หัวใจของสัตว์ร้าย
ลานหญ้ารก ณ กึ่งกลางของผืนป่าทึบ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าที่แห่งนี้คือโรงอาหารตะวันตกที่พวกเขากำลังมองเห็น มันทุรกันดารจนน่าหวั่นวิตก ไม่มีรั้วล้อมรอบเขตโรงอาหาร ไม่มีสีสันเย็นเฉียบของโต๊ะหิน ไม่มีอะไรเลยนอกจากกลุ่มนักเรียนที่นั่งกันเป็นกระจุกบนพื้นหญ้า ส่วนน้อยที่สวมชุดเหมือนพวกเขาและส่วนมากสวมชุดที่แปลกตาเป็นอย่างมาก
“เฮ้อ!! นี่ไงล่ะความกันดารที่ดิฉันหมายถึง ฝ่าบาทโปรดทรงไตร่ตรองอีกครั้งด้วยเถิดเพคะฝ่าบาท” จูปิตันกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย เธอเหลือบตามองโทมัสเจ้าของความคิดแต่ด้วยใบหน้าอันทรงเสน่ห์จึงทำให้เธอยอมเงียบไปโดยปริยาย
ใบหน้าที่หันมองไปที่ที่เดียวกันโดยไม่ได้ถูกบังคับหรือบอกกล่าว กลุ่มนักเรียนที่ก้าวเดินในความเงียบซึ่งนำโดยชายหนุ่มร่างสูง ผมขาวเกือบดูยุ่งเหยิงและนัยน์ตาสีแดงอันน่าประหลาด สายตานับร้อยที่ส่งมาหาพวกเขามีทั้งความสงสัย ไม่เข้าใจ หวาดกลัวแต่ก็มีบางส่วนที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง โกรธแค้นและชิงชัง
โทมัสเห็นด้วยสายตาจากระยะไกล นักเรียนชายคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาที่กลุ่มของพวกเขา ใบหน้าเรียบเฉยของนักเรียนคนนั้นยิ่งเห็นใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกเหมือนมันจะทำให้เกิดเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นและก็เป็นจริงตามลางสังหรณ์อันแข็งแกร่ง ใบหน้าบิดเบี้ยวจากแรงต่อยอันแสนทรงอานุภาพส่งผลให้ซาคาเรียสตัวปลิวและหน้าไถลไปกับพื้นหญ้า เสียงที่เขาได้ยินก่อนโลกจะล้มครืนไปต่อหน้าต่อตาคือเสียงร้องด้วยความตกใจของจูปิตัน มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีสัมผัสนุ่มๆ ของแขนหลายคู่ที่กำลังพยุงตัวเขาให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับภาพของวิสัยทัศน์ที่กำลังปรับเข้าสู่สภาวะปกติ หูยังคงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายทั้งรอบตัวและในระยะไกลแต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าสงสัย ทั้งที่โดนต่อยเข้าเต็มกำลังแต่ทำไมถึงไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว
จูปิตันโหวกเหวกโวยวายตามประสา โรซาลินกำลังปฐมพยาบาลให้ซาคาเรียส ส่วนวิลเลี่ยมก็กำลังคุยกับคนก่อเหตุที่ตอนนี้ถูกล็อกแขนสองข้าง ดูจากสภาพแล้วเหมือนจะยังไม่สงบสติอารมณ์แต่อย่างใด โทมัสเฝ้ามองสถานการณ์อย่างเงียบสงบ ไม่มีอาการแยแสซาคาเรียส เอาแต่ฟังเสียงตะโกนจากนักเรียนคนนั้นด้วยความสงสัย “มันสมควรโดนแล้ว!!!” ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังราวกับเสียงกระซิบ
“ใจเย็นก่อนนะครับ” วิลเลี่ยมพยายามไกล่เกลี่ย “คุณเองก็เป็นไปกับเขาหรือครับ คุณวิลเลี่ยม?” โทมัสชำเลืองมองวิลเลี่ยมทันทีและเหมือนวิลเลี่ยมเองก็จะรู้ว่าโทมัสมองมาที่ตนทำไม “คุณวิลเลี่ยม?” เสียงปริศนาที่ผ่ากลางเสียงทั้งหมด เร็วกว่าที่ปากของโทมัสจะส่งเสียงอะไรออกไปและบังคับให้เสียงอื่นใดเงียบไปในทันที กลุ่มนักเรียนไทมุงแหวกตัวออกเป็น 2 ฝั่ง ปล่อยให้นักเรียนชายผิวสี ผมทรงสกินเฮด ร่างกายกำยำและมีราศีของความเป็นผู้นำเดินตรงเข้ามาอย่างน่าเกรงขาม “คุณมิลเลอร์?” และดูเหมือนวิลเลี่ยมจะรู้จักกับชายคนนี้เมื่อฟังจากการทักทายของเขา
สถานการณ์อันน่าสับสนและตึงเครียดเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันกับการปรากฏตัวของเดวิด วิลเลี่ยมแนะนำให้เพื่อนของเขาได้รู้จักว่าเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มลีก ออฟ ลิเบอรัลไลเซชัน กลุ่มของนักเรียนทุนที่ยังหลงเหลือในโรงเรียน “ขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงขอรับฝ่าบาทที่คนของกระผมล่วงละเมิดพระเกียรติยศของพระองค์เช่นนี้” ในขณะที่ทุกคนนั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะไม้ยาวที่มีเพียงตัวเดียวในเขตโรงอาหาร เดวิดเป็นคนเดียวที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของซาคาเรียส ร่างกำยำโค้งตัวลงจนเข่าชิดติดพื้นหญ้าเช่นเดียวกับหน้าผาก “โปรดทรงประทานอภัยโทษให้คนของกระผมด้วยเถิดขอรับฝ่าบาท” ไม่เพียงแต่คำพูดแต่เป็นการกระทำที่ซื้อใจทั้งโทมัสและซาคาเรียส เจ้าชายตัวจริงและเจ้าชายตัวปลอมต่างก็รับรู้ถึงความจริงใจจากชายคนนี้ ทว่าอะไรคือต้นเหตุของความเกลียดชังจนนำไปสู่การใช้กำลังและเสียงโห่ร้องที่แสดงออกว่าไม่พอใจที่เดวิดยอมก้มหัวให้เจ้าชาย
“ผมขอถามได้ไหมครับว่าทำไมถึงต้องทำร้ายร่างกายเจ้าชาย? พวกคุณไม่ชอบอะไรในตัวของพระองค์หรือครับ?” โทมัสเอ่ยขึ้นเพียงเท่านั้นเสียงของเขาก็ถูกกลบด้วยคลื่นเสียงรอบตัว คำว่าทอดทิ้ง เมินเฉย มันดังกังวานอยู่ในจิตใจของเขาจนรู้สึกสับสนมากกว่าเดิม เดวิดลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขาหันมองไปโดยรอบตัว สายตาอันน่าเกรงขามแม้ไม่ต้องเอ่ยปากก็สามารถสยบทุกเสียงได้โดยง่ายดาย เมื่อทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ เขาเดินไปนั่งที่ข้างซาคาเรียส ดวงตาที่กำลังจ้องมองซาคาเรียสแสดงถึงความเชื่อมั่นแม้จะแฝงเศษเสี้ยวของความสงสัยไว้ภายในเป็นจุดเล็กๆ “1 ปีในเงามืด ที่สุดเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ พวกเรานับวันรอคอยความพร้อมของพระองค์ เจ้าชายฟรานซิสโก้โทมัส ผู้ที่จะกอบกู้แสงสว่างที่อ่อนกำลังของกลุ่มจัสติค ตั้งแรกวันแรกที่พระองค์เข้ามาเรียนที่โรงเรียน พวกเราต่างรอคอยอย่างใจเย็นแต่สุดท้ายก็มีแต่เพียงความเงียบจากพระองค์เท่านั้นที่ดังกึกก้องอยู่ ณ ที่แห่งนี้” เดวิดมองหน้าซาคาเรียสผู้มีสีหน้างงงวยเป็นอย่างมาก
“หากไม่ใช่เพราะท่านคาร์เน็ตโต วิลเลี่ยมและท่านอัลเบอร์โต รูบี้ที่คอยแก้ข่าวลือให้พวกกระผมได้ทราบ กระผมเองก็คงหมดความศรัทธาในตัวพระองค์เหมือนดั่งเจ้าเด็กเขลาคนนั้น” หัวใจของโทมัสเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ อัลเบอร์โต รูบี้ เป็นเพราะชื่อนี้อีกแล้วแต่ไม่ใช่เวลาที่จะมาไขว้เขวกับสิ่งอื่นใด “ข่าวลือที่ว่าคืออะไรหรือครับ?” ใบหน้าเรียบเฉยของเดวิดบังเกิดความสับสนขึ้นทันใด เขาหันไปมองวิลเลี่ยมเหมือนกับว่า.... “ขอโทษทีครับที่ไม่ได้แจ้งให้พระองค์ได้รับทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ กระผมแค่คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องบอกพระองค์ที่ยังมิทรงมีความพร้อมสำหรับการสานต่อกลุ่มจัสติคขอรับฝ่าบาท” วิลเลี่ยมกล่าวไปหลบสายตาโทมัสไป “แล้วข่าวลืออะไรหรือครับ?” โทมัสย้ำอีกครั้ง วิลเลี่ยมถึงกับขนลุกเมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นของโทมัส ยิ่งคำถามนั้นทำให้เขาดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงให้โทมัสพึงพอใจ
“เอ่อคือมันเกี่ยวกับ.....เกี่ยวกับความจริงที่ว่า…..เอ่อ” “ความจริงที่ว่าเจ้าชายฟรานซิสโก้จะไม่เข้าร่วมกลุ่มจัสติคแต่จะเข้าเป็นสมาชิกของกล่มฟอร์เทร็ซเซสแทนครับ” เดวิดตอบแทนวิลเลี่ยมที่ดูจะไม่กล้าตอบเต็มเสียง เขาไม่รู้ว่ามันหนักอะไรนักหนากับแค่การตอบในแบบที่เขาเพิ่งกล่าวไปเมื่อครู่
“กระผมและเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์รู้ดีว่าพระองค์และทายาทที่แท้จริงของผู้ก่อตั้งกลุ่มจัสติคจะมาเยือน ณ โรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้เพื่อทำให้กลุ่มจัสติคเติบโตยิ่งกว่าที่เคยเป็นแม้ว่า ณ เวลานี้กลุ่มจัสติคจะเหลือเพียงนามแต่หากพระองค์และพระสหายอีก 3 คนร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว จะต้องดึงความเชื่อมั่นที่แตกสลายของกลุ่มจัสติคในอดีตและทำลายความชั่วร้ายของโรงเรียนแห่งนี้ให้หมดไป พวกเราต้องปลดแอกตัวเองจากอำนาจมืดของกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสให้ได้ขอรับฝ่าบาท” เดวิดร่ายยาวก่อนจะหันไปมองซาคาเรียส “ทรงพร้อมแล้วใช่ไหมขอรับฝ่าบาท?” ทั้งซาคาเรียสและโทมัสต่างขมวดคิ้ว “พร้อมอะไรหรือครับ?” คำตอบของซาคาเรียสกลายเป็นความสงสัยให้เดวิดผู้หันกลับไปมองที่วิลเลี่ยมอย่างงุนงงไปด้วย “หรือบางทีฝ่าบาทอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการรับตำแหน่งจริงๆ” เดวิดกล่าว มันทำให้วิลเลี่ยมมีสีหน้าเปลี่ยนไป กดดันและเคร่งเครียดเพราะหากโทมัสไม่เล่นด้วยกับความคิดดังกล่าวจะกลายเป็นว่าเขาจะต้องรับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มจัสติคไปโดยปริยายแทนโทมัส
“ผม....เอ่อ....” ทั้งหมดต่างหันไปมองที่ต้นเสียงเอะอะโวยวาย นักเรียนทุนวิ่งหนีออกจากจุดหนึ่งที่ปรากฏกลุ่มนักเรียนหลวงกลุ่มใหญ่ ชายที่เดินนำหน้ากลุ่มนักเรียนเหล่านี้ไม่ใช่ใครแต่เป็นแฟรงก์ลินผู้มีรอยยิ้มแห่งความสุขที่กว้างขึ้นเมื่อเห็นกลุ่มของโทมัส นิ้วชี้ปัดไปมาทั้ง 2 ฝั่งเป็นคำสั่งพิเศษเพื่อให้ผู้อยู่ใต้อาณัติเริ่มอาละวาดใส่นักเรียนทุนโดยรอบอย่างไม่ยำเกรง เปลวไฟปลิวว่อนไปทั่วอาณาเขตโรงอาหาร ทำลายแม้แต่ใบหญ้าบนพื้นจนมอดไหม้และทำให้นักเรียนทุนหากไม่หนีตาย ก็เข้าไปตะลุมบอนกับกลุ่มผู้มาเยือนอย่างเดือดพล่าน
แฟรงก์ลินยังคงยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองความวินาศสันตะโรด้วยรอยยิ้มกว้างไม่หุบราวกับงานศิลปะที่เคลื่อนไหวด้วยการกรีดนิ้วเรียวของเขาและมันเกิดขึ้นเป็นไปตามจังหวะที่เขาต้องการ นัยน์ตาสีม่วงจ้องมองใบหน้าที่เป็นเดือดเป็นร้อนของซาคาเรียสผู้วิ่งเข้าไปช่วยเดวิดจัดการกับนักเรียนหลวงเหล่านั้นก่อนจะเปลี่ยนเป้าสายตามาที่โทมัส เขาสัมผัสได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตนั้น มันชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ทั้งความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายที่เริ่มสั่นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ บางอย่างกำลังต้องการถูกปลดปล่อยออกมาจากภายใน อสูรร้ายแห่งความโกรธแค้น
แฟรงก์ลินปรบมือ 2 ครั้ง เสียงนั้นแม้จะไม่ดังมากแต่กับโทมัสมันดังพอที่จะปลุกให้เขากลับมามีสติอีกครั้ง เหมือนลมหายใจมันถูกอุดมานานและตอนนี้กำลังถูกปล่อยออกมาทีเดียวพร้อมกันจนหายใจไม่ทัน ริมฝีปากอ้ากว้างพยายามที่จะผ่อนลมออกให้ได้มากที่สุด การเต้นที่รุนแรงของหัวใจสัมผัสผ่านฝ่ามือที่ทาบอยู่บนหน้าอก กระนั้นสายตาของโทมัสก็ยังคงจดจ้องมองแฟรงก์ลินโดยไม่ละสายตาและเห็นว่าร่างนั้นกำลังเตรียมเดินจากไปพร้อมนักเรียนหลวงที่ก่อความวุ่นวาย ไม่มีใครรู้ว่าจุดประสงค์ที่เขามาเยือนและทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่
“ฝ่าบาท เป็นอะไรรึเปล่าขอรับฝ่าบาท?” ซาคาเรียสเข้ามาดูอาการไม่สู้ดีของโทมัส กระซิบที่ข้างหูเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน ช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง “ฝ่าบาท ก็อย่างที่เห็นขอรับฝ่าบาท พวกเรานักเรียนทุนถูกกลั่นแกล้งสารพัดจากกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสโดยเฉพาะหัวหน้าของพวกมัน โรบัสต้า แฟรงก์ลินและปีศาจหมาป่าสีดำ” เดวิดเดินเข้ามา “ตั้งแต่กลุ่มจัสติคและแกนนำทั้งหมดถูกกลืนกินโดยความชั่วร้ายของกลุ่มฟอร์เทร็ซเซส พวกเราไม่เคยได้เห็นแสงสว่างในความมืดของโรงเรียนแห่งนี้และพระองค์ ฝ่าบาท ฝ่าบาทคือแสงสว่างที่พวกเราจำเป็นต้องมี พวกเราจำเป็นต้องพึ่งพระองค์ ท่านเป็นเพียงผู้เดียวที่จะรวมเศษเสี้ยวที่แตกสลายของกลุ่มจัสติคให้กลับมาอีกครั้ง ได้โปรดเถิดขอรับฝ่าบาท ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย” เดวิดนั่งคุกเข่าลงกับพื้น อ้อนวอนต่อซาคาเรียสที่มีสีหน้าเคร่งขรึม เขาหันมองไปโดยรอบ เสียงร้องไห้ดังระงมเช่นเดียวกับใบหน้าที่หวาดกลัว ชั่งเป็นภาพที่น่าหดหู่และมันทำให้หัวใจที่อ่อนโยนถูกผลักดันด้วยความรู้สึกที่เข้มข้น
“ครับ ผมฟรานซิสโก้ โทมัส ขอปฏิญาณตนต่อหน้าพวกคุณทุกคนว่าผมจะรื้อฟื้นกลุ่มจัสติคขึ้นมาอีกครั้งและจะทำลายความชั่วร้ายที่ชื่อว่ากลุ่มฟอร์เทร็ซเซสให้สิ้นซาก เพื่อที่ความสุขของทุกคนจะได้กลับมาอีกครั้งครับ!” ซาคาเรียสกล่าวเสียงเข้ม มันเป็นครั้งแรกที่เขาทำอะไรโดยพลการ ไม่คิดจะส่งสัญญาณให้โทมัสผู้ยังคงคุมสติไม่ได้เต็มร้อย
ประตูห้องที่ถูกเปิดออกในยามดึก ซาคาเรียสยังคงทำหน้าที่ของตัวเองตามเดิม เขาถือถาดแก้วและเหยือกนมร้อนมาเสริฟถึงโต๊ะในห้องบรรทมของเจ้าชายฟรานซิสโก้ โทมัสผู้นั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะหมากรุก ดวงตาไม่ได้ตั้งใจมองการเคลื่อนไหวบนโต๊ะตรงหน้าแต่ก็มองเห็น ได้กลิ่นและสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของของเหลวสีขาวขุ่นที่ถูกเทจากเหยือกลงในแก้วน้ำใส “ฝ่าบาท วันนี้กระผม....” กล่าวเท่านั้นก็หยุดไป มันรู้สึกกระดากปากที่จะกล่าวต่อ ยิ่งเมื่อเห็นว่าโทมัสไม่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ “กระผมจะรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ กระผมจะเป็นเจ้าชายตัวปลอมและทำหน้าที่แทนพระองค์จนกว่าความจริงจะถูกเปิดเผยขอรับฝ่าบาท” ซาคาเรียสกลับมายืนตัวตรงอีกครั้งหลังอยู่ในท่าโค้งตัวทำความเคารพแต่ก็ยังไม่เห็นปฏิกิริยาที่แตกต่างจากโทมัสจึงตัดสินใจหันหลังให้และเตรียมเดินออกจากห้องไป
“ถ้าเราเป็นพี่ เราก็คงจะพูดแบบเดียวกันครับ” เท้าที่ชะงักอยู่กับที่ ไม่จำเป็นต้องมองกลับไป รอยยิ้มที่มุมปากกลับมาอีกครั้ง มันหายไปตั้งแต่ช่วงที่ออกจากโรงอาหารตะวันตกและการที่มันกลับมาปรากฏอีกครั้ง บางทีนี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับพวกเขาก็ได้ เสียงประตูที่ปิดลง ทิ้งไว้เพียงชั่วครู่ก็มีเสียงวางแก้วน้ำที่ดังตามมาก่อนที่แสงสว่างภายในห้องจะดับลงและคืนความมืดที่แท้จริงให้คลุมพื้นที่ทั้งหมด
ในความมืดที่มองไม่เห็นสิ่งใด โทมัสยังคงมีสติและกำลังไตร่ตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ในความลำพังที่มีเพียงเสียงของความเงียบ เขารู้สึกเจ็บหัวใจเพียงชั่ววินาทีเท่านั้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 316
แสดงความคิดเห็น