บทที่ 5...2/3
ภูบดีพามีนาเดินลัดเลาะไปอีกฝั่งของโรงแรมเพราะเธอยืนกรานว่าจะขึ้นรถแท็กซี่กลับเอง ถ้าไม่ได้ติดว่าเขายังต้องอยู่ช่วยงานคงขอไปส่งเธอที่บริษัทรักษ์บ้านแล้ว หญิงสาวเดินตามชายหนุ่มไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเธอที่ดันร่างหนาเข้าไปชิดกับทางเดินอีกด้านเพื่อหลบใครบางคนที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี
“โอ๊ะ!”
มีนายื่นมือไปปิดปากของภูบดีไว้พร้อมกับใช้มืออีกข้างหยิบโทรศัพท์ออกมา เธอคงมองผ่านไปแล้วหากหนุ่มสาวที่กำลังกอดกันกลมไม่ใช่เบญญา แล้วชายคนนั้นดันไม่ใช่ภาคิน แต่เป็นใครก็ไม่รู้
เบญมาทำอะไรที่นี่?
มีนาถ่ายคลิปไว้แต่ก็อึ้งเสียเองเพราะเห็นเบญญาหอมแก้มผู้ชายคนนั้น ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะจูบเบญญาอย่างดูดดื่มพลางผลักประตูห้องให้เปิด แล้วหายเข้าไปด้วยกัน มีนาเหมือนถูกน็อกแทนเพื่อน ภาคินจะเสียใจขนาดไหนถ้ารู้ว่าแฟนนอกใจหักหลัง หญิงสาวถอนใจรู้สึกโกรธจนอยากไปเคาะประตูห้องนั้นแล้วถามเบญญาเสียเอง
แต่พอหันมามีนาเพิ่งรู้ตัวว่าปิดปากภูบดีไว้แถมอัดเขาไว้กับผนังทางเดิน เธอรีบปล่อยมือก่อนจะยกมือไหว้เขา ถ้างานหลุดมือเพราะเรื่องนี้เธอซวยแน่ๆ
“ขอโทษค่ะคุณภูบดี พอดีมีนกำลังรีบๆ แถมตกใจ”
“เจอคนรู้จักหรือครับ” ภูบดีพอจะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นจากโทรศัพท์ที่ถ่ายคลิปไว้ของมีนา
“ไม่เชิงค่ะ แฟนของเพื่อนที่...” มีนาจนใจที่จะพูด นี่มันเรื่องส่วนตัวของภาคิน “ช่างเถอะค่ะ มีนขอตัวไปก่อนนะคะ”
“แล้วพบกันครับ” ภูบดีไม่รั้งไว้เพราะมีนากำลังมีเรื่องให้คิด
ภูบดีกอดอกมองประตูห้องที่เพิ่งปิดไปเมื่อครู่ซึ่งเขาพอจะรู้ว่าหนุ่มสาวคู่นั้นเข้าไปทำอะไร หากมีนาบอกว่าหนึ่งในนั้นคือแฟนของเพื่อน เขาก็คงผิดหวังเพราะผู้ชายคนนั้นเป็นญาติห่างๆ ของเขาเอง
เมษากำลังทำงานกันง่วนกับช่างที่ล้างทำความสะอาดผนังตึกทั้งหมด หลังจากนั้นต้องทาสีรองพื้นใหม่ ก่อนจะทาสีจริง ซึ่งคงใช้เวลาหลายวัน ส่วนอีกคนแซะนำกระเบื้องที่เสียหายเพราะไฟไหม้ออกไป ตอนนี้เมษามีเงินพอสำหรับการซ่อมแซมร้านและซื้ออุปกรณ์ทำขนมใหม่มาแทนที่ของเดิมที่เสียหายไปจนหมด ทว่าเธอไม่ค่อยมีสมาธินักเพราะวันนี้มีนาดูแปลกๆ เพราะเห็นเดินมาจนถึงร้านแล้วกลับนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านนอก สายตามองเหม่ออย่างกับมีเรื่องให้คิดหนัก จนคนเป็นพี่สาวอดห่วงไม่ได้
“เป็นอะไรน่ะมีน ทำไมเอาแต่ถอนใจล่ะ” เมษาถามพร้อมกับนั่งลงใกล้ๆ เผื่อน้องมีปัญหาอะไร เธอจะได้รับฟังและช่วยแก้ไข
มีนานั่งมองโทรศัพท์ตัวเองแล้วกดจะโทรหาภาคิน แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะยังคิดไม่ตกว่าควรบอกเพื่อนไปเลยไหม หรือว่ารอให้เพื่อนรู้เรื่องเองซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
“ไม่สบายใจน่ะพี่เม คราวนี้มีนไม่แน่ใจว่าควรทำยังไง ถ้าไม่ทำอะไรก็เหมือนทิ้งเพื่อน แต่ถ้ามีนเข้าไปยุ่ง แล้วต่อไปสองคนนี้เกิดคืนดีกัน มีนจะหอนเป็นหมามั้ย”
ก่อนหน้านี้ภาคินเคยมีแฟนมาแล้ว แต่ทุกครั้งที่เลิกกับแฟน ภาคินอกหัวใจอยู่เป็นเดือนกว่าจะก้าวต่อไปได้ ซึ่งเหตุผลที่เลิกเพราะนิสัยไปกันไม่ได้ แต่คราวนี้เป็นเรื่องนอกใจ ภาคินจะเสียใจหนักขนาดไหนเพราะเขาจริงจังกับเบญญามาก ถึงขนาดซื้อห้องให้เบญญามาอยู่ด้วยกัน ตอนนี้มีนาถึงได้มาสองจิตสองใจว่าควรบอกหรือรอให้รู้เองดีนะ
“ใครหรือ คินใช่ไหม”
มีนาพยักหน้าอยากจะเอาคลิปที่ถ่ายเบญญาไว้ให้เมษาดู แต่เปลี่ยนใจไม่ทำเพราะว่ากันตามจริงมันก็เรื่องส่วนตัวของเบญญา
“อืม พอดีมีนไปเห็นแฟนของคินอยู่กับผู้ชายอีกคนน่ะพี่เม แล้วดูสนิทกันเกินกว่าจะเป็นแค่เพื่อนธรรมดาๆ มีนควรบอกคินดีไหม”
มันช่างเป็นปัญหาโลกแตกของเพื่อนที่สนิทกันมาก เมษาพอจะเข้าใจว่าทำไมมีนาถึงคิดแล้วคิดอีก แต่บางเรื่องปกปิดไปรังแต่จะทำร้ายเพื่อนเปล่าๆ
“ถ้าเป็นพี่คงบอก แล้วหลังจากนั้นให้เพื่อนไปตัดสินใจเอง ถ้าอกหักมาก็ช่วยอยู่ข้างๆ แค่นั้น แต่ถ้าเพื่อนโกรธขึ้นมา พี่คงรอให้เพื่อนหายโกรธ คนกำลังผิดหวังเสียใจ พี่จะไม่เอามาเป็นอารมณ์”
มีนายกนิ้วโป้งให้เมษา ที่เธอลังเลไม่ใช่เพราะกลัวภาคินเสียใจอย่างเดียว เธอกลัวเขาโกรธด้วยต่างหาก แต่เธอลืมคิดไปว่าเป็นเพื่อนอย่างไรก็ไม่มีวันเลิกเป็นอยู่แล้ว ถึงโดนโกรธก็หายโกรธได้นี่นา
“มีนตัดสินใจได้แล้ว มีนจะบอกคิน พอคิดตกแล้วตอนนี้สบายใจหน่อย เอาไว้พรุ่งนี้มีนจะบอกคินตอนมากินข้าวที่บ้านเรา”
เมษาหัวเราะพลางยกมือไปโยกหัวน้องสาว มีนามีคำตอบให้กับตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการความมั่นใจอีกเสียงเท่านั้นเอง มีนาแกล้งจี้เอวพี่สาวก่อนจะดึงมือให้ไปช่วยกันซ่อมร้านต่อ
มีนาได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน พอเดินมาหาเธอเห็นภาคินยกมือทักทายกำลังจะเดินเข้ามาในบ้านก็พอดีมีรถอีกคันเลี้ยวเข้ามา ภาคินมองพี่ชายที่ลงมาจากรถ แต่ไม่ทักทายอะไร มีนาเลยต้องเป็นเจ้าของบ้านที่ดีพาภาคินกับเขมินท์เข้ามาในห้องรับแขก ภาคินมาที่บ้านของเธอเป็นประจำจึงหยิบหนังสือการ์ตูนมาอ่านรอ ในขณะที่เขมินท์มาที่บ้านของเธอนับครั้งได้ แต่เขาก็ทำตัวสบายๆ อย่างการช่วยมีนาจัดจาน
เมษายกอาหารเย็นเข้ามา ภาคินรีบเข้าครัวไปช่วยยกอีกคน ทำให้ใช้เวลาอีกนิดเดียวการเลี้ยงขอบคุณสองพี่น้องบ้านข้างๆ ก็เริ่มขึ้น แม้จะไม่ใช่อาหารหรูหรา แต่ว่าเป็นของชอบที่ภาคินลิสต์มาแล้ว แม้จะชอบพูดบ่อยๆ ว่าไม่ค่อยสนิทกับพี่ชาย แต่น้องชายกลับจำได้ว่าพี่ชายชอบกินอะไร มีนาอยากจะแซวแทบแย่ว่าคนปากแข็ง
“วันนี้ถ้าฝนตกหนัก จนน้ำท่วม พี่เมกับมีนไม่ต้องแปลกใจนะ สาเหตุมาจากคินกับพี่เขมมาที่บ้านหลังนี้พร้อมกัน เพราะมีการนัดหมาย” ภาคินพูดเหมือนเปิดงานพลอยทำให้คนอื่นๆ หัวเราะ
“เวอร์ไปย่ะ” มีนาแกล้งเบรก แม้เธอจะหัวเราะนำไปก่อนใครก็ตาม
เมษาพอรู้แม้จะไม่ลึกเท่ามีนาว่าภาคินรู้สึกว่าถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายมาตลอด แต่การเติบโตขึ้นในทุกวันๆ ทำให้การเปรียบเทียบนั้นค่อยเบาบางลง
“ขอบคุณนะคะพี่เขมที่มาบ้านของเมกับมีน ลุ้นแทบแย่”
ภาคินยักคิ้วใส่มีนาเพราะเขาเป็นคนบอกเขมินท์เรื่องที่เมษาอยากเลี้ยงข้าวขอบคุณ เห็นไหมล่ะถ้าเขาจะญาติดีกับพี่ชายตัว แม้จะชั่วคราวก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ถ้าพี่ว่างก็มาได้อยู่แล้ว เมก็เหมือนน้องสาวของพี่ น้องชวนมากินข้าว พี่จะไม่มาได้ยังไง”
มีนาเกือบจะหลุดยิ้มเพราะผู้หญิงบนโลกนี้ถ้าอายุน้อยกว่าเขมินท์จะถูกเขาเหมารวมเป็นน้องสาวไปหมดเลยไหมนะ ในใจของเขมินท์คงมีแต่พริมาคนเดียวที่เขาไม่นับเป็นน้องสาวกระมัง
“ขาหมูเยอรมันจานนี้ คินเดาว่าพี่เมทำใช่ไหม” ภาคินเพิ่งกินไปคำแรกก็มั่นใจทันที แกล้งปรายตามองไปที่เพื่อนรักที่นานๆ จะเข้าครัวทำอาหารสักที
มีนารู้ทันว่าโดนเพื่อนล้อ “อย่าเดาเลยคิน เอาเป็นว่าอาหารทั้งหมดเนี่ยฝีมือพี่เม ส่วนน้ำปลาพริกน่ะ มีนทำเอง กินเยอะๆ นะ” ไม่บอกเปล่าๆ มีนายังเลื่อนถ้วยน้ำปลาพริกไปให้ภาคินอีกด้วย
เมษาส่ายหน้ามองเด็กสองคนที่กวนประสาทใส่กันไม่เคยเปลี่ยน
“ไม่ใช่สักหน่อย มีนช่วยพี่ทำทุกอย่างนั่นแหละ”
ภาคินห่อปากทำหน้าตื่นตะลึงอย่างกับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ทั้งที่เชื่อนั่นแหละ
“เพื่อนมีเสน่ห์ปลายจวักแบบนี้ คินคงต้องหาเพื่อนเขยให้แล้วละมั้ง สนใจมั้ย เพื่อนคินที่นิสัยดีๆ เยอะเลยนะ”
มีนารีบยกมือห้าม “พอเถอะ ถ้ามีนจะลงจากคาน มีนจะลงเอง”
เพื่อนของภาคินก็คือเพื่อนของมีนานั่นเอง เพราะฉะนั้นนิสัยย่อมไม่ต่างกัน เขมินท์เห็นความสนิทแนบแน่นของของมีนากับภาคินแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมโลกนี้ช่างแปลก ทำให้คนสองคนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่กลับเข้าใจกันยิ่งกว่าพี่น้องเสียอีก เขากับน้องชายไม่เคยมีช่วงเวลาแบบนี้เลย
“พี่เขม...เดี๋ยวค่ะ” เสียงของมีนาคงดังมาก เพราะทุกคนพากันมองเธอตาค้าง “มีนลืมไปว่าพี่เขมแพ้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีนใส่มาในยำเป็นกำเลยค่ะ ขอโทษนะคะ”
เขมินท์ชะงักมองมีนาที่กำลังเลื่อนจานยำออกไป แล้วแทนที่ด้วยทอดมันกุ้ง มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ที่เธอทำแบบนี้ มีนาไม่น่ารู้ว่ามีอาหารอย่างหนึ่งที่เขาชอบ แต่มักรอให้ภาคินได้กินก่อนเพราะน้องชายก็ชอบเหมือนกัน
“อย่างนี้เรียกว่าจำได้ ถ้ามีนลืมจริงๆ ป่านนี้พี่เขมกินเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปแล้วต่างหาก” ภาคินพูดไปตามที่เห็นไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย
มีนาฉุกคิดจนสงสัยตัวเองพลางมองไปที่เขมินท์ โดยไม่ทันคิดว่าเขาก็มองมาที่เธอเหมือนกัน
“ไม่ต้องขอโทษหรอกมีน พี่เสียอีกที่ควรขอบใจมีนที่ช่วยพี่ไว้” เขมินท์ยิ้มบางพลางเอ่ยน้ำเสียงเรียบๆ
มีนาแอบถอนใจด้วยความโล่งอกที่ไม่มีใครสงสัยอะไร
“มีนจำได้ไหมว่าคินแพ้อะไร”
เมษาหัวเราะชอบใจ ตอนนี้ภาคินกลายเป็นเด็กชายตัวน้อยๆ ที่ไม่ยอมเป็นสองสำหรับเพื่อนสนิทไปแล้ว
“คินกินเรียบไม่แพ้อะไรหรอก อ้อ ก็มีนะ แพ้หนอน เจอเมื่อไหร่สาวแตก” มีนาแกล้งกรี๊ดแบบไม่มีเสียงเลียนแบบเวลาที่ภาคินเจอหนอนแล้วร้องแทบไม่เป็นภาษา
เขมินท์พยักหน้ายิ้มชอบใจเพราะภาคินเป็นอย่างที่มีนาบอกจริงๆ
ภาคินหัวเราะเสียงดังลั่น “หมดกัน ก็คินกลัวนี่นา”
“สองคนนี้นี่ไม่ยอมกันบ้างเลยนะ” เมษาพลอยหัวเราะจนแทบสำลักข้าวอีกคน
มีนามองภาคินแล้วก็อยากเห็นเขามีความสุขแบบนี้ไปตลอด
“มีนนึกว่าวันนี้คินจะพาเบญมาด้วยเสียอีก ทำไมฉายเดี่ยวเสียล่ะ”
เมษามองมีนาพอจะเข้าใจว่าน้องคงเลียบเคียงถามความรักของเพื่อน
“เบญบอกว่ามีถ่ายแบบต่างจังหวัดน่ะ ช่วงนี้เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ คิดถึงชะมัด” ภาคินถอนใจพอพูดถึงแฟนดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างที่ทุกคนเห็นได้ไม่ยาก
มีนาอยากจะยิ้ม แต่ยิ้มไม่ออก หากว่าสิ่งนี้ที่เกิดขึ้นกับภาคินเป็นเพราะเบญญากำลังนอกใจ เธอคงไม่ยอมให้เพื่อนต้องตกอยู่ในสภาพเป็นตัวเลือกจากผู้หญิงที่ไม่เห็นค่าของเขาเด็ดขาด
“พี่เขมล่ะคะ จะแต่งงานเมื่อไหร่ วันก่อนเมเอาขนมไปให้ปู่เจตน์ ปู่เจตน์บ่นใหญ่เลยว่าจนป่านนี้แล้วพี่เขมทำไมยังไม่แต่งงาน” เมษาเปลี่ยนหัวข้อไปที่เขมินท์แทน
“ปู่อยากอุ้มหลานน่ะ แต่พี่ไม่รีบเท่าไหร่ เรื่องของความรักต้องใช้เวลา”
“มีน...”
ภาคินเห็นมีนาเขี่ยข้าวก็เลยแกล้งเรียกไปงั้นเอง มีนาเงยหน้ามองเพื่อนแล้วขมวดคิ้วใส่เพราะเธอกำลังคิดถึงเรื่องของภาคินนั่นแหละ
“อะไร เรียกเสียตกใจ”
“ที่มีนบอกทางแชทว่ามีเรื่องจะบอกคิน บอกตอนนี้เลยไหมล่ะ หรือจะประกาศว่ามีแฟน” ภาคินยังไม่วายหาเรื่องกวนประสาทให้เพื่อนแหวใส่
“ไม่ใช่ย่ะ เอาไว้กินข้าวเสร็จก่อนแล้วมีนจะบอก”
การที่มีนากับภาคินมีความลับกันสองคนไม่เคยเป็นเรื่องที่ทำให้เขมินท์เก็บมาใส่ใจ ด้วยวัยที่ต่างกันถึง 6 ปี ทำให้เขมินท์เข้าใจว่าทำไมเขากับภาคินถึงได้มีระยะห่างระหว่างกันเสมอ แต่ความลับที่เกิดในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกสงสัยด้วยความเป็นห่วง ไม่ใช่หงุดหงิดหรือมีความรู้สึกอื่นใดอีก สายตาของมีนาที่มองภาคินทำไมถึงดูเครียดกังวลแบบนั้น เกิดอะไรขึ้นกับภาคินที่คนเป็นพี่ชายควรรู้หรือเปล่า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 250
แสดงความคิดเห็น