STARCIN ภาคที่ 3 Yan Festival ตอนที่ 8 เกิดอารมณ์
"และผู้ชนะก็คือฝ่ายน้ำเงินครับ !" เสียงดังกึกก้องที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนแทบจะร้องไห้ออกมา เงินมากมายที่เก็บหอมรอมริบเพื่อมาหวังเอากำไรหายไปในพริบตา พวกเขาแทบจะพังที่นั่งทิ้งด้วยความโมโหยิ่งอยู่รวมกันก็ยิ่งแล้วใหญ่เหมือนทุกคนซุ้มไฟใส่กันไปเรื่อย ๆ
"นังนั่นต้องใช้เวทมนตร์แน่ ๆ แบบนี้แม่งโคตรขี้โกงเลย"
"พวกเอลฟ์แม่งก็เลวตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วจับมันมาทรมานซะให้ตายเลยดีกว่า"
ความโกรธเกรี้ยวไม่พอใจของเหล่าผู้ลงพนันกำลังปะทุขึ้นไม่หยุด แม้ยามและคนดูแลจะคอยมาห้ามแล้วก็ตามแต่จำนวนก็ต่างกันเกินไป
"ไปจัดการนังนั่นกันเถอะ ! ทวงคืนความยุติธรรมและเงินที่ควรจะเป็นของเรา"
เหล่าผู้คนมากมายลุกฮือขึ้นมุ่งไปยังสนามประลองโดยที่มียามคอยกันไว้แต่ก็ไม่อาจต้านทานจำนวนพวกนั้นได้เลย เอลฟ์สาวสวยคนนั้นยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนอีกทั้งลูกตุ้มที่ถ่วงขาก็ยังไม่ได้เอาออก แววตาที่จ้องมองเหล่ามนุษย์เหมือนกับมองฝูงสัตว์กระหายเลือดกำลังกรูกันเข้ามาหาเธอ
วันนี้ฉันคงไม่รอดแล้วสินะ รอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าแสดงให้ถึงความรู้สึกโล่งอกโล่งใจเธอยืนอยู่กับที่ไม่ขยับหนีหรือคิดสู้เลยสักนิด
"โหดร้ายกันชะมัดเลยคนพวกนี้การประลองมันจบไปแล้วแต่คนไม่จบ" สเตล่าขบฟันด้วยความหงุดหงิดได้แต่มองดูผู้คนกำลังจะเข้าไปฆ่าเธอ
"ฉันว่ามีคนพยายามจะช่วยเธออยู่นะ" ซึฮากิเหลือบไปมองกุสตาฟที่อยู่ด้านล่าง เขากำลังยื่นมือไปด้านหน้าเพ่งสมาธิรวบรวมมานาอยู่
"พี่จะช่วยเธอจริง ๆ เหรอ...คงจะไม่ฆ่าพวกเขาหรอกนะ" เฟย์ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่ไปขวางทาง
"เห็นพี่เป็นคนยังไงเนี่ย ยังไงกลุ่มคิวเทก็มีกฎแม้พี่จะเป็นคนตั้งมันขึ้นมาแต่ก็ไม่อาจฝ่าฝืนได้...[วารีหวนคืน-เรือนจำ]"
ทันใดนั้นกำแพงมานาก็ก่อรูปขึ้นขวางกั้นพวกผู้ชมที่โถมลงไปหมดทุกทิศทางก่อนที่จะมีน้ำจากที่ไหนไม่รู้เติมเข้ามาข้างในเรื่อย ๆ
"พวกแกหยุดกันได้แล้ว การประลองน่ะมันได้จบลงแล้วหากใครไม่พอใจฉันก็จะถือว่าคนผู้นั้นละเมิดฝ่าฝืนกฎของการประลองและลงโทษมันผู้นั้น" น้ำภายในนั้นยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีหยุดจนระดับน้ำมาถึงช่วงท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ต-แต่ท่านกุสตาฟครับ เธอใช้เวทมนตร์ในขณะที่อีกฝ่ายใช้ไม่ได้แบบนี้ไม่เรียกขี้โกงจะให้เรียกอะไร !" ชายวัยกลางคนที่อยู่ภายในนั้นกำลังตะโกนเสียงขึ้นมาจากด้านล่าง
"กฎในการประลองไม่เคยบอกว่าห้ามใช้เวทมนตร์เพียงแค่ไม่มีอาวุธให้ก็คิดเป็นตุเป็นตะว่าห้ามใช้เวทมนตร์หรือว่านายยังจะเถียงอีก" ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นมายันคอแล้วสีหน้าร้อนรนของผู้คนภายในนั้นที่กำลังตะเกียกตะกายเอาตัวรอดอยู่
"ตกลงจะหยุดไหม ?" ไม่ทันได้คำตอบน้ำก็ท่วมผิดหัวทุกคนไปเสียแล้วเหล่าคนที่ยังอยู่บนอัฒจันทร์มองลงไปเหมือนได้เห็นหนูกำลังแหวกว่ายภายในกล่องใส่น้ำที่ถูกปิดทุกด้านจนหนีไปไหนไม่ได้
"เฮ้อ..." ความทรมานของผู้คนที่ไม่สามารถว่ายหนีไปไหนได้ ไม่มีที่ที่จะหายใจได้สักนิดเดียวจนในที่สุดกุสตาฟก็คลายเวทและทำลายกล่องใบนั้นทิ้ง น้ำทั้งหมดได้ไหลทะลักออกไปทั่วทุกสารทิศเหมือนกับคลื่นซัดชายฝั่ง
"อะ-" บางคนก็โชคดีที่ตัวสูงเลยไม่ต้องกลั้นหายใจนานนักแต่กลับบางคนที่ตัวเตี้ยพวกเขาต้องอยู่ใต้น้ำนานกว่าแทบจะขาดใจตายไปแล้วถ้ากุสตาฟไม่หยุดเสียก่อนคงมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากแน่ ๆ
"กลับขึ้นมากันได้แล้วหรือต้องให้ฉันพูดซ้ำ !" เสียงตะโกนของกุสตาฟดังไปทั่วสนามประลองทำให้หลาย ๆ คนกลัวจนหัวหดรีบวิ่งกลับไปยังอัฒจันทร์ทันที
"งานในวันนี้จบลงแล้วถึงเวลาแยกย้าย" สิ้นเสียงประโยคสุดท้ายของกุสตาฟ เขาก็พาพรรคพวกทั้งหมดเดินออกไปทันทีแต่วินาทีสุดท้ายเพียงชั่วพริบตาที่เขาและซึฮากิได้สบตากัน
"กิเมื่อกี้เขามองมาทางเราด้วย พวกมันโมโหที่นายไปกวนประสาทมันแน่ ๆ" สเตล่าถึงกับตกใจตัวสะดุ้ง เธอจับแขนซึฮากิเขย่าด้วยกับหวาดกลัว
"เธอกลัวพวกมันขนาดนั้นเลยเหรอ ?"
"ก็ใช่น่ะสิ พวกมันมีตั้งเยอะแถมเลเวลก็ไม่ใช่น้อย ๆ ด้วย ถ้าต้องสู้กันยังไงฝั่งเราก็ไม่ไหวอยู่แล้ว" เธอยังเขย่าตัวซึฮากิอยู่
"สกิลจุดอ่อนของเธอสามารถมองเห็นข้อด้อยของคนอื่นได้ นั่นก็เป็นเรื่องที่ได้เปรียบสุด ๆ แล้ว แล้วก็อย่างที่เธอบอกถ้าสู้กันตรง ๆ ยังไงก็ไม่ชนะแต่เราจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ ? ในเมื่อมีข้อได้เปรียบเราก็ต้องใช้แต่หากผู้หญิงคนนั้นก็มีเหมือนกันถ้าเป็นแบบนั้นล่ะ อีกทั้งสถานที่พวกมันก็คุ้นชินกันอยู่แล้ว" สเตล่าเริ่มหยุดนิ่งพยายามตั้งใจฟัง
"นายกำลังจะบอกว่าอะไรกันแน่ ?"
"สกิลจุดอ่อนสามารถมองดูข้อด้อยของร่างกายและพลังได้แต่ไม่สามารถดูความรู้สึกได้นั่นก็คือข้อจำกัดของสกิลนั้น หากเราสามารถกุมจุดอ่อนที่มีผลต่อจิตใจของพวกมันได้การเอาชนะก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป"
"แต่นั้นก็คงไม่ใช่เหตุผลที่นายไปยั่วโมโหพวกมันหรอกใช่ไหม ?"
"แน่นอน ที่ฉันทำแบบนั้นก็เพียงแค่ต้องการดูว่าพวกมันจะฉลาดแค่ไหนและดูเหมือนในกลุ่มจะมีคนมีสมองอยู่บ้างไม่ใช่จะมีแต่สมองกลวง จากที่ได้ยินคนคุยกันดูเหมือนชายคนนั้นจะเป็นหัวหน้าและผู้หญิงที่เกาะแกะอยู่ด้วยก็คงเป็นระดับสูงในกลุ่มแน่ ๆ คนที่ต้องจับตามองก็คือสองคนนั้นส่วนพวกสมองกล้ามก็ไม่ต้องไปสนใจ" ซึฮากิลุกขึ้นยืนเดินลงไปช้า ๆ ไปยังทางออก
"เฮ้ย ! เอามันไปดูดิเดี๋ยวก็ได้ตายจริง ๆ หรอก" เหล่ายามและพนักงานของสมาคมต่างก็ออกมาดูสนามประลองช่วยกันจัดการให้เรียบร้อยเก็บกวาดทุกอย่างแม้กระทั่งคราบเลือด
"ส่วนแกก็กลับเข้ากรงไปได้แล้ว" ชายคนหนึ่งถือกำไลไม่สิมันเหมือนกับห่วงที่ใช้คล้องขากับลูกตุ้มเพียงแค่มันไม่มีโซ่หรือลูกตุ้มเลย
"เราถึงขั้นต้องซื้อหินต้านเวทมาแท้ ๆ แต่แกก็ทำเงินให้เราไม่ได้สักที เสียทั้งเวลาเสียทั้งเงินจริง ๆ เลย" เธอถูกจับใส่หินต้านเวทไว้ทั้งสองมือและสองขาแม้จะขยับร่างกายได้ตามปกติแต่อุปกรณ์ที่มาคล้องก็ทำให้เธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้เลย
ขณะเดียวกันก็มีสายตาที่มุ่งจ้องมายังเอลฟ์ไม่หยุด
นั่นสินะหินต้านเวท หินที่หายากยิ่งกว่าหินเวทอีกทั้งยังมีราคาสูง แถมปกติแล้วเมื่อค้นพบพวกทหารหรือรัฐจะกว้านซื้อไปหมดเพราะความสามารถที่น่าทึ่งของมัน
"ไปทำธุระต่อกันเถอะ"
"ห้ะ ? มีอะไรต้องทำอีกอย่างงั้นเหรอกิ" สเตล่าอุทานออกมาด้วยความตกใจทำหน้าเหมือนอยากจะกลับเต็มทนแล้ว
"หาเงินไงล่ะ" ซึฮากิหันมายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตรงไปยังทางออกที่มียามอยู่
"เฮ้ย ! ทำไมปลุกไม่ตื่นวะเป็นอะไรไหมเนี่ย ?" หนึ่งในยามสองคนกำลังหลับคาโต๊ะทำงานแม้เพื่อนของเขาจะเขย่าตัวแค่ไหนก็ไม่รู้สึกตัว นั่นทำให้เขารีบวิ่งออกไปอย่างร้อนรนไปตามพรรคพวกคนอื่น
ตั้งแต่มองดูก่อนจะเข้ามาเจ้านั่นมีนิสัยชอบกัดเล็บกระบอกน้ำที่ทายานอนหลับไว้แล้วก็เลยได้ผลแถมตอนที่มันเข้ามาหยิบกระบอกน้ำไปเราก็เลยแอบอาศัยจังหวะที่อยู่ใกล้ที่สุดขโมยกุญแจห้องมา
"..." ซึฮากิรีบใช้จังหวะนี้ไขกุญแจเข้าไปในห้องของพวกพนักงาน สเตล่าที่กำลังอ้ำอึ้งไปไหนไม่ถูกได้แต่เดินตามหลังซึฮากิไปเรื่อย ๆ
นั้นไงเงินพนันที่เป็นส่วนต่างของพวกมัน ซึฮากิเปิดหีบออกมาได้เห็นเหรียญมากมายทั้งเงินและทองเขาเลือกหยิบเฉพาะเหรียญทองใส่ถุงที่เตรียมจนแน่น
แค่นี้ก็น่าจะได้เกือบ ๆ ห้าสิบเหรียญทองคงพอในการทำหลาย ๆ อย่างในเมืองนี้ ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินประตูอีกบานเปิดออกพร้อมกับเสียงพูดคุยกันจ้อกแจ้ก
"ทำได้ดีเหมือนกันนะเธอน่ะ" ชายร่างอ้วนท้วนสูงยังไม่เท่าสเตล่าด้วยซ้ำ เขาถือเชือกที่ผูกคอเอลฟ์ตัวนั้นลากเธอเข้ามาในห้องนี้ ดูสีหน้าของเธอก็รู้ได้เลยว่าไม่เต็มใจแรงดึงเชือกทำให้เกิดรอยแดงที่คอได้ชัดเจน
"ฮ่าฮ่าฮ่าจะขัดขืนทำไมยังไม่ชินอีกเหรอ ?" เขาฉีกเสื้อของเอลฟ์ตัวนั้นขาดกระเด็นเผยให้เห็นหน้าอกที่แบนราบอย่างกับเด็กที่พึ่งก้าวเข้าสู่วัยรุ่น เธอพยายามเอามือปิดเรือนร่างของตัวเองแต่ชายคนนั้นก็กระชากมือออกขณะที่ทั้งซึฮากิและสเตล่ากำลังแอบอยู่หลังตู้ขนาดใหญ่ทั้งได้เห็นได้ยินเรื่องโหดร้ายแบบนี้
เราจะทำยังไงดีล่ะ ? ถ้าโดนจับได้คงจะลำบากแต่ถ้าเราฆ่าเจ้านั่นได้ก็คงหนีออกไปโดยที่ไม่มีใครรู้ได้ สเตล่าเอื้อมมือไปคว้าเอามีดที่เก็บซ่อนไว้ออกมารวบรวมมานาเตรียมที่จะสังหารชายอ้วนท้วน
"แม้เธอจะขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไรยังไงก็มีประโยชน์อยู่" ลิ้นของเขาตวัดเลียไปทั่วเรือนร่างเปื้อนเหงื่อและเลือดที่ติดอยู่บนตัวเธอขณะที่เอลฟ์สาวคนนั้นทำได้แค่ยืนนิ่ง ๆ กัดฟันแน่นอีกทั้งตัวยังสั่นระริก ไม่ทันไรชายอ้วนท้วนคนนั้นก็ปลดเข็มขัดถอดกางเกงลงควักเอาแท่งเนื้อออกมาส่ายไปมาต่อหน้าแม่สาวเอลฟ์นั่น
บ้าเอ๊ยต้องจัดการแล้ว สเตล่าที่เห็นก็กำหมัดแน่นอยากจะซัดเข้าที่เบ้าหน้าของมันเต็มทีแล้ว เธอหันหน้ามองซึฮากิเหมือนกับกำลังสื่อสารกันด้วยจิตเขาพยักหน้าตอบรับความต้องการของสเตล่า
"ฮิฮิฮิ ผิวสีขาวสะสวยเสียยิ่งกว่าเผ่ามนุษย์แบบนี้จะหาได้ที่ไหนอีก เธอต้องเป็นที่ลงอารมณ์ของฉันไปอีกนานจนกว่าจะตายเลยล่ะ" เขาเอาแท่งเนื้อนั้นลูบไล้ไปมาที่หน้าท้องของเธอพร้อมด้วยรอยยิ้มฉีกกว้างอย่างมีความสุข
"ไปตายซะ" คำพูดสั้น ๆ ที่ดังออกมาโดยที่ชายคนนั้นไม่รู้ตัว มีดสั้นผ่าลงจากด้านข้างตัดแท่งเนื้อที่กำลังแข็งตัวขาดกระเด็นก่อนที่เขาจะได้ส่งเสียงร้องก็ถูกซึฮากิใช้แท่งเนื้อที่ถูกตัดออกไปยัดกลับเข้าไปในปากด้วยความรวดเร็ว
"คนแบบแกตายไปซะได้ก็ดี" มีดสั้นของสเตล่าเฉือนเข้าที่คอเพื่อตัดหลอดลมและเส้นเลือดใหญ่ตัดปัญหาเรื่องเสียงร้องออกไปได้อย่างแน่นอนแต่มันก็คมจนตัดคอของเขาขาดแทน เลือดที่สาดกระเซ็นจนอาบเรือนร่างและเสื้อของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ถ้าหากพวกเขาออกไปในสภาพแบบนี้ยังไงก็ไม่มีทางรอดไปได้แน่ ๆ
"พวกแกเป็นใคร ?" แม่สาวเอลฟ์ขาสั่นกลัวเสียยิ่งกว่าตอนถูกลวนลามเสียอีก เธอเดินถอยออกห่างมองไม่ละสายตาจากพวกสเตล่าเลยแม้แต่วินาทีเดียว
"ไม่ต้องกลัวไปหรอกพวกเราไม่ใช่คนไม่ดีแค่แบบว่า..." สเตล่ากำลังพูดเบา ๆ พยายามให้เอลฟ์คนนั้นไม่กลัวไปมากกว่านี้
เจ้าสองคนนี้ฆ่าคนได้เลือดเย็นแบบนี้ต้องเป็นนักฆ่าที่พวกมันสั่งมาแน่ ๆ ไอ้บ้าเอ๊ยอุตส่าห์หนีไปมาได้ตั้งหลายปีแท้ ๆ ยังไงฉันก็ไม่มีทางยอมให้มันฆ่าหรอก อย่างน้อยเจ้านี่ก็ตายแล้วสัญญาทาสก็จะหายไปฉันจะได้หนีไปได้สักที เธอวิ่งหนีไปทางประตูที่พวกเธอเข้ามา
"ด-เดี๋ยว" ทั้งสเตล่าและซึฮากิได้แต่ยืนนิ่งไม่ตามไปถึงแม้สเตล่าจะคิดแล้วคิดอีกลังเลว่าจะตามไปดีหรือไม่
"ปล่อยเธอไปเถอะ เราต้องเปลี่ยนชุดกันแล้วไม่งั้นซวยแน่ ๆ" ซึฮากิเปิดตู้ไม้ที่ใช้หลบซ่อนดู เสื้อผ้าสิบกว่าชุดจัดวางเรียงกันเป็นอย่างดีทั้งชุดนักเรียน ชุดทหารหลากรูปแบบหลากอาชีพ
"เลือกชุดที่ดูกลมกลืนสักหน่อยหรือไม่ก็ใส่ผสม ๆ กันไป" ซึฮากิใส่เสื้อสีขาวกางเกงสีเขียวของทหารเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดเขาก็เก็บมันไว้ในตู้
"ทำอะไรอยู่ทำไมไม่รีบเปลี่ยนชุด"
"อะ-ช่วยหันไปทางอื่นก่อนจะได้ไหม ?" สเตล่าตอบกลับเสียงเบาขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก
"เฮ้อ..." ซึฮากิยืนกอดอกหันหลังให้เธอ
"หัวหน้าเสร็จธุระยังครับ ?" เสียงเคาะประตูดังหลายครั้งทำเอาสเตล่าตกใจร้องเสียงหลงไปเลย
"ขอโทษที่ขัดจังหวะครับทำต่อได้เลย" แทนที่ชายคนนั้นจะเปิดประตูเข้ามาแต่เมื่อได้ยินเสียงของสเตล่าเขาก็เงียบหายไปทันที
"รอดไป" สเตล่าถอนหายใจสั้น ๆ หลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย
"ทันทีที่ออกไปทางประตูอย่าปล่อยมือฉันเด็ดขาดเราจะหนีไปให้เร็วที่สุด" ซึฮากิจับมือสเตล่าไว้แน่นจูงกันออกไปทางประตู ทันใดนั้นหมอกควันหนาแน่นก็ปรากฏขึ้นปกคลุมพื้นที่บริเวณประตูที่สามจนหมด ได้ยินแต่เสียงโหวกเหวกโวยวายของชาวเมืองและพวกยาม
"เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ? พวกโจรหรือไงใครมีเวทลมรีบกำจัดควันพวกนี้ออกไปให้ไวเลย"
"ครับ !" ยามจากประตูอื่นกำลังวิ่งมาช่วยกันจัดการหมอกควันสีดำพวกนี้โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าทั้งซึฮากิและสเตล่าได้แฝงตัวออกไปพร้อมกับผู้ชมคนอื่น ๆ แล้ว
ถึงจะไม่ได้รู้สึกชอบก็เถอะแต่โดนผู้ชายจับมือแบบนี้ก็พึ่งเคยครั้งแรกไอ้ความรู้สึกใจเต้นตุบ ๆ หายใจไม่เป็นจังหวะแบบนี้ พวกเธอวิ่งไปตามซอกตึกเล็กใหญ่หลบสายตาของพวกทหารและยามไปจนถึงโรงแรมที่พักอยู่
"ไปทำอะไรมาดึกดื่นแบบนี้ล่ะคุณ" คุณป้าเจ้าของโรงแรมที่นั่งอยู่ในห้องเจ้าหน้าที่มีกระจกใสมองออกมาด้านนอกได้เอาไว้คอยมองคนเข้าออก
"ผมออกไปดื่มนิดหน่อยหวังว่าจะให้เราเข้าห้องพักนะครับ" ซึฮากิตอบกลับหน้านิ่ง
"เฮ้อ...คนหนุ่มสาวนี่แข็งแรงจริง ๆ เลย" พวกเขาสองคนเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักของตัวเอง เมื่อมาถึงซึฮากิก็เคาะประตูหลายครั้งได้ยินเสียงข้าวของล้มภายในห้องกับเสียงเท้าที่รีบเร่งวิ่งมา
"นั้นนายใช่ไหมกิ ?" เสียงของเซนที่พูดผ่านประตูบานนั้น
"ฉันเองเปิดประตูให้เราเข้าไปได้แล้ว" เมื่อประตูเปิดก็เผยให้เห็นร่างของเซนที่กำลังเปลือยท่อนบนอยู่
"เป็นยังไงบ้างล่ะ ?" พวกเขานั่งลงที่เก้าอี้ทั้งซึฮากิและสเตล่าต่างก็มองเซนเป็นตาเดียวกันเลย
"แล้วคานะไปไหนล่ะ ?" สเตล่าถาม
"เธอคงจะหลับไปแล้ว-" พูดไม่ทันขาดคำคานะก็เดินออกมาจากอีกห้องพร้อมผ้าเช็ดตัวที่พันตัวอยู่เหมือนพึ่งอาบน้ำเสร็จ เมื่อหันกลับมามองเซนก็เห็นรอยยิ้มเจื่อนแปลก ๆ
"พวกนายสองคนทำกันระหว่างที่เราไม่อยู่สินะ" เมื่อซึฮากิพูดจบก็ทำเอาเซนหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา
"ไม่เห็นต้องอายเลยขอแค่พวกเธอระวัง ๆ กันหน่อยถ้าเกิดท้องหรือเป็นโรคอะไรขึ้นมาจะลำบากเอา" ทั้งคานะและทั้งเซนค่างก็รู้สึกเขินอายไม่กล้ามองหน้าตรง ๆ
"จริง ๆ แล้วตั้งแต่ตอนที่หนีออกมาจากค่ายฉันกับเซนก็คุยกันอยู่บ่อย ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ดันชอบกันซะงั้นเลยคบกันแบบไม่เปิดเผยกลัวกิจะลำบากใจ" ทั้งคานะและเซนนั่งข้าง ๆ กัน หน้าง่อยก้มมองพื้น
"ฉันก็พอจะรู้อยู่แล้วเท่าที่มองดูพวกนายตอนอยู่ด้วยกัน พวกเราต้องเชื่อใจกันสิไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาชีวิตรอดในโลกแบบนี้ให้ได้ เพื่อการนั้นจำเป็นต้องหาพรรคพวกที่เชื่อใจได้เพิ่มอย่างสเตล่า ถึงจะตั้งเป้าหมายไว้แบบนั้นแต่การหาพรรคพวกก็ใช่ว่าจะง่ายคนที่มีเป้าหมายเดียวกันไม่คิดคดทรยศ"
"นายพูดเหมือนกับจะบอกว่าเจอคนที่ต้องการแล้วเลยนะ" เซนยิ้มฉีกกว้างเมื่อได้ฟังความเห็นของซึฮากิจนสบายใจ
"ใช่แล้ว เอลฟ์คนนั้นแหละที่เหมาะแก่กันเป็นพรรคพวกของเรา แววตาที่สื่อให้เห็นถึงความเคียดแค้นแต่ก็ไม่สามารถต่อต้านได้ถ้าเราใช้ความอยากของเธอคนนั้นก็จะสามารถเดินทางไปด้วยกันได้"
"เอลฟ์เหรอ !" เซนเผลอร้องอุทานออกมาเสียงดังดวงตาขยายขึ้นแวววับจ้องหน้าซิฮากิตาไม่กะพริบ
"ใช่...เอลฟ์"
"Oh my god ! แม่สาวเอลฟ์สุดแสนจะน่ารักแค่ได้เห็นสาวหูสัตว์ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกดีแล้ว ล-แล้วเธอผิวสีอะไร ? ผมสีอะไร ?" เซนจับตัวซึฮากิเขย่าถามหาความจริงที่เขาไปเจอมา ท่าทีสะดีดสะดิ้งคุมตัวเองแทบไม่อยู่ทำเอาคานะที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จ้องมองตาเขม็ง
"พาฉันไปดูเธอบ้างสิ"
"เธอเป็นทาสของสมาคมซึ่งตอนนี้อาจจะกำลังหลบหนีอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในเมืองแห่งนี้"
"เธอเป็นทาสอย่างงั้นเหรอ !" เสียงตะโกนร้องด้วยความโมโหเดือดดาล
"จะตะโกนทำบ้าอะไรหะ" คานะที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอามือเขกหัวทิ่มลงพื้นก่อนจะจับกดไว้อย่างงั้น
"แล้วมีแผนอะไรต่ออีกล่ะ ? และที่สำคัญถ้าเธอคนนั้นมีจิตใจจะแก้แค้นขนาดนั้นเธอก็คงจะไม่เชื่อใจเราเหมือนกันนั่นแหละเผลอ ๆ ก็คิดว่าเราเป็นศัตรูไปด้วย" คานะค่อย ๆ คลายมือที่กดหัวเซนไว้ออก
"ไม่เห็นจำเป็นต้องให้เธอเชื่อใจเลย ถ้าเราสามารถทำให้ความต้องการที่จะแก้แค้นหรือทำอะไรสักอย่างได้เราก็จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้เพื่อหาประโยชน์จากเธอด้วยเหมือนกัน เป็นความสัมพันธ์ที่ต่างคนต่างได้...สเตล่าเธอจำสเตตัสของคนที่มีเลเวลสูง ๆ ได้ไหม ?"
"ด-ได้มั้งนะ แต่อาจจะคลาดเคลื่อนสักนิดเพราะฉันก็ไม่ใช่คนความจำดีขนาดนั้น" เธอนึกย้อนกลับไปตั้งแต่ออกจากโรงแรมไปยันสนามประลอง
"โอ๊ย !" จู่ ๆ เธอก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมากะทันหันเมื่อพยายามนึกถึงเรื่องพวกนั้นมาก ๆ
"สเตล่า ?" คานะเอื้อมมือมาลูบคลำพยายามจะมองดูสีท่าทางของสเตล่าด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นอะไรแค่ฉันอาจจะนอนน้อยไปหน่อย ยังไงก็เถอะพวกเราต้องรีบจดเตรียมคนที่มีโอกาสเป็นอุปสรรคไว้ก่อน"
"พูดได้ดีสเตล่าเราเหลือเวลาอีกไม่มากต้องทำงานทุกอย่างให้ไว"
หลังจากซึฮากิพูดจบพวกเขาก็นั่งรวมหัวกันคิดแผนที่จะใช้ต่อไป
18 ตุลาคม พ.ศ.2575
เช้าวันรุ่งขึ้นบรรยากาศยังคงครึกครื้นแม้กระทั่งก่อนที่ฟ้าจะสว่างด้วยซ้ำ ทั้งร้านเหล้าร้านเที่ยวกลางคืนก็มีผู้คนสนุกสนานกันตลอดเวลา
"ไอ้หนู ! เกะกะขวางทางฉิบหายเลยเข้ามาต้องการอะไร ร้านเราไม่ขายเหล้าให้เด็กหรอกนะ" เด็กตัวน้อย ๆ ที่สวมผ้าคลุมปกปิดแทบจะทุกส่วนเธอยืนอยู่บนทางเดินในร้านเหล้าแห่งหนึ่งแม้จะมีคนเดินผ่านไปมาแต่ก็ไม่มีแม้สายตาเดียวที่มองมาเหมือนกับเป็นอากาศธาตุ
"เฮ้ย ! ได้ยินที่พูดไหม ?" จนกระทั่งพ่อครัวที่เดินเข้าออกภายในร้านสังเกตเห็นและเดินเข้ามาหาแม้เขาจะตะโกนเสียงดังแต่มันก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
"หือ..." เด็กคนนั้นยื่นมือออกมาจากผ้าคลุมโทรมเหมือนผ้าขี้ริ้วกำเหรียญทองแดงอยู่สามสี่เหรียญ
"ข-ขอข้าว" เสียงโทนต่ำแหบ ๆ เหมือนเจ็บคอหรือกำลังไม่สบายอยู่พูดผ่านผ้าคลุมผืนนั้นโดยที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ
"แค่นี้น่ะมันไม่พอหรอกแต่เอาเถอะ" เขาเดินกลับไปในครัวไม่นานนักหลังจากหยิบเหรียญพวกนั้นไป
"ข้าวไข่เจียวจานหนึ่งพอดีมีลูกค้ายกเลิกอาหารเลยมีไข่เจียวให้พอดี" เขาถือจานใบหนึ่งที่มีกลิ่นและควันร้อน ๆ จากข้าวลอยขึ้น ขณะที่เด็กคนนั้นกำลังยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นหยิบแต่พ่อครัวก็ชักมือกลับก่อน
"ไปนั่งกินที่โต๊ะตรงนั้นเลย กินเสร็จก็เอาจานไปวางไว้ตรงนั้น" เขาเดินดุ่ม ๆ ไปที่โต๊ะเล็ก ๆ สำหรับนั่งสองคนพ่อครัววางจานข้าวไว้บนนั้นก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ
โชคดีแล้วเราที่ฝึกพูดภาษาที่นี่ไว้ไม่งั้นเราคงแย่แน่ ๆ เสื้อเน่า ๆ นี่ก็เก็บมาจากกองขยะแล้วก็เหรียญคล้าย ๆ กับของที่ผู้คุมมีอยู่
"อัก-" เธอรีบยัดข้าวเข้าปากมากเกินไปจนติดคอ กำปั้นเล็ก ๆ ยกขึ้นทุบหน้าอกเพื่อลดความแน่น
ไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะ ? ท่านพ่อท่านแม่จะยังอยู่ดีไหมหรือว่าจะ... ทันใดนั้นก็มีเสียงประตูบานสวิงเผยให้เห็นทหารยามสองนายที่กำลังตรงไปยังเคาน์เตอร์ของร้านเหมือนกำลังคุยอะไรสักอย่าง
ชักจะไม่ดีแล้วรีบกินรีบไปดีกว่า เธอลุกจากเก้าอี้แอบเดินไปเงียบ ๆ ตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่แต่ก็มีเสียงดังตะโกนมาจากด้านหลัง
"เฮ้ย ! บอกแล้วใช่ไหมให้เอาจานมาวางตรงนี้" เสียงจากพ่อครัวดังลั่นทำให้ทหารยามทั้งสองคนหันมามองด้วยความสงสัยก่อนจะลุกเดินมา
ไม่ได้การละต้องหนี เธอวิ่งสุดฝีเท้าออกไปจากร้านนั่นยิ่งทำให้พวกทหารยามสงสัยจึงวิ่งไล่ตามมาเรื่อย ๆ เธออาศัยตัวที่เล็กกว่าลอดผ่านกระโดดไปตามทางที่มีผู้คนกำลังตั้งร้านขายของกันอยู่ขณะที่พวกทหารชนแล้วชนอีก
"หยุดเดี๋ยวนี้เลยเจ้าเด็กนี่ !" พวกเขาตะโกนเรียกด้วยความโมโหขณะที่เห็นเสื้อคลุมวิ่งไปมาจนคาดสายตา
"เฮ้อ..." เกือบไปแล้วไงล่ะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 687
ความคิดเห็น
อัปดึกขนาดนี้ ไม่อัปพรุ่งนี้เลยล่ะ
ไม่ใช่อะไร...ลืม
แสดงความคิดเห็น