บทที่ 195: ท่านพี่รัชทายาทไม่สบายหรือ?
เมื่อมู่ไป๋ไป่ได้ยินว่ามู่จวินฝานไม่ยอมบอกอะไรตนอีก เธอจึงยู่ปากและระบายความโกรธด้วยการยัดข้าวเข้าปาก
ในเวลากลางคืน เด็กหญิงนอนไม่หลับจึงมานั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างมองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า
“เซียวเซียว เจ้าสังเกตหรือไม่ว่าดวงจันทร์ในเมืองเย่เฉิงดูเหมือนจะกลมและสว่างมากเป็นพิเศษ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นขณะลูบขนแมวอ้วนในอ้อมแขนพลางถอนหายใจเบา ๆ
“มันงดงามมาก หากเราได้เชยชมความงดงามนี้ในยามที่เรากลับไปถึงเมืองหลวง คงจะดีไม่น้อย”
หลัวเซียวเซียวที่กำลังจัดเตียงยิ้มจาง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดขององค์หญิงหก “ดวงจันทร์ในเมืองหลวงนั้นก็มีดีในแบบของมันเอง เมืองเย่เฉิงก็งดงามในแบบของเมืองเย่เฉิง เหตุใดองค์หญิงจะต้องเอาทั้ง 2 มาเปรียบเทียบกันด้วยล่ะเพคะ?”
“นั่นก็จริง” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด เธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ แต่เธอก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง “ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่ข้ามักจะรู้สึกว่าการเดินทางในครั้งนี้จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น”
ก่อนหน้านี้หลังจากที่เธอได้ส่งจดหมายออกไป เธอก็รู้สึกโล่งใจอยู่เพียงครู่เดียว หลังจากนั้นไม่นาน ความรู้สึกไม่สบายใจก็กลับมาเยือนอีกครั้ง
คราวนี้มันรุนแรงมากจนทำให้เธอนอนไม่หลับ
“เฮอะ ข้าเห็นว่าตอนที่เรากินข้าวกัน เจ้าพูดปลอบใจองค์รัชทายาทได้ดีทีเดียว แต่ทำไมคราวนี้กลับเป็นเจ้าที่เป็นกังวลเสียเอง” เจ้าส้มที่นอนหงายท้องอย่างเกียจคร้านเอ่ยขึ้น
มู่ไป๋ไป่ขยำพุงย้วย ๆ ของมันทันที “เจ้าหยุดพูดสักทีได้หรือไม่ ถ้าเจ้าไม่พูด ก็ไม่มีใครหาว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ พอเจ้าพูดขึ้นมา มันก็ทำให้ข้าโมโหอยู่เรื่อย”
แมวตัวโตพลิกตัวม้วนเป็นวงกลมและปล่อยให้อีกฝ่ายลูบหัวของมันต่อไป “เฮอะ พวกมนุษย์หน้าโง่นี่เอาใจยากจริง ๆ”
มู่ไป๋ไป่หยุดพูดและเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ ตอนนี้เป็นเวลากลางดึกแล้ว ซึ่งเธอไม่ได้เข้านอนจนกระทั่งรุ่งสาง
หลังจากนั้นไม่นานก็ถึงเวลาออกเดินทาง
ทำให้ตลอดการเดินทางในครั้งนี้คนตัวเล็กรู้สึกง่วงนอนมาก
ขณะนี้เธอยังคงอยู่บนหลังม้าตัวเดียวกับเซียวถังอี้ ในตอนแรกเธอพยายามจงใจเว้นระยะห่างจากเขา แต่สุดท้ายแล้วความง่วงก็ครอบงำจนไม่อาจต้านทานได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเอนตัวพิงเขาหลับไป
เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังเหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าที่ค่อย ๆ เอนตัวเข้ามาในอ้อมแขนของเขา แล้วเขาก็ลอบยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงลดความเร็วของม้าลง
เด็กคนนี้ทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นมากโดยที่ตัวเขาเองไม่ทันสังเกตเห็น
“ท่านอ๋อง ส่งองค์หญิงมาให้พวกเราดูแลต่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์เงาเข้ามาหลังจากได้รับคำสั่งจากองค์รัชทายาท “ท่านจะได้สะดวกมากขึ้น”
มู่จวินฝานเห็นมู่ไป๋ไป่นอนหลับพอพับคออ่อนอยู่ในอ้อมแขนของเสด็จอา เขากลัวว่านางจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกรำคาญ เขาจึงได้ส่งองครักษ์เงาเข้าไปอุ้มน้องสาวมา
“ไม่จำเป็น” เซียวถังอี้ปฏิเสธซึ่งการกระทำนั้นทำให้ทุกคนประหลาดใจ “แค่เด็กตัวเล็ก ๆ คนเดียวข้าดูแลได้ แล้วอีกอย่างถ้าอุ้มกันไปอุ้มกันมา เดี๋ยวนางได้ตื่นขึ้นมางอแงกันพอดี”
องครักษ์เงาไม่กล้าเซ้าซี้ท่านอ๋อง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องหันไปรอคอยคำสั่งจากองค์รัชทายาท
มู่จวินฝานที่เป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในค่ายทหาร พอเห็นว่าเสด็จอาเอ่ยปากเช่นนั้น เขาจึงไม่ได้เซ้าซี้ต่อ
แล้วขบวนก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังค่ายทหารต่อไปเช่นนั้น ยามที่มู่ไป๋ไป่ตื่น เธอยังคงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เมื่อลืมตาขึ้นมาเธอก็พบว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงและตนยังคงเอนตัวอยู่ในอ้อมแขนที่มีกลิ่นหอมมาก
“ทำไมยังไม่เช้าอีกล่ะ?” เด็กหญิงโถมตัวเข้าหาอ้อมแขนอันอบอุ่นนั้น “ท่านพี่รัชทายาท พวกเราเดินทางมานานแค่ไหนแล้ว?”
จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากเหนือศีรษะของเธอ ทำให้เธอตัวแข็งทื่อ “เจ้าหลับไป 1 วันแล้ว”
มู่ไป๋ไป่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ ก่อนจะเผชิญหน้ากับหน้ากากสีเงิน “อ๊าาาา! ทำไมถึงเป็นท่าน!”
เซียวถังอี้ขยับร่างกายที่เกร็งรับน้ำหนักของคนตัวเล็กบนหลังม้ามาตลอดทั้งวัน ในขณะที่กล่าวว่า “ตื่นมาก็มีท่าทีเช่นนี้เลยหรือ? ข้าอุตส่าห์นั่งนิ่งให้เจ้าซุกนอนทั้งวัน”
“ดูสิ เสื้อผ้าข้าสกปรกหมดแล้ว”
เด็กหญิงมองตามที่คนตัวโตกว่าชี้และเห็นว่าเสื้อผ้าบนหน้าอกของเขาดูเหมือนจะมีรอยเปียกชื้นเป็นวงกลม
เธอตกตะลึงเป็นเวลา 2 อึดใจก่อนจะรู้ว่ามันคืออะไร จากนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็เห่อร้อนไปจนถึงหู
โอ้แม่เจ้า!
ฉันนอนน้ำลายไหล!
แล้วยังทำต่อหน้าเจ้าสัตว์ประหลาดอีก!
มันคงจะเป็นเรื่องแปลกมากถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ล้อเธอยันลูกบวช
พอมู่ไป๋ไป่คิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกหดหู่มากยิ่งขึ้น ทำให้ดวงตากลมโตเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
เมื่อเซียวถังอี้เห็นเจ้าตัวเล็กก้มหน้าลงต่ำ เขาก็ส่งเสียงในลำคอ “ทำไมเจ้าถึงได้เอาใจยากขนาดนี้ พอตื่นมาก็ร้องไห้ วัน ๆ ถ้าไม่นอนก็เอาแต่ร้องไห้ เฮ้อ…”
“ชาติที่แล้วเจ้าเกิดมาเป็นเด็กขี้แยหรืออย่างไร?”
ถ้อยคำของเด็กหนุ่มทำให้น้ำตาที่กำลังไหลออกมาจากดวงตาของมู่ไป๋ไป่ไหลย้อนกลับไปทันที
“ข้าไม่ได้ร้อง!” เธอโวยวายขณะจ้องคนตรงหน้าเขม็ง “ตาท่านบอดหรืออย่างไรถึงมาบอกว่าข้าร้องไห้ ข้า… ข้าแค่หาวเท่านั้น”
“ใช่แล้ว! ข้าเพิ่งจะหาวไป ตาข้าก็เลยแดง!”
“อย่ามาพูดมั่วซั่วนะ!”
ขณะเดียวกัน แววตาของเซียวถังอี้เป็นประกาย เขาไม่ได้โต้เถียงอะไรกับอีกฝ่ายต่อ แต่เขากลับเอื้อมมือไปยีหัวเล็ก ๆ ของนาง “เอาเถอะ เจ้าไม่ได้ร้องไห้ ข้ามองผิดไปเอง”
มู่ไป๋ไป่ที่ถูกลูบหัวได้แต่ตัวแข็งทื่อ
สถานการณ์นี้มันอะไรกันแน่ ทำไมวันนี้เจ้าสัตว์ประหลาดถึงได้ยอมง่ายนัก?
และน้ำเสียงก็ฟังดูอ่อนโยนทีเดียว
หรือว่า… เขาถูกอาคมและถูกคนของแคว้นหนานซวนควบคุมไปอีกคน?
“...” มู่ไป๋ไป่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันหลังเผ่นหนีไป
“นี่เจ้าทำอะไรน่ะ!” เซียวถังอี้ตกใจที่จู่ ๆ เด็กน้อยก็หนีไปแบบกะทันหัน ทำให้เขาต้องเอื้อมไปคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว
“ฮือออ ๆๆ โฮ ๆๆ ช่วยข้าด้วย!! เซียวถังอี้ถูกวางยาพิษ เขาจะกินข้าแล้ว!!!”
เซียวถังอี้และคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงรู้สึกสับสนมากที่ได้ยินเสียงตะโกนของมู่ไป๋ไป่ “???”
“...”
“มู่ไป๋ไป่!” เด็กหนุ่มหุบยิ้มทันทีพลางคิดกับตัวเองในใจว่า เขาไม่ควรมองว่าเจ้าเด็กแสบนี่หลับได้น่ารักแล้วคอยดูแลทะนุถนอมนางในระหว่างที่นางหลับเป็นอย่างดีเลย
“เจ้านี่มันกวนประสาทข้าเก่งนักนะ!”
“โอ๊ย! ท่านพี่รัชทายาท ดูสิ เขาจะตีข้า!” มู่ไป๋ไป่ร้องตะโกนโวยวาย จากนั้นก็หันไปมองเจ้าสัตว์ประหลาดที่ใบหน้าภายใต้หน้ากากสีเงินแสดงออกถึงความโกรธเคือง “ท่านคิดจะตีข้าหรือ? ท่านจะตีข้าหรือ!?”
“...”
เจ้าตัวเล็กที่ง่วงนอนก่อนหน้านี้หายไปไหนแล้ว?
“ท่านจะตีข้า!” คนตัวเล็กมองคนตัวโตกว่าด้วยสายตาระแวง ก่อนที่จะโล่งใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มีท่าทางอ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้ “เฮอะ ข้าคงตื่นเต็มตาแล้ว อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ข้ายังง่วงอยู่ก็เลยตาฝาดไป”
เซียวถังอี้ที่รู้สึกโกรธจนกลัวว่าตัวเองจะเผลอฟาดเจ้าเด็กแสบอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงยกร่างเล็กขึ้นแล้วโยนนางไปทางมู่จวินฝาน
มู่ไป๋ไป่รู้สึกมีความสุขมากที่ได้อยู่ห่างจากเจ้าสัตว์ประหลาด แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็ตกเข้ามาในอ้อมแขนที่เย็นเฉียบ
“อูย… ท่านพี่รัชทายาท ทำไมตัวท่านถึงได้เย็นขนาดนี้?” เด็กหญิงตัวสั่นสะท้านเพราะความหนาวเย็น “ท่านไม่สบายหรือ?”
มู่จวินฝานนั่งอยู่ข้างกองไฟ ในขณะนี้แสงไฟสีส้มกำลังส่องผ่านใบหน้าของเขา ทำให้มู่ไป๋ไป่เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของเขาดูเหมือนจะซีดลง และทั่วทั้งตัวก็ดูขาวซีดเช่นกัน
เมื่อคนตัวเล็กเห็นสภาพของอีกฝ่ายเป็นเช่นนั้น เธอก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ก่อนจะยื่นมือเล็ก ๆ ไปวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของพี่ชาย “ท่านพี่ ท่านไม่สบายหรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นไร” มู่จวินฝานยิ้มพร้อมกับดึงมือของน้องสาวลง “เราเร่งเดินทางมาหลายวันแล้ว ข้าอาจจะเหนื่อยเกินไป”
เขาจัดการราชกิจจนถึงกลางดึกเมื่อคืนวาน แล้วในวันนี้ยังรีบออกเดินทางก่อนรุ่งสางอีก
ดังนั้นการที่เขารู้สึกเหนื่อยจึงเป็นเรื่องปกติ
มู่ไป๋ไป่ไม่คิดเช่นนั้น ตลอดทางที่ออกจากเมืองหลวง เธออยู่ข้างกายพี่ชายคนโตทุกวัน ไม่ใช่ว่าพวกเธอไม่เคยประสบพบเจอการเดินทางที่เหนื่อยล้าเช่นนี้มาก่อน
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: 2 คนนี้จะมีวันที่ญาติดีกันบ้างไหม 55555 แต่ท่านพี่รัชทายาทเป็นอะไรนะ น่าเป็นห่วงจัง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 62
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น