บทที่ 7...3/3
มีนาไปดูสถานที่จริงของโปรเจคที่เธอกำลังจะออกแบบเป็นงานต่อไปเมื่อวันก่อน ข้อมูลของแบรนด์ Phoebe นั่นคือเป็นเสื้อผ้าที่ออกแนวเท่ๆ ทว่าแฝงความหรู มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ทำให้มีนาคิดว่างานนี้ไม่น่าจะยากเกินไป อีกทั้งหากห้องเสื้อเปิดก็ไม่มีคู่แข่งในบริเวณใกล้ๆ เพราะไม่มีห้องเสื้อเปิดในชั้นนั้นเลย ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเจ้าของแบรนด์เป็นอย่างมาก
“ไปงานแต่งของพี่ให้ได้นะมีน”
จู่ๆ วนัทก็เอ่ยขึ้น มีนาหันไปมองเขาซึ่งกำลังชี้ไปที่โทรศัพท์ หญิงสาวเปิดข้อความแชทที่เขาเพิ่งส่งมาให้ นี่มันการ์ดแต่งงานนี่นา เดี๋ยวนี้อะไรก็เปลี่ยนแปลงไป การ์ดแต่งงานส่งแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ดีเหมือนกัน ไม่เปลืองกระดาษ ไม่เปลืองค่าเดินทางต่างๆ
“พี่นัทจะแต่งงานแล้ว ดีใจด้วยนะคะ” มีนาเกือบจะหลุดว่าโล่งใจไปด้วยแล้ว
วนัทยิ้มกว้างแม้จะเสียดายความโสด แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งเขาก็ต้องถอดเขี้ยวเล็บลงบ้าง เหลือไว้พอให้เป็นสีสันชีวิตพอ การที่คบกับมุกดามา 7 ปีแล้ว คงถึงเวลาที่ต้องสร้างครอบครัวเสียที อีกทั้งทางครอบครัวของมุกดาก็เร่งรัดกับเขามาสักพักแล้ว
คนอื่นๆ ในบริษัทที่ได้การ์ดแต่งงานทางช่องทางออนไลน์พากันเข้ามาแสดงความยินดีกับวนัท แถมแซวไปในทางเดียวกันเพราะไม่คิดว่าวนัทจะสละโสดเป็นคนแรก ก่อนหน้านี้มีแต่คนเดาว่าวรการน่าจะแต่งงานก่อนใครเพราะคบกับแฟนมา 11 ปีแล้ว
มีนาปลีกตัวมาทำงานของตัวเองต่อเพราะอีกไม่กี่วันก็ต้องไปเสนองานให้ลูกค้าเจ้าของแบรนด์ Phoebe ซึ่งไม่ใช่คนอื่นไกลเลย เขมินท์คงรู้ว่าพริมากลับมาแล้ว เธอคนนี้ใช่ไหมที่ทำให้เขาพูดถึงเรื่องของความรักว่าต้องใช้เวลา
มีนานั่งรถมากับวรการ ส่วนวนัทกำลังขับรถตามมาที่งาน Thank you party หรือ งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าจากแบรนด์วัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้าน ซึ่งจัดในโรงแรมใหญ่กลางเมือง งานวันนี้จึงเหมือนอภิมหาคอนเนคชั่นสำหรับคนในวงการก่อสร้าง ตกแต่ง ออกแบบและอีกมายที่เกี่ยวข้องกับด้านอสังหาริมทรัพย์ วรการบอกให้วนัทกับมีนามางานเลี้ยงด้วยกัน จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้มางานแบบนี้ ซึ่งแม้จะจัดขึ้นเป็นการภายในทุกปี แต่นักข่าวก็พากันให้ความสนใจมารอทำข่าวกันอยู่ดี
วนัทจอดรถแล้วก็รีบตามมาสมทบมีนาที่ยืนรออยู่หน้าทางเข้างาน ซึ่งมีค็อกเทลไว้คอยบริการทั้งแขกที่ได้รับเชิญและนักข่าว ส่วนวรการถูกเพื่อนชวนเข้างานไปแล้ว พอวนัทเห็นมีนาก็ยิ้มแกมหัวเราะ แต่ไม่วายทำหน้าเสียดาย
“โธ่ พี่ก็นึกว่ามีนจะแต่งชุดราตรีมาให้พี่ควงออกงานเสียหน่อย ไหนๆ พี่การก็ชวนเราสองคนมางานนี้ด้วยกัน”
มีนาก้มลงมองชุดสูทสีดำเรียบๆ ของตัวเอง แล้วกอดอกมองวนัทที่ใส่เสื้อคอวีสีขาวกับเสื้อสูทสีเดียวกันซึ่งเข้ากันดีกับกางเกงยีนสีดำ
“แต่งตัวแบบนี้สะดวกกว่าค่ะ” มีนายกมือมาจับผมตัวเองที่ปล่อยแทนการมัดอย่างที่ทำทุกวัน โชคดีที่ป้าแม่บ้านช่วยถักเปียเก็บผมทั้งสองข้างเป็นปอยเล็กๆ ค่อยดูเหมือนว่าเตรียมตัวมาออกงานได้หน่อย “มีนไม่ค่อยระวัง ขืนใส่ชุดลากพื้นมา มีหวังได้สะดุดล้ม คราวนี้ล่ะได้ขายหน้ากันทั้งบริษัทนะคะพี่นัท”
“ก็จริง” วนัทนึกภาพตามแล้วก็ชักเห็นด้วย มีนาใส่รองเท้าผ้าใบจนชิน หากมาใส่รองเท้าส้นสูงปรี๊ดคงทรมานเปล่าๆ
เสียงเพลงบรรเลงราวการต้อนรับแรกสำหรับแขกที่มาเยือนในงาน มีนามองไปในงานแล้วก็ชักตื่นเต้นเหมือนกัน นี่มันงานรวมหัวกะทิของประเทศชัดๆ ทั้ง CEO ชั้นนำ นักออกแบบมือรางวัลหลายคนที่เป็นต้นแบบของเธอ นักธุรกิจที่เธอเคยเห็นในนิตยสาร ซึ่งเป็นไปได้ว่าเขมินท์น่าจะถูกเชิญมางานนี้เหมือนกัน
“ไม่ยักรู้ว่างานแบบนี้มีเดินแบบด้วย” วนัทมองไปที่เวทียาวซึ่งคงไม่ได้มีไว้ให้แขกไปเดินเล่นแน่นอน
มีนาเริ่มมีลางสังหรณ์ว่าอาจจะเจอคนที่ไม่อยากเจอสักเท่าไหร่ ผ่านมาเป็นสัปดาห์ได้แล้วที่ภาคินบอกเลิกเบญญา ซึ่งตลอดทั้งสัปดาห์นั้นภาคินก็เอาแต่ทำงานอย่างกับว่ามีหนี้ก้อนโตอย่างไรอย่างนั้น จากที่เธอเป็นห่วงว่าเขาจะไปเมาหัวราน้ำอย่างที่เคยทำ จนเธอต้องลากกลับบ้าน ตอนนี้เธอกังวลว่าเขาจะโหมงานจนเข้าโรงพยาบาลแทน
หญิงสาวมองไปทั่วงานเผื่อเบญญาจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง เธอไม่ได้กลัวผู้หญิงคนนั้น แต่คนที่ไม่เห็นแม้กระทั่งความผิดของตัวเองทำให้คาดเดาได้ยากว่าหลังจากถูกบอกเลิกไปแบบนั้น เบญญาจะแค้นเธอสักขนาดไหน แล้วหากมีโอกาสได้ทำอะไรสักอย่าง เบญญาคงทำแน่
มี 2 เหตุผลที่พริมาเลือกจะมางานวันนี้ หนึ่งในนั้นกำลังเดินเข้ามาในงานพร้อมกับเพื่อนในวงการธุรกิจของเขา พริมาขอตัวออกมาจากวงสนทนาที่เธอไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่นัก สายตาของเธอมองตรงไปยังร่างสูงที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คนมากมาย หญิงสาวเดินไปหาเขมินท์อย่างไม่ลังเล การเป็นคนดังทำให้นักข่าวตามถ่ายรูปของเธอซึ่งไม่ก่อให้เกิดความรำคาญ แต่ทำให้เธอได้ประโยชน์มากกว่าเดิมต่างหาก
“พริมบอกแล้วไงคะว่ายังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีกบ่อยๆ” พริมาทักทายพลางส่งแก้วไวน์ให้เขมินท์
เขมินท์รับแก้วไวน์มาเพราะไม่อยากให้ใครผิดสังเกต
“ผมมาเพราะถูกเชิญ”
“พริมก็มาทำงาน ชุดที่นางแบบใส่เดินแบบในคืนนี้ พริมเตรียมมาเอง พอดีว่าออแกไนซ์ของงานรู้จักกับพริม ห้องเสื้อยังไม่ได้ทันได้เปิดก็มีงานเข้ามาแล้ว” นี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้พริมาเลือกมางานนี้ ได้โปรโมทผลงานก่อนที่ร้านจะเปิดไม่ใช่เรื่องเสียหาย วันนี้เธอไม่ต้องเสียเม็ดเงินในการจัดงานเปิดตัวสักบาท
“ผมดีใจด้วย” เขมินท์พูดมาจากใจจริง การได้ทำในสิ่งที่รักจนประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสมอ
เขมินท์เอียงแก้วไวน์เป็นเชิงพอเท่านี้ กำลังจะเดินไป แต่พริมากลับขยับตัวมาขวางทางไว้ สายตาคู่นั้นหยอกล้อคล้ายพอใจที่เขาทำแบบนี้ เรียวปากของชายหนุ่มยิ้มหยันเพิ่งเข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไร
“ผมไม่ได้หนีหรืออะไรทำนองนี้หรอก ผมแค่มีคนที่อยากไปหามากกว่าอยู่ตรงนี้”
เขมินท์กดยิ้มที่มุมปากพลางเดินเบี่ยงพริมา แล้วก้าวต่อไปยังกลุ่มนักธุรกิจในวงการก่อสร้าง
พริมามองตามแล้วยิ้มกว้าง เขมินท์บอกว่าใน 5 ปีที่ผ่านมา เขาอาจจะมีใครอยู่ในใจแล้ว แต่การแสดงออกของเขากลับเต็มไปด้วยเรื่องงาน หากเขามีคนอื่นในใจแล้วจริงๆ ทำไมวันนี้ถึงไม่พามาด้วยกัน เรื่องแค่นี้ทำไมเธอจะมองไม่ออกว่าเขาแค่พูดเพื่อให้ตัวเองเป็นผู้ชนะเท่านั้นเอง
ห้องแต่งตัวของบรรดานางแบบนายแบบอยู่อีกฝั่งของห้องจัดเลี้ยง เวลานี้ช่างแต่งหน้ากำลังเร่งมือ คนที่แต่งหน้าเรียบร้อยแล้วก็ทยอยเปลี่ยนชุด ซึ่งหลายคนพากันขอถ่ายรูปเสื้อผ้าเมื่อเลขาของพริมาอนุญาตแล้ว เนื่องจากเสื้อผ้าเซตนี้เป็นดีไซน์สำรองของปีที่แล้ว แต่คุณภาพในการตัดเย็บไม่ต่างจากที่ใช้โชว์เมื่อปีก่อน ทำให้เมื่อได้รับคำเชิญมาตั้งแต่ตอนที่พริมายังอยู่อังกฤษ พริมาจึงมีเสื้อผ้าเซตนี้มาใช้งานได้ทันทีที่มาถึงประเทศไทย
“มองอะไรน่ะเบญ ใกล้จะถึงเวลาเดินแบบแล้วนะ แต่งหน้าเสร็จแล้วก็ไปเปลี่ยนชุด แล้วรอสแตนด์บายสิ” ผู้จัดการของเบญญาและนางแบบอีกหลายคนที่มางานนี้สั่ง เมื่อเห็นว่าเวลามันกระชั้นเข้ามาแล้ว
เบญญากำลังมองออกไปยังประตูที่เปิดแง้มเอาไว้พอดี เธอเห็นมีนาเดินออกมาจากประตูของงานที่จัดเลี้ยงเพื่อคุยโทรศัพท์ ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่เห็นยัยนั่นมางานนี้เหมือนกัน
“เจอคนรู้จักน่ะ แค่อยากไปทักทาย” คนที่มีนากำลังคุยด้วยใช่ภาคินหรือเปล่านะ ถ้าใช่ สิ่งที่เธอสงสัยมาตลอดคงไม่ใช่ความเพ้อเจ้ออีกต่อไป
“เอาไว้ทำงานเสร็จแล้วค่อยไปทักทายก็ยังทัน แต่ถ้าไม่รีบเนี่ย อาจจะชวดงานต่อไปได้นะ อย่าลืมสิว่าเบญเบี้ยวไปสองงานแล้ว ระวังออแกไนซ์เจ้าอื่นจะเทเอานะ”
คำเตือนของผู้จัดการส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ทำให้เบญญาต้องกลับมาสนใจปากท้องของตัวเอง หากเธอไม่มีงานต่อไปคงแย่ หญิงสาวจึงเดินตามเพื่อนนางแบบไปเปลี่ยนชุด แม้ว่าตอนนี้ภาคินจะยังไม่ไล่เธอออกไปจากห้องที่เขาซื้อ แต่ใครจะการันตีได้ว่าเขาจะไม่ทำในอนาคต
ด้วยความแค้นทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหันไปมองมีนาที่กำลังเดินกลับเข้าไปในงาน เรียวปากบางเม้มปิดด้วยความเกลียดชัง หากว่ามีโอกาสเมื่อไหร่ เธอจะต้องทำให้ยัยนั่นได้อับอายจนถูกไล่ออกจากงานยิ่งดี งานวันนี้คงเหมาะหากใครสักคนจะถูกแฉเสียด้วย
เบญญาจะทำอะไรนะ? ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 315
แสดงความคิดเห็น