รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 12 : หนี้พระคุณ
“เลือกร้านได้ไม่เลวหนิ สมกับเป็นศัลยแพทย์หนุ่มดาวรุ่ง รายได้จากที่ช่วยงานองค์กรต่าง ๆ คงเหลือเฟือเลยล่ะสิ” สร้อยสวรรค์หันมองบริเวณภายในร้านอาหารที่ชวณัดฐ์พามาด้วยสายตาเฉียบคม คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเธอคล้ายจะชม แต่คนฟังรู้ดีว่าเธอกำลังกระแนะกระแหนเขาอยู่ต่างหาก
“อ้อ ไหนจะเงินที่พ่อเศรษฐีพันล้านแกให้อีกล่ะ” คราวนี้เธอหันกลับมามองหน้าเขาอย่างเหยียดหยัน
“ผมไม่ใช้เงินพ่อถ้าไม่จำเป็น” ชวณัดฐ์แทบจะสวนกลับในทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ
“แสดงว่าหาเงินเองได้มากพอดูเลยล่ะสิ” สร้อยสวรรค์ถามด้วยความสนใจขึ้นมา แต่ยังรักษาท่าทีข่มชายหนุ่มไว้อยู่
ชวณัดฐ์เงียบไม่ตอบคำถามนี้ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พนักงานร้านอาหารดังกล่าวเดินเข้ามาหาพอดี
“ขอโทษครับ นี่เมนูครับ” พนักงานชายวางหนังสือรายการอาหารทั้งหมดของร้านลงตรงหน้าทั้งสองคน ก่อนยกสมุดจดขึ้นเตรียมเขียนรายการที่ลูกค้าชายหญิงต่างวัยทั้งสองสั่ง
“เอสเปรสโซ่แก้วหนึ่งก่อนแล้วกัน” สร้อยสวรรค์เป็นฝ่ายสั่งขึ้นก่อน
“ผมขอคาปูชิโน่แล้วกันครับ” ชวณัดฐ์ตัดสินใจสั่งส่งเดช เพราะเอาจริงตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์อยากจะกินอะไรทั้งนั้น
พอพนักงานชายรับออเดอร์เรียบร้อยก็เดินจากไป ทำให้ศัลยแพทย์หนุ่มมีโอกาสได้พูดต่อ
“คุณมีธุระอะไรถึงต้องการพบผม” เขาถามเข้าประเด็นในสิ่งที่ต้องการรู้ทันที เพราะไม่อยากต้องอยู่คุยกับผู้หญิงตรงหน้านานเกินความจำเป็นนัก
สร้อยสวรรค์ได้ยินสรรพนามที่คนนั่งตรงข้ามโต๊ะเรียกเธออย่างนั้นก็ยิ้มเยาะออกมา แล้วพูดว่า
“ฉันต้องการบ้านหรือคอนโดฯหรูสักแห่งใน...(ชื่อจังหวัด) และรถสปอร์ตมือหนึ่งสักสองคัน หาให้ฉันภายในสามวันนี้” หญิงวัยกลางคนเชิดหน้าพูด
“คุณจะให้ผมหาให้งั้นหรือ” ถึงตอนนี้เขาเริ่มจะได้กลิ่นไม่ค่อยดีขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังถามออกไปเพื่อความแน่ใจ
“คนฉลาดอย่างแกคงรู้คำตอบดีนะ” เธอไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามเขากลับให้คิดเอง
“อ้อ ออกเงินแทนฉันทั้งหมดด้วยล่ะ หมอหนุ่มฝีมือฉกาจที่ใคร ๆ ก็ต้องการตัวขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกนะ” ขณะที่พูดเธอก็ยังมิวายทำน้ำเสียงประชดใส่
พอได้ยินอย่างนั้นปมในใจของศัลยแพทย์หนุ่มที่ไม่เคยมีใครมายุ่งตลอดสิบกว่าปีก็ถูกสะกิดขึ้นมา เป็นผลให้ความเดือดดาลในใจปะทุขึ้น แต่ด้วยความที่ฝึกควบคุมอารมณ์มานาน เขาจึงยังสามารถสงบใจไว้ได้บ้าง
“ทำไมผมต้องทำอย่างนั้น” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ
“หึ ๆ คงไม่ได้ลืมไปแล้วหรอกนะว่าฉันเป็นคนทำให้แกเกิดมา” สร้อยสวรรค์จงใจใช้ประโยคนี้ตอกหน้าเขาให้สำนึกถึงพระคุณของเธอเมื่อยี่สิบเจ็ดปีก่อน
คนถูกทวงบุญคุณได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเหมือนคนตรงหน้าเอามีดแทงเข้าหัวใจเขาอย่างจัง มือหนาที่กำไว้หลวม ๆ บัดนี้กำเกร็งแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ผู้หญิงคนนี้ยังมีหน้ามาอ้างว่าเป็นผู้ให้กำเนิดอีกหรือ แม้จะไม่เคยทดแทนพระคุณ แต่สิ่งที่เธอทำกับเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อนมันก็ควรจะแทนกันหมดสิ้นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุการณ์ในอดีตนั้นเขาไม่เคยลืม และไม่มีทางลบเลือนไปจากใจได้ง่าย ๆ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้โมโหขึ้นมาได้อย่างไร คนเป็นแม่เห็นปฏิกิริยาของชายหนุ่มก็หัวเราะใส่อย่างดูแคลน
“หมออนาคตไกลอย่างแกน่าจะมีเงินมากมายพอให้ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนให้ชีวิตแกได้บ้างนะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มเย็นแล้วกล่าวต่อ
“ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าถ้านักข่าว หัวหน้า หรือคนรู้จักแกรู้เข้าจะตอบสนองต่อเรื่องนี้ยังไง”
ชวณัดฐ์กำหมัดแน่นขึ้นอีกด้วยความโกรธ อารมณ์คุกรุ่นตอนนี้ยากจะให้ทำสีหน้าใจเย็นต่อไปอีกได้ แต่ยังไงก็ต้องสงบใจไว้ก่อน เขารู้การผลีผลามแล่นตามอารมณ์ไม่เคยให้ผลดีอะไรกับใคร
“ฉันให้เวลาแกได้แค่สามวัน” มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างที่ถอดไว้บนโต๊ะ ก่อนหยิบเศษกระดาษชิ้นเล็กพอประมาณใบหนึ่งออกมาวางให้กลางโต๊ะ
“ถ้าครบกำหนดแล้วยังไม่ติดต่อกลับมา แกคงจะมีเรื่องให้ชีวิตผาสุกมีสีสันขึ้นมาทันทีเลยนะ” พูดแล้วก็ส่งยิ้มอย่างคนกำไพ่เหนือกว่ามาให้ จากนั้นก็ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเดินออกไปหน้าตาเฉย ทิ้งให้คนข้างหลังนั่งจมเพลิงโทสะอยู่คนเดียวที่เดิม
“คุณณัดฐ์คะ” ทิพาธรณ์ที่นั่งอยู่เก้าอี้ด้านหลังศัลยแพทย์หนุ่มรับรู้เหตุการณ์มาตลอด ถือวิสาสะยื่นมือมาแตะไหล่เขาด้วยความเป็นห่วง
“ผมขอเวลาอยู่คนเดียวสักพักนะครับ” เขาพยายามข่มอารมณ์เต็มที่เพื่อไม่ให้เหวี่ยงใส่วิญญาณสาว อีกฝ่ายได้ฟังอย่างนั้นก็เข้าใจ แต่ยังไม่ยอมจากไปโดยง่าย
“อย่าลืมกินคาปูชิโน่ด้วยนะคะจะได้รู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าไม่อยากกินหรือกินไม่หมดเรียกฉันได้ทุกเมื่อนะคะ ฉันอยากกินค่ะ” เธอบอกด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนร่างโปร่งบางจะหายไปจากตรงนั้น
ขาเรียวยาวก้าวขึ้นรถสปอร์ตหรูสีดำด้วยท่าทางไม่ยี่หระต่อสิ่งใด ปิดประตู เสียบกุญแจ แล้วขับออกจากลานจอดรถไปอย่างรวดเร็ว
ขณะสายตาจับจ้องอยู่ที่ถนนเบื้องหน้า ภาพของชายหนุ่มหน้าหวานหล่อซึ่งแทบจะถอดพิมพ์เดียวกับเธอก็ผุดขึ้นกลางสมอง สีหน้าโกรธจัดของเขาก่อนหน้านี้ทำให้รู้สึกสะใจไม่น้อย ทำอะไรคนเป็นพ่อไม่ได้ก็เอามาลงกับลูกนี่แหละ เธอเกลียดขี้หน้าลูกชายคนเดียวของตนเองคนนี้มาก แม้ไม่ถึงขั้นอยากเอาชีวิต หรือไม่ต้องการร่วมโลกด้วย แต่ก็มีแรงผลักดันมากพอที่จะให้เธอไม่อยากทำดีกับเขา
สร้อยสวรรค์ สิทธิโชติ ลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวนักธุรกิจพันล้าน ที่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจและปล่อยปละละเลยมาตั้งแต่เล็ก
พ่อแม่เธอเลี้ยงลูกไม่เป็น รู้เพียงว่าต้องเลี้ยงให้มีหน้ามีตาไม่น้อยกว่าครอบครัวอื่นเท่านั้น พวกเขาไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก หากเป็นเพราะความเหมาะสมทางฐานะการเงินต่างหาก นอกจากช่วงแต่งงานกันใหม่ ๆ พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกเลย เพราะต่างฝ่ายต่างทุ่มเทไปกับการสร้างธุรกิจของตนเอง กระทั่งคลอดลูกออกมาก็ไม่คิดจะเลี้ยง พวกเขาสนใจเพียงเรื่องเงินและผลประโยชน์เท่านั้นจริง ๆ
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีวันไหนที่เงินจะขาดมือ พ่อแม่ของเธอสนับสนุนเรื่องนี้ไม่อั้น แลกแค่ให้ทำตัวให้ดูดีเป็นหน้าเป็นตาแก่วงศ์ตระกูลเท่านั้นก็พอ และเธอเองก็ทำให้พวกท่านไม่ผิดหวัง นักเรียนหัวกะทิอันดับหนึ่งของชั้นเรียนทุกชั้นปี บัณฑิตเกียรตินิยมระดับเหรียญทอง ดรัมเมเยอร์โรงเรียน หัวหน้าเชียร์ลีดเดอร์กีฬาสีโรงเรียนและคณะ ดาวมหาวิทยาลัย เหล่านี้เธอสามารถคว้ามาเป็นถ้วยรางวัลเกียรติคุณของตนเองและครอบครัวได้ทั้งหมด
ทุกอย่างดูเหมือนจะดีแม้ต้องเข้าพิธีแต่งงาน เจ้าบ่าวของเธอก็ยังเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวนักลงทุนพันล้าน ที่พ่อแม่หาให้ภายใต้ผลประโยชน์ทางธุรกิจระหว่างสองตระกูล ตอนนั้นเธอคิดว่าชีวิตตนเองรุ่งโรจน์ที่สุด เพื่อน ๆ ในรุ่นไม่มีใครจะเทียบติด นอกจากสวย รวย เก่ง ก็ยังได้ครอบครองชายหนุ่มที่ยุคนั้นเขาเป็นหนึ่งในคนที่สาวน้อยใหญ่ทั้งประเทศหมายปองเสียอีก
ทว่าหลังจากเข้าหอด้วยกันได้แค่วันเดียวชีวิตที่ตอนแรกคิดว่าสมบูรณ์แบบก็พังทลาย เมื่อพบว่าสามีป้ายแดงของตนเองควงสาวสวยคนอื่นเข้ามานอนที่บ้านในวันต่อมาอย่างไม่เกรงใจเธอ อันที่จริงก็รู้อยู่แล้วเช่นกันว่าเขาเป็นเสือผู้หญิง แต่ไม่คิดว่าจะกล้าทำกับเธอโต้ง ๆ แบบนี้ และภายในไม่กี่วันหลังจากเข้าพิธีแต่งงานกัน
เธอไม่รู้ว่าความรักเป็นอย่างไร เพราะไม่เคยได้รับจากใครจริง ๆ มาก่อน หรือถึงได้รับก็กลับถูกมองเป็นเรื่องขบขันไปเสียอย่างนั้น แต่ครั้งนี้เธอรู้เพียงว่าการกระทำของเขาถือว่าไม่ไว้หน้ากันบ้างเลย และอาจจะเป็นเพราะความหวงในสิ่งที่คิดว่าเป็นของตน ทำให้ไม่ต้องยั้งคิดที่จะเข้าไปอาละวาดสองคนนั้นให้ตายกันไปข้างหนึ่ง จากนั้นเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นเรื่อยตลอดสี่ปีในชีวิตแต่งงาน แม้ว่าระหว่างนั้นทั้งเธอและสามีจะมีลูกด้วยกันแล้วหนึ่งคนก็ตาม
เพราะเขา เขาทั้งนั้นที่ทำให้ชีวิตของเธอต้องปวดหัว ปวดใจไม่เว้นแต่ละวันอย่างนี้ ชีวิตที่คิดว่าน่าอิจฉากว่าใครต้องพังทลายลงไปกับการตามขัดขวางไม่ให้เขาไปหาคนอื่น ถึงอย่างนั้นก็ทำไม่ได้ตลอด ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือวันที่รู้ว่าเพื่อนสองสามคน และคู่แข่งของเธอเป็นหนึ่งในคู่นอนหลักของสามีตนเอง
“กรี๊ด! ฉันจะเลิกกับคุณ!” สร้อยสวรรค์ตวาดใส่หน้าเขาเหมือนคนเสียสติ เบื้องหลังของสามีเธอมีคู่แข่งตลอดกาลของเธอยืนจับผ้าห่มปิดกายเปลือยเปล่าส่งยิ้มเยาะมาให้อย่างไม่ปิดบัง
“แล้วแต่คุณเถอะ ยังไงเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะความรักอยู่แล้ว” สามีเธอในตอนนั้นพูดออกมาด้วยสีหน้ารำคาญ ต่อหน้าทั้งเธอซึ่งเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และผู้หญิงคู่แข่งทุกเวทีคนนั้น
“กรี๊ด! คุณพูดกับฉันอย่างนี้ต่อหน้ามันหรือ คุณพูดออกมาได้ยังไง คุณพูดออกมาได้ยังไง!” สร้อยสวรรค์ทุบตีจิกข่วนเขาไม่ยั้งพร้อมกับสารพัดคำด่าทอเท่าที่จะคิดออกในตอนนั้น
หอบผ้าหอบผ่อนกลับมาอยู่บ้านตนเองด้วยความคับแค้นใจ ทิ้งไว้แต่ลูกคนเดียวให้เป็นภาระเขาเลี้ยงดู ลูกก็คือชีวิตหนึ่งที่เกิดจากน้ำกามของคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไรกับคนอย่างเธอหนักหนา จึงไม่คิดจะเปลืองข้าวเปลืองน้ำเลี้ยงดูโดยไม่จำเป็นอยู่แล้ว
ทว่าพอพ่อแม่รู้ข่าวการเลิกกันของเธอกับผู้ชายที่พวกท่านเลือกให้ ก็สั่งกึ่งให้เงินหลอกล่อไปเอาเด็กคนนั้นมาดูแล โดยให้เหตุผลอีกว่าจะได้เรียกค่าเลี้ยงดูบุตรจากอดีตสามีได้ รวมถึงมีส่วนแบ่งในมรดกของลูกในฐานะคนเลี้ยงมาจนโตด้วย เพราะอย่างไรลูกของเธอก็เป็นลูกคนแรกที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา หากวันหนึ่งจะต้องมีการแบ่งมรดกกัน ลูกเธอย่อมมีส่วนด้วย และเธอก็จะใช้บุญคุณที่อุตส่าห์เลี้ยงเขามาในการเรียกค่าหนี้พระคุณจากลูกอีกต่อหนึ่ง
ส่วนพ่อแม่ของเธอก็ช่วยกันวางแผนสร้างข้อสัญญาให้อดีตสามีร่วมรับผิดชอบดูแล และให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในสมบัติแก่ลูกของเขาด้วย
หลังจากนั้นอีกเกือบห้าปีสร้อยสวรรค์ก็ได้พบรักกับไฮโซต่างชาติคนหนึ่ง ใช่! ที่เธอไม่เคยรู้จักความรัก แต่ผู้ชายคนใหม่นี้ทำให้คำคำนั้น เริ่มปรากฏในหัวใจเปล่าเปลี่ยวของเธอ เขาเป็นคนหล่อเหลาไม่แพ้สามีคนแรก ช่างเอาอกเอาใจจนเธออดรู้สึกไม่ได้ว่าตนเองเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์ที่ได้พบกับเจ้าชายผู้แสนดี ทำให้ทั้งรักทั้งหลงเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ชนิดที่ถูกชวนเข้าร่วมวงการมืดเธอก็ยอมโดยง่ายเพื่อคนที่รัก
และในเวลาไม่นานนักสามีใหม่ก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเธอ ส่วนพ่อแม่เธอต่างพากันย้ายไปดูแลธุรกิจที่ต่างประเทศ ทิ้งบ้านให้ดูแลคนเดียวตั้งแต่อายุสิบห้าแล้ว ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็รู้ว่าลูกสาวพาสามีใหม่เข้าบ้าน แต่เพราะเห็นว่าหน้าตาดี ท่าทางภูมิฐาน และมีเงินจำนวนมากจึงปล่อยผ่านไป
อยู่ด้วยกันมาสักพักใหญ่ ๆ ที่สุดลายของผู้ชายคนใหม่ก็เริ่มออก เขาเริ่มใช้อารมณ์กับสร้อยสวรรค์ ก่อนขยับเป็นความรุนแรงทางร่างกาย แต่ด้วยความรักความหลงเธอก็ยอมทนอยู่อย่างนั้น ลูกชายที่อายุได้สิบเอ็ดขวบมาเห็นเข้า ด้วยความรักที่มีต่อคนเป็นแม่ก็วิ่งเข้ามาช่วย แต่กลับถูกเธอตบตีแทนเสียอย่างนั้น
เป็นอย่างนี้มาอีกระยะหนึ่งจนเอฟบีไอสาวเรื่องเจอว่าสามีใหม่และเธอร่วมกันครอบครอง ค้า และเสพยาไอซ์จำนวนหนึ่ง ทำให้ถูกจับต้องโทษนานถึงสิบ ๆ ปี หากได้รับลดโทษลงมาบ้างในปีต่อ ๆ มา จนวันศุกร์ที่ผ่านมานี้เองเธอเพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ ก่อนออกก็ขอให้ทางเรือนจำช่วยติดต่อพ่อแม่ที่ต่างประเทศให้ส่งรถมารับกลับบ้าน
แต่พอถึงบ้านแล้วเท่านั้นก็ได้ทราบว่าพ่อแม่ไล่เธอออกจากบ้าน และตัดขาดความเป็นสายเลือดเสียแล้ว ที่ยอมส่งรถมารับก็เพียงอยากปรานีเป็นครั้งสุดท้าย และให้เธอได้มีโอกาสเข้ามาขนข้าวของเสื้อผ้าและเอารถคันโปรดที่พวกท่านเคยซื้อให้เป็นของขวัญตอนเรียนจบปริญญาเมื่อสิบกว่าปีก่อนไปด้วย พร้อมกับบัตรเอทีเอ็มวงเงินหนึ่งล้านให้เป็นมรดกก้อนสุดท้ายในฐานะคนเคยเป็นลูกใบหนึ่ง
“พ่อกับแม่จะทำกับหนูอย่างนี้ไม่ได้นะ!” สร้อยสวรรค์โวยวายใส่หูโทรศัพท์บ้านด้วยความไม่พอใจ เมื่อรู้ว่าบุพการีทั้งสองตัดตนออกจากตระกูล
“แกทำตัวแกเอง ใครใช้ให้ไปยุ่งกับไอ้ยาพวกนั้น ทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง ปู่ย่าตายายและญาติตระกูลแกไม่มีใครรับได้ สมบัติที่ทิ้งไว้ให้แกแค่นี้ก็เป็นบุญมากแล้ว ที่เหลือก็ช่วยตัวเองไปแล้วกัน หรือถ้าไม่มีที่ไปจริง ๆ ก็ลองติดต่อหาลูกแกนู่น ตอนนี้มันได้ดีเป็นศัลยแพทย์อันดับต้น ๆ ของไทยแล้ว ไปให้มันเลี้ยงแทนแล้วกัน” พ่อของสร้อยสวรรค์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ไม่! ไม่จริง!”
“แล้วก็อย่ากลับมาที่บ้านหลังนั้นอีก ฉันจะขายให้คนอื่นแล้ว” คนเป็นพ่อบอกทิ้งท้าย
“ไม่! ไม่! ไม่! มันต้องไม่เป็นอย่างนี้ มันต้องไม่ใช่แบบนี้! กรี๊ด!” เธอโวยวายลั่นบ้าน ก่อนมือบางข้างหนึ่งจะปัดเครื่องโทรศัพท์แบบตั้งโต๊ะตกกระจายเกลื่อนพื้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 1138
ความคิดเห็น
ครอบครัวพระเอกนี่ ประวัติแย่มาก
ทั้งพ่อทั้งแม่เลย เหอะๆ
แสดงความคิดเห็น