STARCIN ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 22 เฟื่องฟู
6 ตุลาคม พ.ศ.2575
เสียงนอนกรนดังข้ามห้องจากชายคนนั้น จนเซนตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความสงสัย
" ไอ้ลุงนั่นนอนหรือร้องเพลงเนี่ยดังฉิบหาย " เซนพยายามข่มตาหลับให้ได้แต่ก็หลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า
จนเมื่อยามเช้าที่สดใสแสงอาทิตย์ส่องผ่านม่านที่หน้าต่างตกกระทบเข้าที่ตาของเซน ตาที่หมองคล้ำจะหลับอยู่ตลอดเวลา
" หนุ่ม ๆ ตื่นกันได้แล้ว ! " เสียงตะโกนจากชายคนนั้นจากด้านนอก เซนและซึฮากิลุกขึ้นเปิดประตูออกไปดู
" กินอะไรไหม ? จะได้ให้ลูกน้องฉันทำให้ " ชุดนอนสีรุ้งที่ใส่พอหลวม ๆ กับแขนเสื้อที่ยาวเกินมือ เขายิ้มอย่างสดใสมองมาที่พวกเซน
" งั้นผมอยากกินเนื้อกับข้าว " เซนยิ้มเจื่อนด้วยท่าทางที่อ่อนเพลีย
" ผมก็เอาแบบเซน "
" ข้าวกับเนื้องั้นขอแนะนำเมนูโปรดของฉันด้วยละกัน " เขายกอุปกรณ์ที่เหมือนกระดิ่งขึ้นอันแรกไว้ที่ปากส่วนอีกอันจ่อตรงไว้หูมีสายต่อเข้ากับกล่องติดกับกำแพง
" ข้าวขาหมูแล้วก็ข้าวหน้าเนื้อย่าง " เขาพูดคุยผ่านเครื่องนั้นกับลูกน้อง
โทรศัพท์ยังงั้นเหรอ ? ที่ผ่านมาเรายังไม่เคยเจอเลย ซึฮากิและเซนต่างก็จ้องมองอุปกรณ์ที่เขาใช้ตาไม่กะพริบ
" ลุง...เจ้านั้นคืออะไรยังงั้นเหรอครับ ? " ซึฮากิถามด้วยความสงสัยเดินเข้าประชิด
" เจ้านี่น่ะเหรอ ? มันเป็นเครื่องสื่อสารระยะใกล้ที่ฉันแย่งซื้อมาตั้งหลายเหรียญ พวกศูนย์วิจัยกำลังพยายามพัฒนาเครื่องสื่อสารระยะไกลให้ได้อยู่ อ่อแล้วก็อย่าเรียกฉันว่าลุง ฉันชื่ออามองจำไว้ด้วยล่ะ "
" ครับคุณอามอง " มีการพัฒนาของการสื่อสารแสดงว่าที่ศูนย์วิจัยต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกแน่ ๆ ในอาณาจักรแห่งนี้ใกล้จะได้เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีแล้ว
" วันนี้ต้องทำอะไรอีกไหมครับ ? " เซนถาม
" ช่วงนี้พวกนายก็พักผ่อนได้เลย กว่าจะมีการแสดงอีกก็สัปดาห์หน้า "
" งั้นผมขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ ? " ซึฮากิพูดอย่างนอบน้อมให้เกียรติและความเคารพกับคนที่อายุเยอะกว่า
" ได้สิถามมาเลย "
" ที่นี่มีห้องสมุดแล้วก็สำนักงานกิลด์ไหมครับ ? " เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาหลังจากที่ซึฮากิพูดเสร็จ อามองเดินไปที่ประตู
" เอาไว้คุยกันหลังกินข้าวนะ " เมื่อเปิดประตูออกก็ได้เห็นชายฉกรรจ์สามคนที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาวที่มีรูปหัวใจสีชมพูตรงกลางเข็นรถมาพร้อมกับอาหาร
" มากินกันดีกว่า " พวกเขาวางอาหารบนโต๊ะขนาดใหญ่ ข้าวสีขาวร้อน ๆ มีควันลอยขึ้นพร้อมกับกลิ่นจากเนื้อย่างเตะจมูกเซนและซึฮากิ เซนตาตื่นทันทีที่ได้กลิ่น
" นั่งเลย ๆ กินด้วยกันอร่อยดี " ชายหนุ่มมากหน้าหลายตานั่งกินอาหาร ชายฉกรรจ์ร่างยักษ์นั่งลงข้าง ๆ อามอง ไม่มีความเกร็งหรือเกรงใจ
" กินเลย ไม่ต้องเกรงใจพวกนายเป็นเหมือนแขกของฉัน " เซนมองหน้ากับซึฮากิครู่หนึ่งเหมือนโทรจิตคุยกันก่อนจะเริ่มตักอาหารเข้าปาก
" อ-อร่อย " ทันทีที่เซนได้ลิ้มรสอาหารตรงหน้าก็ไม่สามารถหยุดมือได้กินจนพุงกางเลยดีเดียว
" ฮ่าฮ่าฮ่า ชอบขนาดนั้นก็ดี " วงกินข้าวที่ดูสนิทสนมกันจนน่าแปลกใจ หลังจากกินอาหารเสร็จเหล่าชายฉกรรจ์ก็ช่วยกันเก็บกวาดและออกไปทันที
" งั้นมาต่อกันเลย ถ้าเป็นห้องสมุดก็มีอยู่ใกล้ ๆ ออกไปตรงถนนเดินไปทางซ้ายแล้วตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอเอง ส่วนสำนักงานกิลด์จะอยู่ใจกลางเมืองไกลเป็นสิบกิโลเมตรเลยนะ " อามองใช้ผ้าเช็กปากเรียบร้อยขณะที่ซึฮากินั่งฟังอย่าใจจดใจจ่อ
" ถ้าออกไปข้างนอกคุณอามองคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ " ทันทีที่เขาได้ยินก็จ้องหน้าซึฮากิด้วยความสงสัย
" ก็ได้ ๆ แต่ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ ถ้านายไม่กลับมาฉันก็จะไปเอาพวกเด็ก ๆ มาแสดงแทน " ถึงแม้เขาจะยิ้มแต่ก็แฝงไปด้วยความคาดหวัง ซึฮากิพยักหน้าตอบรับกันอย่างเงียบ ๆ โดยที่เซนหลังจากกินอิ่มก็ลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว
" ก่อนออกไปก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย ใช้ของฉันได้เลยไปดูในตู้เสื้อผ้าตรงนั้น "
ไม่นานก็เดินทางออกมาจากบ้านพักหลังนั้นเดินไปตามทางที่อามองได้บอกไว้ ผ่านผู้คนบ้าน ร้านอาหารร้านต่าง ๆ มากมาย
คนเยอะแบบนี้ท่าจะไม่ดีแล้วสิ ซึฮากิหาที่ลับตาคน
" [ ปรับเปลี่ยน ] " ผมสีเทาหน้าคมและแววตาที่ดุร้าย ร่างปลอมที่เขาเคยใช้มาก่อนหน้านี้อีกทั้งยังแก้ไขสเตตัสได้ทุกอย่างด้วย
แบบนี้คงจะปลอดภัยแล้ว ถึงแม้เขาจะคิดแบบนั้นแต่แววตาและสีผมของเขาก็ทำให้เป็นที่สนใจมากขึ้นซะงั้น จนมาถึงอาคารสูงใหญ่ที่มีประจกใสมองเข้าไปเห็นผู้คนและชั้นหนังสือจำนวนมาก
ที่นี่คงจะใช่ ซึฮากิเดินเข้าไปข้างในผ่านบรรณารักที่จ้องซึฮากิตาไม่กะพริบ
หนังสือ ๆ ให้ตายสิอ่านไม่ได้สักเล่ม โชคดีที่ตอนแสดงละครพวกเขาใช้วิธีการพูดซ้อมกันไม่งั้นความได้แตกแน่ ภารกิจล่าโจรก็ด้วยอาศัยคนอื่นพูดคุยกันเอา ซึฮากิหยิบหนังสือออกมาแบบสุ่มสามสี่เล่ม
คงต้องเริ่มศึกษาเองแล้วสิ เน้นไปที่หนังสือภาพเพื่อให้เข้าใจคำได้ง่าย ซึฮากิหยิบหนังสือเปิดหาแต่ภาพพยายามอ่านและจดจำคำแปลก ๆ ทีละคำ
เสียงสัญญาณดังพร้อมกับเสียงประกาศจากโทรโข่ง วินเดินคู่มากับรถม้าที่มีนักเรียนและอาจารย์อยู่ข้างใน
" ข้อความจากสถาบันวิจัยอุตสาหกรรมเครื่องยนต์ พวกเราจะประกาศสร้างรถแบบพิเศษที่สามารถพาพวกเราไปไหนมาไหนได้ไวกว่าเดิม ชื่อว่ารถไฟซึ่งจะมีการทำรางตั้งแต่ราชวังกระจายไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการทำงานจึงขอความกรุณาให้ความร่วมมือด้วยนะครับ "
" รถไฟเหรอ ? รถไฟลุกหรือไงวะ " ชาวบ้านชาวเมืองคุยเล่นกันสนุกปากขณะที่พวกวินก็เคลื่อนรถม้าไปต่อเรื่อย ๆ
" ได้ยินนั้นไหมพวกเรา ? " ซากิยืนมองตรงมาที่เสียงของวิน พวกเขายืนกันนิ่งตั้งใจฟังอยู่ภายในสำนักงานกิลด์
" เริ่มสร้างรถไฟแล้ว พวกรถที่เห็นในโรงเรียนก็คงจะสร้างมาจากที่เดียวกัน " ฟรานยืนอ่านภารกิจและประกาศต่าง ๆ จากกระดาน
อาชญากรเหรอ ? ฟรานเห็นป้ายรูปวาดภาพเหมือนคน ที่มีชื่อข้อมูล ค่าหัวและลักษณะการรับรางวัลในกรณีที่จับเป็นเงินรางวัลก็จะต่างกับจับตาย
" หะ... " ฟรานเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น
" ฟราน ! เธอเป็นอะไร " ซันนี่และคนอื่น ๆ ช่วยกันดูอาการของเธอด้วยความเป็นห่วง สีหน้าที่ซีดและน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา เธอจ้องมองขึ้นไปที่กระดานตรงหน้า หนึ่งในใบประกาศมากมายมีใบหน้าของซึฮากิอยู่
" นี่มัน... " ชาญเอื้อมมือไปดึงใบประกาศใบนั่นออกมา
ระดับความยาก C
Lv.3 ซึฮากิ ฮลาฟกาด
ได้ทำการกบฏต่ออาณาจักรโดยการหนีจากค่ายทหารและทำร้ายเจ้าหน้าที่หลายนาย
จับเป็นหรือตาย
เงินรางวัล 10 เหรียญทอง
" ซึฮากินี่หว่า " ชาญยืนอ่านด้วยความตกใจก่อนจะโดนซันนี่แย่งไปจากมือ
" จริงด้วย เจ้าบ้านั้นไปทำอีกท่าไหนเนี่ย ? " ซันนี่แทบจะเอากระดาษชิดที่หน้าจ้องมองตาไม่กะพริบ
" ใจเย็น ๆ ก่อนนะฟราน พวกเขาอาจจะแค่จับเป็นก็ได้ " ซากิและซันนี่พยายามจะคุยกับฟรานแต่เธอก็ลุกพรวดพราดเดินออกไปไม่สนใจ
" คงต้องปล่อยให้เธออยู่คนเดียวไปก่อน " ซากิและคนอื่น ๆ กลับมานั่งที่โต๊ะ
" เธอคงจะช็อกมากเลย สองคนนั้นก็ดูจะสนิทกันแปลก ๆ " ชาญยกมือสั่งน้ำและอาหารมากิน
" แต่ปกติก็มีแค่ฟรานที่ตามตื๊อซึฮากิอยู่คนเดียวนะ...จะว่ายังไงดี " ซันนี่หยิบไก่ทอดชิ้นเล็ก ๆ เข้าปากระหว่างที่คุย
" ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันตอนแรกที่ฉันถึงเนื้อต้องตัวได้จับไม้ถือแขนก็นึกว่าจะมีใจให้แล้วแต่พอมานึกดี ๆ จะเธอหรือใครก็ทำแบบนั้นกับฟรานได้ หรือเพราะที่บ้านสอนมาต่างจากพวกเราหรือเปล่า ? " ซากิหยิบน้ำขึ้นดื่มพลางคุยกับซันนี่
" แล้ว...พวกเรามารู้จักกันได้ยังไงนะ ? " ชาญกินอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจสายตาคนอื่น
" ฉันอยู่กับฟรานมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายเลยค่อนข้างสนิทกัน " ซันนี่ตบหลังชาญที่เหมือนจะมีอะไรติดคออยู่
" ฉันพึ่งได้อยู่ห้องเดียวกับฟรานปีแรก ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกสนใจอยู่แล้วแต่โอกาสที่จะได้คุยมันมีน้อยเหลือเกิน ว่าแต่เธอกับชาญคบกันมานานหรือยัง ? " ซันนี่สะดุ้งเล็กน้อยเลยเผลอทุบหลังชาญแรงไปหน่อย
" โอ๊ย ! อะไรของเธอเนี่ย ? "
" ก็คบกันตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายแล้วแต่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันหรอกก็พึ่งจะปีนี้แหละที่ได้อยู่ด้วยกัน " ซันนี่ไม่ได้สนใจเสียงร้องของชาญเลยแม้แต่น้อย
" แล้วเธอรู้จักซึฮากิมาก่อนไหม ? " ซากิถามกลับหลังจากนึกอะไรอยู่พักหนึ่ง
" ไม่เลย ถ้าไม่ใช่เพราะฟรานฉันก็คงไม่รู้จักซึฮากิหรอก "
" เธอก็คงจะสงสัยเรื่องของซึฮากิใช่ไหม ? " ซากิมองหน้าซันนี่เหมือนรู้ว่าจะสื่ออะไร
" แน่นอนอยู่แล้ว คนที่ฟรานหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ไม่สงสัยได้ยังไง ? "
" เรื่องจริงใช่ไหมที่เขาสอบวิชาหลักแล้วได้คะแนนเท่ากันทุกวิชา " ซากิถามด้วยความสงสัย
" จริงสิฉันเป็นถึงประธานนะ การค้นข้อมูลไม่ใช่เรื่องยากแล้วก็มีเรื่องน่าตกใจอีกหลายอย่างด้วย...อย่างเช่น เขามีเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยมากแต่มักจะจบด้วยการเก็บเงียบตลอดเลยไม่มีการขึ้นห้องปกครอง "
" ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ เท่าที่ฉันดูร่างกายของเขาไม่ธรรมดาเลยนะกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดนักเรียน ของพวกนั้นมันน่าจะสู้พวกนักเลงวัยรุ่นได้สบาย ๆ แท้ ๆ " ซากิเริ่มหยิบขนมขบเคี้ยวเข้าปากบ้าง
" ดูเหมือนเขาจะมีทักษะรอบด้านเพียงแต่ไม่สามารถเข้าสังคมได้ หรือฟรานจะเห็นถึงความสามารถพวกนั้นเลยสนใจมากขนาดนี้ "
ฟรานที่เดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้จุดหมายที่จะไปจนกระทั่งเธอมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่ดูเก่าและโทรมเป็นอย่างมาก
" เฮ้อ..." กิจัง ฟรานนั่งกอดเข่าอยู่ข้างกำแพงตรงนั้นพยายามกลั้นน้ำตาไว้
" อ้าวหนูทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะจ๊ะ " หญิงสูงวัยคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับถุงขยะในมือ
" ม-ไม่มีอะไรค่ะ " ฟรานลุกขึ้นยืนเช็ดคราบน้ำตาออกแล้วรีบเดินหนีทันที
" เดี๋ยวก่อน ถ้าหนูมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็เล่ามาได้เลยนะ " ฟรานหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของหญิงสูงวัย เธอเดินก้มหน้ากลับมาช้า ๆ
" จะเข้ามาคุยกันในบ้านก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ " รอยยิ้มที่นุ่มนวลชวนให้น่ามองของเธอส่งมาที่ตาจนฟรานคล้อยตามเดินเข้าไป
พื้นสนามหญ้าที่มีโคลนและหลุมบ่อหลายจุดจนไม่น่าดู บ้านไม้ที่กำลังถูกปลวกกัดกินไปเรื่อย ๆ ไม่น่าอยู่ได้
" ที่นี่เป็นบ้านของคุณป้าเหรอคะ ? " น้ำเสียงที่เบาแต่ก็ยังฟังชัดและสีหน้าที่เศร้า
" ใช่แล้ว นี่เป็นบ้านของพวกเรา " เธอยังคงยิ้มที่มองแล้วก็มีความสุขตามไปด้วย
พวกเราเหรอ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปฟรานก็ได้พบกับเด็ก ๆ ทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กช่วยกันถือจานชามไปยังห้องห้องหนึ่ง
" โห้ แม่พาใครมาอะครับ ? " เด็ก ๆ มองดูรูปร่างหน้าตาของสาวงามตรงหน้า พวกเขาเดินเข้ามาอ้อมล้อมเงยหน้ามองด้วยความสงสัย
" พี่ชื่อฟราน เป็นนักเรียนโรงเรียนหลวง " ฟรานย่อตัวลงระดับสายตาเดียวกับพวกเด็ก ๆ ส่งยิ้มอ่อนให้พวกเธอรู้สึกสบายใจ
" พวกทหารนี่เอง " แม้ฟรานจะทำตัวนอบน้อมมากแค่ไหนแต่ทันทีที่ได้ยืนคำนี้พวกเธอก็ทำหน้าบึ้งหน้าบูดเดินหนีไปทันที
" เอ่อ... " ฟรานยืนอึ้งช็อกไปเลย
" พ่อแม่ของพวกเขาต่างก็เป็นทหารแล้วก็เสียชีวิตในหน้าที่ คงจะกระทบจิตใจไม่ใช่น้อย ๆ เลย "
" อย่าบอกนะคะว่าที่นี่เป็นบ้านเด็กกำพร้า " ฟรานมองหน้าคุณป้าจ้องตากันครูหนึ่ง เพียงเธอพยักหน้าเป็นการตอบกลับก็รู้คำตอบได้ทันที
จะที่ไหน ๆ ก็มีทั้งการสูญเสียแถมการช่วยเหลือจากผู้มีอำนาจก็มาไม่ถึง ฟรานมองตรงเห็นทางเดินข้างหน้าและภาพในอดีตที่มีเด็กชายหญิงสองคนเดินเคียงคู่ไปด้วยกันก็ผุดขึ้นมาชั่วขณะ
" ไปห้องนั่งเล่นแล้วกัน แม่รู้ว่าเธอเครียดแล้วก็เสียใจอยู่เพราะฉะนั้นระบายออกมาได้เลย " คุณป้าเดินนำทางไปยังห้องนั่งเล่น
" แม่ ? "
" อ-ขอโทษจ้ะ ฉันลืมตัวปกติอยู่กับเด็ก ๆ ฉันเรียกตัวเองแบบนั้นน่ะ " เธอหลุดขำเบา ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งลงที่เก้าอี้ไม้
" เอ่อ... " ฟรานยิ้มเจื่อนไม่กล้าพูดอะไร
" อยากเล่าอยากระบายอะไรก็พูดออกมาเลยจ้ะ " เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของฟรานอีกครั้ง
" คือมีเรื่องที่ฟราน... งั้นขอเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเลยนะคะ " คุณป้ายิ้มพยักหน้าตอบ
" มีเรื่องหนึ่งที่ฟรานไม่เคยเล่าหรือบอกใครมาก่อนแม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม เรื่องที่ฟรานเป็นเด็กกำพร้าก่อนที่พ่อแม่จะรับมาเลี้ยง พวกเขาดูแลฟรานดีมากสิ่งอำนวยความสะดวก ครูส่วนตัวทั้งวิชาการ ดนตรี ศิลปะการป้องกันตัวที่ไม่เคยใช้เป็น " ฟรานเว้นช่วงพักครู่หนึ่งดูปฏิกิริยาคุณป้า
" ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าฟรานเป็นลูกบุญธรรม จนเมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่ฟรานได้เจอกับคนที่อยากเจอที่สุด คนที่ดูแลและเอาใจใส่ฟรานตอนที่อยู่บ้านเด็กกำพร้า ทุกครั้งที่ฟรานร้องไห้เขาก็จะมาปลอบด้วยร่างกายที่แสนจะอบอุ่น " น้ำตาของฟรานเริ่มหยดลงบนตักของตัวเองเล่าต่อไปด้วยเสียงสะอื้น ภาพของเด็กหญิงตัวน้อยถูกโอบกอดด้วยมือของเด็กผู้ชายอีกคน
" แม้จะผ่านมาเกือบสิบปีแล้วก็ตาม แต่ฟรานก็ยังจำได้ไม่มีวันลืม วินาทีแรกที่ได้เห็นความรู้สึกทั้งหมดมันก็เอ้อล้นออกมาไม่หยุดจนแทบจะบ้าตาย " ภาพที่ในอดีตเริ่มผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุดย้อนไปตั้งแต่วินาทีที่ได้ย่างกายเข้าไปในบ้านเด็กกำพร้า
" ฟรานไม่รู้ทำไมเขาถึงจำฟรานไม่ได้ เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้ใกล้ชิดก่อนจะถูกพามาที่นี่แถมยังต้องแยกจากกันอีก แล้วตอนนี้เขาก็ถูกตามล่า " เธอนึกย้อนไปในช่วงที่ยังเรียนอยู่ ทุกการกระทำที่เธอพยายามจะเข้าใกล้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้โดยไม่สนคนรอบข้าง
" ถ้าหมดหนทางจริง ๆ ฟรานคงต้อง... " คุณป้าโผเข้าโอบกอดร่างของฟรานที่กำลังร้องห่มร้องไห้อยู่
" ดีมาก...ดีมาก ปล่อยมันออกมา " ฟรานร้องไห้ฟูมฟายออกมาดังออกไปนอกห้องจนเด็ก ๆ มุงดูจากช่องประตู
เด็กโค่งตัวใหญ่กับเพื่อนของเขายืนมองลงมาที่ฟรานตอนที่เธอล้มลงกับพื้น ในปากที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งจู่ ๆ ก็คลายออกมา ส่วนเด็กอีกสองคนก็เข้ามาจับตัวฟรานไว้แน่นก่อนที่เด็กโค่งตรงหน้าจะเอาหมากฝรั่งยื่นเข้ามาหวังติดเข้ากับผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอ
เสียงล้มดังเด็กโค่งตรงหน้ากลิ้งไปกับพื้น ก่อนที่ซึฮากิจะจับพวกเขาแยกออกไปและประคองฟรานลุกขึ้นยืน รอยยิ้มหวานที่ส่งเข้ามาทำให้เธอติดภาพจำตั้งแต่ตอนนั้นและพยายามทำตามซึฮากิทุกอย่างแม้แต่จะเข้านอนก็นอนในห้องเดียวตลอด
ความทรงจำที่แสนสำคัญของเธอคือการจับมือแล้วเดินไปไหนมาไหนด้วยกันเพียงแต่ซึฮากิจะทำท่าเหมือนจับมือใครอีกข้างก็ไม่รู้
" พักผ่อนให้สบายนะ " คุณป้าลูบหัวของฟรานอย่างทะนุถนอมอุ้มไปไว้ที่เตียงปล่อยให้เธอนอนต่อไป
" ได้ฟังแล้วลูก ๆ คงเข้าใจสินะ ฟรานก็เหมือนพวกเธอเคยสูญเสียและผ่านมันมาก่อน " คุณป้านั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ พร้อมทั้งส่งเสียงไปทางประตูห้องที่มีเด็ก ๆ แอบดูแอบฟังอยู่ตลอด
" เฮ้อ...เจ้าเด็กหนุ่มที่ฟรานพูดถึงไปอยู่ไหนแล้วนะ ? "
" ฮัดเช้ย ! " เป็นหวัดหรือยังไงนะ ซึฮากิจามโดยการเอาแขนเสื้อบังน้ำลายที่อาจจะกระเด็นแต่เขาก็พยายามทำให้มันเบาที่สุดเท่าที่ทำได้
อักษรมีทั้งหมดยี่สิบสองตัวซึ่งลักษณะใกล้เคียงกับภาษาอังกฤษมาก ๆ ซึฮากิซื้อกระดาษและปากกาหมึกซึมจากบรรณารักษ์ เขียนและจดทุกอย่างลงไปในนั้น
ภายในวันนี้เราน่าจะเข้าใจภาษาในระดับพื้นฐานได้ แต่ถ้าจะให้อ่านเขียนคงจะยากไปหน่อย ซึฮากิเขียนอักษรทุกตัวซ้ำ ๆ จนเขียนได้คล่องและเหมือนกับในหนังสือที่อ่านมากขึ้น
เขาใช้เวลาตั้งแต่เช้ายันบ่ายในการคลุกตัวอยู่ในห้องสมุดไม่ไปไหน บรรณารักษ์ชายหนุ่มและหญิงสาวแอบมองด้วยความสงสัยตลอดเวลา
" เจ้านั่นเข้ามาตั้งแต่เช้าแล้วไม่ไปกินข้าวหรือทำอะไรอื่นเลย " บรรณารักษ์สาวผมดำกระซิบคุยกับผู้ชายข้าง ๆ
" นั้นสิ ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ลองถามคนอื่นดูก็ไม่มีใครรู้จักเขาเลย " พ่อหนุ่มผมหยิกดำถอดแว่นวางลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไป
" เดี๋ยวสินายจะเข้าไปเหรอ ? " ชายหนุ่มเดินตรงมาหาซึฮากิท่าทางวางก้างอวดเบ่งนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา
" สวัสดีครับ ผมขอดูบัตรหน่อย "
บัตรเหรอ ? ถ้าเป็นบัตรนักผจญภัยปลอมจะได้ไหมนะ ซึฮากิล้วงเอาบัตรในกางเกงให้กับเขาโดยไม่ขัดขืน
" เป็นนักผจญภัยด้วยเหรอ ดูท่าทางนายคงไม่ใช่คนแถวนี้หรอกใช่ไหม "
ยุ่งจริง ๆ เลย " ผมเป็นนักผจญภัยพเนจรไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง " ซึฮากิก้มลงเขียนหนังสือต่อไป
หน๊อย คงจะมีความลับอะไรอีกเป็นแน่ " ผมชื่นชมคนที่ชอบหนังสือมากเลยนะครับ ถ้าไม่ว่าอะไรนายจะมากินข้าวกันสักมื้อได้ไหมครับ ? " เขาพยายามยิ้มกว้างให้ดูเป็นมิตรมากที่สุด
แหวนที่มือมีการรวบรวมมานาแล้ว หวังจะเล่นทีเผลอสินะ " ขอบคุณที่ชวนแต่คงต้องขอปฏิเสธ ผมค่อนข้างยุ่งจริง ๆ "
" งั้นเหรอ น่าเสียดายจังเลยนะผมขอจับมือทักทายเป็นทางการได้ไหมครับ ? " เขาลุกขึ้นเดินเข้ามายืนข้าง ๆ พร้อมทั้งยื่นมือมา
" ได้ครับ " ซึฮากิลุกขึ้นเช่นกันหันตัวเข้าหาเจ้าหนุ่มและยื่นมือจับ ทันทีที่ได้สัมผัสซึฮากิก็รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทงที่ฝ่ามือ
อะไรกัน ทำไมไม่เจ็บหรือร้องออกมาเลยล่ะ เขายังคงยิ้มอ่อนตลอดเวลาที่สบตากับซึฮากิ หลังจากจับมือกันเสร็จเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะเดิม
เหมือนมีอะไรจิ้มฝ่ามือเลย อาจจะเพราะสเตตัสที่สูงกว่าเลยแทบจะไม่เจ็บสักนิด ซึฮากินั่งทบทวนอ่านเขียนต่อไป
" รู้สึกว่าเขาจะเลเวลสูงกว่าในบัตรเสียอีก แต่ยังไงคนที่คลุกตัวอยู่ในห้องสมุดทั้งวันแบบนี้ ฉันก็อยากจะพาไปนั่งคุยกันสักครั้ง " ชายหนุ่มส่ายหน้าผิดหวังหยิบแว่นใส่อีกครั้งและนั่งอ่านหนังสือต่อ
จนกระทั่งฟ้าที่กำลังจะพลบค่ำ
" เอ่อ...พวกเราจะปิดห้องสมุดแล้วค่ะ " บรรณารักษ์เดินเข้ามาพูดใกล้ ๆ ขณะที่ชายหนุ่มอีกคนเดินปิดหน้าต่างทีละบาน
" อ่อครับ " ซึฮากิเก็บหนังสือเข้าชั้น และถือกระดาษปากกาเดินออกจากห้องสมุดไป บรรณารักษ์ทั้งสองเดินตามออกมาติด ๆ ล็อกประตูด้วยกุญแจเรียบร้อย
" เขาเดินไปทางเดียวกับเราด้วย " พวกเขากระซิบคุยกันขณะที่เดินตามหลังซึฮากิ
ต้องคอยใช้สกิลเพื่อไม่ให้คืนร่างเดิม ถึงระยะเวลามันจะใช้ได้สี่ยิบสี่ชั่วโมงแต่ก็กันเอาไว้ดีกว่า เสียงเอะอะโวยวายจากซอยข้างหน้าดังมาถึงซึฮากิ
" เกิดอะไรขึ้น ? " ทันทีที่ชายหนุ่มได้ยินก็รีบวิ่งตรงไปหา แต่ก็มีคนใส่ชุดคลุมทั้งตัววิ่งสวนออกมาก่อน หญิงชราคนหนึ่งพยายามตะโกนและวิ่งตามจนล้มลงแต่มีบรรณารักษ์หญิงเข้ามาประคองไว้
" ขโมย ! ช่วยด้วยค่ะ ! " ชายหนุ่มตั้งสติและวิ่งตามคนในผ้าคลุม
มีการใช้เวทแบบไม่ร่ายด้วย คงจะไม่ใช่โจรกระจอก ๆ หรอก ชายหนุ่มกระโดดหลบกับดักของโจรที่สร้างด้วยเวทได้ไม่ยาก
" หยุดเดี๋ยวนี้เลย ! " เขากำหมัดแน่นมานาก่อตัวที่แหวนวงนั้น ง้างแขนข้างนั้นชกออกไปหมัดมานาที่เร็วมากพอที่จะกระแทกเข้าที่หลังของโจรจนเสียหลักล้มลงกับพื้น
" ยอมจำนนซะดี ๆ " ชายหนุ่มจับตัวโจรไว้และพลิกตัวพยายามหาของที่ขโมยมาแต่ทันทีที่หงายหน้าขึ้น ลูกระเบิดสีน้ำตาลในมือของโจรก็ระเบิดเป็นฝุ่นควัน ชายหนุ่มที่เผลอสูดควันเข้าไปก็รู้สึกหมดแรงทันทีก่อนที่โจรจะหนีไปได้
" เวรเอ๊ย ! แค่ก ! " กว่าจะลุกขึ้นยืนได้โจรหายไปจากสายตาของชายหนุ่มเสียแล้ว
เขาเดินกลับไปหาหญิงชราด้วยใบหน้าที่เศร้า
" ขอโทษครับผมตามไม่ทัน "
" ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวแจ้งพวกทหารไว้ตอนนี้ก็ใกล้ค่ำแล้วกลับบ้านดี ๆ ละกัน " พวกเขาแยกทางกันกลับบ้าน ทั้งชายหนุ่มและบรรณารักษ์หญิงกลับด้วยกันแต่ซึฮากิยังคงอยู่ที่เดิม
ตอนที่ป้าคนนั้นล้มก็เห็นมือที่ใช้จับตัวผู้หญิงล้วงเข้าไปหยิบของด้วยความรวดเร็ว อาจจะเป็นไปได้ที่พวกเขาสองคนเป็นนักต้มตุ๋น ซึฮากิแอบตามคุณป้าไปที่ตรอกมืด ๆ ห่างไกลแสงสีและผู้คน ตะเกียงน้ำมันที่เธอถือส่องเห็นโจรในชุดผ้าคลุมคนนั้นกำลังยืนคุยอะไรกันอยู่
ซึฮากิคืนสภาพรูปร่างใบหน้าเป็นเหมือนเดิมและใช้เวทมนตร์ลดการมองเห็นของพวกเขาสองคน กว่าที่จะรู้ตัวซึฮากิก็ไปยืนอยู่ข้าง ๆ เสียแล้ว
" ใคร- " ซึฮากิจับหัวของทั้งสองคนกระแทกกันหมดสติในทันที แล้วค่อยใช้เวทรักษาแผลที่มีเลือดออกให้ ค้นตัวหาทรัพย์สินทุกอย่างก่อนจะมัดแขนมัดขาและทิ้งไว้ในที่ที่ พวกยามหรือทหารจะมาเจอได้ง่าย ๆ
มีเงินเยอะใช้ได้เลย เอาของไปคืนบรรณารักษ์สองคนนั้นก่อนอันไหนที่ไม่ใช่ก็เก็บไว้เองเลยดีกว่า ซึฮากิเดินยิ้มในหน้าอารมณ์ดีกลับบ้านของอามอง ทันทีที่เขาเคาะประตูชายฉกรรจ์ก็เปิดออกมาจ้องมองด้วยความสงสัยก่อนจะให้เข้าไป
หลังจากโดนบ่นชุดใหญ่อามองก็ปล่อยให้ซึฮากิไปนอน
หวังว่าเราจะอ่านเขียนภาษาของที่นี่ได้นะ ซึฮากิเผลอมองเพดานก่อนจะหลับ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 597
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น