บทที่ 10 หมอเถื่อน
ดินหันไปถามกองทัพที่นั่งหน้านิ่งไม่แสดงอาการอะไรให้ได้เห็น วันนี้ที่ทุกคนมาทานอาหารร้านนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนที่ดินและนทีวางไว้ตั้งแต่แรก แต่การที่จะล่อเหยื่อที่มีระดับไอคิวสูงเกือบ 300 ให้ติดกับไม่ใช่เรื่องง่าย
“วันก่อนพวกมึงก็มาทานไม่ใช่เหรอ จะถามกูเพื่ออะไร” กองทัพสวนกลับเสียงเรียบ ดินและนทีหน้าเปลี่ยนสีทันที
“เมื่อวานน้องรดาก็มาทานที่นี่เหมือนกันเหรอครับ แล้วรู้จักร้านนี้ได้ยังไงมีใครแนะนำมาหรือเปล่าครับ” ดินยังไม่ละความพยายามภารกิจตามหาแฟนเพื่อน
“เอ่อ..ใช่ค่ะ”
“ดินวันก่อนน้องนาไม่ว่างเหรอ กูเห็นมึงมากับน้องก้อย” ยังไม่ทันที่รดาจะพูดจบกองทัพก็พูดแทรกขึ้นทันที
“อาหารมาแล้ว รีบทานกันเถอะครับเดี๋ยวจะเย็นหมด” ดินรีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เคยเอาชนะหรือเล่นงานกองทัพได้เลยสักครั้ง มิหนำซ้ำยังโดนเล่นงานกลับแทบทุกครั้งไป
อาหารถูกทยอยมาเสิร์ฟเรื่อยๆ ส่วนมากจะเป็นอาหารรสชาติกลางๆ เพราะทุกคนไม่ทานเผ็ดและอาหารรสจัด จนมาถึงจานสุดท้ายที่พนักงานกำลังขึ้นโต๊ะ
“สั่งมาไม่กลัวน้องมันแสบท้องเหรอวะ” ดินเอ่ยถามน้ำเสียงกวนประสาท กองทัพเอาแต่นั่งนิ่งทานอาหารเหมือนคำถามของเพื่อนนั้นระเหยกลายเป็นไอหายไปในอากาศ
“จานนี้หมื่นห้า” กองทัพพูดขึ้นลอยๆ เชอรี่ อิงเอย กิ่งแก้วรวมทั้งรดา ทั้งสี่คนหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินราคาอาหารที่กำลังทานอยู่
“ชะนีซีฟู้ดลวกจิ้มของชอบแก ไม่ทานหรือไง” ปูอลาสก้า กุ้งลายเสือ แกะเปลือกพร้อมทานวางเรียงรายมาในจานเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดของชอบรดา แต่เวลาผ่านไปกว่า10นาทีตั้งแต่อาหารมาวางรดาก็ไม่มีทีท่าจะตักอาหารจานนี้เลย
“ถ้าทานไม่หมด เฉลี่ยกันออก” เหมือนเสียงระฆังเตือนครั้งที่หนึ่ง
ทุกคนไม่รีรอรีบหยิบปูกล้ามโตที่แกะโชว์เนื้อสีขาววางอยู่ในจานเข้าปากทันที เวลาผ่านไปไม่นานอาหารทุกอย่างบนโต๊ะก็เกลี้ยงจานไม่มีอะไรหลงเหลือเหมือนเวลาทานบุฟเฟต์เพราะกลัวโดนปรับ
สนามแข่ง
“ไอ้กองทัพอีก5นาทีก็ถึงเวลาแข่ง มึงยังเสนอหน้ามานั่งบนอัฒจันทร์นี่อยู่อีก” น่านฟ้าเจ้าของสนามแข่งและเจ้าของของเดิมพันเดินขึ้นมาตามนักแข่งอย่างหัวเสีย
“อีกตั้ง5นาที มึงจะรีบอะไรนักหนา” กองทัพสวนกลับเสียงเรียบยกแก้วไวน์ในมือขึ้นกระดกทีเดียวจนหมดแก้ว
“มึงก็ชิวเกิน..ไอ้หมอ” นทีพูดเสริมขึ้นแต่ก็ไม่อาจแสดงความคิดเห็นมากไปกว่านี้เพราะกลัวจะโดนหางเลขไปด้วย
“น้องๆ ครับ ขยับมานั่งตรงนี้ดีกว่าครับ อีก5นาทีการแข่งขันจะเริ่มแล้ว” ดินตะโกนเรียกกลุ่มของรดาที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ด้านบนสุดให้ลงมานั่งด้านล่างติดขอบสนามเพื่อจะได้เห็นการแข่งขันชัดเจน
พรึบ! แจ็กเกตยีนถูกโยนคลุมหน้าตักรดาด้วยฝีมือของกองทัพ
“ฝากหน่อย มันร้อน” พูดจบก็เดินลงไปยังด้านล่างสนามตรงไปที่รถลัมโบร์กินีสีดำคล้ายๆ กับรถที่เธอนั่งมาวันนี้ คุณหมอหนุ่มที่สวมเพียงเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนและรองเท้าผ้าใบไร้ชุดอุปกรณ์ป้องกันอย่างอื่น เช่นหมวกกันน็อกหรือเสื้อหนัง
“อากาศวันนี้ค่อนข้างเย็น น้องรดาใส่คลุมไว้เลยก็ได้ครับ” วันนี้รดาใส่ชุดกระโปรงยีนเหนือเข่าและเสื้อยืดสีขาว และวันนี้ช่วงดึกอากาศค่อนข้างเย็นกระโปรงที่สั้นอยู่แล้วเมื่อนั่งลงก็จะร่นขึ้นมาอีกโชว์เรียวขาสวย
ปั้ง! เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดเป็นสัญญาณว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว
กองทัพยังตามหลังคู่แข่งอยู่เกือบหนึ่งช่วงตัวรถ การแข่งขันในรอบแรกยังคงดำเนินไปอย่างปกติ ยังไม่มีการใช้วิธีเถื่อนๆ เพราะวันนี้แข่ง5รอบสนามต่างฝ่ายต่างศึกษาดูเชิงของกันและกันไปก่อน
“ไอ้กองทัพมันคิดจะทำอะไรของมัน แม่งขับรถเหมือนประหยัดน้ำมัน” ทุกคนต่างก็นั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อการแข่งขันดำเนินมาถึงรอบที่5ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของการแข่งขัน แต่กองทัพยังขับตามหลังคู่แข่งอย่างสบายใจ
[จำไว้นะกองทัพ นักแข่งมืออาชีพมักจะทิ้งจุดอ่อนไว้เสมอ เวลาเข้าโค้งมักจะเปิดช่องว่างไว้ เราต้องใช้โอกาสนี้แซงขึ้นไปให้ได้ นักแข่งที่ดีจะไม่เผยจุดอ่อนให้คนอื่นเห็นเด็ดขาด] คำสอนของรุ่นพี่ตอนที่กองทัพเริ่มแข่งรถครั้งแรกเมื่อครั้งยังเรียนแพทย์อยู่ที่โปแลนด์
พรึบ! ทุกคนลุกขึ้นยืนพร้อมเสียงกรี๊ดดังสนั่นสนามเมื่อรถของกองทัพเร่งความเร็วแซงซ้ายช่วงทางโค้งสุดท้ายและทะยานเข้าเส้นชัยไปในเวลาต่างกันไม่กี่วินาที
“ชนะแล้ว คุณหมอชนะแล้วค่ะ พี่ดินพี่นทีคุณหมอชนะแล้วค่ะ” ทุกคนต่างร้องขึ้นด้วยความดีใจ ต่างจากก่อนหน้าที่นั่งเกร็งแทบจะหยุดหายใจกันเลยทีเดียว ทุกคนลุกจากเก้าอี้เดินลงไปที่สนามแข่งพร้อมกับกองทัพเปิดประตูลงจากรถ
“ไอ้ห่ากูนึกว่ากูต้องล้มละลาย..ใจเย็นแม่งเกิน” น่านฟ้าสบทด่ากองทัพออกไปเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผากยังไม่ได้เช็ดออก
“จะเหยียบเร็วทำไม..เปลืองน้ำมัน”
“ของเดิมพันคืออะไรเหรอคะ ถึงขั้นต้องล้มละลายเลยเหรอคะ” เชอรี่ถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะเคยดูแต่ในละครส่วนมากจะใช้ผู้หญิงเป็นของเดิมพัน
“สนามแข่งพี่ไงครับ” น่านฟ้าไขข้อสงสัยให้แขกผู้มาชมการแข่งขันครั้งแรกฟัง
“ฮะ! สนามแข่ง”
“ครับ”
“น้ำค่ะ” รดายื่นขวดน้ำที่ถือติดมือมาด้วยให้กองทัพ ใบหน้าเคร่งขรึมในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าพอใจเมื่อเห็นเด็กสาวสวมแจ็กเกตตัวโคร่งของตัวเองอยู่
“ปะฉลองกัน วันนี้กูเลี้ยงเอง เชิญน้องๆ ด้วยนะครับ”
“ดึกแล้ว ต้องกลับบ้าน” กองทัพพูดขึ้นเสียงเรียบ ทุกคนหน้าเจื่อนลงทันทีจากตอนแรกที่ยิ้มร่าอย่างดีใจ
“พรุ่งนี้วันหยุด มึงก็อย่าเคร่งมากเลย น้องๆ ก็โตกันแล้วอีกอย่างน้องก็ดื่มกับพวกเรา” น่านฟ้ารู้สึกสงสารจากตอนแรกที่ยิ้มร่าอย่างมีความสุข แต่เมื่อผู้ปกครองสั่งให้กลับบ้านก็หน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆ ที่วันนี้ควรได้สนุกเต็มที่
“น้องเรียนเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ ผ่อนคลายหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก ตอนสมัยเรายังเข้าผับตั้งแต่อายุยังไม่ถึง18ด้วยซ้ำ” กองทัพไม่พูดอะไรเดินแยกตัวออกไปด้านหลังห้องสีหน้าราบเรียบ
“อย่าไปสนใจมันเลย เดี๋ยวมันก็กลับมา”
“หนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
รดาที่เดินมาเข้าห้องน้ำสายตาเหลือบไปเห็นเงาสีดำยืนอยู่ ดวงตากลมโตเพ่งมองร่างกำยำในความมืดคล้ายกองทัพ จึงตัดสินใจเดินไปดู
ตึก ตึก ตึก
เสียงเดินของใครสักคนดึงความสนใจให้ดวงตาคมเข้มละจากจุดโฟกัส หันขวับกลับไปมองต้นเสียงดังกล่าว
“คุณสูบบุหรี่ด้วยเหรอคะ” กองทัพยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่เข้าเต็มปอดและพ่นควันสีขาวฟุ้งกระจายไปด้านข้างเมื่อเห็นว่าบุคคลที่กำลังเดินเข้ามานั้นคือเด็กสาว
“แค่ตอนเครียด” บุหรี่เกือบครึ่งมวลถูกโยนลงพื้นและใช้เท้าเหยียบขยี้เพื่อดับไฟ
“ทำไม ผมสูบบุหรี่แล้วมันแปลกเหรอ” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองใบหน้าเรียวเล็กผ่านความมืดเพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“เปล่าค่ะ แค่บุหรี่มันไม่ดีต่อสุขภาพ” สุดท้ายก็ได้แค่คำตอบเบสิคที่คนชอบพูดกัน
“ผมรู้และไม่ได้สูบตลอด แล้วนี่ออกมาทำอะไร”
“หนูมาเข้าห้องน้ำค่ะ”
“แล้วเข้าเสร็จหรือยัง”
“ยังค่ะ”
“แล้วมัวแต่ยืนทำอะไรอยู่..ไม่ไปเข้า” เสียงทุ้มต่ำถามออกไปน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ ทั้งที่รดาก็ไม่ได้ทำอะไรแต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงรู้สึกหงุดหงิดที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น
แม้จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ถูกชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ แต่รดาก็ไม่มัวครุ่นคิดให้มากความ หันหลังเดินเข้าห้องไปและกลับออกมาหลังจากใช้เวลาทำธุระส่วนตัวไม่ถึง5นาที
“อ๊ะ! คุณยังไม่กลับเข้าไปด้านในเหรอคะ” รดาร้องเสียงหลงหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อเดินกลับออกมาเจอชายหนุ่มยืนอยู่หน้าห้องน้ำ
“พึ่งเข้าห้องน้ำเสร็จ กำลังจะกลับ” โกหกเสียงเรียบทั้งที่ตั้งใจยืนรอเด็กสาวแท้ๆ
ห้องรับรองที่ใช้เป็นสถานที่ในการดื่มฉลองในครั้งนี้ เป็นห้องโถงกว้างที่น่านฟ้าทำไว้สำหรับสังสรรค์กับเพื่อน
“กูนึกว่าสำลักควันบุหรี่ตายไปแล้ว” ดินพูดขึ้นเมื่อกองทัพเดินเข้ามาด้านในโดยมีรดาเดินตามหลังเข้ามา สะโพกหนากระแทกนั่งลงโซฟาโดยไม่ตอบโต้อะไร
“น้องรดา ดื่มค็อกเทลหรือไวน์ครับ” นทีที่รับหน้าที่เป็นคนชงเหล้าวันนี้ถามขึ้นเพราะเหลือเพียงรดาคนเดียวที่ยังไม่ได้เครื่องดื่ม
“น้ำผลไม้” เป็นเสียงของกองทัพพูดแทรกขึ้น
“กูไม่ได้ถามมึง กูถามน้องรดา”
รดานั่งอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบออกไปเอาแต่ปรายตามองหน้ากองทัพสลับกับหลุบตามองพื้น
“ค็อกเทล ชงอ่อนๆ ก็พอ” นทีได้แต่ส่ายหัว ลงมือชงเหล้าที่ต้องชงให้เหมือนน้ำผลไม้ น้ำสีชมพูอ่อนในแก้วถูกส่งไปให้เด็กสาว
“ขอบคุณค่ะ”
รดารู้สึกร้อนจึงถอดแจ็กเกตที่สวมทับอยู่ออกเมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายอุณหภูมิในร่างกายจึงเพิ่มขึ้น
“ถอดทำไม อากาศเย็น”
“หนูร้อนค่ะ”
“ไอ้กองทัพมึงจะดุน้องเขาอะไรนักหนา นั่งอยู่ในห้องไม่ได้นั่งตากหมอกตากลมด้านนอก” ดินที่ทนดูไม่ไหวที่เห็นเพื่อนทำตัวหึงหวงทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกันจึงด่าสวนออกไป
หลังจากนั้นกองทัพก็เอาแต่นั่งดื่มเงียบๆ สายตาเหลือบมองรดาเป็นระยะเมื่อนทีชงค็อกเทลแก้วใหม่ส่งให้ เวลาล่วงเลยมาถึงตี3 ทุกคนต่างเมาหลับคอพับกันหมด ยกเว้นกองทัพและรดา
“ออกไปสูดอากาศข้างนอกไหม” กองทัพพูดขึ้นขณะที่ทั้งสองต่างจ้องหน้ากันไปมาสักพัก
“แล้วทุกคนล่ะคะ”
“ปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวตอนเช้าก็ตื่นเอง” พูดจบก็คว้ากุญแจรถเดินนำออกประตูไป รดาคว้าแจ็กเกตรีบสาวเท้าวิ่งตามออกไป
“ขึ้นรถสิ” รดาวิ่งมาหยุดข้างรถลัมโบร์กินีสีดำคันหรูที่ลดกระจกลงทั้งสองข้างลงและมีกองทัพนั่งอยู่ด้านใน
“เราจะไปไหนเหรอคะ”
“ขับรถเล่น”
รถลัมโบร์กินีสีดำตอนนี้เปิดกระจกรับลมทั้งสองข้างเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถข้างสนาม วิ่งไปเรื่อยๆ รอบสนาม ลมเย็นพัดมากระทบใบหน้าเนียนทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ไร้บทสนทนาจากคนบนรถ
หากรดาสังเกตสักนิดก็จะเห็นว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับนั้นกำลังขับรถด้วยความประมาทเพราะไม่มองทางข้างหน้าเอาแต่มองคนที่นั่งข้างๆ
“อึดอัดไหม” เสียงทุ้มอบอุ่นถามขึ้นทำลายความเงียบเมื่อรถชะลอความเร็วลงจนเกือบหยุดนิ่งจากตอนแรกที่ขับช้าอยู่แล้ว
“อึดอัดเรื่องอะไรคะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มปากแดงอมชมพูจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ทุกเรื่อง”
“ก็ปกติทั่วไปนะคะ” ในเมื่อเขาไม่คิดจะให้ความชัดเจนในคำถามกับเธอ เธอก็จะเอาคืนบ้าง มาใช้จิตวิทยาหลอกถามคนอื่นแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน นี่เป็นหมอโรคหัวใจหรือหมอจิตวิทยากันแน่ถึงได้หลอกล่อเก่งแบบนี้
“แล้วถ้ามีใครคอยมายุ่งวุ่นวายล่ะ”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นคือใคร หนูตอบไม่ได้หรอกค่ะ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 697
แสดงความคิดเห็น