บทที่ 11...3/3
วรการเรียกมีนาไปพบเพราะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่เธอไปนำเสนองาน ให้กับพริมา แล้วคนที่เล่าให้วรการฟังและกำชับเรื่องความปลอดภัยของมีนาคือเขมินท์นั่นเอง มีนาอบอุ่นอยู่ในใจเพราะเธอก็คิดว่าควรบอกวรการอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ต้องคิดก่อนว่าจะเล่าแบบไหนเพราะเธอค่อนข้างมั่นใจว่าใครที่วางแผน แต่การที่ไม่มีหลักฐาน ทำให้เธอต้องรอและรับปากที่จะทำงานของพริมาต่อไป แม้วรการจะเป็นห่วง แต่การถอนตัวไปกลางคันก็ไม่ค่อยจะดีนัก เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการให้ลูกทีมคนอื่นที่พอจะว่างไปทำงานร่วมกับมีนาอีกคน เพื่อความสบายใจว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีก
มีนาได้งานมาอีกหนึ่งโปรเจคเพราะงานโปรเจคล็อบบี้โรงแรมของภูบดีปิดจบแล้ว ส่วนของพริมาเหลือแค่ไปตกแต่งจริง ทำให้เธอมีเวลามากขึ้น แต่งานก็ยังยุ่งทั้งวันอยู่ดี กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เลย 5 โมงเย็นไปหลายนาที มีนารีบเก็บของแล้วเดินเร็วๆ มาหน้าสำนักงาน เธอน่าจะไปช้าแน่แล้ว ทั้งที่นัดเขมินท์เองแท้ๆ
“คุณเขมบอกให้ผมมารับคุณมีนาครับ”
มีนาหันมาตามเสียงของชายคนหนึ่งที่เธอไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่มองหารถแท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่
“ฉันหรือคะ” มีนาไม่แน่ใจว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อนไหมเพราะคุ้นหน้าอยู่เหมือนกัน
“ผมเป็นคนขับรถที่บริษัทครับ คุณเขมบอกว่ามีประชุมคงใช้เวลาอีกสักพัก เลยให้ผมมารับคุณมีนาไปรอที่ออฟฟิศก่อน”
มีนาพยักหน้ากำลังทำความเข้าใจ เธอนัดเขมินท์เพื่อที่จะขับรถพาเขากลับคอนโด แต่เขากลับส่งคนขับรถมารับเธอไปที่บริษัท เพื่อที่เราจะได้กลับคอนโดด้วยกัน ถ้าเขามีคนขับรถอยู่แล้ว ทำไมถึงรับนัดของเธอ บางทีเขาคงไม่อยากให้เธอเสียน้ำใจกระมัง
มีนาเข้าไปนั่งในรถเพื่อไปรอเขมินท์ที่บริษัท แม้จะรู้สึกว่ามันน่าตลกอยู่เหมือนกัน ทำไมเขมินท์ต้องทำเรื่องง่ายๆ ให้เป็นเรื่องยากด้วยนะ เธอเองก็ไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจที่ส่งรถมารับถึงได้มารอเขาอยู่ที่นี่ ทั้งที่เราต่างคนต่างกลับก็ได้
“คุณเขมสั่งให้เตรียมไว้ให้คุณมีนค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” มีนายิ้มให้หญิงสาวที่ชื่อว่าเจนจิรา ซึ่งแนะนำตัวว่าเป็นผู้ช่วยเลขาของเขมินท์
ทอฟฟี่เค้กกับชามะนาว...
มีนายิ้มเมื่อความทรงจำไม่เคยหายไปไหน แต่เธอไม่คิดว่าเขมินท์ยังจำได้ ในงานวันเกิดของภาคินสักปีนี่ละ ตอนนั้นเธอเพิ่งขึ้นมัธยม 2 กระมัง ในชั้นวางเค้กมีเค้กอยู่หลายอย่าง แต่มีเพียงอย่างเดียวที่มีนาชอบที่สุด แล้วมันเหลือชิ้นเดียว ทว่าไม่ได้มีแค่เธอที่อยากได้ทอฟฟี่เค้กชิ้นนั้น แต่เธอจะแย่งเค้กที่เขมินท์กำลังจะหยิบได้ยังไง
‘ชอบเค้กชิ้นนี้ใช่ไหม พี่ตักให้นะ’
มีนาจำได้ว่าพยักหน้าแล้วยิ้มดีใจที่เขมินท์ตักเค้กชิ้นนั้นให้พร้อมๆ กับลุงจิรายุถ่ายรูปเราสองคนเอาไว้ เธอไม่รู้ว่ารูปใบนี้ยังอยู่ไหม แต่มันยังคงอยู่ในความทรงจำของเธอ ทั้งที่ไม่ได้มีเหตุการณ์ประทับใจขนาดนั้น
“เค้กอร่อยมากหรือไง พี่เห็นมีนกินไปยิ้มไป”
ราวกลับเวลาได้ย้อนกลับไป มีนาเป็นฝ่ายที่มองเขมินท์แล้วหลบตาเสียเอง ก่อนที่เธอจะนึกได้ว่าตัวเองไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้ว และมันเป็นแค่ความบังเอิญทั้งในตอนนั้นและตอนนี้
“มีนกำลังหิวพอดีค่ะ พี่เขมหิวหรือยังคะ”
แทนคำตอบนั้น เขมินท์ส่งกุญแจรถให้เธอ มีนามองข้อมือซ้ายที่พันผ้าเอาไว้ของเขาแล้วกลั้นยิ้ม ก่อนจะเดินตามกันไปที่ลิฟต์ แล้วเดินเรื่อยๆ มายังรถที่จอดอยู่ชั้นล่าง เธอกดปลดล็อครถ เขมินท์เปิดประตูเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้างคนขับ ส่วนเธอมานั่งหลังพวงมาลัย มันช่างเรียบง่ายเป็นปกติ ทั้งที่เธอทำแบบนี้เพื่อเขาเป็นครั้งแรก
“เย็นนี้เราหาอะไรกินก่อนกลับคอนโดกันดีไหม” เขมินท์เอ่ย
“ดีเหมือนกัน พี่เขมอยากกินอะไรล่ะคะ มีนจะได้พาไป”
เขมินท์หาร้านที่เขาเคยหมายตาไว้จากโทรศัพท์ แล้วคอยบอกทางมีนา ซึ่งร้านอยู่ใกล้ๆ กับคอนโดนั่นเอง มีนาจอดรถแล้วยิ้มกว้างไม่คิดว่าเขมินท์จะอยากกินจิ้มจุ่ม เขาเดินเข้าไปในร้าน เธอสั่งชุดหมู น้ำอัดลมหนึ่งขวด น้ำแข็งหนึ่งกระป๋อง เรื่องสั่งของกินเป็นงานถนัดของเธออยู่แล้ว
มีนามองเขา ผู้ชายที่ถอดเสื้อสูทไว้ในรถ เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ยับนิดหน่อย ไม่เหมือนเขมินท์ที่ทำหน้าเคร่งเครียด หรูเนี้ยบตลอดทั้งวัน ตัวตนจริงๆ ของเขาคือตอนนี้ที่ยิ้มได้เพียงเพราะได้หยิบผักลงไปในหม้อดิน
“พี่ดูแปลกมากหรือไง มีนถึงมองแบบนั้น” สายตาที่มีนามองเขาเต็มไปด้วยคำถามและความแปลกใจ การทำตัวสบายๆ เป็นสิ่งที่เขาอยากทำ พอได้ทำมันกลับดูแปลกไปหรือไรกัน
“ก็...แปลกค่ะ แต่แบบนี้สบายตากว่าเวลาพี่เขมทำหน้าเครียดๆ เหมือนเครื่องแก้วราคาแพงที่พยายามไร้ตำหนิ”
เขมินท์ยิ้มกว้างเพิ่งรู้ว่ามีนาแทนเขาด้วยเครื่องแก้วราคาแพงที่พยายามไร้ตำหนิ หากมองสิ่งที่เขาทำมาตลอดคงเป็นแบบนั้นกระมัง การประคับประคองสิ่งสำคัญทั้งบริษัทและครอบครัวทำให้เขาสั่งให้ตัวเองห้ามมีความผิดพลาด แต่พอเขามั่นใจแล้วว่าสามารถรับมือได้ทุกความผิดพลาด เขาก็แค่อยากได้ชีวิตที่ควรเป็นของตัวเองคืนมา
“แค่การรับมือกับความผิดพลาดน่ะ พอเวลาผ่านไป พี่ได้เรียนรู้ว่าความผิดพลาดไม่ใช่โทษ แค่แก้ไขให้มันไม่ผิดอีก หรือถ้ามันเกิดขึ้นอีก พี่ก็จะรับมือได้ ไม่มีอะไรไร้ตำหนิไปตลอดได้หรอก”
“รวมทั้งฝาหม้อใบนี้ด้วยค่ะ มันจะแตกไหมคะพี่เขม” มีนาหัวเราะพลางชี้ไปยังรอยร้าวของฝาหม้อที่เธอกำลังหยิบออกมาจากหม้อต้มจิ้มจุ่มที่กำลังเดือดพล่าน
เขมินท์ช่วยตักหมูกับผักใส่ถ้วยให้มีนา ก่อนจะตักใส่ถ้วยตัวเองบ้าง จู่ๆ มีนาก็เบ้ปากแล้วกินน้ำหมดแก้ว เขารู้ได้ทันทีว่าเธอกินพริกไปโดยที่ไม่รู้ตัว
“มันเขียวๆ เหมือนกันไง มีนเลยกินไม่ทันมอง” นี่คือเรื่องจริง มีนาไม่ได้แก้ตัว
เขมินท์หัวเราะเบาๆ พลางรินน้ำให้มีนาอีกแก้ว เธอไม่เปลี่ยนไปเลย เขาเห็นมีนากับภาคินมักชวนขี่จักรยานไปซื้อของกินกันมาตั้งแต่เด็กๆ พอโตมาก็ยังทำแบบนั้นอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนเป็นภาคินเลือกไปนั่งเล่น นอนเล่นที่บ้านของมีนามากกว่าบ้านของตัวเอง มีครั้งหนึ่งที่สองคนนั้นแข่งกันกินพริกซึ่งไม่รู้ว่าจะมาเอาชนะกันเรื่องนี้ทำไม สุดท้ายท้องเสียจนต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งคู่
“มีนยังต้องไปทำงานให้พริมอยู่หรือเปล่า”
มีนาพยักหน้า “ไปค่ะ แต่คุณการจะให้พี่ๆ ในทีมไปกับมีนด้วย ขอบคุณพี่เขมนะคะที่บอกเรื่องนั้นกับคุณการ”
เขมินท์พอจะเข้าใจว่ามีนาไม่อยากทิ้งงานไปเพราะเรื่องส่วนตัว ตอนนี้ทนายของเขากับกำลังส่งคนไปสืบว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นจากใครกันแน่ แม้เขาจะสงสัยพริมา แต่หากไม่มีหลักฐานคงทำอะไรล้ำเส้นไม่ได้ในตอนนี้
“ถ้างั้นมื้อนี้มีนขอเลี้ยงนะ” มีนาขอไว้ก่อนเพราะมันคงดีกว่าเธอจ่ายเงินตัดหน้าเขา
“ก็ได้ พี่เลี้ยงขนมแทน” เขมินท์ต่อรอง พอจะเข้าใจว่ามีนาอยากขอบคุณเขาเรื่องพริมา
“ตกลง” มีนายกมือขึ้นไปจะชนหมัดอย่างที่ทำกับภาคินตลอด แต่นึกได้ว่านี่เขมินท์นะ เธอเลยลดมือลง
เขมินท์ก้มหน้ายิ้มพลางใช้กระชอนอันเล็กช้อนหมูกับผักมาใส่ในถ้วยของมีนา หญิงสาวไม่รอช้าคีบหมูไปจุ่มน้ำจิ้มฉ่ำๆ แล้วใส่เข้าปาก ความสุขในการกินของเธอช่างมองง่ายๆ พอๆ กับรอยยิ้ม เธอคือความสดใสและเพื่อนแท้ของภาคิน แต่เขากลับเพิ่งมีโอกาสได้ทำแบบนี้กับเธอเป็นครั้งแรก
“วันนั้น...มีนไม่ชอบข้าวซอย ทำไมไม่บอกพี่ตรงๆ”
คำถามที่เขมินท์อยากรู้คำตอบ เหตุผลที่มีนาฝืนทำแบบนั้นมันเป็นเพราะอะไร แค่ความเกรงใจหรือว่ามีเหตุผลอื่นอีกที่เขาสมควรได้รู้กันแน่
ตอบพี่เขมไปนะมีนว่าเพราะอะไร ตอนนี้ เพราะคุณคือรักแรก วางจำหน่ายใน MEB แล้วนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ลงให้อ่าน 60% ของเนื้อหาทั้งหมดนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 229
แสดงความคิดเห็น