ตอนที่ 262 ฐานอัลฟ่า
ตอนที่ 262 ฐานอัลฟ่า
อลาสก้าเป็นดินแดนอันหนาวเหน็บบริเวณมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมมากกว่า 1.7 ล้านตารางกิโลเมตรและมีประชากรอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้มากกว่า 650,000 คน
แม้แต่ในช่วงฤดูร้อนอุณหภูมิที่สูงที่สุดของอลาสก้าก็ไม่เคยเกินกว่า 26 องศาเซลเซียส ทำให้พื้นที่บริเวณนี้แทบจะไม่รู้จักกับคำว่าฤดูร้อนเลย แต่ความเจริญก็ไม่เคยเข้าหาดินแดนแห่งนี้เช่นเดียวกัน
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1867 ชาวรัสเซียได้ขายอลาสก้าให้กับสหรัฐอเมริกาในราคา 7.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยไม่คาดคิดว่าใต้ดินแดนแห่งนี้จะมีน้ำมันอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในเวลาต่อมาสหรัฐอเมริกาก็ได้พิสูจน์ว่านี่คือการซื้อที่ดินราคาถูกที่สุดในโลก เพราะรายได้จากการขายน้ำมันในอลาสก้าแต่ละวันแพงกว่าราคาค่าที่ดินที่พวกเขาได้จ่ายไปในอดีตด้วยซ้ำ
แต่เนื่องจากบริษัทควอนตัมของเซี่ยเฟยได้กระจายพลังงานใหม่ไปทั่วทั้งโลก มันจึงทำให้น้ำมันในอลาสก้ามีความสำคัญน้อยลงและทำให้จำนวนประชากรในพื้นที่แถบนี้ลดลงไปทุกปี
ไม่ว่าจะมองยังไงอลาสก้าก็ไม่ใช่พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์ แต่มันคือสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการทดลองสิ่งที่เป็นความลับ ไม่ว่ายังไงเซี่ยเฟยก็ยังไม่อยากให้แฮร์ริสเปิดเผยตัวตนของเขาออกไป นักวิทยาศาสตร์คลั่งคนนี้จึงไม่ต่างไปจากอาวุธลับของควอนตัม
ท่ามกลางทุ่งหิมะอันขาวโพลนมีอาคาร 2 ชั้นขนาดเล็กตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางพื้นที่หลายพันตารางกิโลเมตร ทำให้อาคาร 2 ชั้นแห่งนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ที่ตัวอาคารไม่มีชื่อติดเอาไว้ มันมีเพียงแค่รหัสที่ระบุว่าอาคารนี้ถูกเรียกว่าฐานอัลฟ่าเท่านั้น
การกลับมาของเซี่ยเฟยโจ่งแจ้งมากเกินไปและยานอวกาศของเขาก็ถูกสื่อทั่วโลกนำเสนออย่างต่อเนื่อง
รายงานในข่าวระบุว่าเจ้าของยานสีแดงเข้มลำนี้คือผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทควอนตัม ทำให้เขาถือว่าเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดภายในโลก และทุกคนต่างก็ได้คาดเดาว่าประธานบริษัทผู้ลึกลับคนนี้ก็คือเซี่ยเฟยผู้ซึ่งเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสหพันธ์
แม้ว่าบริษัทควอนตัมจะไม่ได้เปิดเผยข้อมูลภายในของพวกเขาออกมามากนัก แต่เรื่องราวของเซี่ยเฟยก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วทั้งโลก ท้ายที่สุดมนุษย์ก็มักที่จะมีความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องลึกลับโดยธรรมชาติ ซึ่งหลังจากถูกเล่าแบบปากต่อปากไปนับครั้งไม่ถ้วน มันก็ทำให้ตัวตนของเซี่ยเฟยดูคล้ายกับสัตว์ประหลาดในตำนานไปแล้ว
หลังจากได้เห็นเนื้อหาข่าวเซี่ยเฟยก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาก็เป็นเพียงแค่คนโชคดีที่ได้รับโอกาสเปลี่ยนแปลงจากเด็กปั่นจักรยานส่งของกลายเป็นเขาในทุกวันนี้
แวมไพร์นำเซี่ยเฟยมาส่งยังทุ่งหิมะก่อนที่มันจะบินขึ้นไปที่วงโคจรของโลกด้วยระบบนำทางอัตโนมัติ ซึ่งถ้าหากว่าเขาต้องการใช้ยานลำนี้เขาก็สามารถควบคุมแวมไพร์ผ่านไมโครคอมพิวเตอร์ได้ในทันที และทำให้ยานร่อนลงมาหาเขาในเวลาเพียงแค่ไม่นาน
อาคารตรงหน้าเป็นอาคาร 2 ชั้นรูปทรงกลมที่ดูไม่ค่อยแตกต่างจากอาคารทั่ว ๆ ไปมากนัก เพียงแต่มันมีรั้วล้อมรอบพื้นที่ในรัศมี 10 กิโลเมตรเพื่อแสดงให้เห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นเข้ามา
ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินไปในหิมะทิ้งรอยเดินเอาไว้เป็นทางยาว โดยมีสุนัขลากเลื่อนของอลาสก้าหลายตัวจ้องมองมาที่คนแปลกหน้าแล้วมันก็มีสุนัขบางตัวส่งเสียงเห่าเขาขึ้นมาด้วย
ห้องนั่งเล่นด้านในอาคารมีขนาดเล็กมาก แต่มันก็ได้รับการตกแต่งให้ดูอบอุ่นและเรียบง่าย โดยภายในห้องมีแม่บ้านผมบลอนด์กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา และเธอก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจเมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องเลย
“ท่านประธานเชิญทางนี้ค่ะ” แม่บ้านกล่าวก่อนที่จะลุกขึ้นมาเปิดประตูให้ชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“ทำงานอยู่ที่นี่เหงาหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามขณะเดินไปทางประตู
“ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ อย่างน้อยที่นี่ก็มีทีวีให้ดู มีเกมให้เล่น บางครั้งฉันก็คิดถึงครอบครัวบ้างเพราะกลับบ้านไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็คุ้มค่าเพราะตราบใดก็ตามที่ฉันทำงานครบ 3 ปี บริษัทจะอนุญาตให้ฉันย้ายไปประจำอยู่ในไมอามี ในเวลานั้นฉันจะสามารถเพลิดเพลินไปกับชายหาดและแสงแดดได้” แม่บ้านกล่าว
“ดีมาก ผมเชื่อว่าคุณจะได้รับทุกสิ่งที่คุณต้องการตราบใดก็ตามที่คุณปากหนักมากพอ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เชื่อใจฉันได้เลยค่ะ พวกเราชาวเยอรมันเชื่อมั่นในการปฏิบัติตัวตามกฎเกณฑ์อยู่เสมอ” แม่บ้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยยิ้มกลับไปก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในห้อง โดยห้องแห่งนี้เป็นห้องรับรองขนาดเล็กที่ไม่มีหน้าต่างบนผนังทั้งสี่ด้าน มีเพียงโซฟายาว 2 แถวและนิตยสาร 2-3 เล่มที่ถูกจัดวางเอาไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อยเท่านั้น
ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับจุดบุหรี่ ทันใดนั้นห้องทั้งห้องก็เริ่มเคลื่อนตัวลงไปข้างล่างอย่างช้า ๆ และมันก็คงจะมีเพียงแต่ผู้ที่มีประสาทสัมผัสดีเยี่ยมเท่านั้น ถึงจะสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของห้องที่เหมือนลิฟต์ห้องนี้ได้
“พนักงานต้อนรับคนนั้นทำงานได้ไม่เลวเลย” อันธกล่าว
พนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมแบบพิเศษแตกต่างจากพนักงานแบบปกติอย่างชัดเจน ซึ่งในระหว่างเดินทางเซี่ยเฟยได้สอบถามแม่บ้านเพื่อเป็นการทดสอบ และเธอคนนั้นก็สามารถตอบทุกคำถามได้อย่างแยบยลโดยไม่พูดจาอ้อมค้อมมากเกินไป
“ดูเหมือนลุงอันเดร์จะใส่ใจเรื่องพนักงานมาก แต่เราก็ยังตัดสินอะไรไม่ได้จนกว่าจะได้เจอกับพนักงานทุกคนจนครบ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
หลังจากนั้นไม่นานประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง ก่อนที่เซี่ยเฟยจะได้รับการต้อนรับจากสาวแว่นผมดำซึ่งดูเหมือนจะเป็นชาวเอเชีย
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ฐานอัลฟ่าค่ะท่านประธาน ฉันชื่อ ‘กู่เฟิงจู่’ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายธุรการของฐานแห่งนี้ค่ะ” สาวแว่นกล่าวออกมาด้วยภาษาจีนกลางจนทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเหมือนกับได้กลับไปยังบ้านเกิดของเขาอีกครั้ง
“สวัสดีครับเรียกผมว่าเซี่ยเฟยเฉย ๆ ก็ได้ ผมมาทำงานที่นี่เหมือนกับพวกคุณ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นจะต้องเรียกตำแหน่งอะไรพวกนั้นหรอก” เซี่ยเฟยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอพูดเป็นกันเองเลยนะคะ ได้ข่าวว่าผู้อำนวยการอันเดร์บอกว่าคุณมาจากปักกิ่งงั้นเหรอ?” สาวแว่นถาม
“ผมบอกได้แค่ว่าผมอาศัยอยู่ในปักกิ่งมานานหลายปี แต่บ้านเกิดจริง ๆ ผมคือที่ไหนอันนี้ผมก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าเราอยู่บนโลกเหมือนกันก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมโลกด้วยกันทุกคน” เซี่ยเฟยกล่าว
“คุณพูดได้ดีนี่ ตอนแรกฉันคิดว่าคุณน่าจะมีอายุพอ ๆ กับผู้อำนวยการ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะมีอายุน้อยขนาดนี้” กู่เฟิงจู่กล่าวขณะเดินนำทางเซี่ยเฟย
“ผมก็ไม่คิดว่าผู้อำนวยการของฐานอัลฟ่าจะมีอายุน้อยแบบนี้เหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
กู่เฟิงจู่นำเซี่ยเฟยออกจากทางเดินยาวมายังลานกว้างที่ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเลย
“แฮร์ริสเป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยถาม
เมื่อกู่เฟิงจู่ได้ยินชื่อแฮร์ริสสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาด้วยความระมัดระวังว่า
“เรื่องฝีมือเขาถือว่าไร้ที่ติ แต่…”
“คุณพูดมาตรง ๆ ได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะเมื่อพิจารณาจากใบหน้าของหญิงสาวแล้วมันก็น่าจะมีปัญหาอะไรบางอย่างที่เธอลังเลจะพูดออกมา
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 153
แสดงความคิดเห็น