

อย่างไรก็ตามเนื่องมาจากว่าเซี่ยเฟยคือวีรบุรุษที่ปกป้องสำนักเอาไว้ เงากระเรียนจึงต้องยอมรับข้อเสนอของชายหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขาให้ยืมกำลังนักฆ่าเดนตายทั้งแปดคนเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ไม่ว่าชายหนุ่มจะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ แต่เขาก็จะต้องคืนนักฆ่าเดนตายทั้งแปดคนให้กับสำนัก

เหตุผลที่นักฆ่าเหล่านี้ถูกเรียกว่านักฆ่าเดนตายนั่นก็เพราะว่าพวกเขาสามารถต่อสู้ได้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวเอง ดังนั้นถ้าหากว่าพวกเขาได้อยู่ในสังคมของมนุษย์นานเกินไป พวกเขาก็จะเริ่มปรับตัวจนกลายเป็นมนุษย์อย่างที่ควรจะเป็น ในเวลานั้นพวกเขาจะสูญเสียความเยือกเย็นจนไม่สามารถทำตามหน้าที่ดั้งเดิมของพวกเขาได้ ทางสำนักจึงควบคุมการเคลื่อนไหวของนักฆ่าเดนตายอย่างเข้มงวด

ในช่วงท้ายของบทสนทนาเงากระเรียนก็ได้บอกกับเซี่ยเฟยว่าเงาสูญได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อนแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเศร้าใจอย่างอธิบายไม่ถูก และถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเซี่ยเฟยได้คำนับเงาสูญเป็นอาจารย์ของเขาแล้ว

ถึงยังไงเงาสูญก็เป็นอาจารย์อย่างเป็นทางการของเซี่ยเฟยคนแรก และเขาก็รู้สึกเศร้าใจว่าถึงแม้ว่าใครจะมีพลังอันยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ท้ายที่สุดมนุษย์ก็ยังไม่สามารถหลีกหนีความตายได้อยู่ดี

เงากระเรียนนึกว่าเซี่ยเฟยกำลังเศร้าเสียใจจากการจากไปของเงาสูญ เขาจึงรู้สึกดีกับชายหนุ่มขึ้นเล็กน้อยและพยายามใช้คำพูดเพื่อปลอบโยนชายหนุ่มคนนี้

หลังจากวางสายเซี่ยเฟยก็พูดคุยกับอันเดร์เพื่อติดต่อไปยังบริษัทนักสืบเอกชนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดหลาย ๆ แห่ง และตราบใดก็ตามที่พวกเขาหาข้อมูลที่จำเป็นกลับมาได้ เซี่ยเฟยก็เต็มใจจะซื้อข้อมูลเหล่านั้นด้วยราคาระดับพรีเมี่ยม

อย่างไรก็ตามบริษัทนักสืบเอกชนที่มีชื่อเสียงแต่ละแห่งต่างก็ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่องค์กรธรรมดา ซึ่งหลังจากที่พวกเขาได้ขายข้อมูลออกไปแล้วพวกเขาก็มักที่จะเก็บสำเนาข้อมูลเอาไว้ เพราะหากวันหนึ่งพวกเขาถูกทรยศพวกเขาก็จะสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการปกป้องชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ ซึ่งในอีกมุมหนึ่งพวกเขาก็สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปขายให้กับศัตรูของผู้ว่าจ้างของพวกเขาได้เช่นกัน

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่รู้สึกกังวลในเรื่องนี้เลย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ใครเริ่มทำการทรยศคนพวกนั้นก็จะถูกกำจัดก่อนที่พวกเขาจะได้ทำการเคลื่อนไหวเสียอีก

วันถัดไปเซี่ยเฟยก็ตื่นขึ้นมาแต่เช้าพร้อมกับขับแวมไพร์ไปที่ฮาวาย จากนั้นเขาก็ทำการบอกลาเฉินตง, เยว่เกอและฉินหมางเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถาบันวิจัยในอลาสก้า

ท้ายที่สุดเขาก็จำเป็นจะต้องพัฒนาระบบซุปเปอร์เรดาร์ขึ้นมาให้สำเร็จ เพราะมันคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยยกระดับให้บริษัทควอนตัมขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพันธมิตรอย่างแท้จริง

ฉินหมางกับเฉินตงเข้าใจในความคิดของเซี่ยเฟยเป็นอย่างดี มีเพียงแต่เยว่เกอที่มีการแสดงออกที่แปลกประหลาดไป

เซี่ยเฟยฝากซาร่าให้ช่วยพาเพื่อน ๆ ของเขากลับไปส่งยังค่ายฝึกเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงมุ่งหน้าไปยังอลาสก้าโดยไม่กังวลเรื่องเพื่อน ๆ ของเขาอีก

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.