STARCIN ภาคที่ 9 Black Purge ตอนที่ 17 เก้กัง
“ดูนั่นสิ ! พวกมันลงน้ำมารอเราเลยว่ะ” ชายคนนั้นยังคงเล็งปืนใหญ่ไปที่เรือของซีโร่ต่อในขณะที่เพื่อนร่วมทีมอีกคนกำลังเล็งเวทมนตร์วารีไปที่พวกเซน
“จัดการให้มันเสร็จ ๆ สักทีเถอะฟาเดย์”
“หัวหน้าเบลแฮมก็มาเล็งด้วยตัวเองดูบ้างสิ เราไม่ได้ลงทะเลเปิดมาตั้งสิบปีแล้วนะจะพลาดไปบ้างก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ฟาเดย์ยักคิ้วกวนประสาทหัวหน้าเบลแฮมที่กำลังคุมเรืออยู่
“ระวัง !” ทันใดนั้นชายอีกคนที่กำลังเล็งพวกเซนก็ตะโกนขึ้นมา ไม่นานนักก็มีมังกรวารีพุ่งเข้าใส่เรือซึ่งถ้าไม่ได้โล่มานาก็คงจะโดนจมไปแล้ว
คานะพาเซนดำลงใต้น้ำเพื่อลอบโจมตี ด้วยความสามารถการควบคุมมานาทำให้ลูกบอลที่ห่อหุ้มพวกเธอเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างกับเรือดำน้ำจริง ๆ จากนั้นก็จะใช้เวทมนตร์จู่โจมขึ้นไปบนผิวน้ำคอยสกัดไม่ให้พวกมันตามซีโร่ไปได้
“เล่นมันให้เต็มที่ไปเลยเดี๋ยวฉันเสริมมานาให้เอง” เซนยืนอยู่ข้าง ๆ คอยแตะไหล่ส่งมานาให้คานะใช้เพื่อประหยัดมานาของเธอ
ระหว่างที่เบลแฮมขับเรือไล่ล่าก็จะมีลูกน้องสองคนคอยดูท่าทีของพวกเซน
“นั่นคือเทคนิคยืมมานาของคนอื่น เลเวลเจ็ดทั้งคู่ซึ่งชื่อแบบนั้นก็คือคนที่พิชิตดันเจี้ยนบททดสอบได้ ดูเหมือนงานนี้จะไม่หมูซะแล้วสิ”
“เยี่ยมมากบัสโต ถ้าตรวจจับเจอก็จัดการมันได้เลย”
บัสโตพยักหน้าตอบรับจากนั้นก็หยิบปืนสั้นออกมา
“อยู่ในระยะหวังผลพอดี เพราะฉะนั้น...” เขารวบรวมมานาไว้ที่ปืนกระบอกนั้นแล้วก็ยิงกระสุนแบบพิเศษที่หน้าตาคล้ายฉมวกออกไป แต่ออร่ามานาของพวกเซนกลับยังปกติดีจึงเดาว่ามีการป้องกันแน่นหนาไม่ต่างกัน
ถ้าป้องกันด้วยเวทมนตร์ก็ต้องตรวจจับเจอการเปลี่ยนแปลงของมานาด้วย อ้อเข้าใจแล้ว
“พวกมันมีไหวพริบใช้ได้เลย มันลดการใช้มานาโดยการยึดเกาะเรือของเรา และมันก็ยังมีคนใช้ตรวจจับเก่งถึงขนาดป้องกันกระสุนของฉันได้ด้วย พอใช้โล่ป้องกันเสร็จก็จะคลายทิ้งปล่อยให้มันไหลหายไปก็เลยไม่เหลือร่องรอยการใช้มานาป้องกัน”
ขณะเดียวกันด้านล่างที่พวกเซนอยู่ก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้ตำแหน่งของพวกเขาแล้ว
“เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย” สิ่งที่บัสโตวิเคราะห์ได้ผิดเพี้ยนไปเพราะเซนเป็นคนรับกระสุนนั้นด้วยการคว้าจับก่อนจะถึงตัว
“พวกมันเล็งได้ตรงขนาดนี้แสดงว่าต้องมีคนที่ตรวจจับเก่ง ๆ เหมือนกิแน่เลย” หลังจากใช้วิธีการเกาะเรือศัตรูมันก็ทำให้คานะมีมานาเหลือเยอะพอให้เพิ่มโล่ป้องกันได้อีกหลายชั้น
“ฉันจะจมเรือของมัน นายเองก็เตรียมตัวได้เลย” คานะง้างคันธนูสุดแขนเล็งไปที่ใต้เรือ จากนั้นเธอก็ยิงศรเวทมนตร์ที่เปลี่ยนเป็นมังกรวารีพุ่งใส่ท้องเรือ ดอกแรกปะทะกับโล่มานาของเรือคานะจึงยิงเพิ่มเข้าไปอีกเรื่อย ๆ ในขณะที่อีกฝ่ายก็สร้างโล่มานาเพิ่มเช่นกัน
“หัวหน้าเบลแฮม พวกมันโจมตีมาไม่หยุดเลย” ฟาเดย์กล่าว
“เราคงจะห่างจากทะเลนานไปหน่อยก็เลยอ่อนแอกันแบบนี้ งั้นมาเล่นท่ายากกันหน่อยดีกว่า”
พอหัวหน้าเบลแฮมกล่าวเช่นนั้นมันก็ทำให้ลูกน้องทั้งสองตกใจตาโต ต่างคนต่างแยกย้ายไปประจำตำแหน่งของตนเองในขณะที่เบลแฮมยิงบางสิ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและยิงไปข้างหน้าอีกหนึ่งครั้ง
ตรงหน้าที่ที่กระสุนของเบลแฮมพุ่งไปกลายเป็นประตูที่อีกฟากคือท้องฟ้า
“อะไรวะนั่น !” ประตูตรงหน้าได้เปิดออกพอดีกับที่เรือพุ่งเข้าไปพร้อมกับลากพวกเซนไปด้วย
เมื่อผ่านประตูบานนั้นไปพวกเขาก็ไปโผล่อยู่บนท้องฟ้าสูงจากผิวน้ำถึงห้าร้อยเมตร ขณะเดียวกันเบลแฮมก็ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเรือไปเป็นเครื่องบินขนาดเล็กพร้อม ๆ กับตัดสายมานาที่คานะเชื่อมไว้ด้วย
“ดูสิจะเอาตัวรอดจากความสูงระดับนี้ได้ยังไง” ฟาเดย์ใช้กล้องส่องทางไกลคอยมองดูวาระสุดท้ายของศัตรูแถมยังยิ้มสนุกดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“พวกนักวิจัยมันบ้ากันหมดเลยหรือยังไง?” บัสโตกล่าวลอย ๆ ตั้งใจยั่วโมโห
“ถ้านายได้ใช้ชีวิตอยู่กับการทดลองก็คงจะเป็นเหมือนกันนั่นแหละ นั่น ๆ ใกล้ถึงจุดสุดยอดแล้ว”
ระหว่างที่กำลังร่วงลงผิวน้ำคานะได้กอดเซนไว้แน่นด้วยความเชื่อใจ ระหว่างนั้นเซนก็ได้ใช้ดาบคู่สร้างแรงระเบิดลดความเร็วที่จะตกกระทบผิวน้ำ สุดท้ายพวกเขาก็รอดมาได้แต่ก็ไม่อาจทำอะไรศัตรูที่บินอยู่บนท้องฟ้าได้แล้ว
“แม่เจ้าโว้ย พวกมันใช้แรงจากการระเบิดของเวทมนตร์เพลิงเพื่อลดความเร่ง เราจะปล่อยพวกมันไปไหมหรือต้องตามลงไปเก็บกวาดให้เรียบร้อย” ฟาเดย์เอ่ยถามหัวหน้าของเขาแต่สิ่งที่ได้กลับมาดันเป็นสีหน้าเคร่งเครียดแทน
“ลางสังหรณ์มันกำลังบอกฉันว่าสองคนนั้นมันตัวอันตราย”
“งั้นก็ตามไปเก็บมันแล้วกัน ถ้าอย่างนั้นเรามาใช้...เฮ้ย ! มันบินได้เหมือนกัน”
เมื่อฟาเดย์ส่องกล้องลงไปอีกก็พบกับภาพที่คานะขี่หลังเซนแล้วก็ใช้แรงระเบิดบินตามขึ้นมา
“พวกมันกำลังตามมา !” ฟาเดย์ยกปืนขึ้นมาเล็งแต่ก็ไกลเกินกว่าจะยิงโดน
“บัสโต แกคอยดูพวกมันไว้เดี๋ยวฉันจะไปเอากล้องติดปืน” ฟาเดย์วิ่งกลับลงไปใต้ท้องเรือแล้วค้นของเหมือนคนเสียสติ
“นอกจากพวกเราก็ยังมีคนที่โบยบินบนท้องฟ้าได้อีกสินะ โลกเรานี่มันพัฒนากันไวจริง ๆ” บัสโตก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรได้เหมือนกันเพราะระยะห่างหลายร้อยเมตรและยังเคลื่อนที่ตลอดเวลาอีก
แต่เขาก็คิดผิดเพราะเมื่อส่องกล้องลงไปกลับพบศรเวทมนตร์กำลังพุ่งตรงมาหา ถ้าไม่กางโล่มานาคลุมเรือก็คงโดนสอยร่วงลงไปแล้ว
“มันยิงขึ้นมาได้ยังไงวะ !” บัสโตถึงกับอุทานเสียงดังและเพิ่มความระมัดระวังตัวขึ้นทันที
ในขณะที่เซนใช้แรงระเบิดต่อเนื่องบินตามเรือ คานะที่ขี่หลังก็จะคอยยิงศรเวทมนตร์ใส่เรื่อย ๆ ต่อให้เรือจะขยับตลอดเวลาแต่ก็ยังเล็งเข้าเป้าทุกดอก
“ไวกว่านี้ไม่ได้เหรอ?”
“นี่ก็ไวสุด ๆ แล้ว ฉันไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้สักหน่อย ถ้าเป็นเวทมนตร์วายุแบบของกิก็คงจะตามได้สบาย ๆ ไปแล้ว”
“เหอะ แล้วถ้าลองทำแบบพวกจรวดล่ะ? หรือไม่ก็ไอพ่นอะไรพวกนั้น”
“แล้วมันเป็นยังไงฉันไม่รู้”
“ก็แบบ...พ่นไฟมั้ง...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ขณะที่กำลังเถียงกันจู่ ๆ พวกเบลแฮมก็ยิงกระสุนเวทมนตร์ใส่แม้จะพลาดแต่ก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายสามารถสวนกลับได้เหมือนกัน
หลังจากนั้นทั้งสองก็ประชันความแม่นยำกันอย่างต่อเนื่องโดยที่คานะยังคงยิงเข้าเป้าทุกดอกแต่อีกฝ่ายมีมานาสำรองเยอะกว่าทำให้ยิงได้ต่อเนื่องกว่า
“ยิงไปเรื่อย ๆ นั่นแหละเดี๋ยวก็ต้องโดนสักนัด” ฟาเดย์คอยออกคำสั่งให้บัสโตทำงานเพราะตนเองไม่มั่นใจฝีมือยิงปืนระยะไกลนัก
“รู้แล้วน่า ถ้ารีบนักก็มาช่วยยิงสิ”
ระหว่างที่ลูกน้องสองคนกำลังยุ่งวุ่นวายก็มีแต่หัวหน้าเบลแฮมที่ยืนคุมเรืออย่างสบายใจเหมือนกำลังกินลมชมวิวอยู่
“มันเริ่มเข้ามาใกล้แล้ว ยิงให้มันร่วงเร็ว !” ฟาเดย์ถึงกับสั่นกลัวกับภาพที่สองหนุ่มสาวบินตามขึ้นมาในระดับความสูงหลายร้อยเมตรแถมยังป้องกันและยิงสวนกลับได้ตลอดเวลาอีกด้วย
“สมกับเป็นผู้พิชิตดันเจี้ยนจริง ๆ ถ้าเกิดไม่ได้เป็นศัตรูกับสำนักมนตร์ดำก็อยากจะชวนมาทำงานด้วยกันอยู่หรอก” หัวหน้าเบลแฮมกล่าวหลังจากได้ยืนคิดนั่งคิดมาสักพักหนึ่งแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนเส้นทางแล้วลดระดับลงต่ำเข้าใกล้พวกเซนแทน
“ใกล้ถึงสักที”
“ไม่ใช่...มันกำลังเข้ามาใกล้ต่างหาก” คานะเหงื่อแตกพลั่กเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนอะไรแต่สิ่งที่ทำได้ก็คือสู้เท่านั้น เธอง้างคันธนูสุดแขนแล้วเพ่งรวมมานาก้อนใหญ่ เมื่อยิงออกไปก็ปรากฏมังกรวารีพุ่งจู่โจมเรือลำนั้นทะลุการป้องกันได้สำเร็จ
ถ้าอยู่ใกล้ ๆ พลังทำลายก็จะเยอะขึ้นแต่เราก็มีโอกาสโดนเล่นงานได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
คานะยิงศรเวทมนตร์ตามไปติด ๆ ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายเสริมการป้องกันได้ทัน
“เซน...หนี !”
คานะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเรือลำนั้น แทนที่อีกฝ่ายจะคอยเสริมการป้องกันเหมือนอย่างที่เคยทำแต่ตอนนี้กลับปล่อยทิ้งไม่สนใจ เรือลำนั้นค่อย ๆ ร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงและชนเข้ากับพวกเซน
“เกาะไว้แน่น ๆ นะ” เซนพยายามตะเกียกตะกายให้หลุดพ้นจากการโดนเรือทับซึ่งกำลังร่วงลงทะเลอีกครั้ง ต่อให้ใช้เทคนิคระเบิดลดความเร็วก็คงรับน้ำหนักของเรือทั้งลำไม่ไหว
หนึ่งร้อยเมตรสุดท้ายที่พวกเขาต้องหลบหนีออกจากจุดนั้นโดยที่มีศัตรูจ้องมองอยู่ไม่ห่าง ห้าสิบเมตรก่อนดิ่งลงผิวน้ำยังคงดิ้นรนอย่างสุดความสามารถจนสุดท้ายเซนก็คิดหาทางออกได้ แทนที่จะพยายามหนีจากแรงการตกของเรือเขากลับใช้ดาบผ่าเรือออกเป็นสองซีกเพื่อหนีไปตรงกลางแทนและใช้เวทมนตร์ระเบิดชะลอความเร็วได้ทัน
“นั่นมันโคตรตื่นเต้นเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ตื่นเต้นกะผีน่ะสิ ไม่ตายก็ดีแค่ไหนแล้ว...” พูดไม่ทันขาดคำก็มีกระสุนเวทมนตร์ยิงใส่ คานะจึงสร้างโล่มานาหยุดมันไว้ได้
ไม่ห่างกันนั้นมีพวกเบลแฮมยืนอยู่บนผิวน้ำและเล็งปืนมาที่พวกเธอ กระสุนเหล่านั้นสุ่มยิงใส่หวังจะให้โดนสักนัดแต่ก็ไม่เป็นผล
“หัวหน้าดูนั่นสิครับ แบบนี้เราจะจัดการมันได้เมื่อไรเนี่ย? เรือก็เอาไปใช้พลีชีพแล้วเดินทางลำบากเลยทีนี้” ฟาเดย์บ่นอยู่ตลอดเวลาขณะที่หัวหน้าเบลแฮมยืนลูบคางคิดวิเคราะห์
“พวกนั้นก็ใช้เวทมนตร์วารีควบคุมน้ำทะเลได้เหมือนกัน แม่สาวคนนั้นฝีมือยอดเยี่ยมเสียจนอยากได้มาอยู่ในทีมเลย”
“อย่าบอกนะว่าหัวหน้าสนใจแม่สาวคนนั้น ลองเข้าไปจีบดูสิครับ”
“แน่นอน ฉันอยากได้คนเก่ง ๆ มาทำงานด้วยกัน”
“เหมือนจะคนละความหมายกันนะครับ พวกเราที่เอาแต่ทำงานให้ศูนย์จนไม่ค่อยได้มีเวลาใช้ชีวิตของตัวเองมันน่าเศร้าเหมือนกันนะเนี่ย...” ระหว่างนั้นก็มีศรเวทมนตร์จากคานะยิงปะทะกับเสริมกำลังจนแตก
“ยิงธนูแม่นซะด้วย ถ้าพวกนั้นเห็นคงจะอยากได้ไปเหมือนกับหัวหน้าแน่นอน”
“เนี่ยแหละคือทรัพยากรบุคคลอันแสนล้ำค่า”
“ระวัง !” บัสโตสร้างโล่มานาป้องกันเซนที่กระโจนเข้าใส่ แต่โล่มานาแค่นั้นยังไม่พอที่จะป้องกันการโจมตีต่อเนื่องด้วยดาบคู่ของเซนได้ทำให้เบลแฮมต้องลงมือเอง
“ไปจัดการเธอคนนั้นซะ” เบลแฮมชักดาบฟาดเซนกระเด็นออกไปก่อนที่เขาจะตามไปซ้ำอีกครั้ง
“หัวหน้าเริ่มตื่นตัวแล้วสินะ เราเองก็ต้องสร้างผลงานบ้าง” ฟาเดย์และบัสโตวิ่งฝ่าศรเวทมนตร์เพื่อเข้าประชิดตัวคานะ
อีกฝั่งหนึ่งเป็นการต่อสู้ของลูกผู้ชายส่วนอีกฝั่งเป็นผู้ชายที่รุมสาวน้อยเพียงคนเดียว แต่พวกเขาคงนึกไม่ถึงว่าทั้งสองคนชำนาญการต่อสู้ร่วมกันแค่ไหนโดยเฉพาะการใช้พื้นเสริมของคานะทำให้เซนเคลื่อนไหวได้เหมือนบนบกเลย เมื่อพวกเบลแฮมแยกกันคานะก็ได้กระหน่ำยิงศรเวทมนตร์อีกครั้งซึ่งมีส่วนที่พุ่งไปหาเบลแฮมด้วย
“ลุงไม่ดูรอบ ๆ บ้างเหรอ?” เซนยิ้มยียวนและยังยักคิ้วท้าทายเพื่อยั่วโมโหเบลแฮม ขณะเดียวกันศรเวทมนตร์ของคานะก็พุ่งเข้าที่หลังของเขาสร้างช่องโหว่ให้เซนสวนกลับ
ดาบคู่ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงที่พร้อมเผาทั้งตัวเองและศัตรู เซนได้กระหน่ำฟันด้วยความบ้าระห่ำไม่มีวิชาทักษะอะไรทั้งนั้นและก็ใช้จังหวะที่ดูมั่วซั่วนี้ฟาดดาบมานาไปที่คานะเช่นกัน
คานะกระโดดเหยียบพื้นเสริมกำลังหนีขึ้นไปมุมสูงเพื่อหลบดาบเพลิงของเซน ถึงพวกฟาเดย์จะป้องกันไว้ได้แต่คานะก็ใช้จังหวะนั้นเพ่งรวมมานารอ
“เซน !” คานะส่งเสียงเรียกเป็นจังหวะเดียวกับที่ยิงศรสายฟ้าใส่ เซนกระโดดขึ้นสูงแล้วเหยียบพื้นเสริมกำลังของคานะหลบอยู่ด้านบนเพราะด้านล่างตรงนั้นกำลังจะกลายเป็นหลุมศพ
ศรสายฟ้าของคานะยิงลงบนผิวน้ำทำให้ช่วงฝ่าเท้าที่มีเสริมกำลังอ่อนแอที่สุดโดนทำลายและถูกไฟฟ้าช็อต แต่เบลแฮมกลับไหวตัวทันแล้วสร้างโล่มานาเป็นเหมือนลูกบอลหุ้มตัวไว้ก่อน
“พลังสายฟ้ากับพลังวารีช่างเข้ากันจริง ๆ การโดนไฟฟ้าช็อตเป็นอะไรที่อันตรายเพราะมันโดนไปถึงสมองทำให้ควบคุมร่างกายไม่ได้” พูดจบเบลแฮมก็ใช้เวทมนตร์วารีสร้างเป็นคลื่นน้ำซัดลูกน้องของตนเอง และในจังหวะเดียวกันเขาก็ใช้ปืนยิงกระสุนดักหน้าและอีกนัดยิงไปด้านหลังเป็นการเปิดประตูมิติเพื่อพาทั้งสองหนีจากจุดนั้น
ทั้งสองรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของเบลแฮมแต่ก็เจ็บหนักจนคุมสติไม่ค่อยได้
“ตั้งสติซะ แล้วใช้น้ำแข็งได้แล้ว”
“ดะ...ได้” ฟาเดย์เปิดกระเป๋าแล้วควักเอาอุปกรณ์เวทมนตร์ออกมา จากนั้นก็โยนอุปกรณ์เวทมนตร์ใส่ผิวน้ำแช่แข็งเป็นวงกว้างกลายเป็นพื้นให้เดินได้
“นายคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังก็พอ”
“ตามนั้น” ฟาเดย์ตอบรับแล้วเตรียมกระสุนปืนเพื่อยิงสนับสนุน
แต่จู่ ๆ เบลแฮมก็หยุดชะงักแล้วลดอาวุธลง
“ถอนกำลังกลับไปที่สำนักมนตร์ดำ ตอนนี้เครื่องรบกวนพังแล้วถ้ายังอยู่ในน้ำจะโดนจ้าวทะเลเล่นเอา” เบลแฮมสร้างคลื่นน้ำยักษ์บดบังวิสัยทัศน์และป้องกันเวทมนตร์โจมตีจากพวกเซน ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้ปืนสร้างประตูมิติเคลื่อนย้ายหนีไปเรื่อย ๆ
“ยิงแล้วซิ่งเหรอวะ !” เซนตะโกนด่าตามหลังแม้จะไกลเกินไป
ขณะเดียวกันคานะที่เห็นการเคลื่อนไหวด้วยประตูมิติมาหลายครั้งจึงเริ่มจับทางได้ เธอกระโดดขึ้นพื้นเสริมกำลังเพื่อเล็งเป้า จากนั้นก็ง้างคันธนูสุดแขนแล้วยิงศรเวทมนตร์ดอกสุดท้ายที่อัดแน่นไปด้วยมานาพุ่งไปไกลถึงสิบกิโลเมตรเข้าที่แขนซ้ายของฟาเดย์ขาดในทันที
“บ้าไปแล้ว ! มันยิงโดนได้ยังไงวะ” ฟาเดย์ร้องลั่นพยายามใช้เวทมนตร์รักษาและเก็บแขนที่ขาดไปด้วย
“ประมาทจริง ๆ” บัสโตกล่าว
“ใครจะคิดว่ามันยิงมาในระยะนี้ได้วะ” แผลสุดท้ายที่เขาได้รับก่อนจากลาเป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งของคู่หูเซนคานะ
“เก็บไว้ค่อยไปต่อทีหลังแล้วกัน อย่าให้มันเน่าซะก่อนล่ะ”
หลังจากที่พวกเบลแฮมหนีไปไกลเกินเอื้อมมันก็ทำให้เซนนั่งซึมเพราะเป็นศึกค้างคาที่ไม่ได้วัดผลแพ้ชนะกัน
“เราก็รีบไปกันเถอะ ถ้าเกิดพวกมันไปเจอกับซีโร่เดี๋ยวจะแย่เอา” คานะสร้างลูกบอลน้ำใช้มันเป็นเสมือนเรือเล็ก ๆ ตามหลังพวกเบลแฮมไป
ก่อนหน้านี้ที่สำนักเทวาคารประทับก็ได้มีมาตรการตอบโต้สำนักมนตร์ดำตามคำสั่งประกาศสงครามของมิโกะ พลเรือนที่อยู่ภายในอาณาเขตได้รับการปกป้องจากลูกศิษย์ของมิโกะและบางส่วนก็ต้องแบ่งมาเฝ้าคิโนริด้วย
“ตกลงเจ้าจะเฝ้าคิโนริอยู่ที่นี่หรือจะออกไปจัดการพวกมัน” มิโกะเอ่ยถามขณะที่นั่งจิบชาด้วยกัน
“ผมต้องออกไป ตอนนี้พวกมันได้บุกรุกไปยังเมืองเอลโฟเรียแล้วและยังมีกำลังเสริมจากไหนไม่รู้มาเพิ่มอีก ฝากดูแลคิโนริด้วยครับ” หลังจากจิบชาไปได้หนึ่งครั้งเขาก็วางถ้วยชาแล้วหันหลังเดินออกไปทันที
“ช่างน่าสงสารเสียจริง นกที่ยิ่งบินสูงเท่าไรเมื่อตกลงมามักจะเจ็บกว่านกที่บินต่ำ แต่นกที่บินสูงจะมองเห็นได้กว้างไกลกว่าแต่หากไร้ซึ่งสายตาที่มองการณ์ไกลมันก็คงสูญเปล่า ข้าจะคอยดูว่าเจ้าเป็นนกแบบใด”
ซึฮากิไม่ได้สนใจสิ่งที่มิโกะพูดเลยแม้แต่น้อยและยังปิดประตูใส่อีก
มิโกะหัวเราะในลำคอ “ช่างเป็นคนที่หยาบคายเสียจริง ถ้าหากสงครามครั้งนี้จะจบลงได้โดยไวก็ต้องกำจัดเจ้าสำนักโยฮันให้ได้ เพราะฉะนั้นข้าจะรอดูเจ้าอยู่ที่นี่แล้วกัน”
ระหว่างนั้นก็มีศิษย์คนอื่นเอาน้ำเย็นกับผ้าเช็ดตัวมาให้
“เป็นการตื่นของสายเลือดที่รุนแรงเสียจริง จะเป็นแบบข้าหรือเปล่าที่ไล่สังหารผู้อื่นหรือจะแค่นอนซมรอให้เวลาผ่านไป” มิโกะใช้ผ้าเช็ดตัวทำความสะอาดและคอยเฝ้าดูว่าคิโนริจะตื่นเมื่อไร เมื่อตื่นก็จะให้ดื่มชาพิษเพื่อให้หมดสติไปอีกครั้งมานาจะได้ไม่ปะทุออกมา
ซึฮากิที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสำนักมนตร์ดำได้มีการใช้หินสื่อสารติดต่อให้พวกเซนเข้ามารอสมทบที่ชายฝั่ง
เป้าหมายของพวกมันคือกวาดล้างเอลโฟเรียและพวกเราทั้งหมดแต่ดูจากการที่มันไม่มุทะลุบุกทำลายเมืองแสดงว่ายังอยากเก็บไว้เป็นของตัวเอง ในเมื่อรู้เป้าหมายที่ชัดเจนเราจึงต้องรวมพลกลับไปที่เอลโฟเรียให้ไวที่สุดและกำจัดตัวการหลักของเรื่องทั้งหมดซะ
ขณะเดียวกันภายในสำนักโยฮันก็ยังเอนหลังนอนสบายอยู่
“พวกเราไม่ออกไปจัดการมันให้รู้แล้วรู้เลยล่ะครับท่านเจ้าสำนัก”
“ใจเย็น ๆ เดี๋ยวเจ้าซึฮากิก็จะมาหาเอง นายก็แค่ทำตามแผนนั้นให้สำเร็จแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
เดียร์ยืนคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินออกไป
“พวกนายไม่ต้องรีบร้อนนักหรอก” โยฮันเดินกลับเข้าห้องตัวเองแล้วเปิดประตูลับที่อยู่ใต้ที่นอน
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนเราก็จะสำเร็จเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น ใช่ไหมครับท่านผู้ก่อตั้ง” เขาหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาเปิดดูพลางเงี่ยหูฟังด้านนอกไปด้วย
“เป้าหมายที่แท้จริงของท่านพวกเราจะทำให้สำเร็จจงได้ แม้จะต้องยืมมือฝ่ายอื่นแต่ในเมื่อเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกันจึงเป็นผลดีกว่า”
“ท่านเจ้าสำนัก !” เสียงศิษย์คนหนึ่งตะโกนเรียกอยู่หน้าห้อง
“เหอะ จงดูเถิดท่านผู้ก่อตั้ง พวกเราจะเริ่มแล้ว”
โยฮันเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งหลังจากเตรียมแผนมาเป็นวัน เขาได้ให้เดียร์ไปรับมือกับซึฮากิที่กำลังแทรกซึมเข้ามากับศิษย์ที่ลาดตระเวนอยู่ แม้พวกเขาจะมองไม่ออกแต่โยฮันกลับรับรู้และคาดเดาการเคลื่อนไหวของซึฮากิได้
“เหนื่อยหน่อยนะพวก” ศิษย์ที่ไปลาดตระเวนกลับมาถึงสำนักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มานาเข้มข้นอยู่ฝั่งโน้นแสดงว่ามีเจ้าสำนักหรือไม่ก็ผู้บริหารเดียร์อยู่แถวนั้น ได้ข่าวว่าฝั่งอาณาจักรนอดกำลังหลบหนีซึ่งไม่ได้ไปที่เอลโฟเรียก็ต้องกลับมาที่สำนักแน่ ๆ
ซึฮากิกวาดสายตาและตรวจจับมองดูทั้งสำนักเพื่อหาจุดยุทธศาสตร์ในการโจมตี รวมกับข้อมูลที่รีดมาจากผู้ตรวจการสองคนทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าจะกวาดล้างจากภายในได้
“ไปกินข้าวกันเถอะ ช่วงวิกฤตแบบนี้ต้องใช้เวลาให้คุ้ม” เพื่อน ๆ ในหน่วยลาดตระเวนพากันไปกินข้าวที่โรงอาหารซึ่งมีศิษย์คนอื่นอยู่อีกหลายคน
ผู้บริหารเดียร์มีพลังโคลนนิ่ง เขาสามารถสร้างร่างโคลนที่เหมือนกับตัวจริงได้หนึ่งคนและสร้างร่างโคลนของตัวเองได้หลายร้อยหลายพันคน ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ไม่ต่างกับร่างโคลนของเราเลยไม่ใช่เหรอหรือจะต่างกันตรงที่จำนวน
“เอาเว้ย ๆ วันนี้มีปลาย่างด้วย ไม่ได้เห็นของกินดี ๆ มาหลายเดือนแล้วนะเนี่ย” ระหว่างที่ทุกคนกำลังมีความสุขกับการกิน จู่ ๆ โรงอาหารก็สั่นสะเทือนรุนแรงเหมือนแผ่นดินไหว
มานามหาศาลกำลังปะทุ แบบนี้แย่แน่ ซึฮากิสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจึงตัดสินใจวิ่งออกจากโรงอาหารแต่พอเปิดประตูออกไปกลับไม่ใช่สำนักมนตร์ดำที่เคยเห็นอีกแล้ว
นี่มันอะไร ในข้อมูลที่มีไม่มีเวทมนตร์เปลี่ยนแปลงพื้นที่เลยสักคน หรือจะเป็นคนจากเรือเหาะลำนั้น
“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย !” พวกศิษย์ต่างก็สับสนและตกใจ บางส่วนก็เดินออกไปสำรวจรอบ ๆ
“นี่มันดันเจี้ยนที่ใช้สำหรับฝึกนี่ ถ้างั้นฉันพอรู้ทางออกอยู่...” พูดไม่ทันขาดคำก็มีมอนสเตอร์ตั๊กแตนฟันหัวศิษย์คนนั้นขาดเสียก่อน
มอนสเตอร์จำนวนมหาศาลกำลังหลั่งไหลเข้ามาในห้องโถงแห่งนี้ แม้ฝั่งศิษย์สำนักมนตร์ดำจะมีหลายสิบคนแต่ก็ไม่อาจต่อกรกับมอนสเตอร์ที่โผล่มาทุกทิศทางได้
พวกมันรู้อยู่แล้วว่าเราต้องแฝงตัวเข้ามาก็เลยเตรียมแผนไว้ล่วงหน้า ต้องเป็นฝีมือของเจ้าสำนักโยฮันแน่ ๆ
ซึฮากิพยายามช่วยพวกศิษย์ให้มากที่สุดเพราะคิดว่าต้องมีสักคนที่รู้จักที่แห่งนี้ แต่พอมอนสเตอร์โดนกำจัดจนหมดก็มีศิษย์สำนักคนอื่นมาเพิ่มแต่พวกเขามาเพื่อเก็บกวาดทุกคนที่อยู่ในห้องโถงโดยไม่สนว่าซึฮากิจะปลอมตัวเป็นคนไหน
“ฆ่าพวกมันให้หมด !”
ไม่ใช่แค่ศิษย์แต่ผู้บริหารเดียร์ก็กำลังมองอยู่ไม่ห่างจนจับสังเกตได้ว่าใครคือซึฮากิ จากนั้นเขาก็สั่งให้ร่างโคลนนับร้อยคนบุกเข้าไปโจมตีซึฮากิแล้วตนเองก็หนีออกไปก่อน
“ผมจัดการตามที่บอกแล้วครับยังไงมันก็ไม่รอดแน่นอน” เดียร์กลับมารายงานให้เจ้าสำนักฟังแต่เขายังทำหน้าบึ้งเหมือนกังวลอะไรสักอย่าง
“อืม หวังว่ามันจะคุ้มกับที่เราเสียสมาชิกไปหลายร้อยคนนะ”
โยฮันเดินนำหน้าเหล่าสมาชิกสำนักมนตร์ดำทั้งหมดออกไปยังนอกสำนัก
“เริ่มภารกิจที่สอง...ยึดอาณาจักรคา”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 26
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น