the end of world Chapter 6
Chapter 6 มือปราบสายฟ้าฟาด (ตอนจบ)
…
“แฮ่!”
เสียงร้องคำรามอย่างหิวกระหายดังมาจากทางเบื้องหลัง พร้อมกับแรงที่กระชากไหล่ อย่างหนักหน่วง
จนร่างของนายตำรวจหนุ่มหมุนคว้างล้มลงไปนอนกับพื้น พร้อมกับมีร่างในเครื่องแบบที่ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล จากรอยขบกัดไปตลอดทั้งตัวจะกระโจนขึ้น โถมทับมาบนตัวของเขา
พร้อมกับปากที่เปิดกว้างน้ำลายหยดย้อยอย่างกระหายหิว มันจึงไม่รอช้าก้มลงฝังเขี้ยวลงยังบริเวณคอหอยของชายหนุ่มอย่างเหี้ยมโหด
การจู่โจมเข้ามาอย่างกะทันหันดังกล่าวนั่นเองเป็นตัวฉุดเรียกสติของนายตำรวจหนุ่ม
ที่กระเจิดกระเจิงล่องลอยออกไปให้กลับคืนมา สู่ความเป็นจริงที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่
ด้วยปฏิกิริยาการตอบสนองที่เผชิญกับความเป็นความตายอยู่ตลอดเวลา
ทำให้เทย์เลอร์แก้สถานการณ์เฉียดตายของตนได้อย่างฉับพลัน
ก่อนที่คมเขี้ยวของอสูรร้าย จะเข้ามากระชากคอหอยของเขาเพียงเสี้ยววินาที
ปืนสั้นในมือข้างหนึ่งก็กระทุ้งพรวดขึ้นอย่างว่องไว
กระแทกฟันหน้าของร่างนั้นจนหักกระจุย พร้อมกับปากที่เปิดกว้าง งับลงอย่างรุนแรงเข้าที่ปากกระบอกปืนอย่างเต็มรัก จนเกิดเสียงเขี้ยวเหล็กดังกร้วมสนั่น
มันร้องคำรามในลำคออย่างโกรธแค้น พร้อมกับยกมือข้างหนึ่งหวังจะบีบเค้นลำคอของเขาให้แหลกยับ
แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอย่างที่สัญชาตญาณร้องสังการ
ปลายนิ้วของนายตำรวจหนุ่มที่สอดอยู่ในโกร่งไกก็กระดิกฉับ ปลดปล่อยกระสุนนัดสุดท้ายที่ติดตัวปืนอยู่
ออกไปอย่างไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
เสียงแผดก้องของอาวุธในมือดังสนั่น พร้อมกับศีรษะของอสูรร้ายสะบัดราวกับถูกมือยักษ์ตบ กระสุนนัดนั้น
ที่เทย์เลอร์ยิงออกไป พุ้งเข้าคว้างสมองระเบิดออกหลังหัว
ของร่างที่เคยเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับของตนส่งให้มันลงไปนอนแน่นิ่งไม่กระดิกกระเด้งขึ้นมาได้อีก
ชายหนุ่มรีบยันกายขึ้นจากพื้น อย่างรวดเร็วแล้วรีบ กระชากลูกซองที่เหน็บอยู่บริเวณแผ่นหลัง ขึ้นมากุมกระชับไว้ในมืออย่างว่องไว ถึงแม้จะยังตกตะลึงอยู่กับเหตุการณ์ความเป็นความตายที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตนอยู่
แถมยังเพิ่งลั่นไกสังหารผู้ที่เคยเป็นลูกน้องไปสดๆร้อนๆ แต่สถานการณ์เฉพา
ให้เขามัวมานั่งสำนึกผิดหรือมานั่งเสียใจ ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้ก็คือ
ทำทุกอย่างเพื่อให้ตนมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าร่างอสูรกาย ที่เขาได้ยิงจนหัวกระจายไม่ได้ลุกกลับขึ้นมาไล่ล่าอีกเหมือนตัวอื่น
เทย์เลอร์ก็ทราบได้ในทันทีว่า นี่คือวิธีที่จะฆ่าพวกมันได้อย่างเฉียบขาดที่สุด
เขาจึงตะโกนออกไปอย่างเร่งร้อนฝ่าเสียงปืนหลากหลายขนาดที่แผดเลื่อนลั่นอยู่ในขณะนี้
“ทุกคนยิงพวกมันที่หัว...มันคือจุดอ่อน”
คำพูดดังกล่าวบอกเตือนไปทั้งฝ่ายของนายตำรวจและฝ่ายของเหล่าผู้ร้าย
ที่ยังไม่กลายไปเป็นหนึ่งในพวกมัน ในยามนี้ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน
พวกเขาก็ต้องหันมาร่วมมือกันอย่างไม่มีทางเลือก โดยมีเหล่าตัวประหลาดเป็นศัตรูร่วมกัน
ถึงแม้หลายคนจะได้ยินคำร้องบอกของนายตำรวจแล้วว่า ให้เล็งยิงที่หัว
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจต้องการ เนื่องด้วยเหตุผลหลายๆอย่างของแต่ละคน
ไม่ว่าจะเป็น ความลนลานหนีตาย ความตื่นกลัวต่อภาพแสนโหดร้ายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
หรือว่าจะเป็นเรื่องที่สะเทือนใจที่สุดอย่างการที่ต้องลั่นไก ใส่ร่างที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยรู้แก่ใจดีว่า
บุคคลเหล่า นี้คือเพื่อนร่วมงานของตน
มันจึงทำให้สมาธิและการตัดสินใจของพวกเขาเหล่านี้ล่าช้า พลาดท่าปล่อยให้เหล่าอสูรร้ายในร่างเพื่อนของตนฉีกกระชากเลือดเนื้อ และต้องกลายเป็นหนึ่งในพวกของมันไปอย่างโง่งม
เมื่อเวลาผ่านไป เสียงปืนที่แผดคำรามดังเลื่อนลั่นอยู่อย่างหนาแน่น ก็ค่อยๆทิ้งระยะห่างลงไปทุกขณะ
เพราะมีทั้งเหล่าผู้ที่วิ่งหนีตายเข้าไปในป่า และผู้ที่พลาดท่ากลายเป็นหนึ่งในพวกมัน จนกระทั่งบริเวณนี้มีเพียง
เทย์เลอร์แต่เพียงผู้เดียว ที่เป็นผู้รอดชีวิต ชายหนุ่มลั่นไกใส่ร่างของอสูรกาย จนตกตายลงไปหลายตัว
พร้อมกับวิ่งหาที่ซ่อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจนมุมอยู่ท้ายรถบรรทุกคันหนึ่ง
เมื่อเหล่าอสูรตายซาก เดินลากขาแกรกกราก เข้ามาจากรอบทิศทางอย่างมุ่งร้าย
เขาก็ลั่นไก ระเบิดหัวของอสูรกายตัวหนึ่งในระยะประชิด กระสุนลูกปราย ที่ยังไม่ทันจะเบ่งบานดี จับรวมกลุมระเบิดหัวมันจนหายไปซีกหนึ่ง
มันสมองสาดกระจายอย่างสยดสยอง
ก่อนที่จะกระโดดถอยหลังหายเข้าไปยังหลังผ้าใบทางตอนท้ายของรถบรรทุก
หลบฝ่ามือที่คว้าเปะปะเข้ามาของอสูรกายไปได้อย่างหวุดหวิด
ชายหนุ่มเสือกปากกระบอกลูกซองโผล่พ้นผ้าใบออกมา พร้อมกับประกายปืนสว่างวาบ
เสียงคำรามดังเลื่อนลั่น ส่งกระสุนลูกปรายโปรยสาดออกไป
ร่างของอสูรกายที่อยู่ใกล้สุด ศีรษะสะบัดสมองกระจุยร่างหงายผึ่งลงไปนอนกองอยู่บนพื้นในทันที
เทย์เลอร์สายปากกระบอกเล็งเข้าใส่ อสูรกายอีกตัวที่เดินโงนเงนแยกเขี้ยวน้ำลายย้อยสาวเท้าตรงทื่อเข้ามา
เมื่อเล็งเป้าดีแล้วก็เหนี่ยวไกส่งกระสุนออกไปในทันที
แต่แทนที่จะปรากฏเสียงเลื่อนลั่นพร้อมกับแสงไฟจากเปลวปืนจะปรากฏเช่นทุกครั้ง
ทุกอย่างกลับนิ่งสนิทปรากฏเพียงเสียงดัง แชะ! อันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า
กระสุนของเขาได้หมดลงไปเสียแล้ว หากจะออกไปเก็บอาวุธของเหล่าซากศพที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาใช้งาน
มันก็คงไม่ทันการแถมยังเอาตัวเองไปเสี่ยงกับอันตรายเปล่าๆ
ชายหนุ่มจึงรีบถอยตัวเองหลบเข้าไปในตอนท้ายของรถให้ลึกกว่าเดิม เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างของปีศาจกระหายเลือดพุ่งเข้ามาถึง แรงกระแทกจากร่างของพวกมัน
ทำให้รถบรรทุกทั้งคันสั่นยวบยาบ ร่างของชายหนุ่มกลิ้งไปมาบนพื้นรถอย่างสะเปะสะปะ
ราวกับแผ่นดินไหว
เสียงปึงปังของการใช้มือฟาดและการกระแทกตัวของเหล่าผีดิบ ดังรอบตัวรถ ความหนักหน่วงของเรี่ยวแรงของพวกมันทำให้ตัวรถเริ่มบุบบี้ทีละเล็กทีละน้อย
ขืนเขายังมัวช้าอยู่ พวกมันต้องแหกโครงเหล็กแล้วเข้ามาฉีกทึ้งตัวเขาได้อย่างแน่นอน
ทำให้เทย์เลอร์ต้องเร่งใช้สมองหาทางรอดให้ตัวเองอย่างเร่งด่วน
มือไม้รีบตบไปตามร่างกายของตนตรวจดูในซอกหลืบของกระเป๋ากางเกงและกระเป๋าเสื้ออย่างวุ่นวายใจ
เพื่อหากระสุนสำรอง แต่ก็พบว่ามันว่างเปล่า
ชายหนุ่มสงบใจใช้ความคิด เมื่อนึกขึ้นได้ว่า
ไอ้รถบรรทุกที่เขากำลังอาศัยเป็นกำบังในขณะนี้ มันเป็นรถขนสิ่งผิดกฎหมาย
ของกลุ่มวายร้ายที่มีอาวุธครบมือ ดังนั้นมันก็ต้องมีอาวุธเหลือซุกซ่อนไว้บ้างสิน่า
นายตำรวจจึงไม่รอช้า ค่อยๆพากายคืบคลาน ไปบนพื้นรถ
แล้วใช้มือไล่ควานหาไปตามกระสอบ ที่ภายในบรรจุข้าวสาร
และข้าวโพด ที่ไม่ต้องบอกก็รู้แน่นอนว่าต้องมียาเสพติดปะปนซุกซ่อนมาด้วยไม่มากก็น้อย่างแน่นอน
เมื่อควานไปมาอยู่เพียงไม่กี่อึดใจเขาก็พบกับแม็กกระสุนสำรองของปืน m16
ซึ่งแน่ล่ะมันเป็นคนละชนิดกับอาวุธที่เขาใช้ในปัจจุบัน ดังนั้นกระสุนที่เขาพบมันจึงไร้ประโยชน์ในยามนี้โดยสิ้นเชิง
เทย์เลอร์จึงต้องค้นต่อไปด้วยจิตใจเต้นระทึก ปรากฏแรงกระแทกอย่างหนักหน่วง จนทำให้ร่างที่กึงนั่งกึ่งยืนเซล้มกลิ้ง กระสอบต่างๆนาๆ กระเด็นกระดอนจนแทบจะลงมาทับร่างของเขา
โครม!!!
โครงเหล็กข้างหนึ่งบุบบี้แล้วพังครืนลง ทำให้ผืนผ้าใบที่ขึงเป็นหลังคาอยู่ หล่นลงมาคลุมแทบจะรัดพันตัวของเขาไว้ภายใน พร้อมกับมือไม้แกว่งไกวของฝูงผีดิบกระหายเลือดจะไขว่คว้าเข้ามาภายในตัวรถ
หวุดหวิดจะคว้าตัวของเขาอยู่แล้ว ยังดีที่ชายหนุ่มกลิ้งหลบไปอีกฝั่งหนึ่งได้อย่างทันท่วงที แล้วรีบสลัดผืนผ้าใบที่รัดพันกายอยู่ออกไป และแล้วก็เหมือนสวรรค์มาโปรด
เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นแสงสีฟ้าประหลาด ที่ห่อหุ้มกล่องไม้ซุกอยู่มุมหนึ่งของกองกระสอบที่วางซ้อนทับกัน ดีที่แรงกระแทกทำให้กองกระสอบ พลิกคว่ำมันจึงเผยให้เขาเห็นกล่องที่ซ่อนอยู่
นายตำรวจจึงไม่รอช้ารีบพุ่งตัวเข้าไปคว้า กล่องดังกล่าวไว้ทันที เพราะเท่าที่เขาจำได้
เจ้าหน้ากากประหลาดได้กล่าวไว้ว่า ภายในกล่องมันจะมีอะไรบางอย่างที่จะช่วยให้เขาผ่านพ้นอันตรายไปได้อย่างแน่นอน
โครงเหล็กอีกฝั่งหนึ่งพังครืนลง พร้อมกับมือและศีรษะที่แยกเขี้ยวอย่างกระหายยื่นเข้ามาในตัวรถ
มือแกร่งข้างหนึ่งคว้าแขนของเขาไว้ได้ ทำเอาใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
แต่มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็เอื้อมไปถึงกล่องไม้ที่ห่อหุ้มไว้ด้วยแสงออร่าสีฟ้าพอดี
ก่อนที่เขาจะถูกกระชากเข้าหาคมเขี้ยวเสียก่อน ดังนั้นเขาจึงรอดพ้นความตายไปได้อย่างหวุดหวิด
ทันทีที่ปลายนิ้วของเทย์เลอร์ แตะถูกสัมผัสกล่องไม้
ออร่าสีฟ้าที่ห่อหุ้มตัวกล่องอยู่ก็กระจายตัวออก ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ตลอดทั้งร่าง
แผ่ขยายออกไปเป็นม่านป้องกันทั้งสี่ทิศ ผลักกระแทกมือไม้ที่ยื่นเข้าใกล้ผิวกายของเขาให้ล่าถอยออกไปห่างๆ
ทำให้เทย์เลอร์พักหายใจหายคอได้บ้าง เมื่อเห็นว่าในขณะนี้เหล่าอสูรกาย
ไม่สามารถทำอันตรายอะไรเขาได้แน่นอน ชายหนุ่มจึงเพ่งความสนใจไปที่กล่องไม้
ที่อยู่ในมือของตนได้อย่างเต็มที่
เมื่อฝากล่องเผยอออก ตัวกล่องที่สร้างขึ้นมาจากไม้หยาบๆ ก็สลายหายไปกับอากาศ
เผยให้เห็นสิ่งของที่อยู่ภายในที่ประกอบไปด้วย กำไล 1 วง กระเป๋าคาดเอว 1 ใบ และดาบ 1 เล่ม
สิ่งแรกที่นายตำรวจหนุ่ม หยิบขึ้นมาตรวจสอบก็คืออาวุธ ชิ้นเดียวที่น่าจะมีประโยชน์ที่สุดในยามนี้
นั่นก็คือดาบเมื่อชักออกจากฝักหนัง ก็เผยให้เห็นลักษณะของอาวุธชิ้นนี้อย่างชัดเจน
มันเป็นดาบสองคมที่มีความยาว 90 เซนติเมตร ใบดาบสีเงินดูแข็งแรงทนทาน
ด้ามดาบเมื่อกุมกระชับแล้วมีขนาดพอดีมือ น้ำหนักกำลังดี
ถึงแม้จะเปลี่ยนจากอาวุธปืน มาลองถืออาวุธระยะประชิดอย่างดาบ เทย์เลอร์ก็ไม่ลำบากมากนักที่จะใช้อาวุธชิ้นนี้
เนื่องจากวิชาการต่อสู้ที่ได้ร่ำเรียนมา เขาก็มีความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าน่าจะเอาตัวรอดได้
เมื่อลองแกว่งดาบไปมา เขาก็ไม่เห็นจะสัมผัสถึงพลังพิเศษอะไรได้เลย
‘แล้วไหนมันบอกว่า จะมอบพลังให้ไม่ใช่เหรอไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย?วะ...หรือว่ามันจะอยู่ในกระเป๋า’
เขาตั้งคำถามในใจ พลางสอดดาบเก็บเข้าฝักตามเดิม
แล้วหยิบกระเป๋าคาดเอวสีดำขึ้นมา แต่เขาก็เปิดมันไม่ออกแม้แต่จะลองออกแรงมากขึ้นแล้วก็ตาม
จึงได้แต่วางลงไว้ที่เดิม แล้วหยิบของอย่างสุดท้ายขึ้นมา
เมื่อพลิกไปพลิกมาก็ไม่เห็นถึงความพิเศษแต่อย่างใด มันเป็นเพียงกำไลสีเงินเรียบๆเท่านั้น
เมื่อดูจากภายนอกไม่พบความผิดปกติเขาจึงได้แต่ต้องลองสวมใส่มัน
กำไลข้อมือถูกสวมลงที่มือซ้าย ได้อย่างแนบสนิท ในทันทีที่ตัวกำไลสัมผัสกับผิวกาย
แสงสว่างสีฟ้าที่แผ่ขยายอยู่รอบกายก็ถูกดูดหายเข้าไปในกำไลที่สวมอยู่ที่ข้อมือ
แขนข้างนั้นร้อนวูบวาบราวกับถูกนาบด้วยเหล็กเผาไฟ ทำเอานายตำรวจกัดฟันกรอดๆ ขมกลั้นเสียงร้อง
พร้อมกับใช้มืออีกข้างพยายามแงะกำไลออกอย่างรีบร้อน แต่เหตุประหลาดก็ได้เกิดขึ้น เมื่อตัวกำลัยทั้งวงได้สลายแทรกเข้าไปในร่างกาย ราวกับว่าเขาไม่เคยสวมมันมาก่อน
พร้อมกับเสียงฟ้าคำรามเลื่อนลั่น จะดังกระหึมอยู่เหนือศีรษะของนายตำรวจหนุ่มอย่างเกรี้ยวกราด
หากมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่บริเวณนี้แล้วแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้า
พวกเขาก็จะได้เห็นถึงหมู่เมฆสีดำทมิฬ ที่รวมตัวกันแล้วหมุนวน
ราวกับเกิดอุโมงค์เชื่อมต่อจากผืนฟ้าลงมาสู่โลกมนุษย์
ประกายสายฟ้าแลบแวบวาบตัดไปมาระหว่างหมู่เมฆเหล่านั้น ราวกับวันฟ้าครึ้มฝนคลั่ง
ก่อนที่สายฟ้าเส้นหนึ่งจะทิ้งดิ่งลงมาสู่ผื่นดิน ซึ่งปลายทางของมันก็คือบริเวณรถบรรทุกที่มีร่างของเทย์เลอร์หลบซ่อนอยู่นั่นเอง
เปรี้ยง!
******************************จบตอน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 279
แสดงความคิดเห็น