ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
“ข้าถูกใจความชั่วของเจ้าที่กระทำนัก” สุวานหัวเราะ ให้ความรู้สึกปลาบปลื้มก็ไม่ใช่ แดกดันก็ไม่เชิง
จากนั้นสุวานเริ่มประจานความชั่วในอดีตที่เธอทำมา ให้ท่านพญายมและดวงวิญญาณอื่นๆ ได้รับรู้ ทว่าแต่ละเรื่องนั้นไม่เน้นรายละเอียด ทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปอีกอย่างหนึ่ง
แต๋วเกิดอาการคันปากยิบๆ อยากจะโต้กลับไปอยู่หลายรอบ แต่เธอก็ไม่กล้า อย่างเช่นเรื่อง...
“ช่วงที่เจ้าเป็นวัยรุ่น เจ้าทำร้ายผู้สูงอายุจนเขาบาดเจ็บสาหัส”
‘จะไม่ให้ทำร้ายได้ไง ตาแก่นั่นมันตั้งใจจะปลุกปล้ำ ดีแค่ไหนที่ไม่โดนกระทืบตายคาเท้า’
“เจ้าสั่งฆ่าชีวิตนับร้อยนับพัน โดยการว่าจ้างคนไปฉีดยาหมาและแมวในวัด จนชีวิตน้อยๆ ตายเกลี้ยง”
‘ท่านช่วยพูดให้เต็มเนื้อหาได้ไหม ! ความจริงนั่นช่วยทางวัดต่างหาก ถ้าไม่เรียกหมอมาฉีดยาฆ่าเห็บฆ่าหมัดให้หมาให้แมว พระในวัดคงได้ป่วยเพราะเชื้อโรคจากสัตว์ตัวเล็กๆ พวกนี้ไปแล้ว’
“เจ้าไร้ความเมตตาต่อคนเช่าบ้าน ไล่พวกเขาออกฉับพลัน โดยไม่เปิดโอกาสให้หาที่อยู่ใหม่ เพราะแค่พวกเขาจ่ายเงินช้าไปไม่กี่วัน ทั้งที่เจ้ารู้ว่าพวกเขาต้องเอาเงินไปซื้อยาให้พ่อแม่และลูกก่อน เจ้ายังขู่จะแจ้งความ ถ้าไม่ย้ายออกภายในวันนั้น เจ้าจะให้ตำรวจมาจับพวกเขาไปนอนคุก”
‘โอ๊ยท่านจะบ้าเรอะ ! เรื่องจ่ายเงินช้านั่น ไม่ได้เป็นประเด็นหลัก เหตุผลแท้จริงที่ต้องไล่พวกมันออก พวกมันเล่นเสพยากันทั้งครอบครัว ขืนให้พวกมันอยู่ต่อไป ไม่วันใดวันหนึ่ง เกิดคลั่งขึ้นมา จับคนเช่าบ้านคนอื่นปาดคอ ตายเป็นผีประจำบ้านจะทำไงล่ะท่าน’
สุวานพูดเนื้อหาประมาณนั้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งจบ ถึงฝ่ายสุวรรณพูดต่อ และก็เป็นไปตามที่กล่าวก่อนหน้า ความดีที่แต๋วทำมานั้นน้อยมาก
“ตาย... ตาย... ทำไมสร้างบาปสร้างกรรมมากอย่างนี้หนอ เฮ้อ... คนเรา”
แต๋วหางคิ้วกระตุก เธอจำเสียงได้แม่น คำพูดพึมพำนี้เป็นของลุงที่ห้อยพระเครื่อง
“เจ้าจะแก้ตัวหรือไม่ ?” พญายมที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นมา เสียงของท่านนั้นกังวาน ให้ความรู้สึกอยู่ระหว่างความเมตตาและความน่ากลัว
แต๋วคิดครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ” เธอรู้ตัวดี แม้ข้อกล่าวโทษเหล่านั้นบ้าบอเพียงใด แต่ไปไม่พ้นความจริงว่าได้กระทำเรื่องเลวร้ายแล้ว เหมือนหมอโกหกคนไข้ระยะสุดท้าย ให้คิดว่าจะต้องดีขึ้น ทั้งที่จริงไม่มีวันรอด แม้การโกหกนั้นเต็มไปด้วยความหวังดี อยากให้คนไข้สบายใจ ไม่จมอยู่กับความทุกข์ แต่ก็ไปไม่พ้นความจริงว่าโกหก ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดี
“ดีแล้วที่เจ้ายอมรับความจริง” พญายมยื่นมือออกไปข้างบัลลังก์ ปรากฏค้อนตัดสินมาอยู่ในมือของท่าน “บาปของเจ้ามากมายยิ่งนัก ข้าต้องส่งเจ้าลงนรก”
สีหน้าของแต๋วเริ่มหม่นหมอง ยกมือจับสร้อยคอที่สวมอยู่ เวลานี้เธออยากพบเจอเหยาฮั่นอีกครั้งหนึ่ง ให้ใจได้มีความสุขเป็นครั้งสุดท้าย
พญายมเงียบครู่หนึ่ง เหมือนคิดบางอย่าง “เจ้ายังมีความดีทางอ้อม เอามาลบล้างความชั่วของเจ้า”
“อะ อะไรนะท่าน ?” แต๋วเงยหน้าด้วยความแปลกใจ
“เจ้าจงดู” พญายมชี้ไปตรงที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นปรากฏภาพบนโลกมนุษย์
ในภาพนั้น มีนักข่าวภาคสนามคนหนึ่งยื่นไมโครโฟนให้ผู้เห็นเหตุการณ์ที่เป็นผู้ชายเพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับการตายของหญิงชรา
“ก่อนแกจะตาย แกทำเรื่องให้ทุกคนในรถตะลึงกันหมด ผมคิดว่านั่นเป็นกรรมที่แกก่อขึ้น ทำให้แกต้องตายโหงอย่างนั้นครับ โอย... แกทำให้ผมคิดได้เยอะเลยครับ ถ้าเราทำไม่ดี เราอาจจะเจออย่างแกก็เป็นไปได้”
ภาพตัดไปในบ้านหลังหนึ่งที่มีสองแม่ลูกดูโทรทัศน์อยู่
“ดูเอาไว้นะลูก อย่าไปทำตัวเหมือนยายคนนั้น ไม่งั้นลูกอาจตกนรก”
สิ้นเสียงของผู้เป็นแม่ ภาพเปลี่ยนไปที่ร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่งในตลาดสดใกล้บ้านแต๋ว ในร้านนั้นมีลูกค้าหลายคนดูโทรทัศน์อยู่เช่นกัน
“ฉันไม่แปลกใจแม้นิดเดียวที่ยัยแต๋วจะตายอย่างนั้น นี่แหละน้า เวรกรรมติดจรวด เออ ! ว่าแล้วพรุ่งนี้เราไปทำบุญกันไหม ? จะได้ไม่ตายอย่างยัยแต๋ว”
สิ้นเสียงของหญิงชราคนหนึ่งในร้าน ภาพเปลี่ยนไปสถานที่อื่นต่อ ซึ่งทุกแห่งต้องมีใครบางคนพูดคล้ายอย่างนั้นทั้งหมด
“นั่นคือความดีทางอ้อมของเจ้า” พญายมโบกมือ ทำให้ภาพที่ปรากฏจางหายไป
แต๋วยังไม่เข้าใจความหมาย
พญายมเหมือนรู้ ท่านจึงอธิบาย “เดิมทีเจ้าต้องตกนรกเพราะการกระทำชั่วร้ายของเจ้า ทว่าบาปของเจ้าถูกลบล้าง เพราะเจ้าได้สร้างความดีในวันสุดท้ายของชีวิต ตรงที่เจ้าช่วยให้ใครหลายคนตระหนักถึงบาปกรรม พวกเขาจึงหันมาสร้างความดีกันมากขึ้นเพราะเจ้า ทำให้เจ้าได้ผลบุญทางอ้อมนี้”
“อะ หา ?!” แต๋วปากอ้า
“เจ้าเป็นผู้ที่ทำให้ผู้อื่นหันมาสร้างความดีมากขึ้น จึงเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ทางอ้อม ดังนั้น ข้าตัดสินให้เจ้าขึ้นสวรรค์ !” พญายมทุบถาดด้วยค้อนจนเกิดเสียงดังสนั่น
ทันใดนั้นมีแสงสว่างสีเหลืองอร่ามส่องลงมาจากเพดาน เหมือนสปอร์ตไลท์บนเวทีละคร เจาะจงมาที่แต๋ว แถมยังมาพร้อมกับเสียงเพลง Hallelujah Chorus อันไพเราะ
เสื้อผ้าของเธอที่สวมอยู่เริ่มเปลี่ยนแปลง มันกลายเป็นชุดสไตล์เทวดาแบบไทย ผสมสไตล์เทวดาแบบจีน ที่ด้านหลังของเธอปรากฏปีกนกสีขาวบริสุทธิ์ และมีวงแหวนสีเหลืองลอยอยู่เหนือศีรษะ เหมือนสไตล์เทวดาฝั่งยุโรป และรอบกายของเธอยังมีดวงแสงเล็กๆ ระยิบระยับเหมือนดาวบนท้องฟ้ายามกลางคืน ช่วยเสริมให้เธอเป็นเหมือนของศักดิ์สิทธิ์ที่น่าบูชา
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เครื่องแต่งกายเทวดาทั้งสามชาติที่แตกต่างกัน มันเข้ากันได้อย่างลงตัว ต้องขอขอบคุณท่านบรรพบุรุษ ที่ทำให้เกิดเรื่องมหัศจรรย์นี้ !
แต๋วได้สติกลับมาเมื่อร่างเริ่มลอยขึ้นไปตามลำแสง เธอก็ยกมือไหว้ผู้เป็นใหญ่ดินแดนแห่งนี้ “ขอบคุณค่ะท่านพญายม ขอบคุณมากค่ะ”
“ข้าขอให้เจ้ามีความสุขชั่วนิรันดร์บนสวรรค์” พญายมยิ้มให้เล็กน้อย
แต๋วสังเกตเสียงของพวกดวงวิญญาณด้านหลังหายไป เธอหันกลับไปมองก็ได้เห็นวิญญาณเกือบทุกดวงเกิดอาการตะลึง เพราะไม่อยากเชื่อว่าพญายมตัดสินเช่นนั้นจริงๆ
แต๋วไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่ารูปร่างหน้าตาของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงย้อนกลับไปช่วงวัยสาวอีกครั้ง ทั้งผมหงอกที่เปลี่ยนเป็นสีทองประกาย หน้าอกมะละกอกลายพันธุ์เป็นลูกมะพร้าว ผิวกายกลับมาเต่งตึงและผ่องใส ไม่เว้นไฝที่เหี่ยวเหมือนลูกเกดบนหน้าขนมเค้กก็กลับมากลมและเต่งตึงดังเดิม
ซึ่งร่างกายที่เปลี่ยนแปลงทั้งหมดนั้นเป็นผลจากอิทธิฤทธิ์ขั้นพื้นฐานของเทวดาทุกตนที่จะทำให้ตัวเองดูดีที่สุด
“ทำดีได้ดี... ทำชั่วได้ชั่ว...” แต๋วรำพึงรำพันเพราะนึกถึงคำพูดของลุงที่เป็นคนธรรมะธัมโม
หัวคิ้วทั้งสองข้างของเธอเอียงลงมา ปากยิ้มจนเห็นฟันสีขาว ดูคล้ายเยาะเย้ย เท้าสะเอวทั้งสองข้าง ปีกสลัดออก พัดดวงแสงระยิบระยับแตกกระจายออกไป
นั่นคือท่าคลาสสิกของนางตัวร้าย !
แต๋วยิ้มกว้างกว่าเดิม พูดเสียงดังเต็มปากอย่างไม่อาย “นี่แหละผลการทำความชั่ว ทำแล้วได้ขึ้นสวรรค์ !” แล้วหัวเราะก๊ากดังลั่น
“What (หา) !” หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษอุทานเป็นภาษาอังกฤษ
“那怎 么 可能 (ได้ไง) !” สาวหน้าหมวยอุทานเป็นภาษาจีน
“คุณพระช่วย ! กฎแห่งกรรมพังทลายแล้ว !” ลุงที่เป็นคนธรรมะธัมโมอุทาน ทว่าน้ำเสียงของแกเหมือนอยากพูดไปอีกทางว่า ตัดสินอย่างนี้ได้ไง ท่านยมวิปลาสไปแล้ว !
ร่างของแต๋วลอยขึ้นเร็วมากกว่าเดิม ไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ใครหลายคนถึงได้ตระหนัก ว่าบางครั้งการทำความดีและความชั่วอาจไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คิด
สร้อยคอที่แต๋วสวมอยู่เกิดเปล่งแสงสีทอง เธอไม่รู้แม้น้อยนิด เนื่องจากเธออยู่ในลำแสงจากสวรรค์ที่สว่างพอๆ กัน ทำให้แสงมันกลมกลืน ไม่เว้นดวงวิญญาณข้างล่างที่มองเธออยู่ก็ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกัน ยกเว้นเพียงผู้เดียวเท่านั้น
“บังอาจ !” พญายมเงยหน้า ตะเบ็งเสียงดังด้วยความโกรธ ห้องโถงถึงกับสั่นสะเทือน “นั่นใครกำลังแทรกแซงกฎแห่งกรรม จงหยุดการกระทำของเจ้า !”
เมื่อแต๋วใกล้ถึงเพดานห้องโถงที่เป็นช่องให้ลำแสงส่องลงมา ทันใดนั้นเกิดรอยแยกจากความว่างเปล่าดูดแต๋วเข้าไป มันเร็วมากโดยที่เธอไม่ทันได้กรีดร้อง ชั่วกะพริบตาต่อมารอยแยกนั้นก็ปิดหายไป
* * *
Hallelujah Chorus ของ George Federick Handel เป็นเพลงสรรเสริญพระเจ้า มันเป็นเพลงเก่ามากจากอดีต ดังนั้นย่อมมีหลายเวอร์ชัน ใครชอบฟังเวอร์ชันไหนก็ไปเปิดหาเอาเองได้ใน YouTube
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 443
แสดงความคิดเห็น