10 กำเนิดนักสู้-ประดาบกับจอมกระบี่
เช้าวันรุ่งนี้ บุรุษแซ่กงรีบมาที่ลานประลองและคาดหมายว่าจะพบรายชื่อของของเจ้าหนุ่มทาสแซ่ก้าน แต่มันก็หาได้เป็นอย่างที่เขาหวังใจไว้ไม่ เจ้าหนุ่มทาสไม่ได้มาลงทะเบียนในเช้าวันนี้ บุรุษแซ่กงจึงปล่อยเวลาช่วงเช้าผ่านไปด้วยการนั่งเอกเขนกอย่างไม่สนใจใยดีลานประลองสักเท่าไร
พอตกบ่าย ชื่อของเจ้าหนุ่มแซ่ก้านก็ปรากฏขึ้นในบัญชีและมันทำให้บุรุษแซ่กงอดประหลาดใจไม่ได้ที่พบว่ารอบประลองของเจ้าหนุ่มทาสถูกจัดไว้อันดับท้ายสุด
นั่นหมายถึง เจ้าหนุ่มทาสแซ่ก้านได้เป็นคู่เอกของวัน
คงมีใครสักคนลงแต้มถือหางเจ้าหนุ่มทาสหนักมือไปหน่อยแล้ว
บุรุษแซ่กงเคยลงแต้มถือหางฝั่งเจ้าหนุ่มทาสและทำให้เจ้าหนุ่มผู้นั้นต้องประลองกับนางทวนซึ่งถือว่าเป็นอันดับที่สูงกว่าควร ครั้งนี้เขาจึงไม่ลงแต้มให้ แต่กระนั้น คู่ประลองของเจ้าหนุ่มทาสก็ยังสูงเกินไปอยู่ดี
คู่ประลองของเจ้าหนุ่มทาสครั้งนี้คือบุรุษโพกผ้าที่รั้งอันดับสิบแปดมานานมาก บุรุษผู้นี้โพกผ้าปิดคลุมหน้าตาตลอดเวลาจนไม่มีใครรู้ใบหน้าที่แท้จริง เขาใช้กระบี่ยาวที่สามารถชิงความได้เปรียบเรื่องความไวและระยะได้ดี แต่บุรุษแซ่กงเชื่อว่าเจ้าหนุ่มทาสน่าจะจัดการได้ เพราะเพลงกระบี่ที่โจมตีได้ถึงหกทิศทางนั้นน่ากลัวอยู่ไม่น้อย
ต่อให้มีใครสักคนแกล้งลงแต้มถือหางเจ้าหนุ่มก้าน เขาก็คงชนะได้
แต่บุรุษแซ่กงคาดผิด กระบี่หกทิศทางที่เจ้าหนุ่มทาสมีนั้นถูกปิดผนึกไปเสียก่อนที่จะได้ใช้
แสงตะวันเริ่มคล้อยต่ำและทอดเงาลงมากถึงกลางลานประลองแล้วในตอนที่เจ้าหนุ่มทาสแซ่ก้านก้าวเท้าออกมาจากประตูไม้ ในมือขวายังคงถือประบี่สั้นรูปร่างธรรมดาเหมือนเดิม หากแต่ครั้งนี้บุรุษแซ่กงกลับรู้สึกว่ากระบี่เล่มนั้นแปลกไปจากกระบี่เลวที่เจ้าหนุ่มเคยใช้
อีกฝั่งของลานคือบุรุษร่างใหญ่ที่แต่งกายด้วยชุดทาสไม่ต่างกัน แต่บุรุษผู้นี้มีผ้าพันรอบหัวและปล่อยชายลงปิดคลุมถึงคอ ทำให้ไม่มีใครในลานประลองสามารถระบุได้ว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้อายุอานามเท่าไร แต่เมื่อพินิจจากรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแล้ว เขาคงจะผ่านชีวิตที่หนักหนามาไม่น้อย
การประลองเริ่มด้วยการประดาบ ครั้งนี้เจ้าหนุ่มก้านไม่ได้เผด็จศึกทันที วิสัยของนักสู้คงจะตื่นขึ้นมาแล้ว เจ้าหนุ่มก้านจึงยืนประดาบกับบุรุษโพกผ้าอยู่หลายกระบวน เสียงหวีดหวิวแปลกหูดังเสียดแทงอากาศทุกครั้งที่เจ้าหนุ่มก้านตวัดกระบี่ อีกทั้งมันยังทำให้ผู้เฒ่าหลายคนในลานประลองนี้เบิกตาโพลง บางคนถึงกับยืนไม่ติดที่
นั่นรวมถึงบุรุษแซกง เจ้าหน้าที่ระดับสูงวัยสามสิบเก้าของบ้านคุ้มภัยคนนี้ด้วย
“กระบี่นั่น! ไม่จริงน่า!” บุรุษแซ่กงผุดลุกขึ้นหลังจากฟังเสียงกระบี่กรีดอากาศเพียงสี่ครั้ง ร่างสูงใหญ่ในชุดเทาทะยานไปเกาะขอบลานประลองและจับจ้องท่วงท่าของเจ้าหนุ่มทาสอย่างร้อนใจ “เจ้าหนุ่ม รีบจัดการคู่ต่อสู้ซะ!”
อีกครั้งที่หลิวลู่รู้สึกร้อนวูบขึ้นมา หากแต่มันไม่ใช่ความร้อนของเปลวแดดที่แผดเผาผิวกาย
ทุกครั้งที่ตวัดกระบี่ตีโต้กับบุรุษโพกผ้า ความรุ่มร้อนก็จะปะทุขึ้นภายใน แม้หลิวลู่จะรู้สึกยินดีที่กระบี่ของตนพลิกแพลงและโฉบตวัดได้ดังใจ อีกทั้งตัวกระบี่ก็แข็งแรงมากจนไม่ต้องห่วงว่าคมจะทื่อลงทุกครั้งที่ปะทะกับกระบี่ยาวของคู่ต่อสู้ ยิ่งสู้ก็ยิ่งเพลิดเพลิน แต่มันก็ยิ่งทำให้หลิวลู่ร้อนรนเช่นกัน
ภาพลวงตาที่ดูคล้ายเปลวสีแดงเริ่มวาดผ่านดวงตาและย้อมให้บรรยากาศรอบตัวบุรุษโพกผ้าร้อนแรงขึ้น
“เจ้าหนุ่ม รีบจัดการคู่ต่อสู้ซะ!”
เสียงก้องกังวานดังลงมาจากทิศเบื้องหลังของหลิวลู่ มังกรหนุ่มจึงได้สติและตั้งท่าร่าง หลิวลู่ประเมินจากร่างกำยำของบุรุษตรงหน้าและคมกระบี่ใหม่ในมือแล้วคิดว่า ‘หกภูติตวัดกระบี่’ น่าจะรุนแรงพอที่จะล้มเขาได้
แต่ยังมิทันที่หลิวลู่จะก้าวทะยานออกไป บุรุษโพกผ้าก็ถีบตัวเข้าหาอย่างรวดเร็วก่อนจะบรรจงวางคมกระบี่ขาวแนบลงบนบ่าของหลิวลู่อย่างน่าหวาดเสียว
“เพลงกระบี่ของเจ้าคือการกระทะยานเข้าหาคู่ต่อสู้และตวัดกระบี่เฉือนอากาศอย่างรวดเร็ว—” ผ้าโพกขยับไหวพร้อมกับเสียงทุ้มที่ถูกกดจนต่ำดังลอดออกมา “—แต่หากเจ้าถูกเข้าประชิด เพลงกระบี่ก็จะถูกผนึกไปทันที”
“ท่านรู้?”
“ทุกกระบวนท่าล้วนมีจุดอ่อน อย่าเผยความสามารถบ่อยจะดีที่สุด” เสียงทุ้มเอ่ย มิทันที่หลิวลู่จะตอบโต้ เขาก็กดใบหน้าลงต่ำและคำราม “เอาล่ะ! มาร่ายรำให้ข้าดูอีกครั้งซิ เจ้าหนุ่ม!”
สิ้นเสียงคำราม บุรุษโพกผ้าใช้ศอกกระแทกร่างของหลิวลู่ออกห่างก่อนจะตวัดกระบี่ยาวใส่นับครั้งไม่ถ้วน แม้หลิวลู่จะปัดป้องได้ แต่ก็มีหลายคราที่บุรุษโพกผ้าพลิกกระบี่ยาวและฟาดลงที่แขนและลำตัวจนต้องเซไป
ดูคล้ายว่าเขาไม่ได้ต้องการแค่ปิดผนึกเพลงกระบี่หลิวลู่เท่านั้น แต่เขายังต้อนให้หลิวลู่วาดกระบี่ไปเรื่อยๆ อีกด้วย
หลิวลู่จวนเจียนจะพ่ายแพ้หลายครา ไม่ใช่เพราะระดับฝีมือที่ต่างชั้นเกินไป แต่เป็นเพราะความรุ่มร้อนที่ปะทุขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่าต่างหาก มันทำให้ความคิดประหลาดก่อขึ้นและรบกวนสมาธิ
ตอนนี้หลิวลู่อยากถูกบุรุษโพกผ้าเข้าประชิดแนบอีกครั้ง มังกรหนุ่มอยากให้บุรุษผู้นี้โอบกอดด้วยแขนนั้นและกระซิบคำหวานข้างหู ไม่สิ! คนผู้นั้นจะเป็นใครก็ได้
ขอแค่เป็นบุรุษก็เพียงพอ
บุรุษโพกผ้ารู้สึกสำราญเป็นอย่างยิ่งที่ได้ชมการร่ายรำของเจ้าหนุ่มทาสผู้นี้อีกครั้ง แม้มันจะไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของเจ้าหนุ่มเอง แต่ทุกครั้งที่บุรุษโพกผ้าตวักกระบี่ไปหา เจ้าหนุ่มทาสก็จะตวัดกระบี่สั้นตีโต้อย่างว่องไว อีกทั้งท่วงท่ายามรุกไล่เข้ามานั่นอีก ช่างห้าวหาญและแข็งแกร่งเกินกว่าผู้ใดในลานประลองนี้จะทำได้ เสียดายที่เสียงหวีดหวิวของกระบี่ทำให้เจ้าหนุ่มก้านอ่อนแรงลงมากพอควร
คำสาปของกระบี่ส่งผลแล้ว
และมันก็คงได้เวลาที่จะอุ้มร่างนี้ขึ้นเตียงเสียที
บุรุษโพกผ้าเลิกใคร่ครวญพลางถีบเท้าไปหาร่างของคู่ต่อสู้
แต่เสียงประกาศก้องก็ดังขึ้นและขวางร่างของเขาไว้
“ผู้ชนะได้แก่บุรุษโพกผ้า! จบการประลองของวันนี้!”
สิ้นเสียงประกาศ ร่างสูงใหญ่ในชุดเทาก็กระโจนลงมาจากขอบลาน ร่างที่ดูคล้ายเงานั้นเตะเท้าถีบผนังและวิ่งทะยานมาบนอากาศก่อนจะเหยียบลงบพื้นใกล้ร่างที่หมอบคู้ของหลิวลู่
“แขกของลานไม่มีสิทธิ์ลงมาตรงนี้” บุรุษโพกผ้าคำรามเมื่อถูกขวาง
“เจ้าชนะแล้ว กลับไปที่ห้องของเจ้าซะบุรุษโพกผ้า!”
บุรุษแซ่กงเอ่ยโดยไม่มองคู่สนทนา เขาเพียงแต่ยกมือชี้นำทางก่อนจะทรุดกายคงประคองหลิวลู่ขึ้นดูอาการ เมื่อพบกว่าเจ้าทาสหนุ่มแทบจะไร้สติ เขาก็พยุงร่างหลิวลู่ขึ้นและเตะเท้าทะยานขึ้นด้านบนอย่างว่องไว ทิ้งร่างใหญ่โตของบุรุษโพกผ้าไว้เพียงลำพัง
บุรุษแซ่กงวางร่างของหลิวลู่ลงบนตั่งไม้ในกระโจมเล็กของตนก่อนจะหยิบกระบี่สั้นขึ้นมาพินิจดู
บุรุษแซกงไม่เคบพบกระบี่เล่มนี้มาก่อน แต่เขาคือบุคคลที่อยู่ในช่วงที่กระบี่เล่มนี้ออกอาละวาด แม้ตอนนี้ความทรงจำนั้นจะเลือกลางมากแล้ว แต่พอครั้นได้ยินเสียงหวีดหวิวนั้น เขาก็นึกถึงกระบี่เล่มนี้ขึ้นมา
บุรุษแซ่กงลุกเดินนำกระบี่ไปพาดกับราวไม้ พอหันกลับ เขาก็ถูกร่างเล็กพุ่งเข้าปะทะจนเซถอยหลังไปชนราวไม้
ริมฝีปากกร้านใต้เรียวหนวดงามของบุรุษแซ่กงถูกริมฝีปากของหลิวลู่ประกบแน่น มังกรหนุ่มใช้มือหนึ่งประคองคางที่รกหยาบของบุรุษแซ่กงพลางส่งยกริมฝีปากไล่งับอย่างรุ่มร้อน ลิ้นชุ่มชื้นดุนดันให้อีกฝ่ายเปิดปากรับ แต่เมื่อไม่สำเร็จมังกรหนุ่มก็ก้มหน้าและไล่งับลำคอแทน
อีกมือของหลิวลู่เล่า?
มือนั้นกดลงต่ำไปตามร่างกายหนาใหญ่ของบุรุษแซ่กง มันหยุดลงตรงเครื่องเพศที่หลับไหลอยู่ใต้ชุดเทา มือนั้นลูบไล้และขยำบีบอย่างเนิบช้าเพื่อหวังจะปลุกปั่นให้อีกฝ่ายเกิดอารมณ์ขึ้นมา
“ดะ—เดี๋ยวเจ้าหนุ่ม! หยุด! ข้าบอกให้—”
บุรุษแซ่กงดิ้นหนีเป็นพัลวัน เขาเบี่ยงใบหน้าและลำคอหนีริมฝีปากรุ่มร้อน ขณะเดียวกันก็เอี้ยวลำตัวหลบมือแข็งแรงของทาสหนุ่ม แม้จะปราดเปรื่องในเรื่องการคุ้มภัยและการดูคนแค่ไหน แต่ยามนี้เขากลับกลายเป็นชายที่เงอะงะและถูกเด็กหนุ่มปลุกปล้ำจะเสื้อผ้าเริ่มหลุดลุ่ย ไม่แปลกเลยที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะบุรุษแซ่กงไม่เคยถูกปลุกปล้ำมาก่อน อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามคือทาสหนุ่มที่ถูกคำสาปจนเร่าร้อนเช่นนี้ด้วยแล้ว เขาจึงตื่นตระหนกไม่น้อย
ในที่สุดลิ้นของบุรุษแซ่กงก็ถูกงับและดูดดุนจนสั่นระรัว พรหมจรรย์ของปากและความฉ่ำหวานของลิ้นที่บุรุษแซ่กงเก็บงำมานานต้องสูญเสียให้กับหลิวลู่ผู้กระหาย
และหากบุรุษแซกงไม่รีบจัดการ เครื่องเพศที่ยกตัวแข็งขันใต้ชุดเทาที่เริ่มหลวมโพรกก็อาจจะถูกเจ้าหนุ่มทาสครอบครองเป็นลำดับต่อไป
นิ้วขาวทว่าแข็งแกร่งดุจศิลาของบุรุษแซ่กงถูกกดลงตามตำแหน่งชีพจรบนร่างของหลิวลู่ เมื่อครบตามตำแหน่ง ร่างของหลิวลู่ก็อ่อนปวกเปียกทันที ดวงตาของของมังกรหนุ่มหรี่ปรือ ร่างกายค่อยๆ ทรุดลงสิ้นฤทธิ์อยู่กับพื้น
“ฟู่ว! เป็นคำสาปที่น่าสะพรึงเหลือเกิน!” บุรุษแซ่กงเอ่ยพลางจัดเสื้อผ้าของตน หลังจากนั้นเขาก็หอบร่างของหลิวลู่กลับไปที่ตั่งอีกครั้ง เขายืนกอดอกจับจ้องร่างหลิวลู่อยู่หลายอึดใจก่อนจะรำพึง “เจ้าไปพบกระบี่—ไม่สิ! กระบี่เล่มนี้พบเจ้าได้อย่างไรนะ?”
หลิวลู่หลับไปนานก่อนจะตื่นขึ้นมาพร้อมความวิงเวียนและร่างกายที่หนักอึ้ง รอบตัวมีแต่ความมืด แสงเทียนดวงน้อยที่ตั้งอยู่ใกล้ตั้งพอจะช่วยให้มังกรหนุ่มรู้ว่าเขาอยู่ในกระโจมสะอาดสะอ้านหลังหนึ่ง เขายังยังคงอยู่ในพื้นที่ลานประลองและยังไม่ได้กลับบ้าน
หลิวลู่ขยับกายลงจากตั่งและเดินตรงไปคว้ากระบี่และชักออกดู คมกระบี่ยังคงเรียบปลาบ ไม่มีแม้รอยบิ่นใดๆ เขาพินิจดูอย่างพอใจก่อนจะเก็บมันเข้าฝักและพาร่างหนักอึ้งของตนออกมา
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 388
แสดงความคิดเห็น