ชีวิตใหม่ที่สภากาชาดไทย ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
ชีวิตใหม่ที่สภากาชาดไทย
โดย นายณัฐพงษ์ นัท ซิตี้ ลีเลิศชายมนตรี
หากคุณ... คือ ผู้ให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
หากคุณ... คือ ผู้บริจาคโลหิต อวัยวะ ดวงตา และร่างกาย
หากคุณ... ต้องการสัมผัสนิยามใหม่ของผู้ให้
หากคุณ... ต้องการพบบริบทใหม่ของการบริจาค
แล้วคุณจะรู้ว่า... การเตรียมตัว การอธิษฐาน และอนิสงฆ์ของการบริจาคโลหิตเป็นอย่างไร
แล้วคุณจะทราบว่า... การบริจาคอวัยวะสำคัญต่อชีวิตให้มนุษยชาติขนาดไหน
แล้วคุณจะตระหนักว่า... ดวงตาของคุณช่วยคนได้ถึง 6 คน
แล้วคุณจะภาคภูมิใจว่า... เราได้เป็นอาจารย์ใหญ่ให้แก่นักศึกษาแพทย์มันดีอย่างไร
แล้ววันนี้คุณผู้อ่านพร้อมหรือยัง ? ที่จะได้สัมผัสเรื่องสั้นยุค 4.0 ที่แฝงไปด้วยเรื่องราวอันเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่กับสภากาชาดไทย หากท่านพร้อมแล้วทำจิตให้นิ่ง กายให้เบา เพื่อรับอรรถรสเรื่องราวอันเป็นมหากุศล จากเรื่องราวต่อไปนี้
“ได้โปรด ! ช่วย ช่วยผมด้วย ผะผะผม.. ยังไม่อยากตาย” น้ำเสียงที่แหบแห้งอ่อนระทวยที่พยายามพูดออกมา พร้อมสองมือที่ไขว่ขว้าหาคนมาช่วยเหลือ
“เฮ้ย ! นัท เกิดอะไรขึ้น… เป็นไงบ้าง ?” ชัยพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก แล้วรีบจอดมอเตอร์ไซค์คู่กายซึ่งขับมาตามหลังเพื่อนเขา
“โอ๊ย! โอ๊ย! ผมปวดมาก ไม่ไหวแล้ว พาไปโรงพยาบาลที” เสียงของนัทบ่งบอกอาการที่บาดเจ็บสาหัส สายตาของนัทเริ่มเหม่อลอย ตาค่อย ๆ หรี่ลง ๆ จนสลบแล้วหมดสติไป
“นัท นัท นัท อย่าหลับนะ ?”
ชัยรู้สึกตกใจมากที่เห็นเพื่อนเขามีบาดแผลเต็มตัว มีเลือดออกไหลไปทั่วร่าง และหมดสติ เขานึกถึงการอบรมปฐมพยาบาลขึ้นมาได้ จึงเริ่มกวาดสายตาไปบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุว่าปลอดภัยกับตัวเขาและเพื่อนไหม ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะสัมผัสไปที่ชีพจร ซึ่งอยู่ส่วนโคนนิ้วหัวแม่มือ พบว่ายังมีสัญญาณชีพอยู่ ใช้นิ้วสัมผัสที่ปลายจมูกมีลมหายใจแผ่วเบา และสังเกตที่หน้าท้องยังมีลมกระเพื่อม
ขั้นตอนต่อมา เขาเริ่มสำรวจตัวของนัทจากส่วนไกลสุด ไล่มาจนใกล้สุด พบขาหัก แขนหักหลายท่อน เขาจึงไม่กล้าที่ขยับเขยื้อน เพราะกลัวกระดูกส่วนที่หักจะไปทิ่มแทงอวัยวะภายในได้ เมื่อสำรวจทุกอย่างครบครันแล้ว ชัยจึงใช้มือถือของเขาโทรเข้าไปที่ศูนย์นเรนทร 1669 ทันที
“มีผู้บาดเจ็บสาหัสจากมอเตอร์ไซต์ชนเสาไฟฟ้า มีกระดูกแขนและขาหัก ไม่มีสติ แต่ยังมีสัญญาณชีพ” ชัยพูดด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก และสะอื้นเล็กน้อย เพราะเขากลัวจะเสียเพื่อนไป จนเจ้าหน้าที่มาถึงให้เขาตั้งสติ แล้วสอบถามอีกครั้งเพื่อจะเข้าไปช่วยเหลือ
“ชัย ชัย ช่วยผมด้วย” นัทพูดพร้อมใช้แรงเฮือกสุดท้ายลุกขึ้น เพื่อเดินไปหาเพื่อนด้วยสภาพที่สะบักสะบอม เลือดไหลท่วมตัว
“ใครเป็นผู้แจ้งอุบัติเหตุมอเตอร์ไซต์ชนเสาไฟฟ้า” นายตำรวจถามเข้าไปในกลุ่มฝูงชนที่มุงดู พร้อมเอาไฟฉายส่องไปที่ร่างของนัทที่กำลังนอนจมกองเลือดอยู่
“ผมเองครับพี่ตำรวจ... ได้โปรดช่วยเพื่อนผมด้วย พามันไปโรงพยาบาลที” ชัยพูดกับตำรวจแล้วยกมือไหว้ไปเช็ดน้ำตาไป
“ไอ้ชัย กูไม่เจ็บแล้ว มึงไม่เห็นเหรอว่ะ” นัทพูดด้วยอาการฉุนเฉียวที่ไม่มีใครสนใจเขาเลย
“เดี๋ยวเอาร่างผู้บาดเจ็บขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ ให้เขาอยู่ในสภาพเดิม อย่าขยับเขยื้อนร่างกายนะ เพราะกระดูกส่วนที่หักอาจไปทิ่มแทงอวัยวะภายในที่สำคัญ ทำให้เป็นอัมพาตได้” นายตำรวจพูดเสร็จรีบเดินไปที่ท้ายรถเพื่อดูผู้บาดเจ็บ
“ไม่ ไม่ ไม่จริง ผมตายแล้วเหรอ ไม่… ผมยังไม่อยากตาย ผมยังต้องดูแลครอบครัว ต้องหาเงินให้น้องให้หลานเรียนหนังสือ ยังผ่อนบ้าน ผ่อนรถไม่หมด ยังไม่ได้เห็นความสำเร็จของชีวิต ยังไม่ได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน เลย ผมยังไม่อยากตาย” นัทตะโกนสุดเสียง พร้อมวิ่งเข้าไปดูร่างของตนที่จมด้วยกองเลือด ซึ่งกำลังถูกนำส่งโรงพยาบาล
“เจ้าจงหยุดคร่ำครวญ... เดี๋ยวนี้ มนุษย์ผู้โง่เขลา มนุษย์ที่มีแต่ความโลภ โกรธ หลง มีแต่ความทะเยอทะยาน อยากไม่จบไม่สิ้น มนุษย์ผู้ไม่เคยรู้จักคำว่าพอ ไม่เคยพอจริง ๆ ตั้งแต่โลกธาตุได้อุบัติขึ้นนับหลายล้านกัลป์” ชายร่างกายกำยำ นัยน์ตาสีแดง มือขวาถือเชือก จ้องมองมาที่นัทอย่างดุดัน แล้วเดินตรงเข้าไปหานัท
“ไม่... ผมไม่ไปกับท่าน ขอเวลาผมอีก ผมอยากทำอะไรอีกมากมาย ผมไม่ไป” นัทพูดพลางวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้ต้องเป็นยมฑูตที่มารับวิญญาณเขา ชีวิตของนัทยังต้องมีเรื่องที่ทำในโลกสังคมอีกมากมาย ธุรกิจที่กำลังเติบโต และครอบครัวที่เขายังต้องดูแลอีกหลายชีวิต หากขาดเขาไปแล้ว พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร
“หยุดนะ มนุษย์ผู้โง่เขลา เจ้าหนีเราหาพ้นไม่ เจ้าเกิดมาพร้อมกับสองมือที่กำไว้ มันคือกำ… ที่กำเนิด เสียงร้องไห้ของทารก มันคือเสียงความเวทนาชีวิตของมนุษย์ที่กำลังจะเริ่มขึ้น ผมของมนุษย์ที่หงอก ฟันที่โยก ผิวหนังที่เหี่ยวย่น มันคือสัญญาณแห่งกาลเวลาที่เตือนเจ้า ความเจ็บป่วยของมนุษย์ที่ต้องรักษาให้หายย่อมชี้แจ้งเห็นชัด มนุษย์ผู้โง่เขลาไม่ได้เป็นเจ้าของเรือนกายนี้ ความตายที่พวกมนุษย์ได้ประจักษ์เห็นเพียงแสร้งเห็นเป็นผู้อื่น หาได้พินิจพิเคราะห์เป็นมรณะสติไม่ มนุษย์เห็นความตายเป็นเรื่องแค่สยดสยอง ร่างกายที่ผุเน่าเปื่อย แล้วก็ลืม แล้วก็กลายเป็นผีที่กล่าวเล่าสร้างตำนานให้เชื่อกัน มนุษย์ผู้โง่เขลา เจ้าเห็นไหม เราได้ให้เวลาเจ้าแสนนานแล้ว สัญญาณเวลา คือ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย นั่นแหละพันธสัญญาณแห่งมนุษย์กับเรา เจ้าจงมากับข้าเถิด” นายนิรยบาล (ผู้คุมนรก) ใช้เชือกเข้าไปคล้องตัวนัททันที
“ผมขอนะ ผมไม่ไป... ผมไม่อยากตาย” นัทพูดพลางใช้มือขวาของเขาดึงเชือกออก ซึ่งพยายามดิ้นรนหรือดึงเชือกออกเท่าไหร่ เชือกนั้นก็รัดร่างให้แน่นจนเต็มท่วมตัวของเขา
“น้อง ๆ เอาบัตรผู้บริจาคโลหิต ร่างกาย และอวัยวะไป มันตกอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซต์เขา น้องเขาคงชอบทำบุญนะ แต่ยังขาดบัตรบริจาคดวงตา สงสัยเขาคงไม่ได้บริจาคดวงตา เอาเก็บไว้ด้วยเผื่อต้องใช้” นายตำรวจยื่นให้กับชัย ซึ่งจริง ๆ นัทก็ถูกเชือกรัดอยู่ใกล้ ๆ พวกเขาทั้งสองคน
“บริจาคโลหิต บริจาคเลือดเหรอ ต่อแต่นี้เราคงให้เลือดใครไม่ได้แล้ว” นัทน้ำตาซึม บุญที่ทำ ที่ได้สละเลือด โดยที่ตนเองได้เห็น โดยที่ตนเองได้ประจักษ์กับตา บุญที่เขาสามารถอนุโมทนาบุญได้ด้วยตัวเขาเอง บุญที่ต่อชีวิตให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บุญที่ไม่ต้องใช้เงินบริจาค เป็นบุญที่สัมผัสได้ทั้งกาย วาจา และใจ เป็นบุญอิ่มบุญ ที่ระลึกได้ สัมผัสได้ เปรียบเสมือนเป็นเส้นทางบุญอันยิ่งใหญ่ไม่แพ้บุญใด ๆ สำนึกแห่งจิตเขาจึงเกิดภาพอุปนิมิตขึ้นมา เป็นภาพบังเกิดขึ้นตรงหน้าเขาทันที
“สวัสดีเพื่อนร่วมงานทุกคนนะครับ อาทิตย์หน้าบริษัทของเราได้จัดให้มีการบริจาคโลหิต ดังนั้นผมจึงอยากให้เลือดที่ทางสภากาชาดไทยได้รับและส่งต่อให้กับผู้รับทุกหยดไม่สูญเปล่า จึงให้เทพบุตรและนางฟ้าของบริษัทเราเตรียมตัวให้พร้อม สิ่งที่สำคัญ คือ ในขณะบริจาคให้ตั้งจิตอธิษฐานบารมีดังนี้ ขอให้เลือดของข้าพเจ้านี้เป็นเสมือนโอสถทิพย์ ผู้ป่วยผู้ใดที่ได้รับโลหิตของข้าพเจ้านี้ ก็ขอให้หายเจ็บ หายป่วย หายโรค หายภัย เป็นคนดี เป็นคนรักศีล มีศีล ค้ำจุนพระศาสนา ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ และด้วยกุศลผลบุญนี้ขออุทิศให้แก่คุณบิดา คุณมารดา ครูบาอาจารย์ และท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนเทวดาทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน และสรรพสัตว์ทั้งหลายทุกภพทุกภูมิอันไม่มีประมาณ ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าท่านที่มีทุกข์ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้าท่านที่มีสุขก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุ” นัทอ่านให้เพื่อนร่วมงานฟังด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจและอยากบริจาคโลหิตให้เร็วที่สุด
“สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ขอให้บุญเกื้อหนุนข้าพเจ้าทุกภพชาติไปด้วยเทอญ” นัทตอนนี้อยู่ในสภาพโดนเชือกรัดทั้งตัว เขาไม่ดิ้นรนที่จะหนี เพราะยิ่งหนีเชือกก็ยิ่งรัดเขาแน่นมากขึ้นทวีคูณ นัทหลับตาลงแล้วระลึกถึงบุญที่เขาบริจาคเลือดอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน นัทเคยบริจาคโลหิตแบบพิเศษพลาสม่า เกล็ดเลือด เม็ดเลือดแดง สลับกันไป เขายิ่งระลึกบุญที่ได้ทำ เขารู้สึกปลื้มปิติทำให้จิตนิ่ง กายนิ่งไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเขา ส่งผลให้เชือกที่รัดตัวเขาไว้หายไปทันที
“เจ้ามนุษย์ผู้แสวงหาปัญญา ผู้ให้ย่อมได้รับการตอบ และผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ เชือกแห่งวิญญาณของเราจะไม่เหนี่ยวรั้งดวงวิญญาณที่เป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้โดยไม่เลือกว่าเป็นผู้ใด ทานบารมีในการบริจาคโลหิตเป็นดั่งสเบียงบุญที่สะสมพาเจ้าสู่ชีวิตที่สูงขึ้นดีขึ้น ในกาลข้างหน้าอย่างแน่นอน” นายนิรยบาลกล่าว พร้อมสาธุอนุโมทนาบุญที่สภาวะแห่งจิตของนัทกำลังปลื้มปิติในบุญแห่งการบริจาคโลหิต
“คุณณัฐพงษ์ คุณณัฐพงษ์ คุณณัฐพงษ์” เสียงพยาบาลสาวเรียกชื่อ พร้อมใช้มือตบไปที่ไหล่ของเขาหลายครั้ง แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ
“เราต้องให้เลือดคุณณัฐพงษ์ เขาเสียเลือดมาก แต่ทางโรงพยาบาลไม่มีเลือดกรุ๊ปเอเลย โรงพยาบาลได้ประสานงานขอเลือดไปทางศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีญาติและเพื่อน ๆ พร้อมผู้มีจิตอาสาไปที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ แจ้งบริจาคเลือดให้คุณณัฐพงษ์เยอะมาก แสดงว่าเขาน่าจะเป็นผู้ให้เลือดอย่างสม่ำเสมอ เพราะจากประวัติการบริจาคโลหิต เขาให้มาตลอดทุก 3 เดือน โดยไม่เคยขาด ซึ่งทางเรายังประหลาดใจเลย เพราะเมื่อเช้าเลือดกรุ๊ปเอไม่มีเลย แต่ผ่านไปไม่พ้นวันกลับมีเลือดกรุ๊ปนี้ มีคนเข้ามาบริจาคให้คุณณัฐพงษ์เยอะมาก” พยาบาลสาวคุยกับชัย พร้อมเจาะถุงเลือดให้กับนัทที่นอนในสภาพนิ่งไร้วิญญาณ
“อุปบารมีทานได้เกิดแล้ว บุญแห่งการให้เลือดเนื้อ อวัยวะ ส่งผลบุญให้กับเจ้าในภพนี้แล้ว เจ้าจงอนุโมนาบุญกับผู้ที่ให้เลือดแก่เจ้าตอนนี้เถิด” นายนิรยบาลได้จ้องมองมาที่นัท แล้วหลับตาลง สำรวมด้วยกาย วาจาใจ พร้อมพิจารณากายทิพย์ของตนเอง เพื่ออนุโมนาบุญจากผู้บริจาคโลหิต
“โมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ข้าพเจ้าขอยินดีในส่วนบุญของผู้บริจาคโลหิต ที่มอบให้แก่ข้าพเจ้าเทอญ” นัทหลับตาทำจิตให้เป็นกุศล ให้สว่างและสะอาด เพื่ออนุโมทนาบุญของผู้บริจาคโลหิตที่ให้เลือดแก่เขา
“ความดันปกติ การหายใจปกติ สัญญาณชีพกลับมาปกติ พ้นขีดอันตรายแล้ว” พยาบาลอุทานด้วยความประหลาดใจกับชัยซึ่งนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“จริงเหรอ ! ผมขอเข้าไปเยี่ยมเพื่อนนะ” ชัยกล่าวด้วยความดีใจ พร้อมเดินตรงไปที่เตียงที่นัทนอนอยู่
“นัท แกต้องหายไวไวนะ จะได้ไปรับเข็มที่ระลึกบริจาคโลหิตที่สภากาชาดไทยด้วยกันนะเพื่อน” ชัยพูดเสียงดังเพราะอยากให้เพื่อนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงได้รับรู้
“ขอโทษนะคะ เป็นผู้บริจาคโลหิตที่สภากาชาดไทยเหรอค่ะ” เสียงหญิงสาววัยกลางคนที่กำลังดูเด็กน้อยวัย 5 ขวบ นอนให้เลือดอยู่ข้าง ๆ เตียงของนัท
“ใช่ครับ ผมกับเพื่อนเป็นผู้บริจาคโลหิตที่สภากาชาดไทยครับ” ชัยพูดพร้อมกวาดสายตามองไปที่หญิงสาว เด็ก และถุงเลือดที่ให้เลือดหมดไปแล้วหลายถุง
“ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันขอขอบคุณพวกคุณและเพื่อน ๆ จริง ๆ” หญิงสาวที่เป็นแม่ของเด็กพูด พร้อมกับยกมือไหว้
“ขอบคุณผมและเพื่อนเรื่องอะไรคับ ?” ชัยถามด้วยความมึนงง เพราะเขาไม่รู้จักและไม่เคยให้ความช่วยเหลือหญิงคนนี้มาเลย
“ลูกของฉันมีชีวิตอยู่ได้ถึง 5 ปี เพราะมีผู้บริจาคโลหิตอย่างพวกคุณที่คอยเข้าไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดไทย ลูกของฉันที่ตัวซีดเซียวเขาเป็น หากไม่ได้เลือดมาเปลี่ยน เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ เลือดในลูกของดิฉันอาจมีเลือดของพวกคุณและเพื่อนอยู่ ฉันอยากเจอผู้บริจาคโลหิต อยากเข้าไปขอบคุณเขา อยากพูดกับพวกเขาว่า การบริจาคโลหิตของพวกคุณโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด มันทำให้ชีวิตสองแม่ลูกมีชีวิตอยู่ได้จนทุกวันนี้ เพราะเลือดนักบริจาคโลหิตอย่างพวกคุณค่ะ” หญิงสาวพูดจบแล้วเดินไปที่เตียงของลูกชายวัย 5 ขวบ
“วันนี้แม่เจอนักบริจาคโลหิตแล้วลูก อยากให้หนูขอบคุณพวกพี่ ๆ เพราะพวกพี่เขานี่แหละทำให้ลูกของแม่กินได้ เล่นได้ เรียนหนังสือได้ ยิ้มได้ ทำให้แม่มีความสุข และได้อยู่กับลูกของแม่จนถึงทุกวันนี้ แม่อยากให้หนูขอบคุณพี่เขาในฐานะเป็นตัวแทนของผู้บริจาคโลหิตทุกคน” หญิงสาวพยุงลูกชายของตนให้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงเพื่อขอบคุณนักบริจาคโลหิต
“หนูขอบคุณพี่ ๆ มากครับ หนูป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย ถ้าหนูไม่ได้เลือดพี่ ๆ หนูจะเล่นไม่ได้ กินไม่ได้ เรียนหนังสือไม่ได้ ไม่ได้เห็นหน้าแม่ของหนูด้วยครับ ขอบคุณพี่ ๆ มากนะครับที่ช่วยบริจาคโลหิต ถ้าหนูโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ หนูขอสัญญาจะเป็นคนดีของแม่ และจะเรียนหนังสือให้เก่ง ๆ โตขึ้นจะได้เป็นหมอรักษาโรคธาลัสซีเมียครับ” น้ำเสียงใสของเด็กวัย 5 ขวบ พูดออกมาด้วยแววตาที่สดใส รู้สึกขอบคุณและชื่นชมนักบริจาคโลหิตที่ยิ่งใหญ่
“ยินดีครับ พี่ขอสัญญาจะขอเป็นผู้บริจาคโลหิตตลอดไปครับ และขอให้น้องหายไว ๆ นะ โตขึ้นเป็นคนดีของพ่อแม่และสังคมต่อไป” ชัยพูดออกมาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจและปลื้มใจเป็นทวีคูณ เมื่อได้เห็นเลือดที่เขาบริจาคได้ชุบชีวิตเด็กและแม่ให้มีความสุขและความหวังตลอดไป
“เมื่อผู้ให้เลือดมาเจอผู้ขอรับเลือด ย่อมเปรียบได้กับ คำพูดที่ถูกเวลา ฝนที่ตกถูกตำแหน่ง เงินบริจาคที่ให้ถูกคน ไม่ต้องมากมายก็สร้างความปิติเหลือล้นแก่ทั้งสองฝั่งได้” นัทพูดด้วยความประทับใจสองแม่ลูกกับชัย แล้วมองไปที่มุมห้อง พบกับความชุลมุนของกลุ่มพยาบาล หมอ และญาติผู้ป่วย
“ไม่ ไม่ ลูกฉันยังไม่ตาย ดูสิลูกฉันยังหายใจอยู่ มาหาว่าลูกฉันตาย ฉันไม่ขอบริจาคอวัยวะของลูกชายใด ๆ ทั้งนั้น ฉันขอย้ายโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” เสียงหญิงสาวมีอายุเกรี้ยวกราดพร้อมเสียงสะอื้นที่ทางโรงพยาบาลได้แจ้งว่าลูกของเขามีภาวะสมองตาย
(โปรดติดตามตอนต่อไป )
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 1171
แสดงความคิดเห็น