ตอนที่ 25 ตระกูลเย่แห่งเทียนหลง
ตอนที่ 25 ตระกูลเย่แห่งเทียนหลง
องค์หญิงน้อยอยากร้องไห้ด้วยชีวิตแขวนกำลังอยู่บนเส้นด้าย หากแต่นางไม่มีแรงพอ ริมฝีปากนางสั่นเครือ นางอยากขอให้คนช่วยแต่ไม่มีเรี่ยวแรงกล่าวคำ
เย่หวูเฉินยังไม่ปล่อยนางและกล่าวเสียงเย็นเยียบ “สาวน้อย เจ้ายังอยากสังหารน้องสาวข้าอยู่หรือไม่?”
“ไม่....ไม่...ข้าไม่อยาก ข้าไม่กล้าแล้ว” นางส่ายศีรษะแล้วแหงนไปที่เขาอย่างระมัดระวัง นางมองเขาทั้งน้ำตานองอย่างน่าอนาถ
“เปล่าประโยชน์ที่จะขอร้องข้า ถ้าเจ้าอยากให้ข้าปล่อย เจ้าก็ขอโทษน้องสาวข้าซะ”
“ข้า...ข้าขอโทษ”
“มองน้องสาวข้าแล้วพูดให้ดังขึ้นอีก” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
องค์หญิงน้อยหันไป แล้วสายตานางก็มองไปที่ใบหน้าหนิงเสวี่ย แต่ในฉับพลันนางก็เบือนศีรษะหนีราวแตะถูกสายฟ้า ขณะที่นางสะอึกสะอื้นกล่าว “ข้าขอโทษ.... แต่นางน่ากลัวเกินไป....”
“งั้นเหรอ?” เย่หวูเฉินมองนางที่น้ำตาอาบหน้า แล้วหันไปมองหนิงเสวี่ยและกล่าว “ในสายตาข้า น้องสาวข้าสวยกว่าเจ้าเป็นร้อยเท่า”
องค์หญิงน้อยตอบสนองเกินธรรมดาในฉับพลัน หากว่าไม่มีกระบี่พาดคออยู่ นางคงกระโดดเหมือนแมวถูกเหยียบหาง “ขะ ข้า ข้า... ตรงส่วนไหนของนางที่สวยกว่าข้า! จะเป็นไปได้ยังไงที่ข้าสวยน้อยกว่านาง!”
องค์หญิงน้อยบุ้ยปาก นางกระทั่งไม่เกรงกลัวที่ต่อล้อต่อเถียงกับคนชั่วร้าย ความชื่นชอบในสิ่งสวยงามเป็นธรรมชาติของผู้หญิง ดูได้จากคำพูดขององค์หญิงวัย 13 ปีที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เย่หวูเฉินทิ้งกระบี่ลงแล้วใช้มือทั้งสอง เขาจับศีรษะน้อยๆของนางให้หันมามองที่หนิงเสวี่ย เพื่อกับบอกนางว่าสิ่งที่นางเชื่อนั้นมันไม่จริง ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือให้นางได้เห็นด้วยตาตัวเอง “เจ้าคิดว่าน้องสาวข้าไม่สวยเพราะเจ้ามองเฉพาะส่วนที่ไม่ดีของนาง เจ้าลองมองตาของนางให้ดีสิ มองที่คิ้ว แล้วลองเปรียบเทียบกับเจ้าดูว่าของใครสวยกว่ากัน?”
องค์หญิงน้อยจดจ้องที่ดวงตาดาราของหนิงเสวี่ย และหนิงเสวี่ยก็จ้องตานางเช่นกัน พวกนางกระพริบตามอง สาวน้อยทั้งสองจ้องกันและกันอยู่เนิ่นนาน องค์หญิงน้อยกล่าวพึมพำ “ตาของนางสวยจริงๆ”
โดยไม่รู้ตัว รอยแผลเป็นน่ากลัวทั้งสองรอยกลับไม่ทำให้นางกลัวอีกต่อไป นางกระทั่งเกิดความสงสัยและยื่นมือไปสัมผัสพวกมัน
“ตกลงเจ้ายังสวยกว่านางอยู่มั้ย?” มีเสียงข้างหูเอ่ยถามขึ้นมา
นางบุ้ยปากแล้วกล่าว “ไม่แล้ว”
ด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น นางกระทั่งลืมคนผู้นี้ไปแล้ว คนที่เมื่อกี้เพิ่งจะถือกระบี่กรีดลำคอนาง เนื่องจากไม่รู้ตัวว่าทำไม ความเจ็บปวดทั้งหมดได้หายไปนานแล้ว
“เอาละ... สาวน้อย เจ้าชื่อว่าอะไร?” เย่หวูเฉินน้ำเสียงอ่อนโยนลง
“ข้าชื่อว่าฮวงเอ๋อร์” องค์หญิงตอบกลับเหนียม คราบน้ำตายังอยู่บนใบหน้า แต่นางไม่กลัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ฮวงเอ๋อร์? ที่แปลว่า จักรพรรดิ? เย่หวูเฉินลอบยิ้ม จักรพรรดิองค์นี้คงขาดแคลนโอรส ถึงได้ตั้งชื่อให้พระธิดาเช่นนี้
“เจ้าอายุเท่าไหร่?”
“ 13 ปี ”
หลงเจิ้งหยางแทบเอาศีรษะโขกพื้น เขาไม่อาจทนยืนดูได้อีกต่อไป ทั้งสองคนกลับเริ่มพูดคุยกันต่อหน้าต่อตาเขาเอาเสียเฉยๆ
……………………………..
ในเวลาเดียวกัน ณ ตระกูลเย่แห่งเทียนหลง
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลของอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทางการปกครอง , อำนาจทางทหาร , ทรัพยากรที่ครอบครอง ทุกสิ่งล้วนแข็งแกร่งอย่างมาก และไม่มีใครทราบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขา นอกเสียจากตระกูลหลินที่ทรงพลังอำนาจทัดเทียมกันแล้ว ก็ไม่มีใครกล้ากระตุ้นโทสะพวกเขา กระทั่งจักรพรรดิคนปัจจุบันยังต้องให้ความยำเกรงอยู่หลายส่วนต่อตระกูลเย่ ในเวลานี้ ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของตระกูลคือขุนพลเย่ ‘เย่หนู่’ เขาอายุครบ 67 ปี และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในสมรภูมิ เขาสร้างผลงานการรบที่เลื่องลือไว้มากมาย และเขายังมีสถานะที่สูงยิ่งในอาณาจักร เขายังทำให้ตระกูลเย่น่าเกรงขามขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่เขาขึ้นเป็นขุนพล และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ทศวรรษ พวกเขาก็อยู่บนจุดสูงสุดของเมืองเทียนหลง
แต่โชคร้าย บางทีสวรรค์คงอิจฉาตระกูลเย่ ทายาทรุ่นหลังของตระกูลกลับไม่อาจเจริญรุ่งเรือง ขุนพลเย่มีเพียงบุตรชาย 1 คน และแม้ข้าเขาจะมีบุตรชายเพียงคนเดียว แต่บุตรชายเขาเวลานี้ทรงพลังพอที่จะเขย่ามหาสมุทรทั้งสี่ เขาอายุวัยกลางคนและเรียกกันว่าขุนพลเว่ยหลง ชื่อของเขาคือเย่เว่ย เย่เว่ยมีบุตรชาย 1 คน และบุตรสาว 1 คน แต่โชคร้ายในช่วงที่ตระกูลเย่รุ่งเรืองอำนาจเหนือผู้ใด ลูกชายของเย่เว่ยกลับพิการเพราะความโรคภัยรุมเร้า ยิ่งนานวันอาการของเขายิ่งเลวร้ายลง ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รุ้กันทั่วทั้งเมืองเทียนหลง เย่หนู่และเย่เว่ยกังวลจนไม่ทราบว่าผมขาวไปแล้วกี่เส้น และเรื่องของตระกูลเย่ก็กลายเป็นเรื่องตลกประจำเมืองเทียนหลง
เมื่อ 1 ปีก่อน การเสาะแสวงหาของเย่เว่ยได้พาเขาไปถึงอาณาจักรชางหลาน ในที่สุดเขาก็พบบางสิ่งที่สามารถใช้ฟื้นฟูร่างกายบุตรชายเขาได้ นั่นคือโสมพันปี แต่ยามเมื่อเขากลับมา ลูกชายของเขากลับหายตัวไป ตระกูลเย่พยายามเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่มีใครทราบว่าเขาหายตัวไปได้อย่างไร ราวกับว่าเขาเลือนหายไปในอากาศกลางวันแสกๆ ผลที่ตามมาคือเย่หนู่ระดมกำลังสืบหาทั่วทั้งเมืองเทียนหลง แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่พบเบาะแสใด
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขาหนีออกจากบ้าน หรือถูกลักพาตัวไป ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเล็ดลอดสายตาของตระกูลเย่ ความเป็นไปได้หนึ่งเดียวคือมีผู้ทรยศอยู่ในตระกูล ด้วยเหตุนี้ ขณะที่พวกเขาค้นหาในเมืองเทียนหลง เวลาเดียวกันพวกเขาก็สืบเสาะอยู่ภายในตระกูลเย่ หากแต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังคงไม่พบสิ่งใด ดังนั้นพวกเขาจึงจำต้องปรับผังตระกูลครั้งใหญ่ ท้ายที่สุดบุตรชายตระกูลกลายเป็นบุคคลสาบสูญ ไม่พบแม้เพียงผมเส้นเดียว แม้ว่าตระกูลเย่ไม่ต้องการที่จะยอมรับ แต่ในใจของพวกเขารู้ดีว่า เขาน่าจะถูกสังหารและกระทั่งศพก็อาจถูกทำลายไปแล้ว
ธูปเทียนในตระกูลเย่ดับลงอย่างเป็นลาง เย่หนู่ถอนหายใจอยู่ตลอดเวลา ยามนี้เขาแก่ชรา แม้ว่าผิวเผินเขาจะยังดูกร้าวแกร่งและดูเหนือล้ำเหมือนเช่นก่อน แต่หากผู้คนที่ดวงตาเฉียบแหลมมองก็สามารถบอกได้ว่าที่หว่างคิ้วเขามีความทุกข์ลึกล้ำฝังอยู่ ในส่วนเย่เว่ยแม้เกียรติภูมิผู้กล้าของเขาไม่ได้ลดทอนลง แต่นิสัยเขากลายเป็นคนฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัด ทหารใต้บัญชาของเขาต่างตระหนักถึงเรื่องนี้ดี และพวกเขาทำได้เพียงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ในขณะที่ขุนพลเว่ยทอดถอนใจออกมา พวกเขาไม่กล้าเอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้าขุนพล ภรรยาของเย่เว่ยเป็นสตรีจากราชตระกูล นางร้องไห้ทุกวันเพราะการจากไปของบุตรชาย
ความหวังเดียวของตระกูลเย่คือบุตรบุญธรรมที่เย่เว่ยรับไว้เมื่อ 7 ปีก่อน ชื่อของเขาคือ เย่หวูหยุน ที่เวลานี้อายุได้ 22 ปี ในระหว่างที่เขายังเป็นกำพร้า ต้องอาศัยหาเศษซากประทังชีวิต อาศัยอยู่ในแดนอันตรายของหิมะและน้ำแข็ง เมื่อยามขณะที่เขาหิวโหยจนใกล้ตาย เย่หนู่ได้นำเขามาเพื่อรับใช้เย่เว่ย มีครั้งหนึ่งเย่เว่ยถูกนักฆ่าจู่โจม เย่หวูหยุนไม่ลังเลเอาชีวิตเข้าป้องกันบังกระบี่ เขาบาดเจ็บสาหัสมากแต่ก็รอดชีวิตมาได้ ตระกูลเย่ชื่นชมเขามากและในที่สุดก็รับเขาเป็นบุตรชายตระกูลเย่ ในระหว่าง 7 ปีที่ผ่านมา เขาปรับตัวเข้ากับตระกูลเย่และทุ่มเทดูแลตระกูล นอกจากนี้เขายังแสดงพรสวรรค์อันน่าตื่นตะลึง เนื่องจากตระกูลเย่จะให้รางวัลทุกครั้งที่เขามีความก้าวหน้า หรือกระทั่งในยามที่เขาเจ็บป่วย ด้วยบุตรชายคนเดียวของตระกูลเย่ไม่เป็นที่ชื่นชม ทำให้ผลทั้งหมดตกลงมาที่เขาเพียงคนเดียว
แต่บุตรบุญธรรมถึงแม้จะมีพรสวรรค์เก่งกล้า ก็ยังเป็นเพียงแค่บุตรบุญธรรม สายโลหิตที่ไหลอยู่ในร่างไม่ใช่สายเลือดของตระกูล ถึงแม้ว่าตระกูลเย่จะเชื่อมั่นในตัวบุตรบุญธรรม และปฏิบัติต่อเขาราวกับลูกในไส้ แต่ถึงจะอย่างไร พวกเขาจะยินดีส่งมอบทั้งตระกูลให้คนแปลกหน้าอย่างนั้นหรือ?
....................................................
ในเวลานี้เอง
ข่าวสารที่มาถึงได้ทำให้บ้านตระกูลเย่ต้องสั่นสะเทือน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 489
แสดงความคิดเห็น