บทที่ 14 ล่า 2
บทที่ 14 ล่า 2
สิ้นคำกล่าวของวินเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ปาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้รุนแรงนักก็ตามที แต่ว่าชายหนุ่มพลันรับรู้ได้ทันทีว่าคนที่ลงมือกระทำก็คือริน คนที่เป็นที่รักที่สุดของชายหนุ่มนี่เอง
“นี่แน่ พูดจาไม่สุภาพเลยนะ”
“รู้แล้วน่าที่รัก” วินกล่าวก่อนทีจะหันไปมองบาดแผลของตนเองที่มีผ้าสีขาวพันไว้อยู่
“ว่าแต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง เธอคิดว่ามันเร็วเกินไปไหม”
รินยกชาขึ้นมาจิบ ก่อนที่จะคอ่ย ๆ นั่งเคียงกับชายอันเป็นที่รักของหล่อน เธอทอดตามองยังนอกหน้าต่าง เวลาบ่ายแก่ ๆ เช่นนี้เป็นเวลาที่ผู้คนในยุคนี้นควรที่จะมีความสุขสงบ
“มันคงถึงเวลาแล้วจริงๆ แต่ว่าหากคนในอดีตได้รู้ว่าการเสียสละของพวกเขาทำได้เพียงแค่นี้พวกเขาจะคิดยังไงกันนะ”
“เรื่องนั้นเอง มันเป็นสิ่งที่พวกเขาคงต้องเตียมใจกันแล้ว ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ว่ามันกลับเป็นเรื่องจริงอย่างที่หมอนั่นพูดเอาไว้จริง”
หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวถอนหายใจพร้อมกัน พวกเขามองโลกใบนี้ที่ยังมีความสงบสุขอยู่ แต่เพียงอีกไม่นานเท่านั้นมันก็จะหายไปราวกับว่าสิ่งนั้นจะไม่มีจริง
“ครังนี้โดนมาไม่ค่อยหนัก แต่อีกแค่นิดเดียวก็จะถึงตายแล้วนะถ้าโดนจุดสำคัญ” เสียงที่กล่าวทำให้วินหันไปมอง
เส้นผมสีทองที่ยาวสวยผิวสีแทนที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้วินรู้ได้ไม่ยากว่าผู้ที่มาใหม่นั้นคือใคร หญิงสาวนั่งลงเคียงกับเขาก่อนที่จะมองอย่างสมเพชเวทนา
“เมื่อวานนี้นายทำผิดข้อตกลงไปหลายอย่างเลยนะวิน ไหนบอกว่าพอพวกเรามาอยู่ที่นี่นายจะไม่ทำอะไร พวกเราจะอยู่กันอย่างสงบสุขไม่ต้องสู้รบปบมือกับใคร แต่ว่าดูจากสถานการณ์ตอนนี้นายเอาตัวเองไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องอะไรบ้างจำได้ไหม”
“นายไปหยุดยั้งมหาสงครามแล้วเป็นผู้ชนะ เอาตราทั้งสามรวมหลังจากนั้นก็ผนึกโลกทั้งสาม สร้างตำนานบ้าๆ ทำให้วิทยาการเข้ามายังอาณาจักรทั้งสามหลังจากนั้นก็ทำข้อตกลงห้ามรุกรานกันทั้งสามอาณาจักร เท่านี้ยังไม่พอยังไปสอนเด็กที่เป็นลูกของเมฆาชายที่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้ก่อการร้ายคอยทำลายโลกเวทมนตร์ ทำให้เด็กผู้นั้นสามารถเรียนจบโรงเรียนเวทมนตร์ได้เพียงพริบตา หลังจากนั้นก็ยังส่งคนไปอยู่ที่จุดเชื่อมต่ออีก”
วินมองหญิงสาวผมทอง “ก็พูดไปนะจีน่า ฉันไม่ได้ทำเรื่องที่เธอกล่าวมาทั้งหมดด้วยตัวเองสักหน่อย”
“ใช่ นายไม่ได้ทำเรื่องที่ฉันว่ามาเพียงคนเดียว แต่นายเป็นคนอยู่เบื้องหลัง ว่าไปแล้ววันนี้ฉันไม่ได้มาฟื้นฝอยหาตะเข็บ ฉันจะมาถามนายว่าต่อไปนี้พวกเราจะทำยังไง เมื่อมีคนจากต่างมิติเข้ามาเกี่ยวข้องแบบนี้ พวกเราก็คงไม่สามารถที่จะอยู่เฉย ๆ รอให้วันนั้นมาถึงได้ใช่ไหม”
วินพยักหน้ารับ “วันนั้นใกล้เข้ามาแล้วละ เธอก็คงรู้ว่ายิ่งเกิดความโกลาหลมากเท่าไร มันก็เป็นสัญญาณที่ชี้ชัดได้ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาอีกแล้ว”
รินและจีน่าหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้าง รินนำมือไปกุมมือของคนที่เป็นที่รักก่อนที่หล่อนจะกล่าว “แล้วครั้งนี้พวกเราจะทำยังไง มันคงไม่เหมือนกับครั้งก่อน พวกเราคงไม่สามารถเอาชนะมันได้อีกแล้ว”
“ครั้งนี้ เมื่อถึงวันแห่งราชัน พวกเราที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของโลกก็คงไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้อีกแล้ว แต่ว่าฉันเราก็คงไม่สามารถมองดูโลกใบนี้ถูกทำลายลงไปได้ ดังนั้นฉันเลยจะหาผู้สืบทอดเจ้าสิ่งนั้น”
จีน่าและรินมีท่าทางตกใจกับคำกล่าว เมื่อวินได้เห็นเขาจึงยิ้ม “เธอรู้ดีใช่ไหมว่ามนุษย์นะสามารถใช้ชีวิตที่คุ้มค่าได้ก็ต่อเมื่อ เวลาของเรานั้นมีอย่างจำกัด ฉันคิดว่าตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่จะให้เจ้าสิ่งนั้นกับผู้ที่สมควร”
“จริง ฉันก็คิดเหมือนกัน ถึงแม้ว่าพวกเราจะสามารถอยู่นานได้มากกว่านี้ก็ตาม แต่ว่ามันคงไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว ฉันก็อยากจะไปหาพวกคุโระและชิโระเหมือนกัน” รินเห็นพ้องด้วย
“แหม ไม่คิดเลยว่าพวกเธออยากจะกระเสียนอายุกันเร็วถึงเพียงนี้” จีน่ากล่าวยิ้ม
“แต่ว่าคนที่จะมาสืบทอดพลังนั้นต้องมีจิตใจที่พร้อมจะเสียสละ โดยเฉพาะหากไม่ได้มีสิ่งนั้นเหมือนกับนาย”
สิ้นคำกล่าวของจีน่า วินพลันยิ้ม “ไม่มีปัญหา สิ่งนั้นคนที่ฉันจะให้มาสืบทอดไดรับมันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันเลยไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ว่าแต่จีน่ากับเธอก็คงจะหาผู้สืบทอดวิชาเหมือนกันด้วยใช่ไหม”
รินส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ฉันคงไม่หาผู้สืบทอดวิชาหรอก แล้วจีน่าละจะหาไหม”
จีน่าสั้นศีรษะ “ไม่ วิชาของฉันฉันใช้ได้เพียงคนเดียว ว่าแต่การที่นายจะไปหาผู้สืบทอดแสดงว่านายไม่คิดจะสนใจข้อตกลงเลยใช่ไหม”
วินสั่นหน้า “กฎเกณฑ์นะ ถึงเวลาแล้วมันก็ต้องมีเอาไว้แหก แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ก่อนอื่นจะต้องให้สิ่งนั้นแสดงให้คบเสียก่อน ตอนนี้บุคลิกเปลี่ยนแปลง ความทรงจำเพิ่มพูน หลังจากนั้นร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลงไป”
“ยังอีกนานเลยนี่นา” จีน่าว่า
“ใช่อีกนานเลย แต่ว่าคงไม่นานเกินรอหรอก หลังจากนี้พวกเราก็ต้องรอดูเท่านั้น”
รินหยิกแก้มของวิน “ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ที่จริงวินก็วางแผนไว้ทั้งหมดแล้วใช่ไหม ถึงไม่ให้พวกฉันไปยุ่งกับน้องชายของไอจัง”
วินพยักหน้ารับ “ก็นะ ฉันจะให้พวกเธอพากันไปรักษาทำไมก็ในเมื่อสิ่งนั้นมันเป็นผลดี แถมยังจะทำให้เด็กคนนั้นสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย”
สิ้นคำกล่าววินจึงมองไปนอกหน้าต่าง “คนที่ฉันเป็นห่วงก็คือหมอนั่นตั้งหาก ผ่านไปนานเท่าไรหมอนั่นก็ยังคงอยู่ ณ ที่แห่งนั้น”
“เราน่าจะช่วยอะไรหมอนั่นได้ แต่ว่าถ้าพวกเราทำมันก็จะเหมือนผีเสื้อขยับปีก เรื่องที่พวกเราจะสามารถควบคุมมันได้พวกเราก็คงไม่สามารถควบคุม” จีน่าวว่า
“ไม่หรอก ความจริงฉันก็คิดว่าจะใช้เวทมนตร์ย้อนเวลาแล้ว แต่อนาคตที่รินคำนวญออกมาได้นี่มัน” วินหยุดกล่าว
พวกวินถอนหายใจออกมา ก่อนที่วินจะกล่าว “ต่อให้มีเวทมนตร์มากมายเท่าไร ก็ไม่สามารถทำให้คนตายฟื้นกับมาได้ นี่แหละความเป็นจริงของโลก”
“ใช่ มันก็เหมือนกับเด็กทั้งสองคนนั้นที่พวกเราไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย” รินเห็นพ้อง
“ก็นะ โลกแห่งความจริงไม่ใช่นิยาย ต่อให้มนุษย์หรือเทพพระเจ้าจะหาความเป็นนิรันดร์ แต่ว่าความเป็นจริงแล้วมีชีวิตไรบ้างที่ไม่โรยรา” จีน่ากล่าวเสริม
วินพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ดังนั้นมนุษย์อย่างพวกเราจึงต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ต้องเสียใจเมื่อเวลาของชีวิตได้หมดลง ต่อให้จะเป็นผู้ที่อยู่เหนือทั้งอดีตและอนาคต ใช่ไหม”
ชายหนุ่มทอดสายตาออกไปไกล ‘แล้วครั้งนี้นายจะเลือกใครกันแน่ ฉันอยากจะรู้จริงๆ ‘
เมื่อถึงเวลาคุณทุกคนก็ต้องตาย แต่ทว่าสำหรับชายผู้นี้เขาเชื่อว่าสตรีอันเป็นที่รักของตนเองนั้นยังไม่ควรที่จะถึงคลาวตาย เพียงแค่อายุไม่กี่ขวบปีเท่านั้น เพียงมีลูกแค่ไม่กี่คนเพียงเท่านั้น โรคร้ายก็พลันมานำตัวของเธอให้จากเขาไป โรคร้ายก็เปรียบเสมือนคำสาปที่คอยกัดกินชีวิตของหล่อน
ชายหนุ่มมองเวลาที่ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ทันใดนั้นเองเขาพลันรู้สึกว่ามีผู้ที่ไม่ได้รับเชิญกำลังย่างกายเข้ามายังที่แหงนี้ ชายหนุ่มหันไปมองก่อนที่จะยกยิ้ม
“ไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะมาที่นี่ คิดว่าจะอยู่กับพวกนั้นเสียอีก”
หญิงชรายิ้ม “การที่ฉันจะมาเยี่ยมหลุมศพของลูกฉันมันผิดหรือไง ว่าแต่ฉันไม่คิดเลยว่าวันนี้เธอจะยังอยู่ที่นี่ ทุกทีเธอจะปิดบังตัวตนไม่ให้พวกฉันได้เจอ”
“วันนี้ผมไม่อยากจะหนี ไม่สิหากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องหนีอีกแล้ว ว่าแต่พวกคุณตั้งหากมาที่นี่มีเรื่องอะไรจะกล่าวกับผมยังงั้นหรอ”
เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากร่างกาย ไบรท์อดกั้นความเจ็บปวดที่เข้าสู่ร่าง เขาเตียมทะยานร่างไปต่อยชายอีกผู้ ทว่าทันใดนั้นเองไบรท์พลันรู้สึกถึงบางสิ่งที่เสียบทางด้านหลัง เขาเหลือบตาไปมองก็ต้องเบิกตาเนื่องจากสิ่งที่ทะลุร่างนั่นคือมีดสั้นที่ปรากฏขึ้นจากชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านข้าง
ใบมีดถูกดึงออกอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นความเจ็บปวดก็เข้มา ไบรท์เตียมตัวจะรวบรวมพลังเวททว่าพลังของเวทในอากาศกับไม่มีอยู่แม้เพียงนิดเดียว ร่างกายของไบรท์เริ่มหนักขึ้นก่อนที่เขาจะล้มลงนอนกับพื้นหนังตาเริ่มปิดลง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 174
แสดงความคิดเห็น