บทที่ 11 อาจารย์พิเศษ
เช้าวันจันทร์ที่แสนจะวุ่นวาย รดาในชุดกระโปรงสั้นทรงเอเสื้อนักศึกษารัดรูปเพราะเมื่อวานไม่ได้กลับห้องนอนค้างห้องอิงเอย เช้านี้เลยต้องยืมชุดนักศึกษาอิงเอยใส่มาก่อน
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าดังถี่ตามจังหวะการวิ่งของทั้งสามที่กำลังเร่งรีบเพราะวันนี้ตื่นสาย และที่ซวยไปกว่านั้นคาบแรกวันนี้จะมีอาจารย์พิเศษมาบรรยายและอาจารย์ที่จะมาวันนี้เป็นถึงศาสตราจารย์คงจะเคี่ยวและดุน่าดู
เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงแจ้งเตือนไลน์กลุ่ม
“ใครส่งข้อความอะไรมาแต่เช้าวะ ไม่ดูเวลาบ้างเลยว่าตอนนี้มันเป็นเวลานอน” อิงเอยตื่นมาด้วยความงัวเงียเมื่อเสียงข้อความดังรบกวนปลุกให้ตื่น
“รดา อ่านให้หน่อยไลน์กลุ่มนังเชอมันคงส่งข้อความมาปลุกพวกเรา” รดาที่นอนอยู่ริมสุดบนเตียง มือเล็กขยี้ตาอย่างงัวเงียเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียง
“อิงเอย กิ่งแก้ว ตื่นได้แล้ววันนี้เรามีฟังบรรยายพิเศษ” รดาร้องขึ้นน้ำเสียงร้อนรนเมื่ออ่านข้อความที่เชอรี่ส่งเข้ามาในกลุ่ม
ร่างบางกระโดดลงจากเตียง คว้าผ้าเช็ดตัวสีขาววิ่งหายเข้าห้องน้ำไปและกลับออกมาในเวลาแค่10นาที
“รดา ชุดนักศึกษาอยู่ในตู้แกเลือกเอาเลยจะใส่ชุดไหน” อิงเอยยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบตัวเตรียมพร้อมเพื่ออาบน้ำ
08:15 น. ห้องเรียนคณะบริหารธุรกิจ
“ขออนุญาตค่ะ” มือเล็กที่สั่นเล็กน้อยยกขึ้นเคาะประตูเมื่อเปิดเข้ามาเจอเหล่านักศึกษาคนอื่นนั่งกันอยู่เต็มห้องเพราะตอนนี้เลยเวลาเข้าเรียนไป15นาทีแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นวิทยากรที่จะมาบรรยายพิเศษในครั้งนี้ยืนหันหลังกำลังคุยอะไรสักอย่างกับเจ้าหน้าที่อยู่บนเวที
เสียงคุ้นหูที่ดังจากด้านล่างเรียกความสนใจให้กองทัพหันหลังกลับไป ดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มเจอเข้ากับเด็กสาวที่เขาพยายามมองหาตั้งแต่มาถึงแต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ และโทรหาก็ไม่รับสาย นาฬิกาข้อมือเรือนหรูถูกยกขึ้นดูเวลาอีกครั้งเพราะแน่ใจว่าตอนนี้ได้เวลาเข้าเรียนมาแล้ว15นาที
"วันนี้มีเรียนกี่โมงครับ” เสียงทุ้มถามขึ้นใบหน้าเรียบนิ่ง
รดายืนนิ่งมือสองข้างกำเข้าหากันแน่น ริมฝีปากบางซืดเผือดเมื่อเห็นว่าบุคคลที่ยืนอยู่บนเวทีนั้นคือใครยิ่งสร้างความประหม่าและเกรงกลัวมากขึ้นกว่าเดิม
“เอ่อ..8โมงค่ะ” อิงเอยตอบออกไปเสียงสั่นเครือ ถึงจะรู้จักกับกองทัพมาก่อนแต่พอตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็รู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย
“เชิญนั่งครับ เก้าอี้ด้านหน้าว่างอยู่3ตัวพอดี” เมื่อเห็นท่าทีของรดาที่ยืนหน้าซีดมือสั่นก็อดสงสารไม่ได้จึงไม่อาจแกล้งต่อไปได้
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อได้รับอนุญาตทั้งสามเดินเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ด้านหน้า
การบรรยายเริ่มขึ้น
“ทุกคนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและช่วยทำบททดสอบก่อนเรียนก่อนนะครับ สแกนคิวอาร์โค้ตด้านหน้าและเริ่มลงมือทำได้เลย ผมให้เวลา15นาทีครับ” รดาล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาหลังจากนั้นก็หันหน้าไปคุยกับเพื่อนสีหน้ากังวลเหมือนกำลังมีปัญหาอะไรสักอย่าง
กองทัพที่ยืนอยู่ด้านบนเวทีสังเกตเห็นและพอจะจับใจความได้ว่าโทรศัพท์มือถือของเธอน่าจะแบตหมดเพราะในห้องมีเพียงรดาคนเดียวที่ตอนนี้ไม่ได้ทำแบบทดสอบ กองทัพส่งข้อความหาเลขาคนสนิทที่นั่งทำงานรออยู่ห้องพักด้านหลังเวที
{เอก เอาโทรศัพท์เครื่องส่วนตัวของผมในกระเป๋ามาให้รดาด้านหน้าเวทีด้วย ตอนนี้}
ไม่นานเลขาหนุ่มก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าเวทีพร้อมโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดัง เดินตรงไปยังตำแหน่งที่เด็กสาวนั่งอยู่
“คุณรดา โทรศัพท์ครับ นี่ครับรหัสปลดล็อกหน้าจอ”
“เอ่อ..”
“คุณกองทัพให้เอามาให้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ” มือเรียวเล็กยื่นไปรับโทรศัพท์จากชายหนุ่ม ดวงตากลมโตมองขึ้นไปยังด้านบนเวทีก็เจอกับสายตาคมเข้มที่กำลังมองมาที่เธอก่อนแล้ว
“แม้รดา คุณหมอนี่รู้ใจเธอจังเลยนะ แค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว”
“อิงเอยพูดอะไรของเธอ รีบทำของตัวเองไปเลย เสร็จหรือยัง”
รดารีบใส่รหัสปลดล็อกหน้าจอและสแกนคิวอาร์โค้ตเพื่อเข้าทำแบบทดสอบ ใช้เวลาไม่ถึง10นาทีก็กดส่งแบบทดสอบและเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
หัวข้อการบรรยายวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำธุรกิจตั้งแต่การวางแผน การเจรจา ไปจนถึงการบริหาร
“หน้าที่ของผู้บริหารคืออะไรครับ” กองทัพถามขึ้นก่อนที่จะเริ่มบรรยายหัวข้อสุดท้ายของวันนี้
“เชิญครับ” เสียงทุ้มเอ่ยอนุญาตเมื่อมีนักศึกษายกมือขึ้นเพื่อตอบคำถาม
“หน้าที่ของผู้บริหารคือ การบริหารจัดการลูกน้องรวมถึงพนักงานทุกคนที่อยู่ภายในบริษัทค่ะ”
“ถูกต้องครับ แต่ก็ยังไม่ถูกต้องทั้งหมด หน้าที่จริงๆ ของผู้บริหารคือทำทุกอย่างเพื่อให้บริษัทหรือองค์กรเจริญก้าวหน้า นั่นหมายความว่าทุกอย่างตั้งแต่ระดับจิตใจของพนักงาน แม่บ้าน รปภ.ไปจนถึงลูกค้า การที่บริษัทจะพัฒนาไปได้ต้องอาศัยคนทุกกลุ่ม พนักงานทุกคน ผู้บริหารไม่ได้มีหน้าที่แค่สั่ง แต่ต้องคิดวิเคราะห์ทุกอย่างมาดีที่สุดแล้วถึงจะกระจายคำสั่งนั้นลงไปตามหน่วยงานที่รับผิดชอบ ผมพูดมาถึงตรงนี้แล้วพอจะให้คำตอบผมได้หรือยังว่าจริงๆ แล้วหน้าที่ของผู้บริหารนั้นคืออะไร”
“ถ้าไม่มีคนตอบ ผมขออนุญาตชี้เองนะครับว่าผมอยากให้ใครตอบ” หลายคนในห้องต่างก้มหน้างุดเพราะกลัวจะได้ตอบคำถาม สายตาคมเข้มกวาดสายตาไปรอบและมาหยุดอยู่ที่โซนด้านหน้า
“ด้านหน้าครับ คนที่มาสายเมื่อเช้า ส่งตัวแทนลุกขึ้นตอบหนึ่งคนครับ”
“รดา แกลุกขึ้นตอบเลย ถึงแกจะตอบผิดคุณหมอก็ไม่ว่าอะไรแกหรอก” อิงเอยสะกิดแขนด้านซ้ายของรดาเป็นจังหวะเดียวที่แขนด้านขวาก็โดนกิ่งแก้วสะกิดเช่นกัน รดาจำใจต้องลุกขึ้นตอบคำถาม
“ในความคิดหนู หนูคิดว่าหน้าที่ของผู้บริหารคือ รปภ. แม่บ้านและแม่ครัวค่ะเพราะเป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก คอยดูแลความปลอดภัยให้พนักงานและทรัพย์สินของบริษัท พนักงานและทรัพย์สินจะปลอดภัยผู้บริหารต้องทำงานเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญนี้ไว้ แม่บ้านเป็นตัวแทนของภาพลักษณ์บริษัทการที่บริษัทจะมีภาพลักษณ์ที่ดีผู้บริหารต้องสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กร ถัดมาที่หน้าที่แม่ครัว ทุกคนอิ่มท้องเพราะมีแม่ครัวคอยทำอาหารให้ทานเปรียบเสมือนผู้บริหารที่คอยทำหน้าที่หาวัตถุดิบมาป้อนให้พนักงานทุกฝ่ายช่วยกันปรุงอาหาร เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีวัตถุดิบก็ไม่สามารถปรุงอาหารได้ แต่ถ้ามีวัตุดิบดีแต่คนทำไม่มีฝีมือในการปรุงให้อร่อยได้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดีนั้นย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ขอบคุณค่ะ” สิ้นเสียงคำตอบของรดาเสียงปรบมือแสดงความชื่นชมก็ดังก้องไปทั่วห้องเรียน ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่วิทยากรในวันนี้ถึงกับอึ้งที่ได้ฟังคำตอบจากลูกศิษย์คนพิเศษ แนวความคิดแบบนี้คือแนวความคิดของผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ คาดไม่ถึงว่านักศึกษาปี4จะมีแนวความคิดที่กว้างไกลแบบนี้ รอยยิ้มพอใจผุดขึ้นมุมปาก
“ใช่ครับ นั่นคือสิ่งที่ผู้บริหารต้องทำ”
“และหัวข้อการบรรยายวันนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ มีนักศึกษาคนไหนไม่เข้าใจต้องการสอบถามเพิ่มเติม พิมพ์ข้อความส่งเข้ามาทางไลน์ได้เลยครับ”
เมื่อสิ้นสุดชั่วโมงบรรยายพิเศษนักศึกษาทุกคนต่างทยอยเดินออกจากห้องจะเหลือก็แต่กลุ่มของรดา4คน ที่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมเดินตามเพื่อนร่วมห้องออกไป
“โทรศัพท์ค่ะ ขอบคุณที่ให้ยืมนะคะ” เมื่อมั่นใจว่าทุกคนเดินออกจากห้องไปกันหมดแล้ว รดาจึงเดินเข้าไปหากองทัพที่กำลังเก็บของอยู่บนเวทีโดยมีเอกเลขาคนสนิทคอยช่วยอยู่ข้างๆ มือด้านขวาที่ถือโทรศัพท์อยู่ในมือยื่นไปตรงหน้าชายหนุ่ม สายตาก้มมองพื้นไม่กล้าสบตา
“แล้วโทรศัพท์เป็นอะไร” ความจริงเขาก็อยากรู้ว่าโทรศัพท์เด็กสาวเป็นอะไรหรือแค่แบตหมดธรรมดา
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ อยู่ดีๆ เครื่องมันก็ดับไปเฉยๆ”
“ถ้างั้นก็เอาเครื่องนี้ไปใช้ก่อน” เอกหันขวับมองหน้าเจ้านายหนุ่มอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินเพราะโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นเครื่องส่วนตัวของกองทัพขนาดเอกที่เป็นเลขาคนสนิทยังไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องเลย
“นายครับ” กองทัพเอียงหน้ามองตามเสียงเรียกเพียงนิด แต่เมื่อเห็นสีหน้าเรียบนิ่งเอกจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“เปล่าครับนาย” ในระหว่างนั้นก็เหลือบสายตามองไปทางเด็กสาวที่ยังยืนนิ่งถือโทรศัพท์อยู่ในมือ
โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นเครื่องสำรองของกองทัพเอาไว้ใช้ติดต่อกับกลุ่มเพื่อนเท่านั้น แต่ส่วนมากก็ไม่ค่อยได้ใช้งานอยู่แล้วเพราะมีอีกเครื่องที่กองทัพใช้งานประจำ นานๆ ครั้งจะหยิบออกมาชาร์จแบตที
“งั้นหนูขอตัวไปเรียนคาบต่อไปนะคะ”
“รอเดี๋ยว เอกไปหยิบแจ็กเกตในรถให้ผมที” ประโยคแรกพูดกับรดาประโยคหลังหันไปสั่งเลขาคนสนิท
“นายครับ แจ็กเกตครับ” แจ็กเกตแบรนด์ดังราคาหลายหมื่นถูกส่งให้ชายหนุ่ม ก่อนที่จะถูกส่งต่อให้เด็กสาว
“ใส่ซะ วันหลังก็ช่วยแต่งตัวให้ถูกระเบียบด้วย” รดาได้แต่ยืนงงก้มมองชุดนักศึกษาที่ตัวเองใส่วันนี้อีกครั้งว่ามีตรงไหนที่มันผิดระเบียบ กระโปรงทรงเอ เสื้อนักศึกษาสีขาว เข็มขัดตรามหาลัยก็ถูกต้องทุกอย่าง แล้วมีตรงไหนที่ผิดระเบียบ
“ก็ถูกระเบียบหมดนี่คะ” รดาพูดขึ้นหลังจากที่สำรวจตัวเองอีกครั้ง
“หายใจออกหรือไง”
“../..” รดายืนทำหน้างงยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยพอใจของกองทัพ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเธอนั้นทำอะไรผิด แต่ก็ยอมสวมแจ็กเกตสีดำที่กองทัพส่งมาให้ถึงจะตัวใหญ่ไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้เกะกะรุ่มร่ามมากเพราะเสื้อถูกออกแบบมาให้ใส่ได้ทั้งหญิงและชาย
“ยืนทำอะไรอยู่ ไม่ไปเรียนคาบต่อไปล่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” รดายกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะเดินหันหลังลงจากเวทีเพื่อไปเรียนคาบเรียนถัดไป
หลังจากบรรยายพิเศษเสร็จกองทัพก็มานั่งสรุปรายงานส่งให้อาจารย์ประจำภาค ชายหนุ่มนั่งทำงานอย่างอารมณ์ดีกว่าปกติทุกวัน
“นายครับ วันนี้ดูนายอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะครับ” สายตาคมเข้มตวัดขึ้นมองเจ้าของคำถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ไม่มีอะไรทำเหรอครับ งานที่โรงพยาบาลเคลียร์หมดแล้วเหรอ” ถึงเอกจะทำงานกับกองทัพได้ไม่นานแต่ก็ถือว่าเป็นคนที่รู้ใจกองทัพมากที่สุด เพราะฉะนั้นจึงรู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังไม่พอใจและเขาต้องทำอย่างไรถึงจะเป็นการดีที่สุดตอนนี้
“รับทราบครับ จะรีบเคลียร์ให้เสร็จทั้งหมดภายในวันนี้ครับ”
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเที่ยง นักศึกษาต่างพากันเดินเพ่นพ่านเพราะเป็นเวลาพักเที่ยง ต่างพากันเดินไปที่โรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารเที่ยง บ้างก็พากันขับรถออกไปทานร้านข้างนอก
กองทัพซึ่งเป็นคนทานอาหารค่อนข้างตรงเวลายกเว้นวันนั้นจะติดธุระสำคัญที่ไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ ร่างกายที่เปรียบเสมือนนาฬิกาเรือนที่สองเริ่มส่งสัญญาณเตือนว่าตอนนี้ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว
“นายจะรับอาหารที่นี่หรือจะแวะทานข้างนอกก่อนเข้าโรงพยาบาลครับ” เอกเลขาคนสนิทถามขึ้นเมื่อมองนาฬิกาที่หน้าคอมพิวเตอร์ตอนนี้บ่งบอกเวลาเที่ยงพอดี
“../..” ไร้คำตอบจากเจ้านายหนุ่ม โทรศัพท์แบรนด์ดังถูกยกขึ้นมาต่อสายหาใครบางคนรอสายไม่นานปลายสายก็กดรับ
“สวัสดีค่ะ”
“อยู่ไหน” เมื่อปลายสายกดรับก็เอ่ยถามคำถามที่ตนอยากรู้ทันที
“เอ่อ..หนูอยู่ที่โรงอาหารคณะค่ะ” รดาได้ยินเสียงก็รู้ทันทีว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือเจ้าของโทรศัพท์นั่นเอง
“สั่งข้าวเผื่อผมด้วย อีก10 นาทีผมไป..ตุ๊ด” สิ้นเสียงคำพูดสายก็ตัดไปทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้ปลายสายถามกลับอะไรเลย
ชายหนุ่มหุ่นนายแบบทั้งสองกำลังสาวเท้าเดินเข้าไปยังโรงอาหารคณะบริหารธุรกิจ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผูกไทอย่างเป็นระเบียบเมื่อเช้าบัดนี้ถูกปลดออก กระดุม3เม็ดบนถูกปลดออกจากรังโชว์หน้าอกแกร่งที่ไร้ไรขนเฉกเช่นผู้ชายทั่วไป
“ที่นี่ไม่มีข้าวไรต์เบอร์รี่หรือข้าวกล้องขาย ข้าวขาวธรรมดาคุณทานได้ใช่ไหมคะ” เมื่อคุณหมอหนุ่มเดินมาหยุดข้างโต๊ะที่รดาและเพื่อนนั่งอยู่โดยมีเพื่อนชายร่วมคณะนั่งอยู่ด้วย3-4คน และมีเก้าอี้ว่างตรงหัวโต๊ะแค่หนึ่งตัว
“../..” ไร้ซึ่งคำตอบจากชายหนุ่มมีเพียงแววตาดุดันกวาดสายตามองรอบโต๊ะ จนเชอรี่ที่นั่งอยู่ด้านขวาข้างรดารีบลุกขึ้นสลับที่นั่งทันที
“เชิญคุณหมอนั่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
ตอนเย็นหลังเลิกเรียน
“รดาแล้ววันนี้แกกลับบ้านยังไง ให้ฉันไปส่งไหม”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 646
แสดงความคิดเห็น