บทที่ 5 พลาดพลั้งไม่ยั้งคิด
บทที่ 5 พลาดพลั้งไม่ยั้งคิด
เซี่ยเคอทรุดกายลงนั่ง ขณะเดียวกันสตรีชุดขาวล้วงม้วนภาพจากอกเสื้อคลี่วางบนโต๊ะ ชายหนุ่มก้มศีรษะต่ำพริบตาที่ตะลึงลาน รู้สึกห้วงสมองเวิ้งว่างเปล่า ใบหน้ามืดวูบวาบทรวงอกตีบตัน ส่ายร่างโงนเงนขวัญแทบกระเจิดกระเจิงจากร่างแล้ว ตนถูกพิษเวลาใดเป็นการลงมือลอบประทุษกรรมอันพิสดารยากพบพิรุธ เขาแม้พลังฝีมือเลอเลิศเหนือธรรมดา สืบเนื่องขาดประสบการณ์วงพวกนักเลง มิล่วงรู้ถึงเล่ห์อุบายกลอกกลิ้งแผนการชั่วร้าย
เห็นสตรีชุดขาวตาใสกระจ่างเพ่งพิศมองมา ดังนั้นรีบปลุกปลอบสติเกร็งกำลังอึดหนึ่งจากจุดศูนย์คุ้มครองหัวใจไว้
"กงจื่อเป็นไรแล้วคาดว่าท่านไม่สบายกระมัง"
ซุ่มเสียงไพเราะดุจระฆังเงินก่อกวนจิตใจผู้คนปั่นป่วนเกิดระลอก เซี่ยเคอยามนี้ทราบแน่พลาดท่าหลงกลอีกฝ่ายชัดๆ ผลพวงถูกเคี่ยวกรำจากสำนักอาจารย์นานร่วมสามปี ความเยือกเย็นอดกลั้นต่อเหตุการณ์เรื่องราวจึงนับว่าหนักแน่นน่าตระหนกนัก กวาดตาสำรวจรอบบริเวณตลบหนึ่งอย่างแช่มช้า หากตนคาดเดาเปะปะโดยไม่คลาดเคลื่อน ตั้งแต่ดรุณีอาภรณ์เงินนำทางเร่งรุดนำหน้า กลิ่นหอมหวนประหลาดโชยปะทะนาสิกเขาหลายครั้งครา พิษร้ายคงเริ่มแทรกซึมทีละน้อยคำนวณระยะเวลากำเริบช้ามั่นเหมาะพอดียิ่ง รอจนสตรีชุดขาวเชื้อเชิญให้นั่งลง ยามนั้นเองค่อยออกฤทธิ์กำเริบมอมเมาผู้คนแทบสิ้นสติสูญเสียการควบคุม
เนิ่นนานเซี่ยเคอหาตอบวาจา สร้างความคลางแคลงสงสัยแก่สตรีชุดขาวคำนึง
'นึกไม่ถึงเขามีพลังฝึกปรือลึกล้ำปานนี้ เฮอะ!รออีกสักครู่หาเป็นไรไม่'
ขมวดคิ้วเรียวงามพลางหันร้องเรียกดรุณีชุดเงิน
"ฮุ่ยชิวเจ้าเข้ามา"
ซุ่มเสียงเจื้อยแจ้วขานรับคำหนึ่ง ดรุณีสนิทนามฮุ่ยชิวกระโดดปราดถึงข้างโต๊ะเหลือบแลชายหนุ่มแวบหัวร่อคิกกล่าวถามว่า
"กงจู่มีคำสั่งใด"
"ตระเตรียมออกเดินทาง"
"คนผู้นี้เล่า"
สตรีชุดขาวใบหน้าเคร่งเครียดเย็นชาผงกศีรษะตอบ
"ย่อมต้องนำเขาไปด้วย มันมีความสำเร็จสูงล้ำ ฝ่ายเราเพิ่มผู้ช่วยเข้มแข็งอีกคนหนึ่ง"
โบกมือให้ดรุณีน้อยล่าถอย เบือนสายตาเพ่งพินิจเซี่ยเคออีกคำรบ หน้าคมคายปรากฏหยาดเหงื่อเม็ดโป้งๆผุดพราย ปราศจากเค้าเดือดดาลพลุ่งพล่านแม้แต่น้อย กลับชาด้านซีดขาวราวโปร่งใสก็ปาน ชายหนุ่มนั่งแน่วนิ่งดวงตาทอประกายเซื่องซึมโง่งม อากัปกิริยาเฉื่อยชาคล้ายคนเพิ่งฟื้นตื่นจากหลับใหล
"ท่านมองข้าพเจ้า"
สตรีชุดขาวออกคำสั่ง เซี่ยเคอหันตามเสียงข้างหูได้ยินอีกฝ่ายกำชับสำทับว่า
"ต่อไปนี้ให้ท่านติดตามข้างกายเรา รับทราบแล้วหรือไม่"
เซี่ยเคอผงกศีรษะเนิบนาบแววตาเหม่อลอยแข็งค้าง สูญเสียการควบคุมปราศจากท่าทีแข็งขืนต่อต้าน สตรีชุดขาวแย้มยิ้มอ่อนหวานกล่าวคำประเศริฐ กวักมือหันกายชักชวนเขารุดออกจากตึกเขตหลัง
วิกาลเยียบเย็นดารากระพริบแสงล่วงเลยกว่ายามสี่แล้ว ดรุณีเยาว์วัยหลายคนก่อนหน้า ที่แท้เร่งรุดเดินทางแยกย้ายแต่แรก คาดว่านัดแนะสัญญาณจากสตรีชุดขาว หลงเหลือเพียงฮุ่ยชิวดรุณีใกล้ชิดรั้งข้างกาย นำพาเซี่ยเคอทุ่มเทตัวเบาถึงลำน้ำนอกเมือง ทั้งสามมีฝีเท้ารวดเร็วเพียงไหนโลดแล่นชั่วขณะก็บรรลุ ในพงแขมจอดไว้ด้วยเรือทรงแหลมลำหนึ่ง ดรุณีชุดเงินพลิ้วกายลงเรือ ขณะสตรีชุดขาวชี้มือเหลียวหน้าร้องสั่ง
"ท่านล่วงหน้าไปก่อน"
เซี่ยเคอกระพริบตาคราหนึ่ง ขยับกายทิ้งตัวลงยังท้ายเรือทอดห่างฝั่งร่วมสามวาแผ่วเบา สตรีชุดขาวค่อยติดตามกระชั้นชิด ทั้งสามออกเดินทางกำชับให้ชายหนุ่มถือท้าย กระแสน้ำรี่ไหลสม่ำเสมอ หนุนเนื่องเรือลักษณะแปลกตาไกลลิบลับ ท้องฟ้าขาวโพลนรำไรใกล้สว่าง น้ำค้างโปรยปรายเรือนร่างสูงโปร่งยืนเด่นจดจ้องมองตรงแน่วนิ่งดุจมนุษย์ศิลา ใบหน้าคมคายกระด้างเฉื่อยชาน่าหวาดหวั่น
สตรีชุดขาวบัดเดี๋ยวช้อนตาปราศจากจุดหมาย บัดเดี๋ยวลอบชำเลืองสำรวจชายหนุ่มทอดถอนใจยาวคล้ายกำลังหมกมุ่นหวนประวัติ นางแม้ระแวงสงสัยอีกฝ่ายใช้ยาปลอมแปลงโฉม แต่จนปัญญาลบคราบยาทิ้ง ดูท่าต้องค้นตัวหาทางเปิดโปงภายหลัง
เรือน้อยเทียบท่าอู่จาง เวลาไต้เข้าไฟเหลาสุราร้านรวงล้วนแออัดคับคั่ง บรรดาแขกเหรื่อผู้สัญจร จับจองโต๊ะเก้าอี้ส่งเสียงพูดคุยวิจารเซ็งแซ่ สตรีชุดขาวแวะซื้อเสบียงกรังแผงเล็กๆข้างทางแห่งหนึ่ง เลือกทำเลมืดครึ้มใต้ร่มไม้ขัดสมาธิพักผ่อน สั่งต่อฮุ่ยชิวจัดหาขอซื้อม้าเร็วสองตัว ดรุณีใกล้ชิดเลิกคิ้วเบิกตากลมโตกลอกกลิ้งลอบแย้มยิ้มมุมปากแสร้งเอ่ยถามว่า
"เอ๊ะ!ไฉนเพียงสองตัวเล่า เขามิใช่ต้องรับฟังคำสั่งกงจู่หรอกหรือ"
สตรีชุดขาวหลุบคิ้วต่ำทรุดนั่งข้างกายเซี่ยเคอ พลันลืมตาสาดประกายเจิดจ้าสองสายครอบคลุมใส่ดรุณีอาภรณ์เงินแค่นเสียงเย็นชา
"เจ้าแปรเปลี่ยนเป็นเด็กหญิงปากมากตั้งแต่เมื่อใด คำสั่งเรากงจู่ยังกล้าโต้แย้งหรือ"
ฮุ่ยชิวก้มศีรษะต่ำรีบหุบยิ้มในบัดดล ก่อนหันกายผละจากยังแลบลิ้นล้อเลียน สร้างความขุ่นเคืองแก่สตรีชุดขาวรำพึงแผ่วเบา
"ยาโถวนี้ยิ่งนานยิ่งร้ายกาจแล้ว"
ทันใดเซี่ยเคอพลันกระพริบตาเหม่อมองนางนิ่งเงียบชั่วขณะ จึงเอื้อนเอ่ยวาจาคล้ายเลอะเลือนคล้ายมึนงงถามว่า
"ท่านว่าอะไร"
สตรีชุดขาวส่ายศีรษะปฏิเสธ รอคอยอีกชั่วน้ำเดือดฮุ่ยชิวจูงม้าสองตัวเหยาะย่างถึง สองนายบ่าวแยกย้ายโดยสารคนละตัว กายอ้อนแอ้นพลิ้วขึ้นพาหนะ สตรีชุดขาวกวักมือออกคำสั่ง
"ท่านก็ขึ้นม้าตัวเดียวกับเราเถอะ"
เซี่ยเคอปฏิบัติตามโผพุ่งทิ้งกายด้านหลังสตรีชุดขาว ม้าพ่วงพีตัวนี้แข็งแรงยิ่ง แม้บรรทุกคนสองคนยังห้อตะบึงฝีเท้าเร่งร้อน สตรีชุดขาวควบคุมบังเหียนสองเท้าหนีบท้องม้า สัตว์สี่เท้าได้รับความเจ็บปวด ชิงกระโจนล้ำหน้าดรุณีฮุ่ยชิวสองวา พาหนะหนึ่งหน้าหนึ่งหลังวิ่งตะบึงรุดเดินทางทั้งยามราตรี ลักษณะเยี่ยงนี้ผู้ใดพบเห็น ย่อมเข้าใจว่าเป็นหนุ่มสาวคู่รักนำพาเด็กรับใช้ในบ้านผู้หนึ่งติดตาม เนื่องเพราะแต่งกายมิดชิดรัดกุมคล้ายชนชาวยุทธจักร พวกประดานั้นไหนเลยกล้ายุ่งเกี่ยวแส่หาเรื่องยุ่งยากใส่ตัว
เซี่ยเคอแม้ตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาบิดเบือนประสาท นิสัยเคยชินยังล้วงมือซ้ายไปในอกเสื้อ นิ้วทั้งห้าสัมผัสถูกความเย็นเสียดกระดูก ขลุ่ยสั้นปรากฏพลังหนาวเยือกราวหล่มหิมะแผ่ซ่านชำแรกตามเส้นชีพจร ทะลักขึ้นมาจากข้อมือข้างนั้นอย่างรวดเร็ว ร่างชายหนุ่มสะท้านเฮือกดุจถูกสายฟ้าฟาดใส่ ที่แท้ขลุ่ยสั้นเลานี้หลอมสร้างจากหยกเย็นพันปีและทองคำบริสุทธิ์ สามารถดูดซึมแก้พิษร้ายทุกชนิด
พริบตานั้นสติพลันค่อยๆแจ่มใสทีละน้อย กราดสายตามองสำรวจหลายเที่ยว พบเห็นกายแน่งน้อยแผ่นหลังแบบบางปล่อยผมยาวนุ่มสลวยสยายประบ่า ลมเย็นโชยพัดหอบกลิ่นกายสาวจรุงจิตมอมจนกระสันรัญจวน เส้นผมดำขลับพลิ้วปลิวไสว รู้สึกคันยุบยิบยากทนทานบริเวณใบหน้าปลายคาง ปลุกปลอบสติสมาธิทดลองเกร็งกำลังลอยตัวขึ้นจากม้าพ่วงพีมือขวาประกบนิ้วยื่นปราดกลับหลังว่องไวดุจประกายสายฟ้า
ขณะนั้นพาหนะดรุณีฮุ่ยชิววิ่งตะบึงมาถึง ไม่ทันบังเกิดความคิดใดจุดใบ้บริเวณลำคอถูกดรรชนีจี้ใส่ถนัดถนี่ ร่างแฉลบเฉียงๆปล่อยม้าสองนายบ่าวพุ่งผ่านข้างตัวไป ตนเองถ่วงกำลังหยั่งเท้ายังป่าข้างทางซ้ายมือระบายลมยาวๆจากปากครุ่นคิด
'หวาดเสียวนักจุดประสงค์ขบวนการสตรีลึกลับ ที่แท้มีเจตนาอย่างไรกัน'
พลางล้วงขลุ่ยสั้นจากอกเสื้อถึงมุมปาก เป่าเป็นท่วงทำนองแผ่วทุ้มกังวาน สำเนียงขลุ่ยคล้ายรำพึงรำพันอ้อยส้อยหดหู่ บุรุษพร่ำพลอดถ้อยร้อยวาจาถ่ายทอดคำรัก สตรีสารภาพบ่งบอกความรู้สึกส่วนลึกก่อนอำลาแต่แฝงความครุ่นคะนึงหาสุดซึ้ง มิอาจหักใจผละแยกจากอ้อมกอดชายคนรัก
วิกาลสงบวิเวกเสียงขลุ่ยถ่ายทอดไปไกล หางเสียงสดใสก้องกังวานกระจายทั่วบรรยากาศ กระตุ้นสตรีชุดขาวบังเกิดจิตโศกซึ้งสลดปลดปล่อยสำนึกเบาหวิวล่องลอย ขณะหันหน้ากลับเหลียวมองอดพรึงเพริดปานจะขาดรอน รีบดึงสายบังเหียนรั้งม้าหยุดชะงักกะทันหัน พาหนะสี่เท้าแผดร้องเจ็บปวด ยกชูขาหน้าขึ้นสูง แต่ไหนเลยสลัดคนบนหลังขยับเขยื้อนอันใด
สตรีชุดขาวตบคอม้าแผ่วเบา ตอนนั้นฮุ่ยชิวฟุบกายแน่นิ่งบนหลังม้าอีกตัว จวบจนใกล้พุ่งผ่านข้างกาย นางชิงยื่นแขนยึดสายบังเหียน พาหนะตัวนั้นแหงนเงยส่วนบนขึ้นสูง แทบสลัดดรุณีใกล้ชิดพลัดตกจากหลัง สตรีชุดขาวแค่นเสียงเฮอะพลิกมือตะปบคว้าปกเสื้อหิ้วร่างอีกฝ่ายพลางพลิ้วแตะเท้ายืนหยัดมั่น
หลายประการนี้เปี่ยมไหวพริบพลิกแพลงฉับไว กระทำตามติดเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น สำรวจตลอดร่างฮุ่ยชิวปราศจากบาดแผลร่องรอยทำร้ายหลังจากตบคลายจุดให้ ดรุณีน้อยใบหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลายตื่นเต้นตระหนกชี้มือละล่ำละลัก
"กงจู่เขา...เขาหนีรอดไปแล้ว"
สตรีชุดขาวพริ้มตาขมวดคิ้วเงียบงันไม่ส่งเสียง เนิ่นนานจึงทอดถอนใจยาวแล้วกล่าว
"เราชะล่าเลินเล่อเอง ในตัวคนผู้นั้นพกพาสิ่งของพิสดาร สามารถขับพิษเฉพาะของสำนักอาจารย์"
"ข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้หรือไร"
"แม้เพียงคาดคะเนทว่ากลับเป็นไปได้อย่างยิ่ง ยาชักสติจูงประสาทในโลกนอกจากมารดาแล้ว เกรงว่ามิมีบุคคลที่สอง"
ทำท่าเงี่ยหูสดับเสียงขลุ่ย มิคาดเงียบงันสาบสูญไร้ร่องรอย แค่นเสียงเย็นชาติดต่อกันหลายครา เค้าหน้ายิ่งขุ่นแค้นกระด้างกล่าวกระตุ้นเตือนฮุ่ยชิว
"ถือว่ามันโชคดีเถอะ คราวหลังเรากงจู่ค่อยดูว่า มันยอดเยี่ยมถึงระดับใด เพียงคนผู้เดียวอย่าให้แผนการต้องล่าช้า...ไป"
นายบ่าวทั้งสองพลันสละม้าพาหนะ ทุ่มเทท่าร่างผละทางหลวงใช้เส้นทางป่าเขารกเปลี่ยว
............
กล่าวถึงเซี่ยเคอหลังถ่ายทอดเสียงขลุ่ยคลายอารมณ์ว้าวุ่นยุ่งเหยิง ตลอดสามปีตนอาศัยโดดเดี่ยวลำพัง อาจารย์ผู้มีพระคุณ ยิ่งลี้ลับสุดหยั่งคาด นิสัยโหดเหี้ยมเย็นชากระทั่งเค้าหน้าก็ตายด้านซีดขาวราวซากศพ เคี่ยวเข็ญฝึกปรือวิชาฝีมือให้ ทุกครั้งหากเขากระทำผิดพลาด จะถูกฟาดกระหน่ำจนกระอักโลหิตสิ้นสติรับบอบช้ำสาหัสเจียนตาย เพาะเป็นบุคลิกอันพิเศษเฉพาะทะนงเด็ดเดี่ยวและทารุณอำมหิตฝังรากลึก เขาพลันยิ้มแล้ว...รอยยิ้มลี้ลับเย็นชาสุดหยั่งคาด แค่นเสียงเฮอะฮะประหลาดพิกลตวาดกึกก้องเกรี้ยวกราด
"ใช้เลือดชโลม...ฮาๆ...เข่นฆ่าให้หมดสิ้น"
จำแนกทิศทางครู่ใหญ่โลดแล่นติดตามหลังในบัดดล...
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 243
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น