ข้าคือเจ้าและเจ้าคือข้า
โทมัสส่งเสียงหอบหายใจดังรัวและเร็วไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าขาวซีดและมีเม็ดเหงื่อกำลังหันหน้าไปทางซ้ายทีขวาทีสลับไปมาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นปฏิกิริยาที่น่ากลัวสำหรับเพื่อนร่วมโต๊ะที่แสดงสีหน้าวิตกกังวล ดวงตาคู่นั้นมันเบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างสุดขีด “มีอะไรหรือครับ?” ซาคาเรียสถามแต่สิ่งที่โทมัสตอบคือการเดินไปนั่งโต๊ะตัวนั้นตามลำพัง สั่งน้ำมะพร้าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่แท้จริงแล้วเขากำลังครุ่นคิดถึงความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่เหยียบเท้าเข้ามาในร้าน ทั้งตัวบาร์ โต๊ะที่กำลังนั่ง รวมถึงเจ้าของร้านล้วนแต่ดูคุ้นตาและเสียงแว่วเมื่อครู่นั้นมันเป็นเสียงของซาคาเรียส
“มะพร้าวสดใหม่ได้แล้วครับ” เจ้าของร้านยกถาดไม้ที่วางแก้ว 3 ใบมาเสิร์ฟที่โต๊ะของพวกวิลเลี่ยมและโต๊ะของโทมัสเป็นโต๊ะสุดท้าย โทมัสยกแก้วไม้ขึ้น ใช้ริมฝีปากสัมผัสกับปากแก้วและปล่อยให้น้ำสีใสรดลงบนลิ้น รสชาติและความเย็นของมันช่วยให้ผ่อนคลายจากอาการเมื่อยล้าทางกายเช่นเดียวกับที่มันช่วยให้สงบความฟุ้งซ่านในจิตใจ “อร่อย!!” วิลเลี่ยมอุทานอย่างมีความสุขหลังได้ลิ้มรสชาติโปรดของตนโดยไม่ทันสังเกตเลยว่ากำลังถูกนัยน์ตาสีเงินจ้องมองอยู่ ‘อร่อยและจากนั้นก็....มีอะไรหรือ....’ “มีอะไรหรือครับ โทมัส?” โทมัสเดาสิ่งที่จะได้ยินต่อซึ่งก็เป็นจริงเมื่อมีเสียงทักจากปากของซาคาเรียสซึ่งเป็นประโยคเดียวกับที่อยู่ในหัวในตอนนี้
“ผมขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกครับ” โทมัสลุกขึ้นเดินออกไปจากร้านอย่างร้อนรน ที่โต๊ะไม้วางเหรียญทอง 1 เหรียญ วิลเลี่ยมมองหน้าซาคาเรียสด้วยความสงสัยแต่สุดท้ายก็เดินตามออกไป
เจ้าของร้านเดินมาที่โต๊ะทั้ง 2 เริ่มทำความสะอาดเสร็จแล้วจึงเดินกลับไปหลังบาร์ทว่า ในจังหวะที่กำลังหันหลังให้ สายตาเหลือบเห็นร่างปริศนาในชุดคลุมโทรมกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง “โอ๊ะ!! ขออภัยครับ ผมไม่ทันสังเกตว่ายังมีลูกค้าอยู่ในร้านอีก” ถึงจะพูดแบบนั้น ใจกลับนึกสงสัยถึงการมีตัวตนของลูกค้าผู้นี้เพราะมั่นใจว่าลูกค้าภายในร้านกลุ่มสุดท้ายคือพวกนักเรียนที่เพิ่งเดินออกจากร้านไป “คุณลูกค้าจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ?” ชายเจ้าของร้านถามหลังจากมองสำรวจโต๊ะปราศจากแก้วน้ำ
ร่างปริศนาเขาลุกขึ้นวางเหรียญบนโต๊ะแล้วเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้ชายเจ้าของร้านยืนงงกับการกระทำอันไร้เหตุผลของเขา “เจ้าเด็กนี่เป็นใบ้เหรอไง?” ชายเจ้าของร้านเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
โทมัสที่เดินออกจากร้านน้ำผลไม้ซัวมาฟว์อย่างร้อนรน รู้สึกถึงความเย็นที่กระทบใบหน้าจนชาก่อนจะได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายปะปนกับเสียงกระซิบกระซาบไม่ไกล บังคับให้ดวงตามองไป มันมาจากกำแพงมนุษย์ซึ่งกำลังยืนรายล้อมที่ด้านหน้าของบ้านหลังหนึ่ง “อ๊ากกก!!” เสียงร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดดังลั่นจากด้านในวงล้อม เขารีบก้าวไปข้างหน้า แหวกกลุ่มคนพวกนั้นเข้าไปจนพ้นออกมาจากกำแพงมนุษย์ เบื้องหน้าคือเด็กชายผู้แต่งกายในชุดเก่าขาดลุ่ยกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นหิมะ ข้างกันมีชายร่างท้วมผู้มองครั้งแรกก็ทำให้รู้ถึงฐานะความร่ำรวยที่โอ้อวดอยู่บนเครื่องแต่งกายหนังสัตว์ราคาแพง “ได้โปรด ได้โปรดขายอาหารให้ข้าน้อยด้วยเถอะขอรับ” เด็กชายลุกขึ้นและนั่งคุกเข่า อ้อนวอนขอความเมตตาจากชายอ้วน นำมือสกปรก มีแผลถลอกและสั่นเทาเอื้อมไปจับรองเท้าหนังของร่างท้วม
“เฮ้ย! นี่มันแพงนะเว้ย!!” ชายอ้วนสะบัดเท้าออกอย่างแรงจนเด็กหนุ่มล้มคะมำแต่ก็ยังไม่วาย คลานกลับมาเกาะที่ขาข้างเดิมอีกครั้ง “ได้โปรดนายท่าน ได้โปรดขายอาหารให้ข้าน้อยด้วยเถอะขอรับ!!!” เด็กชายยังคงดื้อดึงกับความปรารถนาอันแรงกล้าของตน
โทมัสยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบสงบ ใบหน้าเปื้อนเศษหิมะและเต็มไปด้วยบาดแผลกำลังจ้องมองใบหน้าบวมหนาของร่างท้วมจากจุดที่ต่ำที่สุดแต่กลับไม่ฉายแววตาแห่งความต้อยต่ำและปราศจากซึ่งความกลัวหรือลังเลในจิตใจ
“ขอทานไม่เจียมตัว แกคิดว่าเงินของแกจะซื้ออาหารชั้นสูงของฉันได้?” ชายอ้วนคว้าถุงเงินจากกระเป๋าเสื้อของเด็กชายตัวมอมและปาลงพื้นอย่างแรง เหรียญทองแดงจำนวนมากจมหายไปในกองหิมะ เด็กชายรีบพุ่งตัวเข้าไปเก็บรวบรวมเหรียญบนพื้นอย่างร้อนรน ผู้คนส่วนใหญ่ยืนมองเหตุการณ์เพียงอย่างเดียวแต่ก็มีบางคนที่ให้ความช่วยเหลือรวบรวมเงินที่ซ่อนอยู่ในกองหิมะให้เขาด้วยความสงสารและเห็นใจ
“….ศะ-เศษเงินพวกนี้มีเยอะก็จริงแต่ก็เทียบกับราคาของข้าวในร้านข้าไม่ได้หรอก!!” ชายอ้วนละล่ำละลัก ใบหน้าถอดสีแต่ก็กลับมาตั้งสติและสลัดความวิตกกังวลออกไป โทมัสก้มลงหยิบเหรียญที่อยู่ตรงรองเท้าขึ้นกำแน่น มองดูร่างที่กำลังก้มกวาดเศษเหรียญบนพื้นด้วยแววตาว่างเปล่า เขาเดินเข้าไปหาเด็กชายและยื่นมือที่กำเหรียญให้ “ขะ-ขอบพระคุณขอรับนายท่าน” เด็กชายคว้ามันอย่างร้อนรน น้ำตาไหลอาบแก้ม น่าแปลกที่สายธารนั้นเพิ่งปรากฏให้เห็นทั้งที่ก่อนหน้าถูกย่ำยีศักดิ์ศรีและร่างกายอย่างทารุณแต่สามารถกลั้นน้ำตาได้นานขนาดนี้? ชั่งเป็นเด็กที่เข้มแข็งอะไรเช่นนี้... โทมัสเหมือนกับกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความว่างเปล่า รู้ตัวอีกทีก็กำลังสวมกอดร่างมอมแล้ว มือลูบแผ่นหลังของเขาอย่างอ่อนโยน ส่งสายตาแข็งกร้าวไปที่ร่างท้วม
“คุณโทมัส?” วิลเลี่ยมและกลุ่มเพื่อนที่เดินทางมาถึงแสดงใบหน้าฉงนใจในขณะที่ซาคาเรียสยิ้มรับกับภาพที่เห็นตรงหน้า ส่วนรูบี้อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ “เฮ้ยไอ้หนู อย่าเข้ามายุ่ง!!” โทมัสผละออกจากเด็กน้อย ดวงตายังไม่ละจากร่างอ้วนตรงหน้า “สายตานั่นมันอะไรกันห๊ะ?! ที่บ้านไม่มีใครสอนมารยาทหรือไง?!!” ร่างอ้วนกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่โทมัส มือง้างขึ้นกลางอากาศ ฟาดลงมาที่ใบหน้าของอีกฝ่ายแต่กลับหยุดชะงักกลางอากาศด้วยแรงหยุดอันมหาศาลจากมือปริศนา “ใคร!!?” ร่างท้วมเอี้ยวคอมองหาเจ้าของมือ “ดูเหมือนจะทันเวลาพอดีเลยนะครับ” เป็นนิโคลัสผู้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“แกเป็นใคร?!!!” ชายอ้วนตะโกนถามอย่างหงุดหงิด “ผมหรือครับ? ผมชื่อโบนกิน นิโคลัส ผู้บัญชาการกองกำลังแคปิตอล คอป สังกัดทิศใต้และได้ถูกบัญชาโดยพระราชินีฟรานซิสโก้ให้ควบตำแหน่งเป็นอาจารย์สอนวิชาศาสตร์ธาตุพื้นฐานและวิชาศาสตร์การป้องกันตัวพื้นฐานในโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้ครับ” ถือเป็นครั้งแรกที่โทมัสได้รับรู้ถึงความจริงเกี่ยวกับตัวของผู้เป็นอาจารย์ของเขา “หะ-หะ-หัวหน้าแคปิตอล คอป?” ชายอ้วนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ร่างบวมหนาไปด้วยไขมันเกิดอาการสั่น ความหวาดกลัวแล่นเข้าสู่จิตใจแทนที่ความเกรี้ยวกราดที่ดับหายไปจนหมดสิ้น “สบายใจได้ครับ ผมไม่ได้มาจับคุณ” ชายร่างท้วมคลายความกังวลเป็นปลิดทิ้ง “นั่นไง พวกเขามากันแล้ว” แต่พอได้ยินประโยคถัดไปของนิโคลัส ชายร่างท้วมถึงกับล้มทั้งยืน ยิ่งเมื่อมองเห็นกำแพงมนุษย์ที่กำลังแหวกตัวออก เปิดทางให้ร่างในชุดเครื่องแบบสีดำเดินเข้ามาภายในวงล้อม
“ไม่นะ! ไม่! ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!!” ชายร่างอ้วนตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งแต่ไม่สามารถทำได้ราวกับขาถูกแช่แข็ง เสียงหอบหายใจดังแรงและถี่ขึ้นในทุกขณะที่รู้ว่ากลุ่มคนชุดดำกำลังใกล้เข้ามา วิลเลี่ยมและเพื่อนที่เหลือช่วยกันทำแผลให้เด็กชายส่วนโทมัสยืนดูเหตุการณ์ต่ออย่างเงียบสงบ กลุ่มคนชุดดำทำความเคารพนิโคลัสก่อนที่สมาชิกหญิงเพียงผู้เดียวจะประกาศถามชื่อของชายร่างท้วมและแจ้งข้อหาการกระทำผิดให้ทราบและนำกำไรดำมาสวมข้อมือ ใช้เวลาและความพยายามพอสมควรเพราะผู้กระทำผิดขัดขืนราวกับหมูที่รู้ว่าจะถูกนำไปโรงเชือด ไม่รู้ทำไมโทมัสถึงรู้สึกไม่ชอบกลุ่มผู้มาเยือน ทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกหรืออาจเป็นเพราะชุดเครื่องแบบสีดำที่ทำให้เขานึกถึงอดีตในวันฝนพรำ
ครื่น~ ณ ด้านหน้าของพระราชวังฟรานซิสโก้ในยามที่สายฝนเทกระหน่ำจากฟากฟ้าอันหม่นหมอง กระทบหลังคาสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมา เสียงดังอย่างบ้าคลั่ง คลื่นลมซัดพาละอองฝน ชโลมด้านในของชานอาคาร ทางเข้าหลักของพระราชวังฟรานซิสโก้ กระนั้นผู้รับใช้ต่างไม่มีทีท่าว่าจะแตกแถวหรือขยับเขยื้อนตัวแม้เครื่องแบบจะเปียกโชกเพียงใด พวกเขายืนรายล้อมรอบ 2 ฝั่งทางเดินที่มีอัศวินในชุดเกราะแดงคล้ายมังกรยืนอยู่ด้านใน ด้านหน้าของลานน้ำพุมังกรปรากฏร่างปริศนาผู้สวมชุดคลุมหัวสีดำ 4 คน ส่วนด้านหลังคือรถม้าหรูสีดำ
เสียงเป่าแตรดังขึ้นตามมาด้วยเสียงกระแทกคมดาบลงพื้นอย่างเป็นจังหวะ ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมปรากฏผู้รับใช้ผู้มีส่วนสูงเป็นที่น่าสังเกต กำลังวิ่งฝ่าวงล้อมของผู้รับใช้และอัศวินมาหยุดที่ด้านหน้าของบานประตูไม้คู่ สลักลายมังกร เขาดึงประตูออกก่อนจะเขยิบตัวออกไปยืนที่ด้านข้างพรมแดงและคุกเข่าลงเช่นเดียวกับใบหน้าที่ก้มต่ำ เสียงแตรและเสียงกระแทกดาบเงียบลงในทันใด เหลือเพียงเสียงกระหน่ำของสายฝนที่ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะซาลง
เสียงฝีเท้าดังลอดจากด้านในของบานประตูที่เปิดอ้า ชายปริศนาเดินเยื้องย่างออกมาจากพระราชวัง สง่าและสุขุม เส้นผมสีน้ำเงินไหวตามแรงเคลื่อนตัวของร่างสูงเพรียวผู้สวมชุดสูทสีแดงสด แขนสองข้างเป็นปีกขนาดใหญ่ ด้านหน้าปรากฏสัญลักษณ์ทองคำของไวเวิร์น ฝักดาบเหน็บข้างเอว ใบหน้าแสดงความเย็นชาและไม่เป็นมิตรอย่างที่สุด ดวงตาสีส้มจ้องมองไปที่ด้านหน้า ไม่แสดงออกว่าสั่นคลอนหรือล่อกแล่ก เท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งขันโดยมีชายหนุ่มผู้รับใช้เดินทิ้งระยะห่างตามไป เส้นทางบนพรมแดงที่ร่างผู้ทรงอำนาจเดินผ่านปรากฏภาพของผู้รับใช้และอัศวินที่นั่งลงในท่าคุกเข่า
เมื่อชายปริศนาเดินมาจนเกือบจะถึงขั้นบันไดแรกที่กำลังมีสะเก็ดเม็ดฝนรุกล้ำพื้นที่ชานอาคารพระราชวังอยู่ ผู้รับใช้หนุ่มถือวิสาสะเดินนำหน้าก่อนจะชูแท่งเหล็กที่มีส่วนบนคล้ายกิ่งต้นไม้ งอกออกมาสี่ห้าจุด ปลายกิ่งเหล็กมีลูกแก้วใสติดอยู่ ส่วนล่างมีลักษณะงอออกไปทางขวา คล้ายหางงู เม็ดฝนที่สาดเข้าหาร่างทั้งสองถูกดูดเข้าไปในลูกแก้วลูกที่ปลายกิ่งเหล็ก ทำให้ร่างของคนทั้ง 2 สามารถเดินผ่านสายฝนไปได้โดยไม่เปียก กลุ่มคนชุดดำทำความเคารพร่างผู้สูงศักดิ์ 1 ในนั้นเดินไปเปิดประตูรถม้าหลังจากการทำความเคารพ
“ท่านพ่อ!! ท่านพ่ออย่าไปนะ!!!!” เสียงตะโกนที่แสนจะไร้เดียงสาจากเด็กชายตัวน้อยผู้ครองผมสีรัตติกาล วิ่งลงมาจากบันไดหลักภายในตัวพระราชวังอย่างไม่ระมัดระวัง ที่ด้านหลังมีผู้รับใช้กำลังวิ่งตามติดๆ “โทมัสอย่าวิ่ง....” ไม่ทันที่เสียงเตือนของหญิงสาวที่กำลังวิ่งตามจะดับหายไป เกิดเหตุอันไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเด็กชายตัวน้อยสะดุดขั้นบันได ล้มกลิ้งลงมานอนสลบอยู่ที่พื้นพรมแดง อาบเลือดแดงฉานที่ปรากฏออกมาจากส่วนหัว สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้แก่หญิงสาวและผู้ติดตาม รวมถึงผู้รับใช้และอัศวินที่ยืนอยู่ด้านนอกซึ่งต่างก็กรูกันเข้าไปให้ความช่วยเหลือทว่า ในความโกลาหล ชายผู้สูงศักดิ์ ผู้รับใช้และกลุ่มคนชุดดำยังคงยืนอยู่กับที่
“.....” ชายชุดดำผู้เปิดประตูรถม้ากล่าวบางอย่างกับชายผู้สูงศักดิ์ก่อนที่ร่างนั้นจะเดินขึ้นไปบนรถม้าโดยไม่หันกลับมามองด้านหลังแม้เสี้ยววินาทีเดียว ประตูรถม้าปิดลงอย่างเบามือพร้อมร่างชุดดำที่เข้าประจำตำแหน่งก่อนจะเริ่มขับเคลื่อนรถม้าออกจากเขตพระราชฐานไปในที่สุด นั่นคือความทรงจำสุดท้ายก่อนที่นัยน์ตาสีเงินจะจมลงสู่ความมืดมิด ได้แต่ภาวนาให้ทั้งหมดเป็นเพียงความฝันที่ไม่ใช่ความจริง พยายามที่จะลืมรสชาติของความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ไม่มีวันหายดีแต่ในวันนี้ วันที่โชคชะตาชักจูงให้ได้มาพบกับกลุ่มคนชุดดำอีกครั้ง พวกมันคือผู้พรากสิ่งสำคัญไปจากเขา พวกมันคือผู้ทำให้พระราชวังที่เคยถูกทาด้วยสีสันแห่งชีวิตกลับกลายเป็นเพียงสิ่งก่อสร้างที่ถูกย้อมด้วยสีเทาแห่งความหม่นหมอง พวกแคปิตอล คอป.....
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 264
แสดงความคิดเห็น