STARCIN ภาคที่ 3 Yan Festival ตอนที่ 22 หยอดลง
25 ตุลาคม พ.ศ.2575
เช้าวันรุ่งขึ้นแพทย์สนามที่มากับลักซ์และหน่วยพยาบาลที่มีอยู่แล้วช่วยกันรักษาดูแลคนที่บาดเจ็บ ประชาชนต่างก็ช่วยกันเก็บกวาดฟื้นฟูเมือง ส่วนพวกกองโจรก็ถูกจับล่ามโซ่ติดกันแล้วตรึงไว้กลางเมือง ณ ลานกว้างเป็นที่ประจานให้ชาวเมืองได้เห็นและจดจำใบหน้าไว้ บางคนก็ขว้างก้อนหินโชคร้ายหน่อยก็โดนใบหน้าจนเลือดตกยางออก
"ขอโทษที่ทำหน้าที่ไม่ดีครับ !" เสียงตะโกนดังลั่นจากเหล่าทหารและกลุ่มคิวเทที่ก้มโค้งเรียงกันเต็มไปหมด
"เพราะพวกเราประมาทเกินไปทำให้มันเข้ายึดป้อมปราการได้ เพราะพวกเรายังคิดไม่รอบคอบพอทำให้เกิดความสูญเสียในครั้งนี้" แม้แต่กุสตาฟและเบ็นก็ยอมก้มหัวขอโทษ
"เสียเงินไปมากมายเพื่อจ้างคนไร้ความสามารถ พวกรัฐต้องสอบทหารใหม่ ! ปล่อยให้มีคนแบบนี้เข้ามาเป็นได้ยังไง ?" เสียงหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้น
"ใช่ ๆ บ้านฉันรวมของข้างในแพงกว่าเงินเดือนแกเป็นปีเลยนะ จะชดใช้ยังไง !" ชายหนุ่มที่ใส่เสื้อผ้าดูหรูพูดเสริมขึ้นมา
"พวกเราจะเยียวยาเบื้องต้นก่อน เพื่อให้ทุกท่านมีที่อยู่อาศัยหลังจากนั้นทางรัฐจะเป็นคนชดใช้ให้" หลังจากเรื่องจบเราได้ส่งทหารจำนวนหนึ่งออกไปที่รังของพวกมัน จนได้พบสมบัติมากมายและของที่ปล้นมาซึ่งน่าจะพอช่วยชาวเมืองได้บ้าง
ลักซ์เข้าช่วยเจรจากับชาวเมืองให้ คำพูดคำจาจากปากของเธอดูมีมนต์สะกดทำให้ชาวบ้านชาวเมืองใจเย็นลงได้ทันทีหรือเพราะว่าเธอมีชื่อเสียงมากจนใคร ๆ ก็ไว้ใจ หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกกันไปทำงานช่วยกันซ่อมแซมเมือง งานเทศกาลที่อุตส่าห์จัดเตรียมมาก็มลายหายไป
"เฮ้อ...ทำไมถึงต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ตอนกำลังจะจัดงานนะ" กุสตาฟถึงกับถอนหายใจยืนมองดูสภาพสนามประลองที่ทำไว้สำหรับนักโทษ
"อย่างน้อยเราก็ยังมีชีวิตนะพี่ เดี๋ยวค่อยจัดงานกันใหม่ก็ได้" เฟย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังพูดปลอบ
"เดี๋ยวก่อนนะ พวกนักโทษถูกเลือกให้ประหารในวันพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่เหรอ ? ต่อให้ไม่มีงานแต่ก็ต้องทำตามกฎระเบียบ ถ้าแบบนั้นละก็...ฉันมีความคิดดี ๆ อยู่" เดวพูดต่อจากเฟย์ทันที
"ยังไงก็ว่ามา ?" กุสตาฟเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ในเมื่อบางส่วนของเมืองมันเละไปแล้ว ทำไมเราไม่เอาพวกนักโทษมาเป็นเป้ายิงล่ะ อ๋อเอาพวกกองโจรมาด้วยเลยก็ได้ ถ้าให้ชาวบ้านได้ระบายความโกรธพวกเขาต้องรู้สึกดีขึ้นแน่ ๆ ยิ่งได้จัดการกองโจรด้วยแล้วก็ยิ่งสะใจไปอีก"
"มันก็ได้อยู่หรอกแต่ต้องปรึกษากับพัศดีเบ็นแล้วก็พลโทลักซ์ก่อน" พวกเขารีบตรงดิ่งไปหาลักซ์และเบ็นที่กำลังนั่งคุยกันอยู่
หลังจากที่พวกเขาได้ปรึกษาหารือกันอยู่พักหนึ่งจนได้มติเป็นเอกฉันท์
"เราจะใช้พื้นที่ตรงนี้ ยังไงพยานการก่อเหตุ ผู้เสียหาย ทุกสิ่งทุกอย่างมันชี้เป้าไปที่กองโจรซึ่งทางเราสามารถวิสามัญได้ทันที ดังนั้นการจะเอาพวกมันมาให้ชาวเมืองแก้แค้นก็ย่อมได้" ลักซ์พูดแบบไม่เต็มปากดูเกร็ง ๆ อยู่
"เยี่ยม !" เดวพูดเสียงดังพร้อมกับกระดกเหล้าเข้าปาก
"ไม่ดื่มเหล้าสักวันมันจะตายไหม ?" เฟย์พูดประชดประชันกระแทกเสียงใส่เดว
"เถอะน่า ถ้าเธอต้องแต่งตัวฉันก็ต้องดื่มเหล้า เรามันก็มีของชอบต่างกันอยู่แล้วแถมฉันก็ไม่ได้ไปขอเงินเธอสักหน่อย" เฟย์ที่ได้ยินเดวพูดแบบนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด
"หน็อย ! ที่ฉันแต่งตัวก็เพื่อเป็นหน้าเป็นตาของกลุ่มคิวเท แต่ดูพี่สิไม่คิดจะทำงานเอาแต่ขลุกอยู่ร้านเหล้า" พวกเขาสองคนเถียงกันไม่สนใจคนรอบข้าง
"พอ พอ พอได้แล้วทั้งคู่เลย ไปพักกันก่อนไป" กุสตาฟถึงกับกุมขมับกับเหล่าน้อง ๆ ของตน
"เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมคนที่เรือนจำแล้วกัน พรุ่งนี้เจอกันที่นี่" หลังกล่าวเสร็จเบ็นก็ดิ่งไปเรือนจำทันที
บ้านโทรม ๆ หลังหนึ่งที่โชคดีไม่โดนระเบิดทั้ง ๆ ที่มันตั้งอยู่ใกล้สนามรบแท้ ๆ
"หายกันไปตั้งนานที่แท้ก็ถูกจับอยู่นี่เอง" ซึฮากินั่งบนเก้าอี้กลับด้านเอามือวางบนที่พิงหลัง
"ข-ขอโทษที่ทำพลาดจนโดนจับได้" สเตล่านั่งง่อยเอ่ยคำขอโทษออกมาไม่กล้าจะมองหน้าสักเท่าไร
"ไม่ต้องขอโทษหรอก อย่างน้อยก็ยังไม่เป็นอะไร ?" ซึฮากิเหลือบไปมองดีน่าที่เหมือนไม่มีชีวิตกับนาธาในสภาพผอมโซ
"ไม่เจอกันนานเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ทั้งคุณนาธาแล้วก็ดีน่าด้วย"
"ก็ข้าวที่เรือนจำให้มันน้อยน่ะสิ พวกเขาจงใจให้คนคุกผอมแห้งจะได้ไม่มีแรงต่อต้าน" นาธาตอบกลับดูเกร็ง ๆ เหมือนกำลังคุยกับคนแปลกหน้า
"..." ดีน่าไม่พูดอะไรเอาแต่กลอกตาไปมาเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง
ตรวจสอบ...ดูเหมือนจะเสพติดอะไรบางอย่าง เป็นสถานะผิดปกติถ้ายาที่ซื้อมาก็น่าจะช่วยได้ ซึฮากิเดินตรงเข้าไปหาดีน่าจนทำให้เธอกลัวถอยออกห่างแทน
"ดื่มนี่ซะ" ซึฮากิยื่นขวดแก้วที่ใส่น้ำแปลก ๆ ให้ ถึงเธอจะลังเลไม่ค่อยมีสติแต่ซึฮากิก็จับมือช่วยยัดขวดให้ดื่มเข้าไป ไม่นานนักเธอก็เริ่มได้สติกลับคืนมา
"ตายละ !" ดีน่าสะดุ้งตกใจ
"ไอ้พวกเวรนั่นมันฉีดยาใส่ฉัน คนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั่นก็โดนด้วย" เธอยังคงจำเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้บ้างแต่หลังจากที่ถูกฉีดยาไปมากพอก็ทำให้จำอะไรไม่ได้อีก
"ยาเหรอ ? คงจะมีฤทธิ์กดประสาทหรือไม่ก็ทำให้คุมสติไม่ได้ ทำให้ง่ายต่อการควบคุม" ทันใดนั้นนกอินทรีตัวเดิมก็บินมาเกาะที่แขนของซึฮากิ มันดูเชื่องอย่างกับเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ
"แล้วพวกคานะล่ะ พลัดหลงกันเหรอ ?"
"คานะกับเซนถ่วงเวลาช่วยพวกเราออกมาจากเรือนจำ ตอนนี้เราเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปอยู่ไหน" สเตล่าตอบ
จู่ ๆ ที่ชั้นหนึ่งก็มีเสียงเปิดประตูดังลั่น ทำให้พวกซึฮากิที่อยู่ชั้นบนตกใจไปตาม ๆ กัน
"ให้ตายเถอะ กว่าจะสลัดพวกทหารให้หลุดได้" เสียงชายหนุ่มออกแหบแห้งพูดขึ้นมา
"ท่านวาล...มานาพวกเราเหลือไม่มากแล้วควรพักอยู่ที่นี่สักชั่วโมงสองชั่วโมง เมื่อมานาฟื้นคืนเมื่อไหร่ค่อยบุกทะลวงออกไปจากเมือง"
พวกเขาเดินขึ้นมายังชั้นบนและเปิดประตูเข้ามา เห็นเพียงนกอินทรีตัวเดียวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"อั้ก !" ชั่ววินาทีที่พวกเขากำลังสนใจเจ้านกตรงหน้าก็ถูกพวกซึฮากิเข้าล้อมจับกดลงพื้น
"เจ้านั่นนี่ !" ดีน่าอุทานออกมาเสียงดัง
"อะ-เธอมันดีน่า ทำไมถึง..." ไม่ทันพูดต่อก็ถูกซึฮากิเอามีดสั้นจ่อคอ ใช้ปลายมีดกรีดเข้าเนื้อเล็กน้อยให้เลือดไหลออกมาเป็นการขู่
"เธอรู้จักมันเหรอ ?" ซึฮากิเอ่ยถามกับดีน่า
"มันเป็นแวมไพร์ที่เป็นผู้นำกองโจร" เธอดูท่าทางจะโกรธจนขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ทำอะไร
"เจ้านี่เองสินะที่ร่างโคลนของฉันสู้ด้วย พอใช้ตรวจสอบดูก็ไม่เห็นแสดงว่าเลเวลสูงกว่าจริง ๆ" ซึฮากิมองดูอาวุธ เสื้อผ้าและบาดแผลตามร่างกาย
"ดูท่าจะหมดแรงแล้วสินะ ถ้าเลเวลสูงกว่าแค่จับกดลงพื้นคงไม่ยากที่จะหนี" ซึฮากิคลายมีดที่กำลังจ่อคออยู่ออกพร้อมทั้งเดินอยู่ตรงหน้าจ้องมองพวกเขา
"ร่างโคลนของฉันได้เอาข่าวมารายงานแล้ว กองโจรแตกพ่าย หัวโจกหนีตายและตอนนี้ทั้งสองคนก็กำลังอยู่ที่นี่ แค่ฉันส่งสัญญาณหรือทำให้ที่นี่พังพวกทหารก็จะเข้ามาทันที"
"และหลังจากนี้จะเป็นคำสั่งไม่ใช่คำถาม...มาร่วมมือกับเราซะหลังจากที่ทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยแยกทางกันไป" ซึฮากิพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่ออก ขณะเดียวกันเจ้านกอินทรีก็บินเข้ามาเกาะที่ไหล่ของเขาด้วย
"เหอะ แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร-" ไม่ทันพูดจบก็ถูกซึฮากิตบจนหน้าหันไปหนึ่งที
"แกไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง ฉันรู้นะว่ามานาแกกำลังจะหมด เพราะถ้าแกพร้อมจริง ๆ คงไม่มาหลบซ่อนในที่แบบนี้หรอก" จู่ ๆ วาลก็ร่ายเวทคมดาบวายุสะบัดฟาดใส่สเตล่าแต่ซึฮากิหยุดไว้ได้เหมือนรู้ทัน
"ยังจะฝืนใช้เวทมนตร์อีกเหรอ ? พวกแกก็แค่ทำตามแผนของฉันก็จะหนีออกไปได้แล้วแท้ ๆ"
"ก็ได้ ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว" คำพูดที่ดูไม่เต็มใจได้แค่ยอมทำตาม วาลเหลือบมองชาคด้วยความเป็นห่วง แต่ชาคเองก็ไม่กล้าพูดอะไรรอการตัดสินใจจากวาลเพียงผู้เดียว
"ดี ! ตอนนี้เราช่วยคุณนาธาออกมาได้แล้ว...เหลือแค่ตามหาเซนกับคานะ"
"ด-เดี๋ยวก่อน" นาธาพูดแทรกขึ้นมากะทันหัน
"ช่วยลุงโทลอีกคนจะได้ไหม ?"
"ลุงโทล...อดีตหัวหน้าองครักษ์พ่อของพลโทลักซ์" ซึฮากินึกคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา
"นายรู้ได้ยังไง ?"
"ก็แค่คนชอบอ่านหนังสือเลยรู้ข้อมูลเยอะไปหน่อย แล้วทำไมเราต้องช่วยเขาด้วยล่ะ ?" ระหว่างที่ซึฮากิกับนาธาคุยกันสเตล่ากับยูกิก็ปล่อยพวกวาล
"ก็แค่..."
"ก็แค่เขาเป็นพ่อของลักซ์สินะ แต่ตอนจัดการประหารก็มีพวกทหารล้อมรอบเต็มไปหมด เสี่ยงเกินความจำเป็น" ซึฮากิพูดออกมาไม่ไยดีเพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้จักโทลเลยสักนิดจะไม่คิดช่วยก็ไม่แปลก
"เขามีข้อมูลวงในของอาณาจักรและราชวงศ์ อีกทั้งยังมีประสบการณ์การเดินทางไปอาณาจักรอื่น ๆ รวมถึงยังอยู่เลเวลแปด" นาธารัวคำพูดออกมาไม่ยั้งหวังให้ซึฮากิสนใจ
"มีประสบการณ์การเดินทางเหรอ ?"
"ใช่ เขาทำภารกิจมามากมายเลยได้เดินทางไปเกือบทุกอาณาจักรเลย นาน ๆ ทีถึงจะได้กลับบ้าน ฉันเชื่อว่าเขาสามารถช่วยนายได้สักอย่างแน่ ๆ"
ซึฮากิยืนคิดอยู่พักหนึ่งพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
"เฮ้อ...ก็ได้ เราจะช่วยเขาในวันพรุ่งนี้ ก่อนอื่นต้องตามหาคานะกับเซนให้ได้" ซึฮากิสร้างร่างโคลนของตัวเองขึ้นมาก่อนจะดึงเส้นผมของชาคและวาล ทำการปลอมแปลงร่างโคลนพวกนั้นให้กลายเป็นวาลและชาค
"ผู้ใช้มนตร์ดำยังงั้นเหรอ ?" วาลเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
"แกคงจะจำไม่ได้สินะ มันจะมีอยู่คนหนึ่งที่เข้าไปในรังของพวกแกน่ะ นั่นก็เป็นร่างโคลนของฉันเอง"
"อ่อ..ฉันรู้แล้ว แผลที่ท้องนี่ก็เป็นฝีมือของแกนี่เอง" วาลยิ้มติดตลกเปิดท้องให้เห็นรอยแผล
"ใช้เวทลมสินะ แล้วอีกคนล่ะ ?" ซึฮากิเหลือบไปมองชาค
"ฉันใช้ไฟ" เขาตอบกลับทันที
"เดี๋ยวสิกิเราจะร่วมมือกับพวกมันจริง ๆ เหรอ ?" ดีน่ากระซิบคุยกับซึฮากิตามลำพัง ท่าทางเป็นกังวลไม่ไว้ใจพวกวาลยังคงอยู่
"เธอน่าจะกลับไปหาพวกทหารได้แล้ว ก่อนที่จะมีคดีเพราะมาพัวพันกับทางเรา"
"อืม...ฉันคืนนี่ให้" เธอยื่นก้อนหินแปลก ๆ ให้กับซึฮากิ
"อ่ออ่ออ่อ...เป็นของคนรักนี่เองก็ว่าทำไมตอนอยู่ในกรงเอาแต่กำมันไว้แน่น ตอนแรกก็สงสัยว่าเป็นอาวุธแต่พอดูก็แค่หินธรรมดา ๆ เลยปล่อยผ่าน" ชาคพูดแซวขึ้นมาทันทีเหมือนปากมันพูดไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
"แหม่ ๆ พูดได้ดีนะเนี่ย ฉันจะลืมที่แกทำกับฉันละกัน...ถ้าเขารับรักฉันอะนะ" แม้ตอนแรกเธอยิ้มเขินดีใจเข้ามาประชิดคุยซุบซิบกับชาคไม่ให้ซึฮากิได้ยิน แต่ก็ต้องถอนหายใจเมื่อนึกถึงคำพูดที่ซึฮากิจะตอบกลับ
"เลิกคุยกันนอกเรื่องกันได้แล้ว เธอก็รีบ ๆ กลับไปซะก่อนจะโดนเหมารวม" ซึฮากิพูดขึ้นมาตอนที่เขากำลังทำอะไรสักอย่างกับร่างโคลน
"เดี๋ยวฉันจะส่งตัวล่อออกไป เราจะใช้จังหวะนี้ค้นหาคานะกับเซน" ร่างโคลนที่เหมือนกับวาลและชาคกระโดดออกไปทางหน้าต่างวิ่งตรงไปยังป้อมปราการให้พวกทหารคิดว่าพวกเขากำลังหนี กองกำลังจำนวนมากได้มุ่งเป้าไปหาพวกร่างโคลนในทันที
"ทางสะดวกแล้วไปกันเถอะ"
หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงเหมือนจะไร้วี่แววของพวกคานะ มีแต่ทหารและกลุ่มคิวเทเดินป้วนเปี้ยนทั่วเมืองเพื่อซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย
"คานะรอฉันด้วย" เสียงที่ดูหมดอาลัยตายอยากของเซนกำลังโหยหวนถึงคานะขณะที่เธอกำลังเดินนำหน้าไปไม่สนใจ
"ชักช้าจริง ๆ เราต้องรีบกลับไปรวมกลุ่มกับพวกกินะ" คานะตอบกลับเสียงแข็ง
"ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ แต่นี่มันก็มืดแล้วแถมพวกทหารก็อยู่เต็มไปหมด เมืองก็ดันเละเทะซะขนาดนี้แทบจะไม่มีที่ให้ซ่อนเลยนะ" เซนเหลือบตาขึ้นมองปุยที่กำลังเกาะอยู่บนหัว แม้จะส่ายหัวไปมาก็ไม่หลุดจนเซนปล่อยให้มันเกาะต่อไป
"ทำตามฉันก็พอ" คานะแอบอยู่ในจุดที่มีคนเดินตรวจน้อยที่สุดซึ่งมีสามคน พวกเขายืนคุยกันสนุกปากขณะที่กำลังเฝ้ายามกะดึกโดยไม่ได้กลัวว่าจะมีใครมา
"แกเห็นแม่สาวในกองโจรไหม ? คนที่ใส่ชุดรัด ๆ หน่อยน่ะ"
"เห็นสิ แกก็เล็งเธอเหมือนกันเหรอ ? เดี๋ยวอีกสองชั่วโมงเราก็จะได้ผลัดไปเฝ้าพวกนั้นแล้ว" ทหารอีกคนตอบกลับท่าทางกำลังตื่นเต้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"พวกแกละก็...เห็นสาว ๆ หน่อยไม่ได้แต่พวกนั้นก็เป็นอาชญากรอยู่แล้วเดี๋ยวก็โดนประหาร" นายทหารอ้วนท่วมอีกคนพูดแทรกขึ้น
"ฮ่าฮ่าฮ่าของดีแบบนี้จะปล่อยให้ตายไปก็เสียดาย"
"เสียดายอะไรเหรอ ?" เสียงหญิงสาวพูดขึ้นข้าง ๆ หูจนทำให้เขาขนลุก
"อะ-" ไม่ทันได้ตั้งตัวเขาก็ถูกกระแทกเข้าที่หัวกระเด็นออกไปหลายเมตรหมดสติในทันที
"ต้องรีบส่งสัญ-" อีกสองคนก็ไม่ทันได้ตอบโต้ถูกเซนและคานะพุ่งเข้าจู่โจมสายฟ้าแลบ
"แล้วไงต่อล่ะคานะ คงจะไม่ขโมยชุดพวกมันแล้วปลอมตัวเป็นทหารหรอกนะ" เซนถามอย่างสงสัยขณะที่กำลังลากตัวพวกทหารเข้าไปในพุ่มไม้ใกล้ ๆ
"เราจะทำอย่างงั้นนั่นแหละ"
"ถ้าปลอมเป็นทหารก็ยิ่งหาพวกกิได้ยากน่ะสิ ยังไงพวกเขาก็ต้องเลี่ยงการเจอทหารอยู่แล้ว"
"นายลืมอีกสิ่งที่ทำให้พวกกิรู้ว่าเป็นเรา" คานะเหลือบไปมองปุยที่กำลังส่งเสียงแหลม ๆ ของมันเป็นการตอบกลับ
"จริงด้วย มีแค่พวกเราที่มองเห็นปุยถ้ากิมาเห็นยังไงก็รู้ว่าเป็นเรา" พวกเขาถอดชุดพวกทหารแต่งตัวเหมือนได้กลับไปอยู่ที่ค่ายทหารเลย โชคดีที่มีกระเป๋าเป้ของพวกมันไม่งั้นคงจะเก็บธนูของคานะไปไม่ได้
"ไปกันเถอะ"
ยามดึกที่ไม่มีชาวบ้านออกมาเพ่นพ่านเหมือนอย่างเคย พวกเขาต่างก็พยายามข่มตาหลับพยายามไม่นึกถึงเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น เหลือเพียงเหล่าทหารและกลุ่มคิวเทที่ยังคงทำงานกันไม่หยุด
"เฮ้ พวกนายน่ะมาจากหน่วยไหน ?" ทหารคนหนึ่งตะโกนถามคานะและเซนที่เดินเตร็ดเตร่อยู่
"ห-หน่วย"
"หน่วยเฝ้ายามค่ะ" ขณะที่เซนกำลังกล้า ๆ กลัว ๆ คานะก็พูดแทรกแทนเสียงดังฟังชัด
"เหรอ ? เออ ๆ งั้นก็ไปทำงานต่อได้แล้ว" นายทหารคนนั้นกลับไปทำงานของตัวเองต่อเลิกสนใจพวกคานะ
"อย่าพิรุธสิเซน...ทำอย่างกับเป็นเด็กน้อยไปได้"
พวกเขาทำเหมือนเป็นคนเดินตรวจเวรยามไปรอบ ๆ พยายามจะมองหาที่ที่ซึฮากิอยู่หรือไม่ก็ให้เขาเห็น
นั่นมันปุยนี่ ซึฮากิแอบมองอยู่ไม่ไกลตรงซอกตึกพัง ๆ เขาได้เห็นกระต่ายสีขาวเกาะอยู่บนหัวของนายทหารคนหนึ่ง
"มีอะไรเหรอกิ ?" สเตล่าถามพลางชะเง้อคอมองด้วยความสงสัย
"ปุยน่ะสิ อย่าบอกนะว่าสองคนนั้นจะเป็น..." ซึฮากิสร้างร่างโคลนของตัวเองเพื่อพิสูจน์ความสงสัยส่งมันออกไปหาทหารสองนายนั้น
"กิ !" เสียงลั่นออกมาดังของเซน เขากำลังโผเข้ากอดซึฮากิ
"ชัดเจนเลย" ซึฮากิถึงกับกุมขมับเมื่อเห็นเซนกำลังกอดร่างโคลนของเขา คิดในใจดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ออกไปเอง
"มาทางนี้" ซึฮากิส่งเสียงเรียกก่อนจะสลายร่างโคลนขณะที่เซนกำลังกอดอยู่
พวกเขาได้รวมตัวกันครบเป็นที่เรียบร้อยแทนที่จะได้หนีออกไปจากเมืองแต่ยังคงรอช่วยโทลในวันพรุ่งนี้ ถึงทหารส่วนใหญ่จะถูกล่อออกไปแล้วแต่ไม่นานก็คงจะกลับมา
"ฉันคงต้องหาร่างแปลงคนใหม่" เขาแอบไปตามที่พักสุ่มหยิบเศษขนหรือไม่ก็ผมของพวกเขามา ปลอมแปลงทุกคนเป็นชาวเมืองแต่ก็ต้องแลกมาด้วยมานาจำนวนมาก ด้วยจำนวนเจ็ดชีวิตที่ต้องปลอมตัวและยังต้องคอยสร้างร่างโคลนของชาคและวาลเพื่อเป็นตัวล่อให้พวกทหารกระจายตัวออกไป
26 ตุลาคม พ.ศ.2575
จนกระทั่งรุ่งสางได้มาถึง ขบวนพิธีอย่างง่ายที่นำโดยพัศดีเบ็น เขาพานักโทษจำนวนหนึ่งมารวมตัวกับพวกกองโจรที่ลานกว้างเละเทะเป็นหลุมเป็นบ่ออันเกิดจากพวกกองโจร
"หลังจากนี้เราจะมีเวลาสี่ชั่วโมงให้พวกท่านทั้งหลายทำอะไรก็ได้กับพวกมัน ไม่ว่าจะฆ่า ทรมานหรืออะไรก็ได้โดยที่พวกเราจะคอยควบคุมดูแลเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันจะตอบโต้ไม่ได้" พัศดีเบ็นตะโกนเสียงดังต่อหน้าชาวเมืองจำนวนมากที่มารอดูการประหารแต่ก็ต้องตกใจเมื่อวิธีประหารได้เปลี่ยนไปแถมพวกเขายังสามารถมีส่วนร่วมได้อีกด้วย
"มันไม่ดูโหดร้ายไปหน่อยเหรอ ?" หนึ่งในนักผจญภัยกระซิบคุยกับเพื่อน ๆ ของเขา
"ปกติน่า ที่เมืองนี้มีวัฒนธรรมของเขา...ดูเหมือนนายจะยังไม่เคยมาสินะ"
"อ่อเหรอ..." ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศจากพัศดี ชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่กำลังโกรธเกรี้ยวเมื่อนึกถึงข้าวของของตัวเองที่เสียไปโดยเฉพาะเหล่าญาติพี่น้อง พวกเขาหยิบทั้งอาวุธ ก้อนหิน เวทมนตร์...ทุกสิ่งที่คว้าได้แถวนั้น ระเบิดความโกรธที่เก็บไว้ใส่ไม่ยั้งขณะที่พวกนักโทษเองก็ดันโดนไปด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
พวกเขาต่างก็วิ่งหนีตายโดยที่ยังโดนโซ่ล็อกมืออยู่ยิ่งพวกกองโจรโดนล่ามติดกันทุกคน แม้จะมีคนตายก็ต้องลากตัวไปด้วยยิ่งลำบากตรากตรำเข้าไปใหญ่
"อ้าวมาแล้วเหรอเชอรี่" เบ็นพูดติดตลกยิ้มเยาะใส่เธอ
"ยังจะยิ้มได้อีกเหรอคะ ? มีนักโทษหนีออกไปแถมพวกเรายังโดนทำร้ายอีก" เชอรี่ดูไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก เธอกอดอกกัดฟันพูดพลางกวาดสายตาไปทั่ว
"อะ..." จู่ ๆ เชอรี่ก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง หันมองด็อบและเจฟทันควันส่งสายตาอันโกรธเกรี้ยวให้กับพวกเขา
"พวกมันอยู่ใกล้ ๆ" เชอรี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ฝ่าวงล้อมทหารและชาวบ้านตามหาที่มีของพลังเวทด้วยเวทตรวจจับของเธอ
"เมื่อกี้ว่ายังไงนะ ?" เบ็นยังคงสงสัยในคำพูดของเชอรี่ ไม่เหมือนกับด็อบและเจฟที่เข้าใจได้ทันที พวกเขาเดินตามหลังเชอรี่ไปโดยไม่คิดอะไรเช่นเดียวกับเบ็น
"เจอแล้ว..." ไม่พูดรำทำเพลงอะไรทั้งนั้นเธอคว้าดาบจากฟักพุ่งเข้าหวังฟันให้ตายในทีเดียวแต่ก่อนที่จะทำสำเร็จก็มีคมของมีดสั้นเข้าปะทะแทน
"ละอองมานาไม่เหมือนเจ้าพวกนั้น แกคงเป็นพรรคพวกที่เหลือสินะ"
"เราจะทำยังไงดีล่ะกิ ?" เซนที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับตกใจทำตัวไม่ถูกเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ
"ไปช่วยโทลซะแล้วไปที่แม่น้ำประตูตะวันออก [ฟ็อก] " กลุ่มหมอกควันหนากระจายตัวปกคลุมทั่วบริเวณนั้น ทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกนึกว่ามีพวกกองโจรอีกวิ่งหนีกันจ้าล่ะหวั่นเกิดความวุ่นวายขึ้น
"พวกแกคิดว่าจะหนีได้เหรอ ?" เวทตรวจจับของเธอทำให้รู้ตำแหน่งได้โดยไม่ต้องมองด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่กล้าใช้เวทมนตร์เพราะกลัวชาวบ้านโดนลูกหลงเธอจึงเลือกวิธีเข้าประชิดตัวแทน
"เดี๋ยวนะ ! มันเกิดอะไรขึ้น ?" จู่ ๆ ละอองมานาจำนวนมากก็กระจายออกจนหาตำแหน่งที่แน่ชัดไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีซึฮากิพุ่งเข้าเหวี่ยงใบมีดลมเกือบโดนใบหน้าของเชอรี่ ขณะที่เธอกำลังสับสนก็ได้เห็นร่างโคลนจำนวนกว่ายี่สิบวิ่งไปทั่วจนไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวจริง
แย่จริงที่ต้องใช้ร่างโคลนเยอะขนาดนี้ การคงสภาพปลอมแปลงไว้เลยเป็นเรื่องยาก ซึฮากิร่ายเวทพายุลูกหนึ่งขึ้นมาแม้มันจะไม่ทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บแต่ก็ทำให้ฝุ่นที่อยู่บนพื้นฟุ้งกระจายไปทั่ว เขาใช้จังหวะนี้ฟาดฟันด้วยใบมีดลมใส่พวกเชอรี่แต่มันก็เบาจนไม่อาจจะทะลวงการป้องกันไปได้
"ใบหน้าแบบนี้...ซึฮากิ ฮลาฟกาด หนึ่งในกบฏ ที่ฆ่าคนมาหลายสิบคน ฆาตกรที่ทางรัฐกำลังต้องการตัว" เจฟถึงกับพูดออกมาเสียงดังเพื่อให้ทหารทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยิน
"ค่าหัวของเขาเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ที่มีการกวาดล้างพวกอมนุษย์ ป่านนี้คงขึ้นไปถึงหนึ่งร้อยเหรียญทองแล้วแน่ ๆ" ไม่มีเพียงแค่ทหารเท่านั้นที่สนใจในค่าหัว พวกนักผจญภัยหลายสิบคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ต้องการเงิน พวกเขากรูกันเข้าโจมตีทั้งร่างโคลนและตัวจริง กลายเป็นการปะทะกันในระยะประชิดโดยที่ยังมีชาวบ้านหลงอยู่ด้วย
"ให้ตายเถอะที่นี่มันเละไปหมดแล้ว" เบ็นยืนมองอยู่เฉย ๆ อย่างกับได้ดูอะไรสนุก ๆ ยิ้มสะใจแปลก ๆ
"เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ?" ไม่นานกุสตาฟและพวกลักซ์ก็มาสมทบ
"อ่อพอดีพวกเรากำลังจะประหารนักโทษน่ะ อยู่ ๆ พวกอาชญากรจากที่ไหนไม่รู้ก็โผล่มาทำเรื่องวุ่นวาย" เบ็นยังคงใจเย็นมองดูการต่อสู้ของพวกเขา
"นักโทษ..." ทันใดนั้นลักซ์ดันเหลือบไปเห็นนาธาอยู่กลางวงการต่อสู้ เขากำลังดิ้นรนด้วยมีดสั้นเล่มเดียวฟาดฟันกับนักผจญภัย โชคดีที่มีพวกคานะและสเตล่าอยู่ด้วยช่วยกันก่อนจะขยับเขยื้อนไปหากลุ่มของนักโทษ
หนึ่งในร่างโคลนของซึฮากิได้ขโมยกุญแจมือฝ่าดงกระสุนเวทเข้าไปปลดให้กับนักโทษทุกคนที่ขวางหน้ารวมถึงพวกกองโจรด้วยจนเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ยัดทุกอย่างใส่กันไม่ยั้งจนเลือดนองสนามรบแห่งนั้น
"นาธา !" เสียงตะโกนดังลั่นจากลักซ์ขณะที่เธอวิ่งฝ่ากลุ่มคนเข้ามาเพื่อมาหานาธา เขาส่งสายตามองและยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปเพื่อตามหาและช่วยลุงโทล
"[วารีหวนคืน-เจาะทะลวง]" กุสตาฟสร้างหอกน้ำแหลมและขว้างมันเล็งไปหาพวกคานะพุ่งผ่านลักซ์ไปนิดเดียว
"เดี๋ยว !" ลักซ์ตะโกนออกมาด้วยความตกใจแต่มันก็สายเกินไป
แต่เมื่อหอกนั่นกำลังจะเข้าถึงตัว เวทระเบิดน้ำขนาดพอดีมือก็เข้าปะทะแทน แรงระเบิดของมันทำให้หอกเปลี่ยนเส้นทางพุ่งไปแทงโดนนักโทษคนอื่นแทน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 472
แสดงความคิดเห็น