แผ่นดินนี้ข้าจอง ตอนที่ 8 ภัยร้ายเริ่มก่อตัว
หลังจากเริ่มการค้นหาผู้กระทำก็ผ่านมา 10 นาทีแล้วเนื่องจากชูยงเด็กที่สุดในกลุ่มเลยก็มีคู่หูร่วมด้วย 1 คน คนนั้นคือ 1 ในอาสาสมัครที่มาค้นหาด้วยเช่นเดียวกันเขามี รูปร่างค่อนข้างอ้วน ใบหน้าไม่กลมนัก ผมหยกศก สีผิวคล่ำ สวมชุดเหมือนพวกบัณทิตเสื้อชั้นในน้ำเงิน ชั้นนอกชุดขาวไม่สวมหมวก ชูยงถามเขาว่าเขาชื่ออะไรเขาตอบว่าชื่อ เสี่ยวยี้หลง อายุ 17 ปี เขากับชูยงร่วมทางไปด้วยกัน ส่วนคนอื่นๆเเยกย้ายกันฉายเดี่ยว
ชูยงที่ได้หมวกใหม่ก็สามารถรู้สึกว่ามันช่วยปิดปังหน้าได้บางส่วนจริงด้วยเดิมทีชูยงก็ค่อนข้างเตี้ยขนาดความสูงของเขาเท่ากับชูยี้มั้งทีเขาอายุมากกว่าชูยี้ที่เป็น้องสาวถึง 2 ปี พอเดินคู่กับเขาสี่ยวอี้หลง ชูยงสูงเเค่เลยพุงขึ้นมานิดหน่อยของ อี้หลง เท่านั้น
เวลาผ่านมาจนกระทั่งผ่านมาครึ่งชั่วยามก็ยังไม่พบร่องรอยผู้กระทำเลยเเม้เเต่น้อย หน่ำซ้ำยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้กระทำเป็นสัตว์ หรือ คน หรืออะไรบางอย่าง เสี่ยวอี้หลงรู้สึกเหนื่อยเลยนั่งบน ขอนไม้กลางป่า เเล้วบ่นออกมา
“นี่ชูยงเจ้าไม่เหนื่อยเลยหน่อย” เขาพูดพร้อมกับอาการเหนื่อย
“ดูถ้าลมปราณของเจ้าน่าจะอยู่ระดับไม่ 2 ก็ 3 สินะ ถึงว่ามีเเรงมากกว่าเสียอีก”
ในโลกเเห่งการฝึกตน จะมีการฝึกเวทย์มนต์ เเละลมปราณ ควบคู่กันไป ลมปราณคือต่อเนื่องในการใช้พลัง(เปรียบเสมือนมานาของพลังเวท) ต้องเเยกฝึกกับพลังเวท เเต่คนส่วนมากมักจะมีลมปราณระดับต่ำๆเพราะไม่ค่อยฝึกกัน พวกเขาไปฝึกพลังเวทมากกว่าด้วยเหตุผลง่ายๆคือ ใครก็อยากปิดฉากศัตรูให้ได้โดยเร็วทั้งนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งเน้นไปที่การฝึกพลังเวทขอเเค่ที่เดียวจัดการได้แล้วพลังหมดก็ยอม
“พักสักหน่อย” ชูยงตอบกลับแล้วก็ไปนั่งยังขอนไม้เดียวกับเสี่ยวยี้หลงเขาก็ยังคงใส่ที่มู่ต้าซานให้มาตลอด
“นายไม่สังเกตหน่อยหรือ” เสี่ยวอี้หยงพูดขึ้น
“ยังไง” ชูยงถามกลับ
“ก็มันไม่มีร่องรอยอะไรเลยละสิ เหมือนกับหายไปเฉยๆ รอยเท้าหรืออะไรก็ไม่มีเหมือนกับหายไปเฉย”
“ก็จริงนะมันเหมือนกับถูกทำให้หายไป หรือ อาจจะเป็นฝีมือมนุษย์กันนะ” ชูยงก็ตั้งข้อสงสัยของตนเองเช่นกัน
“ซุนปินบอกว่ามันเหมือนกับพิษเเมงมุมเเต่ สงสัยมั้ยเดินมาก็ยังไม่เจอร่องรอยที่เหมือนเเมงมุมเลยเหมือนมันไม่เคยมีอยู่หรือมันโดนกลบกลื่อนไปกันนะ”
และทันใดนั้นชูยงสะกิดใจกับคำพูดของเสี่ยวอี้หลงจึงได้ตะโกนออกมา
“อะไรนะ”
“มีอะไรหรอ” เห็นชูยงท่าทางเหมือนอะไรบางอย่าง
“โดยกลบเกลื่อนไม่เคยมีอยู่” เเละชูยงก็กลับไปกล้มหน้าคิดอะไรบางอย่าง
“เขาใจล่ะอย่างงี้นี่เอง” ชูยงพูดจบก็รีบลุกจากขอนไม้เเล้วเตรียมวิ่งกลับไปในทันที
“เดี๋ยวก่อน” เสี่ยวอี้หลงลุกขึ้นตาม
“มีอะไรหรอ”
“นายไม่สังเกตหน่อยหรอน้องข้าบอกว่าพวกนางเล่นกันอยู่เเถวเชิงเขาเเต่ไม่ได้ออกนอกบริเวณและพวกนางก็หาตัวเยี้ยหนิงไม่พบเเต่นางกลับกลับมาอยู่ที่จุดเริ่มต้นคิดว่ายังไงละคนร้ายจะต้องอยู่บริเวณนั้นเเหละ” ชูยงพูดเเบบนัยๆก็ทำให้เสี่ยวอี้หลง งงยิ่งกว่าเดิมก่อนถาม
“เเต่มันไม่มีร่องเท่าหรืออะไรที่เป็นเเมงมุมเลยนะ”
ชูยงกับเสี่ยวอี้หยงรีบลงจากเขาไปในทันทีใช่เวลาไม่นานก็กลับมาถึงที่ที่เป็นเริ่มต้นผู้คนก่อนหน้านี้ไม่ใช่น้อยลงเเต่อย่างใดเเต่กลับเพื่มขึ้นด้วยซ้ำ ทุกคนน่ะตอนเเรกอยู่กันครับเว้นเเต่เหล่ามือปราบและอาสาที่เหลือยังไม่กลับมา และฟ้าก็ใกล้มืดแล้วอีกด้วย ชูยี้ที่เห็นชูยงวิ่งลงมาจากเขาก็วิ่งเข้าไปหาชูยงที่กำลังลงงมาในทันที
ชูยี้ถามชูยง
“พี่ยงพบอะไรบ้างไหม” เเต่จึงรีบถามขั้นในทันที
“น้องยี้พี่ถามหน่อยตอนที่เล่นกันใครเล่นเป็นคนหาหรอ”
ชูยี้ใช่เวลานึกสักพักก่อนพูดขึ้น
“หลินอวิ้น” นางพูดขึ้นก่อนชี้ไปที่เด็กหญิงคนที่เตี้ยที่สุดในกลุ่มนางมีรูปร่างธรรมดาทั้งร่างกายและหน้าตาไม่มีอะไรพิเศษเลยเว้นเเต่ สร้อยคอที่นางสวมเป็นหยกสีเขียวที่ดูเเพงต่างจากเสื้อผ้าที่นางใช่เเม้จะไม่ใช่มากเเต่ก็เเปลกอยู่ดี ชูยงกับเสี่ยวอี้หลงเดินไปหาหลินอวิ้นในทันที พอไปถึงชูยงเลยถามขึ้น
“นี่เธอชื่อหลินอวิ้นสินะสร้อยคอสวยดีนิของดูหน่อยได้ไหม” ชูยงถามอย่างมีชั้นเชิงไม่ถามไปตรงๆ เเต่สร้อยมันก็เเปลกไม่เข้ากับชุดจริงๆนั่นเเหละ
“นี่เป็นราคาถูกเกรงว่าจะไม่เหมาะมั้งค่ะ”
“เอาน่าไม่เป็นไรหรอก” ชูยงตอบกลับพร้อมกลับยื่นมือเเตะที่สร้องนั่นทรามกลางสายตาของทุกคน หลินอวิ้นพยายามปัดป้องเเต่ชูยงก็เเตะโดนมันจนได้
และทันใดงั้นเลยหยกนั้นก็เรื่องเเสงสีเขียวพร้อมกับเสียงกรีดร้องของหลินอวิ้น
ร่างของนางเริ่มเปลี่ยนรูปร่างเป็นเเมงมุม เมื่อเเสงเริ่มซาลงก็พบว่าร่างของนางได้กลายเป็นเเมงมุมไปแล้วเเต่ส่วนหัวเป็นของเเมงมุมนั้นเป็นคนขนาดครึ่งตัวทุกคนที่เห็นดังนั้นรวมถึงชูยงเองก็นึกสยดสยาองเอาไว้ในใจ
“ใช่แล้วนางไม่ได้ถูกทำให้หาไม่เจอเเต่หาเจอแล้วต่างหากและเป็นคนเเรกเสียด้วยเพราะฉะนั้นคนร้ายก็คือคนที่เ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 496
แสดงความคิดเห็น