บทที่ 131: ร้อยพิษไม่อาจกล้ำกราย
เจ้าตัวโตหันไปหาหลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิง แล้วก็รีบพยักหน้าเพื่อยืนยันว่ามู่ไป๋ไป่ไม่ได้โกหก
ซึ่งนั่นทำให้ทั้ง 2 คนอ้าปากค้างพร้อมกัน ตอนที่พวกเขากำลังจะพูดบางอย่าง ทุกคนก็ได้ยินเสียงตะโกนเร่งของเสิ่นจวินเฉาจากด้านหลัง
“ไป๋ไป่ เสือกำลังมา!”
หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงตื่นตัวทันที โดยที่พวกเขาทั้ง 2 เข้าไปกันมู่ไป๋ไป่ไว้ด้านหลังโดยไม่ลังเล
ไม่ไกลนัก เสือที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งอยู่ห่างจากพวกเขาไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
ส่วนด้านหลังของพวกมู่ไป๋ไป่เป็นกำแพงที่ไม่มีทางให้หนี ทำให้เด็กทั้ง 3 ไม่สามารถล่าถอยไปไหนได้
“ไป๋ไป่ วิ่ง! หาทางยื้อเวลาไว้” เนื่องจากคนของศาลาหมื่นอสูรขวางทางเสิ่นจวินเฉาเอาไว้ เขาจึงทำได้เพียงเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นในลานด้านล่างอย่างใจจดใจจ่อ “คนของข้าจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้”
“อ้าว นั่นคุณชายเสิ่นผู้มีหน้ามีตาในเมืองหลวงไม่ใช่หรือ?” ชายหนุ่มรูปงามเดินเอามือไพล่หลังและยิ้มกว้างเข้าไปหาเด็กชาย “ข้าไม่คิดว่าคุณชายเสิ่นจะมาเยี่ยมเยียนพวกเราที่ศาลาหมื่นอสูรด้วย”
เสิ่นจวินเฉาหันไปมองอีกฝ่ายแล้วหรี่ตาลง “ท่านรู้จักข้าด้วยหรือ?”
“ข้าจะไม่รู้จักคุณชายเสิ่นได้อย่างไร มีคนเล่าลือกันว่าร้านค้าครึ่งหนึ่งในเมืองหลวงเป็นของท่าน” ชายหนุ่มคนนั้นปิดปากหัวเราะเบา ๆ “การที่แขกผู้มีเกียรติอย่างท่านอยู่ที่นี่ถือเป็นเกียรติของร้านเราจริง ๆ”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ในเมื่อท่านจำข้าได้ เช่นนั้นก็รีบเปิดประตูแล้วปล่อยสหายของข้าออกไป” เด็กชายชี้ไปยังพวกมู่ไป๋ไป่ที่อยู่ในลานกว้าง “ไม่อย่างนั้นมาดูกันว่าข้าจะทำอะไรร้านโทรม ๆ ของท่านได้บ้าง”
บัดนี้เสิ่นจวินเฉารู้สึกโมโหมาก
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าชายคนนี้ล่าสัตว์มาเพื่อประกอบการค้า แต่วิธีการที่ปล่อยให้สัตว์ป่าต้องมาฆ่ากันเองทำให้เขาดูถูกอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น
“ฮ่า ๆ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก” ชายในชุดหรูหราหัวเราะเสียงดังและแสร้งทำเป็นหวาดกลัว “คุณชายเสิ่น ท่านอย่าลืมสิว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ไหน”
“มันไม่สำคัญว่าในเมืองหลวงท่านจะมีอำนาจมากเพียงใด”
“ตลาดผีเป็นสถานที่ที่แม้แต่ราชสำนักก็ไม่สามารถยื่นมือเข้ามายุ่งได้”
“ข้าอยากจะแนะนำท่านสักหน่อยว่าก่อนจะข่มขู่คนอื่น ควรดูกำลังของตัวเองเสียก่อน”
“พวกเจ้าจับตาดูคุณชายเสิ่นเอาไว้ คุณชายเสิ่นเป็นแขกผู้มีเกียรติของข้า ถ้าพวกเจ้าปล่อยให้เขาคลาดสายตา ข้าจะลงโทษพวกเจ้า”
จากนั้นชายหนุ่มก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ด้านข้างแล้วรับชาจากคนรับใช้ที่คอยดูแลอยู่ข้างหลัง “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ข้าเองก็อยากจะขอบคุณสหายของคุณชายเสิ่นด้วยเช่นกัน”
“ถ้าไม่มีพวกเขา การแสดงเปิดตัวในวันนี้คงจะไม่วิเศษถึงเพียงนี้”
เสิ่นจวินเฉาถูกคน 2 คนคุมตัวจากด้านหลัง นั่นทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้ เขาทำได้เพียงมองดูพวกมู่ไป๋ไป่ที่อยู่ตรงกลางลานอย่างเป็นกังวล
“พวกเจ้า 2 คนหลีกทางไปซะ” คนตัวเล็กจ้องเสืออยู่อึดใจหนึ่ง แล้วจู่ ๆ เธอก็พูดขึ้นมาว่า “ให้ข้าคุยกับมันหน่อย”
“ท่านจ้าวอสูร ไม่มีประโยชน์หรอก!” เจ้าตัวโตขัดจังหวะเด็กหญิง “เมื่อกี้นี้ข้าพยายามสื่อสารกับมันแล้ว มันไม่ฟังข้าเลย ตอนนี้สตินึกคิดของมันถูกยาพิษทำลายไปจนสิ้น มันไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกแล้ว”
“นั่นมันเจ้า” มู่ไป๋ไป่ยิ้มให้ความมั่นใจแก่หมาป่าสีเทา “ข้าเป็นใคร? ข้าเป็นถึงจ้าวอสูร ดังนั้นถ้าผลลัพธ์เป็นเหมือนกับเจ้า ข้าจะยังสมควรเป็นจ้าวอสูรได้อย่างไร”
คำพูดของคนตัวเล็กทำให้เจ้าตัวโตเงียบไปทันที
“องค์หญิงเพคะ?” หลัวเซียวเซียวไม่เข้าใจสิ่งที่หมาป่าพูดและทำได้เพียงเดาความหมายคร่าว ๆ จากสิ่งที่มู่ไป๋ไป่พูด “เกิดอะไรขึ้นกับเสือตัวนี้หรือไม่เพคะ?”
“เจ้าฉลาดมาก” คนตัวเล็กดึงสหายไปด้านหลังแล้วจ้องมองเสือนิ่ง “มันถูกคนของศาลาหมื่นอสูรวางยาน่ะ”
“วางยาเช่นนั้นหรือ?” หลัวเซียวเซียวตกใจ “พวกเขาคิดจะ… น่ารังเกียจที่สุด ทำไมคนพวกนี้ถึงได้โหดร้ายยิ่งนัก มิหนำซ้ำยังใช้วิธีที่น่ารังเกียจเพื่อหาเงินอีก”
“ถูกต้อง! น่ารังเกียจมาก!” จื่อเฟิงไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของคนทั้ง 2 แต่เมื่อมองดูสีหน้าของหลัวเซียวเซียว เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย
“อย่างไรก็ตาม ข้าไม่คิดว่ามันจะสิ้นสติไปจนหมด” มู่ไป๋ไป่จ้องดวงตาเสือและพยายามสื่อสารกับมัน “ข้าพูดถูกหรือไม่ เจ้าแมวยักษ์?”
ในดวงตาสีน้ำตาลของเสือนั้นมีแสงสีแดงซ่อนอยู่ มันจ้องตรงไปที่เด็กหญิง ในขณะที่แยกเขี้ยวสีขาวราวหิมะออกมา “เจ้าเป็นใคร ทำไมข้าถึงสัมผัสได้ถึงรัศมีที่คุ้นเคยจากตัวเจ้า?”
“นี่คือท่านจ้าวอสูร เจ้าจำได้หรือไม่?” หมาป่าสีเทาไม่กล้าผ่อนคลายความระวัง มันยังคงอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะพุ่งออกไปปะทะกับเสือตัวใหญ่ตลอดเวลา
“ท่านจ้าวอสูร?” เจ้าเสือเอียงคอ ก่อนจะพ่นลมหายใจเสียงดัง “ไม่น่าแปลกใจเลย…”
เมื่อเจ้าตัวโตเห็นดังนี้ มันก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วหันไปหามู่ไป๋ไป่ “ท่านจ้าวอสูร ท่านพูดถูก มันไม่ได้ถูกฤทธิ์ของยาควบคุมจนสิ้นสติ”
“ใช่” เด็กหญิงพยักหน้ารับจริงจัง “แต่สถานการณ์ยังนับว่าไม่ดีนัก”
“ท่านจ้าวอสูร ท่านช่วยข้าได้หรือไม่?” เสือตัวใหญ่เหวี่ยงหางไปมาอย่างฉุนเฉียว “ข้าถูกมนุษย์จับ พวกมันป้อนของแปลก ๆ ให้ข้ามากมายซึ่งทำให้ข้าอยากจะโจมตีท่านในตอนนี้”
“ตกลง” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าโดยไม่ต้องคิด “ตราบใดที่เจ้าบอกข้าว่าข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”
“น้ำตา… น้ำตาของท่าน” เสือก้าวมาข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น “น้ำตาของท่านจ้าวอสูรสามารถรักษาพิษนับร้อยชนิด ขอเพียงท่านมอบน้ำตาให้ข้า 1 หยด ฤทธิ์ยาในร่างกายของข้าจะสลายไปทันที”
“!!!”
น้ำตาของเธอสามารถรักษาพิษได้เป็นร้อยชนิดเลยหรือ?
มู่ไป๋ไป่รู้สึกตกใจ เมื่อนึกถึงวิญญาณโสมและเสือโคร่งในวังหลวง ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจว่าทำไมพวกมันทั้ง 2 จึงเสนอให้เธอใช้น้ำตาเป็นของแลกเปลี่ยน
ที่แท้มันมีเหตุผลเช่นนี้นี่เอง
ขณะที่เธอกำลังจะพยักหน้าเห็นด้วย เธอก็ได้ยินเสียงเจ้าตัวโตคำราม “ช่างอวดดียิ่งนัก! สิ่งที่ท่านจ้าวอสูรมีนั้นล้ำค่ามาก เพียงแค่พูดจาไม่กี่คำ นางจะยอมมอบมันให้เจ้าง่าย ๆ ได้อย่างไร?”
“หุบปาก!” เสือแยกเขี้ยวใส่หมาป่าสีเทา “ถ้าท่านจ้าวอสูรไม่อยู่ที่นี่ ข้าคงจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจแทนนาง”
“ท่านจ้าวอสูร ท่านไม่อยากช่วยข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ขอเพียงท่านมอบน้ำตาให้แก่ข้าเพียงเท่านั้น นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับมนุษย์หรอกหรือ?”
เสือตัวใหญ่ยังคงก้าวเข้ามาใกล้ช้า ๆ ในขณะที่น้ำเสียงของมันฟังดูพยายามโน้มน้าวคนตัวเล็กเต็มที่
“หยุดนะ!” มู่ไป๋ไป่ไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นท่าทีของเสือเป็นเช่นนี้ เธอก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เธอคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้บอกความจริงกับเธออย่างแน่นอน “เจ้าอย่าได้คิดที่จะก้าวเข้ามาอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไร้ความปรานี”
ทางด้านเสือเหลือบมองแส้หนังสีดำในมือของเด็กหญิง ในขณะที่แววตาสีน้ำตาลทองของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในเวลาเดียวกัน ทุกคนในห้องส่วนตัวบนชั้น 2 เริ่มรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เสือตัวนั้นก็ยังไม่ได้จู่โจมพวกเด็ก ๆ สักที
“เกิดอะไรขึ้น? พวกมันควรต่อสู้กันไม่ใช่หรือ?”
“เถ้าแก่กำลังทำอะไรอยู่ ทำไมจู่ ๆ ถึงปล่อยให้เด็ก 3 คนเข้ามาขัดจังหวะ ข้าอยากเห็นเสือกัดหมาป่าให้จมกองเลือด!”
“นี่กำลังล้อพวกเราเล่นอยู่หรืออย่างไร?!”
ในไม่ช้าเสียงตะโกนด้วยความไม่พอใจก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามลดลงเรื่อย ๆ แล้วเขาก็ส่งสัญญาณให้คนด้านข้าง ซึ่งอีกฝ่ายก็เข้าใจทันทีก่อนจะพาเสิ่นจวินเฉาเข้ามานั่งที่ด้านข้างคนเป็นเถ้าแก่
“คุณชายเสิ่น สหายของท่านดูไม่ธรรมดาเลย” ชายหนุ่มกล่าวพลางรินชาให้กับเด็กชายด้วยรอยยิ้ม “ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่านางคิดจะทำอะไร? ดูจากท่าทางของนาง นางกำลังคุยกับเสืออยู่อย่างนั้นหรือ?”
เสิ่นจวินเฉาเองก็ตกใจมากเช่นกัน เขาอยู่ห่างจากพวกมู่ไป๋ไป่จึงไม่ได้ยินเสียงพูดคุยในลานกว้าง แต่เมื่อดูท่าทางของเด็กหญิง ดูเหมือนว่านางจะกำลังสื่อสารกับเสืออยู่จริง ๆ
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: สิ่งที่เสือพูดเกี่ยวกับน้ำตาของไป๋ไป่จริงหรือหลอกกันนะ แต่สรรพคุณต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 41
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น