บทที่ 118: ขอบคุณ

-A A +A

บทที่ 118: ขอบคุณ

 “ไม่จำเป็นต้องปิดบังข้า ข้าได้ยินหลัวเซียวเซียวพูดตอนที่พวกเราเดินทางกลับมาว่าเจ้าลงจากภูเขาเพื่อมาตามหาข้าโดยเฉพาะ” ในขณะที่เสิ่นจวินเฉาพูด มีรอยยิ้มฉายผ่านดวงตาของเขา

มู่ไป๋ไป่เหลือบมองสหายตัวน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสายตาตั้งคำถาม

 “ข้าขอโทษเจ้าค่ะ…” หลัวเซียวเซียวก้มหน้าลงเพราะความรู้สึกผิด “คุณชายเสิ่นถามข้า ข้าก็เลยพูดออกไปตามตรงเจ้าค่ะ” 

ซึ่งนางก็ไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด

 “ไป๋ไป่ ข้าขอบคุณเจ้ามาก” เสิ่นจวินเฉามองคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าเราจะเคยพบหน้ากันเพียงแค่ 2 ครั้ง แต่ข้ากลับรู้สึกตลอดว่าเราคุ้นเคยกัน” 

 “ครั้งนี้เจ้าเองก็ได้ช่วยข้าไว้อีกแล้ว ข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรจริง ๆ” 

 “ท่านไม่จำเป็นต้องตอบแทนข้า” มู่ไป๋ไป่คิดกับตัวเองว่าปล่อยให้เทพเจ้าแห่งโชคลาภของเธอเป็นหนี้บุญคุณเธอเช่นนี้ต่อไปดีกว่า “นอกจากนี้ เราก็นับว่าเป็นสหายกันแล้ว ถ้าสหายเกิดเรื่อง ข้าย่อมยื่นมือเข้าไปช่วยเป็นธรรมดา” 

 “เอาเถอะ เจ้าช่างซื่อตรงเสียจริง” เด็กชายรู้สึกขบขันกับคำพูดของเด็กหญิง และนิ่งคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า “แต่บุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าในครั้งนี้ต้องได้รับการตอบแทน” 

 “เอาเป็นว่าข้าจะสั่งให้ลุงฝูขึ้นราคาผลเพลิงสีชาดให้เจ้าเป็น 70 ตำลึงต่อผล เช่นนี้ดีหรือไม่?” 

 “ถึงแม้ว่าการที่ข้าตอบแทนเจ้าด้วยเรื่องเงินอาจจะดูขอไปทีสักหน่อย—” 

 “ไม่ได้ขอไปที!” มู่ไป๋ไป่ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ “พี่จวินเฉา ท่านไม่ได้ทำแบบขอไปทีสักหน่อย!” 

 70 ตำลึง! ยามที่เทพเจ้าแห่งโชคลาภของเธอเปิดปาก เขาก็ช่วยให้เธอหาเงินเพิ่มได้อีก 20 ตำลึง

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอรู้สึกว่าอีกไม่นานเธอจะกลายเป็นเศรษฐีคนใหม่!

เสิ่นจวินเฉารู้สึกมีความสุขที่เห็นมู่ไป๋ไป่ยิ้มกว้าง 

จากนั้นเด็กน้อยก็ไม่ได้รั้งอยู่ที่จวนตระกูลเสิ่นนาน เธอเริ่มออกเดินทางทันทีที่พูดคุยกันเสร็จ

เดิมทีเสิ่นจวินเฉาอยากจะไปส่งมู่ไป๋ไป่ถึงหน้าประตูเมืองด้วยตัวเอง แต่ในช่วง 2 วันนับตั้งแต่ที่เขาหายตัวไปก็มีงานมากมายกองพะเนินอยู่ตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามากพอที่จะออกไปส่งอีกฝ่าย

 “พี่จวินเฉา ท่านจัดการธุระของท่านก่อนเถอะ” มู่ไป๋ไป่โบกมือเล็ก ๆ หลังจากได้ยินคำขอโทษของเขา “ถึงอย่างไรพรุ่งนี้เราก็ต้องพบกันใหม่ ดังนั้นท่านไม่ต้องไปส่งข้าหรอก” 

 “อีกอย่าง ท่านไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองกับข้าขนาดนั้น” 

เสิ่นจวินเฉายกมือขึ้นแตะหัวของเด็กหญิงตัวน้อยก่อนจะพูดว่า “เอาเถอะ ข้าจะไม่ไปส่งเจ้า แต่ระหว่างที่เดินทางก็ระวังตัวด้วย พรุ่งนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงที่จวน ข้าจะรอเจ้ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน” 

เมื่อมู่ไป๋ไป่คิดถึงแม่ครัวที่จวนของเด็กชาย เธอก็เริ่มรู้สึกน้ำลายสอ

ตอนนี้อวี้เซิ่งกำลังรออยู่ด้านนอกประตูเมืองแล้ว เด็กหญิงจึงวิ่งออกไปอย่างมีความสุข ก่อนจะยืดคอมองไปรอบ ๆ เหมือนมองหาใครบางคน “หืม? เจ้าสัตว์ประหลาดไม่อยู่กับท่านหรือ?” 

ก่อนหน้านี้เธอไม่เจอเซียวถังอี้ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเขาไปที่ศาลต้าหลี่กับอวี้เซิ่ง

 “ไม่” ชายหนุ่มตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจว่าเจ้าสัตว์ประหลาดที่อีกฝ่ายพูดถึงเป็นใคร ก่อนที่เขาจะยิ้มแล้วกล่าวว่า “คุณชายเซียวยังมีธุระต้องไปจัดการ ดังนั้นเขาจึงขอตัวออกไปก่อน” 

 “อย่างนี้นี่เอง” มู่ไป๋ไป่ยักไหล่ “น่าเสียดาย ข้าอยากจะกล่าวขอบคุณเขาสักหน่อย อย่างไรเสีย ที่เราสามารถตามหาพี่จวินเฉาได้สำเร็จในครั้งนี้เพราะเขาเองก็มีส่วนช่วยมากมาย” 

เธอเป็นคนที่แยกแยะถูกผิดได้ชัดเจน ถึงแม้ว่าเธอกับเจ้าสัตว์ประหลาดจะมีเรื่องบาดหมางกันบ้าง แต่เรื่องนี้เขามีความดีความชอบ

 “ถ้าองค์หญิงหกยินดี ข้าสามารถถ่ายทอดถ้อยคำขององค์หญิงให้กับคุณชายเซียวแทนได้” อวี้เซิ่งอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาบนหลังของเขา แล้วเดินช้า ๆ มุ่งหน้าไปยังวัดฮู่กั๋วที่ตั้งอยู่บนภูเขา

ส่วนหลัวเซียวเซียวก็เดินตามหลังไปโดยมีเจ้าส้มอยู่ในอ้อมแขน

สุดท้ายเป็นจื่อเฟิงกับหมาป่าสีเทาที่เดินตามมา

 “ช่างเถอะ” มู่ไป๋ไป่รีบปฏิเสธ “ใครใช้ให้เขากลับไปก่อนล่ะ ทำเช่นนั้นมันดูขอไปทีสักหน่อย” 

 “คำขอบคุณจากองค์หญิงอย่างข้ามีเวลาจำกัด” 

หลังจากพูดคุยกันได้ไม่นาน ทุกคนก็กลับมาถึงวัดฮู่กั๋ว ซึ่งปัจจุบันภายในเรือนนั้นเงียบสงบเหมือนกับตอนที่พวกเขาจากไป

มู่ไป๋ไป่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกปรกของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปีนขึ้นบนเตียงไปนอนแกล้งป่วยต่อ

และสุดท้าย เธอก็ไม่ลืมจื่อเฟิง เธอได้มอบเนื้อแกะที่เธอเพิ่งซื้อมาจากในตลาดให้เขากับหมาป่าเอาไปแบ่งกันกินคนละครึ่ง

 “เฮอะ! เจ้าดูจะชอบสุนัขตัวนั้นมาก” เจ้าส้มที่นั่งอยู่บนเตียงรู้สึกไม่สบายใจมากหลังจากได้ยินคำสั่งของมู่ไป๋ไป่ ในขณะที่มันจ้องหน้านาง “แมวตัวนี้ลงจากเขาไปตั้งนานแล้ว เจ้าไม่คิดจะสนใจข้าบ้างหรืออย่างไร?” 

 “มู่ไป๋ไป่ เจ้าเปลี่ยนใจไปรักตัวอื่นแล้วสินะ” 

 “ฮ่า ๆๆ!” เด็กหญิงกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว “เจ้าส้ม ทำไมเจ้าจะต้องรู้สึกอิจฉาด้วยล่ะ ข้าบอกไปแล้วว่าข้าไม่ได้เลี้ยงหมาป่าตัวนั้น เมื่อเช้านี้มันเพิ่งลงจากภูเขามาช่วยข้า” 

 “มันเป็นสหายของข้า” 

ถ้าไม่ใช่เพราะหมาป่าสีเทา ตอนนี้เธอจะมีผลเพลิงสีชาดอยู่ในมือได้อย่างไร?

 “ใครอิจฉากัน อย่ามาพูดไร้สาระ” เจ้าส้มเชิดคางที่อวบอ้วนขึ้นอย่างหยิ่งยโส “แมวอย่างข้าไม่อิจฉามนุษย์ ข้าเพียงกลัวว่าเจ้าจะถูกสุนัขเจ้าเล่ห์นั่นหลอกเข้า ดังนั้นข้าจึงจำเป็นต้องเตือนเจ้าสักหน่อย” 

 “ใช่ ๆ” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เธอรู้สึกว่าหากเธอยังคงต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าแมวอ้วนเช่นนี้ อีกไม่นานมันคงจะระเบิดอารมณ์แน่นอน 

ในขณะที่ทั้ง 2 กำลังพูดคุยกันก็มีเสียงฝีเท้าดังอยู่ข้างนอก และมีเสียงทักทายแผ่วเบาจากนางกำนัลในวังด้วย

มู่ไป๋ไป่เงี่ยหูฟังสักพักก่อนจะอุทานขึ้นมาว่า “แม่ข้าเอง!” 

อึดใจต่อมา ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก

แล้วซูหว่านก็เดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยน้ำแกง “ไป๋ไป่ แม่ทำน้ำแกงโสมมาให้เจ้าดื่มบำรุงร่างกาย เจ้าลุกขึ้นมาดื่มมันสักหน่อยเถอะ” 

หลังจากที่หว่านผินเดินเข้ามา กลิ่นสมุนไพรก็ตลบอบอวลไปทั่วห้อง ทำให้ใบหน้าของมู่ไป๋ไป่ซีดลงทันที

ก่อนหน้านี้เธอมีความสุขจนลืมไปว่าตัวเองยังต้อง ‘ป่วย’ และจำเป็นจะต้องกินยาต่อไป

 “ไป๋ไป่ เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?” เมื่อผู้เป็นแม่เห็นลูกสาวนอนนิ่งอยู่บนเตียง นางก็เดินเข้าไปหาเด็กน้อยแล้วแตะหน้าผากวัดอุณหภูมิ “ดูเหมือนว่ายาของหมอหลวงฉินจะได้ผลแล้ว ทำไมหน้าของเจ้าดู… ไม่แย่เหมือนเมื่อเช้า” 

 “...” 

เธอออกไปตะลอนข้างนอกมาหลายชั่วยาม มันทำให้แป้งที่โบกเอาไว้บนหน้าหลุดออกไปนานแล้ว ตอนนี้ใบหน้าของเธอจึงไม่ขาวซีดเหมือนกับตอนเช้า

 “นี่ เจ้ารีบดื่มมันตอนที่ยังร้อน ๆ เถอะ” ซูหว่านกล่าวพลางยกน้ำแกงโสมขึ้นมา “หลังจากเจ้าดื่มน้ำแกงเสร็จแล้ว จะได้กินยายามบ่ายต่อ” 

 “เพียงเท่านี้ เจ้าก็จะหายป่วยอย่างรวดเร็ว” 

พอมู่ไป๋ไป่ได้รู้แผนการรักษาทั้งหมด ใบหน้าของเธอจึงยับย่นมากยิ่งขึ้น “ท่านแม่ ข้าคิดว่าข้าใกล้จะหายดีแล้ว” 

 “เปล่าประโยชน์…” หว่านผินถอนหายใจ “เจ้าลืมสิ่งที่หมอหลวงฉินพูดในตอนเช้าไปแล้วหรือ? ถ้าความเย็นสะสมในร่างกาย ในอนาคตเจ้าก็จะป่วยได้ง่ายขึ้น” 

 “เจ้ารีบดื่มน้ำแกงซะดี ๆ” 

 “หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เจ้าอยากให้แม่ส่งคนลงเขาไปซื้อขนมให้เจ้าในเมืองหรือไม่?” 

ทีแรกมู่ไป๋ไป่ตั้งใจจะปฏิเสธ แต่ท่าทีของซูหว่านอ่อนโยนมาก เธอจึงไม่สามารถปฏิเสธความตั้งใจของอีกฝ่ายได้ เธอเลยกลอกตามองไปอีกทางและเห็นเจ้าส้มซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง ทันใดนั้นเธอก็ผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดเสียงดังว่า “ท่านแม่ ดูสินั่นใคร!” 

หญิงสาวสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองตามทิศทางที่ลูกสาวชี้ ก่อนจะพบเจ้าส้มนั่งอยู่หลังประตู

 “เจ้าส้ม?” ซูหว่านรู้สึกประหลาดใจ “ทำไมเจ้าส้มถึงอยู่ที่นี่?” 

 “ใช่!” มู่ไป๋ไป่อาศัยจังหวะที่ผู้เป็นแม่ไม่ทันได้สนใจรีบเทน้ำแกงโสมลงในกระถางดอกไม้ด้านข้างแล้วพูดต่อว่า “เมื่อกี้ข้าตกใจมากที่เห็นเจ้าส้ม ท่านแม่ เจ้าส้มต้องกลับมาเพราะรู้ว่าข้าป่วยแน่ ๆ เลย” 

 “...มู่ไป๋ไป่ เจ้าช่างกล้ายกเหตุผลนี้มาอ้าง” แมวอ้วนอดบ่นเจ้าตัวเล็กไม่ได้ 

 “ใช่แล้ว แมวนั้นมีความผูกพันกับเจ้าของ” หว่านผินยิ้มกว้าง “ดูสิ แม้แต่เจ้าส้มก็ยังเป็นห่วงเจ้า เจ้าควรจะรีบหายป่วยให้เร็วที่สุด” 

 “ข้าดื่มหมดแล้ว!” เด็กหญิงยื่นถ้วยน้ำแกงที่ว่างเปล่าให้อีกฝ่ายดู “ท่านแม่ ดูสิว่าข้าเก่งมากเพียงใด ข้าดื่มหมดแล้ว” 

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เจ้าเด็กน้อยคนนี้นี่มันแสบจริง ๆ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.