บทที่ 8...3/3
ธามิณีหลับไปแล้วตั้งแต่กลับมาจากทำงานพิเศษ แต่หลับไปได้ไม่นานก็สะดุ้งตื่นเพราะนิมิตที่เธอเห็นว่ากาญเกล้าตาย ความกังวลเรื่องของกาญเกล้าทำให้เธอคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไร ติดต่อกาญเกล้าก็ไม่ได้ เบอร์ของเตวินก็ถูกลบออกจากเครื่องไปนานแล้ว มีแต่เลขทะเบียนรถของแฟนกาญเกล้า ถ้าเธอขอให้รวิชญ์ช่วยจะได้ไหมนะ
แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น เธอยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้หรือเปล่า มีใครเคยทำได้มาก่อนไหม แล้วหากเธอหาทางทำให้กาญเกล้าไม่ตายได้แล้ว หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น การตายจะเกิดขึ้นซ้ำๆ เหมือนในหนังที่เคยดูหรือเปล่า
“คุณศนิ...พระเสาร์ ว่างไหมคะ ธามมีเรื่องไม่สบายใจอยากปรึกษาค่ะ”
ตอนนี้ 4 ทุ่มแล้ว ยังไม่ดึกสำหรับเธอ แต่สำหรับเทพกึ่งมนุษย์ถือว่าดึกไหมนะ แต่รออยู่เกือบนาทีไม่มีเสียงขานตอบ
“คงไม่มาสินะ”
“เล่ามาสิ เธอมีอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจ”
“ตกใจหมด” ธามิณียกมือทาบอก แม้ว่าศนิจะยืนห่างจากเตียงพอสมควร แต่เธอก็ตกใจอยู่ดี “ทำไมคุณมาเงียบๆ ล่ะคะ”
ศนิเลิกคิ้วแม้จะรู้ว่ามนุษย์มีอารมณ์หลากหลาย แต่การที่ธามิณีขอให้เขามาหา แล้วเขามาเพราะกำลังเบื่ออยู่พอดี เธอกลับตกใจมันกลายเป็นความผิดของเขางั้นหรือ
“แล้วฉันต้องทำยังไง เธอถึงจะไม่ตกใจล่ะ”
“ช่างมันเถอะค่ะ มันคือคำพูดติดปากไม่ทันได้คิดของธามเท่านั้นเอง แค่คุณมา ธามก็ดีใจแล้วค่ะ” ธามิณียิ้มเก้อๆ อธิบายไปคงถูกดุกลับมา แค่นี้ก็ถูกจ้องแล้ว ถ้าเธอไม่รีบพูดมีหวังเขาคงหายตัวไปเฉยๆ “เอ่อ ถ้าธามถามอะไรที่มันแปลกๆ คุณอย่าหายตัวไปเพราะไม่อยากตอบได้ไหมคะ”
แม้เขาจะเป็นเทพกึ่งมนุษย์ แต่เขาก็ต้องพักผ่อนเช่นกัน ธามิณีจะอ้อมค้อมเพื่ออะไร
“ได้ มันแปลกขนาดไหนล่ะ”
“ตอนที่ธามถูกพาเข้าไปในหนังสือ วิญญาณตนนั้นบอกว่าธามมีผลึกกาลอยู่ในตัว แล้วผลึกกาลนั้นเป็นของคุณ มันคือความจริงใช่ไหมคะ” ธามิณีกลั้นใจรอฟังคำตอบ ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะยอมตอบหรือเปล่า
“ใช่ ผลึกกาลอีกครึ่งที่อยู่ในตัวเธอเป็นของฉัน แต่มันก็ทำให้เธอไม่ตายในวันนั้น นี่หรือที่เธอสงสัย” ไม่มีเหตุผลที่ศนิต้องบ่ายเบี่ยงไม่ตอบ หากรู้แล้วธามิณีจะได้สิ้นสงสัยไม่สนใจอีก
‘วันนั้น’ ที่ศนิพูดถึงคือวันที่พ่อแม่ของเธอจากไปนั่นเอง ธามิณีรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นมันเป็นแสงสีม่วงกับสีขาวสว่างจ้ารอบตัวเธอ ถ้าอย่างนั้นหากไม่มีผลึกกาล เธอก็จะตายใช่ไหม เธอเป็นหนี้ชีวิตศนิมากมายจริงๆ หากเขาจะนำผลึกกาลกลับไป เธอจะเอาพลังที่ไหนไปต้านทานเขาได้ ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของผลึกกาลมาตั้งแต่แรก ว่าแต่มันอยู่ตรงไหนในร่างกายของเธอ
“ค่ะ แต่ว่ายังไม่ทั้งหมด การมีผลึกกาลอีกครึ่งของคุณอยู่ในตัวธาม มันทำให้ธามเห็นอนาคตของคนที่กำลังจะตายว่าตายยังไงด้วยใช่ไหมคะ”
ศนิพยักหน้า การที่ลุงกับป้าของธามิณีตาย โดยที่เธอเตือนเอาไว้ล่วงหน้าได้นั้น ในความเป็นมนุษย์คงไม่สามารถเห็นอนาคตได้ แต่การมีผลึกกาลในตัวทำให้เธอเห็นในสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจรู้ได้ผ่านสายใยของการเป็นญาติ
“คราวนี้เธอเห็นว่าใครกำลังจะตายงั้นหรือ”
“กาญเกล้าค่ะ” ธามิณีอยากปรึกษากับใครสักคนในสิ่งเหลือเชื่อนี้ ซึ่งคงมีแค่พระเสาร์ที่ช่วยเธอได้ “วันนี้ธามสัมผัสที่มือของกาญเกล้าแล้วเห็นการตาย แต่ธามไม่รู้ว่าค่ะว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่”
“ฉันคงตอบเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ” หากธามิณีจะถามเขาในเรื่องนี้ แม้เขารู้ก็ตอบไม่ได้ การเปลี่ยนอายุขัยของมนุษย์จะตามมาด้วยเรื่องที่ร้ายแรงสำหรับมนุษย์ผู้นั้น ส่วนใครก็ตามที่หาญกล้าไปเปลี่ยนอายุขัยจะได้รับโทษเช่นกัน
ธามิณีผิดหวังอยู่เหมือนกัน หากรู้ว่ากาญเกล้าจะถูกผลักตกตึกเมื่อไหร่ การเปลี่ยนไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นอาจเป็นไปได้
“แล้วถ้าธามทำให้การตายไม่เกิดขึ้นล่ะคะ มันจะเป็นไปได้ไหม”
“อย่าทำแบบนั้น ทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว หากเธอไปเปลี่ยนแปลงมัน สิ่งที่คาดไม่ถึงจะเกิดขึ้นกับเธอเอง แม้แต่ฉันก็อาจจะช่วยเธอไม่ได้” ในอดีตมันเกิดขึ้นแล้ว เขาได้ก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงความตาย แต่กลับทำให้เกิดโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงกว่าเดิม
ธามิณีฟังแล้วแทบหมดหวัง แต่เธอจะหมดหวังไม่ได้ หากเหตุการณ์นั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงของพระเสาร์หมายถึงอะไร เธอจะรับมือกับมันได้ไหมนะ
“ถ้าธามไปเปลี่ยนแปลงทำให้ไม่เกิดการตายจะเกิดอะไรขึ้นกับธามหรือคะ”
“ฉันบอกเธอไม่ได้ ไม่มีใครรู้จนกระทั่งมันเกิดขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นเธออย่าได้ไปทำให้สิ่งใดเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด ชีวิตมนุษย์เปราะบางและแสนสั้น เธอใช้ชีวิตของเธอไปจนกว่าจะถึงเวลาของตัวเองเสียเถอะ อย่าได้คิดเรื่องพวกนี้เลย”
เวลานั้น คือ เวลาที่เธอจะต้องตายสินะ มันจะมาถึงเมื่อไหร่ ธามิณีไม่รู้ แต่ไม่รู้ทำไม เธอถึงรู้สึกว่ามันใกล้เวลานั้นเหลือเกิน
“อีกกี่ปีคะที่ธามจะต้องตาย”
ศนิมองมนุษย์คนแรกที่กล้าถามว่าตัวเองจะต้องตายเมื่อไหร่ การไม่รู้ย่อมทำให้มีความสุขมากกว่ากระมัง หากเธอรู้ว่าเวลาของการมีชีวิตเหลือสั้นแค่ไหน รอยยิ้มคงหายไปแล้วแทนที่ด้วยความกลัว เขาไม่อยากให้เธอจากไปด้วยความกลัวแบบนั้น
“ฉันจะไปแล้ว”
ศนิไม่ทันคิดด้วยซ้ำตอนที่ธามิณีก้าวเร็วๆ ไปคว้าแขนของเขาไว้ หญิงสาวยิ้มเก้อๆ ก่อนปล่อยมือ เขาคงไม่ชอบใจนักถึงได้ทำหน้าเรียบๆ ใส่เธออีกแล้ว
“ธามขอเบอร์คุณได้ไหมคะ ไอดีไลน์ ไอจี แอคเคาน์ทวิตเตอร์ หรือว่าคุณเล่นอะไรในโซเชียล ธามขออะไรสักอย่างก็ได้ค่ะ” พูดไปแล้วธามิณีก็รู้เหมือนผู้หญิงช่างตื๊ออย่างไรก็ไม่รู้
ถ้าเขาติดต่อง่ายๆ อย่างที่มนุษย์ทำกัน เธอคงไม่ต้องทำแบบนี้ เบอร์ก่อนหน้านี้ที่เขาให้ไว้ เธอก็ดันไม่กล้าโทร หากไม่ใช่เขาแล้วเธอจะโทรไปปรึกษาเรื่องแบบนี้ได้ยังไง
ศนิฟังแล้วก็อ่อนใจพลางยกมือขึ้นมาวางบนผมนุ่ม ธามิณีเงยหน้ามองยิ้มคล้ายเด็กกำลังประจบผู้ใหญ่ วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเขาหรอก
“ฉันจะเล่นของพวกนี้ทำไม มนุษย์มีชีวิตแสนสั้น ฉันจะมีเพื่อนมากมายไปเพื่ออะไร”
ศนิดึงมือกลับมา แต่ธามิณีกลับคว้าข้อมือศนิไว้กลัวว่าเขาจะหายไปต่อหน้าต่อตา
“ขอเบอร์โทรก็ได้ค่ะ เวลาธามอยากขอคำปรึกษา คุณจะได้ไม่ต้องวาร์ปมาหาธาม แค่โทรคุยกันได้ก็พอแล้วค่ะ”
ศนิถอนใจรู้สึกละอาย ธามิณีคงไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าเขานั้นอันตรายต่อเธอยิ่งกว่าใครๆ เขากำลังรอให้เธอถึงวาระสุดท้าย เพื่อที่จะได้ผลึกกาลกลับคืนมา แม้จะดูโหดร้าย แต่มนุษย์คนใดบ้างที่ไม่ต้องตายเมื่อถึงเวลา เพียงแต่เวลานั้นของธามิณีใกล้มาถึงเข้ามาทุกทีๆ
“ฉันสะดวกวิธีเดิม”
ศนิหายไปต่อหน้าต่อตาของธามิณีทั้งที่เธอยังจับข้อมือของเขาไว้ ธามิณีมองมือตัวเองที่ว่างเปล่าพลางถอนใจ ทำไมการเป็นเพื่อนกับเทพกึ่งมนุษย์ถึงได้ยากแบบนี้ บางเรื่องเธอปรึกษาเพื่อนไม่ได้นี่นา แล้วเขาเป็นคนเดียวที่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ ถ้าผลึกกาลพาเธอวาร์ปไปหาเขาเวลาที่อยากได้คำปรึกษาก็คงจะดี เมื่อครู่เธอน่าจะถามเขาว่าต้องทำอย่างไรถึงจะใช้พลังจากผลึกกาลได้ ช่างน่าเสียดาย คราวหน้าเธอจะไม่ลืมแน่นอน
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 185
แสดงความคิดเห็น