บทที่ 5...3/3
ธามิณีมาอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบไฟนอลที่ห้องสมุด แทนที่จะเป็นหอพัก หลายสัปดาห์มาแล้วที่เธอรู้สึกเหมือนถูกใครจ้องมอง จนบางคืนต้องไปขอนอนกับกัลยาเพื่อความสบายใจ แต่เธอยังคงรู้สึกว่าถูกมองมาตลอด ถ้า ‘เขา’ คนนั้นสามารถโทรหาได้ เธอคงโทรหาเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ไปแล้ว คนลึกลับที่เธอไม่รู้ชื่อของเขา ไม่รู้เบอร์โทร ไม่รู้อะไรเลยนอกจากเขาจะมาช่วยทุกครั้งในยามที่เธออยู่ในอันตราย
ธามิณีมองนาฬิกาพอเห็นว่าใกล้ 2 ทุ่มแล้ว จึงรีบรวบรวมหนังสือที่หยิบมาไปยังชั้นหนังสือเพื่อช่วยเก็บเข้าที่เดิมเพราะห้องสมุดใกล้จะปิดแล้ว เธอเดินผ่านชายชราซึ่งกำลังงกๆ เงิ่นๆ ประคองหนังสือเหมือนจะนำไปเก็บก็อดไม่ได้ที่จะอาสาช่วย เพราะว่าตอนนี้แทบไม่เหลือใครในห้องสมุดแล้ว พี่บรรณารักษ์คงไปเข้าห้องน้ำกระมัง เธอไม่เห็นนั่งตรงที่นั่งประจำ
“หนูช่วยเก็บหนังสือให้ไหมคะคุณลุง ห้องสมุดใกล้ปิดแล้วด้วย พอดีว่าหนูกำลังจะเอาหนังสือไปเก็บพอเลยดีค่ะ” ธามิณีเอ่ยพลางยิ้มให้ชายชราที่ยิ้มกลับมาทันที
“ขอบใจหนูมากนะ ช่างมีน้ำใจจริงๆ”
ธามิณีเลื่อนหนังสือของลุงคนนั้นมารวมกับหนังสือที่เธอกำลังจะนำไปเก็บ
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูกำลังจะเอาหนังสือไปเก็บอยู่พอดีเหมือนกัน”
ชายชราลุกขึ้นเก็บของใส่กระเป๋าแล้วเดินตามธามิณีมา เธอหันมายิ้มให้คิดว่าเขาคงเดินเลี้ยวไปที่ประตูทางออก แต่กลายเป็นว่าลุงคนนั้นยังเดินตามมา เธอรู้สึกแปลกๆ แต่ยังคิดว่าไม่น่ามีอะไรจึงก้าวขึ้นบันไดเพื่อนำหนังสือขึ้นไปเก็บยังชั้นบนสุด ความจริงแล้วงานนี้จะรอให้เจ้าหน้าที่มาทำก็ได้ แต่เธออยากช่วยเพราะเคยมาทำงานพิเศษที่นี่ งานนิดหน่อยหากไม่เกินกว่าแรงก็ช่วยกันได้
“โอ๊ะ! นี่มันอะไรกัน...”
ธามิณีเห็นแสงบางอย่างออกมาจากหนังสือเล่มที่กำลังจะเก็บเข้าชั้นจึงเปิดออกดู แต่แล้วในวินานั้นเองตัวของเธอกลับถูกพลังบางอย่างดูดเข้าไปในหนังสือ!
แต่ร่างของธามิณียังไม่ถูกดูดเข้าไปโดยง่ายเพราะเกิดการต่อสู้กันของพลังงานสองทาง ทางหนึ่งจากกำไลที่เกิดแสงสีม่วงล้อมรอบตัวเธอไว้กับพลังที่มาในรูปแบบของแสงสีแดง เธอรู้สึกหายใจได้ในตอนแรก แต่ครู่ต่อมาเธอกลับรู้สึกว่าแสงสีม่วงที่ล้อมรอบกลับบีบเข้ามาเรื่อยๆ จนเธอกำลังจะหายใจไม่ออก
ทำยังไงดี?!?
ธามิณีขยับพยายามจะลงมาจากบันได แต่ร่างของเธอเหมือนกับถูกตรึงไว้ด้วยแสงสีแดงที่แทรกซึมเข้ามาในวงล้อมของแสงสีม่วง เธอรู้สึกพร่างพรายและหน้ามืดกำลังจะเป็นลม จนต้องสะบัดหน้าแรงๆ พร้อมกับยื่นมือออกไปหาแสงสีม่วง แต่แสงสีแดงกลับฟาดใส่ข้อมือของเธอจนเลือดไหลซิบ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ทำยังไงดี เธอจะหมดสติไม่ได้ แต่สุดท้ายต่อให้ฝืนเท่าไหร่ เธอก็พ่ายแพ้ จึงไม่ทันได้รู้คำตอบว่าการต่อสู้นี้พลังจากแสงสีม่วงหรือแสงสีแดงที่ชนะ
หนังสือเล่มที่ธามิณีเปิดได้ปิดลงแล้วพร้อมกับแสงที่ค่อยๆ เลือนรางและกำลังจะหล่นลงพื้น แต่แล้วชายชราที่มีเรียวแรงทันตากลับคว้าไว้ ก่อนจะนำหนังสือเล่มนั้นขึ้นไปแทรกในชั้นหนังสือแถวบนสุด แล้วฉับพลันร่างของเขาก็วาร์ปหายเข้าไปในหนังสือที่สร้างจากมนตรา ซึ่งต่อให้เทพยดาก็ใช่ว่าจะหาที่ซ่อนแห่งนี้พบ
ร่างกายที่ขยับไม่ได้มาสักพักแล้วของธามิณีค่อยๆ มีกำลังพอจะขยับมือที่กำแน่นให้คลายออก หญิงสาวหายใจแรงเพื่อกอบโกยอากาศให้ได้มากที่สุดแล้วสะบัดแขนออกไปทั้งสองข้าง ก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืนแล้วหยั่งกำลังขาของตัวเองทั้งสองข้างว่าพอจะมีแรงวิ่งได้ไหม แต่เธอจะวิ่งไปที่ใดเพราะที่นี่มันแปลกอย่างไรชอบกล ไม่เหมือนบ้านคน แต่เหมือนอะไรกันนะ
ระหว่างที่รอให้ตัวเองมีแรง ธามิณีมองไปที่ประตูหน้าตาประหลาดๆ คล้ายประตูในนิทานเขม็ง ถ้าประตูบานนั้นเปิดออกเธอจะวิ่งไปทันที หรือไม่หากมีแรงมากพอแล้ว เธอจะเปิดประตูบานนั้นเองแล้วออกไปจากที่นี่
วินาทีนั้นเองประตูบานนั้นพลันเปิดออก!
ธามิณีมองแล้วตัดสินใจตอนนี้มีแรงเท่าไหร่เธอจะใช้ให้หมด หญิงสาววิ่งไปแทบกระโจน แต่ร่างกายของเธอกลับไม่พร้อมมากพอจะวิ่ง ทำให้กองฟุบหลังจากวิ่งไปแค่ไม่กี่ก้าว ชายคนที่เข้ามาในห้องเข้ามาช่วยประคอง ไม่มีความโกรธเคืองมุ่งร้าย ซ้ำยังยิ้มให้ธามิณีอย่างมีไมตรีอีกด้วย
“คุณเป็นใคร” ธามิณีถามไม่ได้รู้สึกดีต่อรอยยิ้มที่ได้รับเลยสักนิด
ใบหน้าของชายคนนี้ทำไมดูคุ้นตาเธอนัก คิ้วเข้มและจมูกที่โด่งพองาม ริมฝีปากคล้ายกับกำลังแย้มยิ้ม ถ้าเขามีอายุมากกว่านี้คงมีใบหน้าคล้ายกับลุงที่เธอพบในห้องสมุด
ใช่แล้ว! เขาคือลุงคนนั้น
เวฬาประคองธามิณีให้กลับมานั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้แขกคนสำคัญที่เขาใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะสบโอกาสลงมือจนพาตัวมาที่นี่ได้ หมอกบังตาจะอำพรางพลังของเขาไว้ แม้กำไลของพระเสาร์จะยังอยู่ เขาไม่สามารถทำลายหรือถอดออกจากข้อมือของธามิณีได้ แต่ในเขตมนตราแห่งนี้ มันจะไม่สามารถสำแดงพลังได้
“เปลี่ยนชุดเสียสิ”
เวฬาส่งชุดที่เขาเตรียมไว้ให้ธามิณี แต่ธามิณีมองมาอย่างระแวง ทำให้เขาเอ่ยต่อไปอย่างเป็นมิตรที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งที่ผ่านมามันได้ผลดีเสมอ
“ไม่ต้องกลัวผมหรอกนะ คุณก็เคยเจอผมมาก่อนแล้วนี่ จำไม่ได้หรือ”
ธามิณีนิ่งไปเพราะเธอพบลุงคนนั้นวันนี้ แต่ถ้าคิดย้อนไปหน้าตาของชาย คนนี้ก็ยิ่งคุ้นมากขึ้นไปอีก การที่เธอรู้สึกว่าถูกตามและจ้องมอง คำตอบก็เพราะชายคนนี้ใช่ไหม แต่เขามองอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้ามาหาอย่างในวันนี้
“คุณเคยมาในที่ห้องสมุด มาในรูปลักษณ์นี้ไม่ใช่ลุงที่ฉันเพิ่งเจอ คุณตามฉันมาสักพักแล้วใช่ไหม”
เวฬาเลิกคิ้วไม่นึกว่าธามิณีจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาเพราะเธอไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้ เหมือนคนก่อนๆ ที่พยายามทำ แต่ก็ล้มเหลวมาตลอด
“ดีจริงๆ นึกแล้วเชียวว่าคุณจะต้องจำผมได้” เวฬายิ้มพอใจ เธอคนนี้อาจจะเหมาะสมกับเขาที่สุด ไม่เหมือนคนก่อนๆ “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนเถอะ แล้วผมจะอนุญาตให้คุณออกไปจากห้องนี้”
ธามิณีไม่อยากทำตามที่ชายคนนี้บอกนัก แต่หากได้ออกไปจากห้องนี้คงทำให้เธอได้คำตอบว่าตัวเองถูกพามาอยู่ที่ไหน หลังจากนั้นการหนีไปน่าจะพอเป็นรูปเป็นร่างบ้าง แต่มันน่าแปลกเธอรู้ตัวครั้งสุดท้ายตอนเปิดหนังสือที่มีแสงประหลาด พอตื่นขึ้นมาทำไมทุกอย่างรอบตัวไม่เห็นมีตรงไหนที่เหมือนกับห้องสมุดแม้แต่อย่างเดียว
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน ทำไมมันแปลกๆ เหมือนฉันเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน” ธามิณีถามระหว่างรับชุดที่เธอเคยเห็นในนิทานหรือไม่ก็เอาไว้ใส่ตอนวันเด็ก มันเป็นกระโปรงสุ่มยาวรุ่มร่ามอย่างกับชุดแต่งงาน
“บ้านของผมน่ะสิ ส่วนด้านนอกคือห้องโถงงานแต่งงานของเราสองคน” เวฬาตอบไม่เห็นความจำเป็นใดที่จะต้องปิดบัง อย่างไรเสียธามิณีก็ไม่มีทางหนีออกไปจากที่นี่ได้อยู่แล้ว
“อะไรนะ ฉันไม่แต่งงาน ฉันจะกลับบ้าน”
ธามิณีอยากจะคิดว่าอีตาคนนี้พูดเพ้อเจ้อ แต่สีหน้าของเขาดูจริงจัง อีกทั้งสิ่งต่างๆ รอบตัวที่เธอเห็นก็แทบบอกได้ว่าสิ่งที่ดำเนินอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ความฝัน แต่มันก็บอกยากว่ามีความจริงอยู่ตรงไหน
“ไม่ได้หรอก เพราะเราสองคนจะอยู่ที่นี่ตราบชั่วนิรันดร์” เวฬายิ้มพลางยื่นมือมาจะแตะแก้มของธามิณี แต่หญิงสาวกลับปัดมือเขาออก รอยยิ้มพอใจหายวับเป็นยิ้มหยันแทน “หรือไม่ คุณคงต้องตายเพราะผมอยากได้ผลึกนั่น แต่ผมก็อยากได้คุณด้วย ผมคงต้องใช้เวลาสักพักหากต้องเลือก ตอนนี้ผมเลือกคุณ แต่ต่อไปผมคงเลือกผลึกแทน คุณควรดีกับผมไว้ ถ้าไม่อยากให้ผมตัดสินใจเร็วเกินไป”
“ผลึกอะไร” ธามิณีเอะใจเพราะชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประหลาดๆอาจมีสาเหตุผลมาจากผลึกที่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาคนนั้นไม่เคยบอกให้เธอรู้ว่าทำไม
เวฬาขมวดคิ้วมองธามิณีด้วยสีหน้าค่อนข้างแปลกใจ แต่เหมือนเธอจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมีสิ่งที่ทั้งเทพและวิญญาณร้ายต่างต้องการทั้งนั้น
“เตรียมตัวเอาไว้ อีกประเดี๋ยวผมจะมาพาตัวคุณไปงานแต่งงานของเรา”
ธามิณีกำลังจะบอกว่า ‘ไม่’ แต่กลับเหมือนถูกทำให้ชาไปทั้งตัวจนขยับไม่ได้ จนกระทั่งประตูปิดลง บางสิ่งที่ตรึงร่างของเธอไว้ก็ราวกับคลายออก หญิงสาวรีบวิ่งไปที่ประตู แต่มันกลับปิดแน่นหนา ทั้งที่ไม่มีกลอน ไม่มีลูกบิด แต่มันล็อคแน่น เธอควรทำอย่างไรดีถึงจะออกไปจากที่นี่ได้ ป่านนี้แล้วทำไมเขายังไม่มาช่วยเธอออกไป ทุกครั้งที่เธอตกอยู่ในอันตราย เขาบอกว่าจะถูกดึงตัวมาหาเธอเสมอ ตอนนี้เธอยังไม่อยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากพอหรือไงนะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 194
แสดงความคิดเห็น