สะใภ้กระดังงา ตอน 2 เพียงสองคน
เมื่อเดินทางกลับจากการลอยอังคารมาถึงฟาร์ม สะบันงาก็ทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยาก น้ำตายังซึมอยู่ไม่ได้ขาดราวกับจะไม่มีวันหมดสิ้น หัวอกของเธอสะท้อนเมื่อคิดขึ้นมาว่าต่อไปนี้จะไม่มีชายที่รักอยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้ว
สุริยันทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เอื้อมมือมาจับมือเธอพร้อมปลอบด้วยความอาทร เธอรู้สึกนับถือพ่อสามีมาก ท่านเข้มแข็งทีเดียวแม้จะสูญเสียทั้งลูกและภรรยาไปพร้อมๆ กัน
“จากนี้จะเอายังไงต่อล่ะ หนูสะบันงา”
“ยังไม่รู้เลยค่ะ มันสับสนไปหมด” หญิงสาวตอบเสียงสะอื้น
“ถ้ายังคิดอะไรไม่ออก ก็อยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน บ้านช่องห้องหับก็ใหญ่โต พ่ออยู่คนเดียวคงเหงาแย่”
สะบันงายกมือพนมกราบแทบอกพ่อสามี “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
ชายสูงวัยถอนใจแผ่วเบา “ถ้าไม่คิดอะไรมาก พ่อก็อยากให้หนูสะบันงาอยู่ช่วยงานต่อนะ ทำตำแหน่งเดียวกับเจ้าสันต์นั่นแหละ บอกตรงๆ นะ เรื่องประชุมกับทำเอกสารบัญชีอะไรเนี่ย ไม่ถูกโรคกับพ่อเท่าไรหรอก”
หญิงสาวมองผู้เปรียบเสมือนบิดาอย่างเข้าใจ ท่านเป็นผู้บุกเบิกที่ทางแถวนี้ สร้างอาณาจักรอันกว้างใหญ่ด้วยสองมือตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นพวกขาลุยเสียมากกว่า ทำให้แม้ตอนนี้จะอายุล่วงเลยไปถึงห้าสิบปีเข้าให้แล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงและบึกบึนเหมือนหนุ่มๆ ซึ่งก็ผิดกับคมสันต์ที่มีรูปร่างสะโอดสะองเพราะไม่ได้ออกกำลังมากเท่า และเติบโตขึ้นมาในช่วงเวลาที่ครอบครัวมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงมากแล้ว
ในช่วงบุกเบิก สุริยันมีจันทราคอยจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ ให้ ทำให้สามารถทำงานในฟาร์มได้อย่างเต็มที่ ภายหลังคมสันต์เรียนจบจากอังกฤษมา ก็เข้ามาดูแลจัดการเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับด้านธุรกิจให้อีกแรง จนกระทั่งพัฒนากิจการฟาร์มและโรงงานให้รุดหน้าไปอย่างก้าวกระโดด ทำกำไรให้ครอบครัวได้อย่างมหาศาล ชนิดที่กินใช้ยังไงก็ไม่หมดในชาติเดียว
“หนูจะช่วยคุณพ่อค่ะ” เธอตัดสินใจรับ “หนูเป็นคนของที่นี่แล้ว และอันที่จริงหนูก็ไม่มีที่ไปที่ไหน พ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่ที่เนเธอร์แลนด์บ้านเกิดแล้ว ส่วนแม่ก็ต้องอาศัยบ้านของพี่ชายกับพี่สะใภ้อยู่ หนูจะไปรบกวนก็เกรงใจ เพราะบ้านช่องก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก”
“เอ้า...งั้นก็อยู่ด้วยกันที่นี่แหละ พ่อจะให้เงินเดือนเท่าเจ้าสันต์ ช่วยจัดการพวกเอกสารน่าเบื่อให้พ่อก็แล้วกัน ขาดทั้งเจ้าสันต์ ขาดทั้งจันทราไป พ่อก็เหมือนกับโดนตัดแขนตัดขาเสียหมด”
“ถึงแม้หนูจะไม่เก่งเท่าคุณสันต์ แต่ก็จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ค่ะ”
สุริยันยิ้ม ใบหน้าคล้ามแดดที่ดูเคร่งขรึมดุดันนั้นแจ่มใสขึ้นมาเล็กน้อย แม้จะมีริ้วรอยแห่งกาลเวลาประดับอยู่บนใบหน้านั้น และที่ผมบริเวณขมับจะมีสีดอกเลาแซมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของท่านลดน้อยลงไปเลยสักนิด ราวกับว่ากาลเวลาไม่อาจพรากวัยหนุ่มไปจากท่านได้เลยแม้แต่น้อย
“ส่วนเรื่อง...” พ่อสามีชะงักไป
“คุณพ่ออยากพูดอะไรคะ พูดมาเถอะค่ะ คิดเสียว่าหนูเป็นลูกสาวคนหนึ่ง”
ท่านยิ้มอย่างอาทรแล้วลูบศีรษะเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู “เรื่องผู้ชายน่ะ พ่อไม่ว่าหรอกนะหากหนูจะเจอใครใหม่แล้วถูกใจ หนูยังสาว อายุก็แค่ยี่สิบห้าเท่านั้น ยังมีเวลาอีกเยอะกับเรื่องพวกนี้”
สะบันงาถอนใจเฮือก “หนูไม่แน่ใจค่ะ หนูรักคุณสันต์มาก รักจนไม่คิดว่าจะมีใครดีกว่าเขาอีกแล้ว”
“อย่าเพิ่งด่วนตัดอนาคตตัวเองอย่างนั้นสิ พ่อเชื่อนะว่าคนสวยและมีความสามารถอย่างหนู ไม่นานก็คงได้พบคนดีๆ ที่จะดูแลหนูแทนเจ้าสันต์ไปตลอดชีวิตได้”
“ถ้าหนูเกิดเจอคนที่ใช่จริงๆ แล้วคุณพ่อจะทำยังไงล่ะคะ” เธอแย้ง
“โอ๊ย...เรื่องเอกสารน่ะเหรอ ถึงเวลาก็เปิดรับสมัครคนมาทำ ขี้คร้านจะเดินขบวนมาต่อแถวยาวไปถึงหน้าฟาร์มโน่น ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“ค่ะ” สะบันงายิ้มทั้งน้ำตา รู้สึกอุ่นใจที่ยังมีพ่อสามีอยู่ในวันที่สูญเสียทุกอย่างไป
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 811
แสดงความคิดเห็น