บทที่ 100: สิทธิพิเศษ

-A A +A

บทที่ 100: สิทธิพิเศษ

“เป็นเพียงการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง” เสิ่นจวินเฉาโบกมือตอบอย่างถ่อมตน 

มู่ไป๋ไป่รู้สึกสนใจเขามากยิ่งขึ้น และขยับตัวเข้าไปใกล้เขามากขึ้นเช่นกัน “พี่จวินเฉา บอกข้าหน่อยสิว่าท่านมีกิจการเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรอีกบ้าง?”

“ครั้งต่อไปข้าจะได้เพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษเช่นนี้อีกหรือไม่?”

“ดูสิ วันนี้ข้าช่วยท่านได้มากเลยนะ…” 

“เจ้านี่นะ” เด็กชายรู้สึกขบขันกับคำพูดของอีกฝ่าย “เจ้ากล้าพูดออกมาตามตรงได้เช่นไร ไม่รู้สึกกระดากปากบ้างหรือ?”

“จะอายไปไย?” คนตัวเล็กส่ายหัว ซึ่งในสายตาของเสิ่นจวินเฉานั้นนางดูน่ารักมาก “ข้าไม่กินของท่านเปล่า ๆ หรอกนะ”

“ต่อจากนี้ไป ข้าจะขายผลเพลิงสีชาดให้กับหอไป่เฉ่าเพียงที่เดียวเท่านั้น และข้าจะไม่ขายให้กับคนอื่นแม้ว่าพวกเขาจะเสนอราคาสูงเพียงใดก็ตาม ท่านคิดว่าข้อตกลงนี้เป็นอย่างไร?”

เนื่องจากจื่อเฟิงเป็นคนกินเก่งมาก ถ้าเสิ่นจวินเฉาให้เธอกินฟรีเช่นนี้ ในอนาคตเธอจะไม่ประหยัดเงินได้มากขึ้นหรอกหรือ?

เพียงแค่คิดเธอก็รู้สึกมีความสุขแล้ว!

“ฮ่า ๆๆ เจ้านี่ฉลาดจริง ๆ” เด็กชายพยักหน้าอย่างมีความสุข “เอาเถอะ นับจากนี้ไป ขอเพียงแค่ที่นั่นเป็นกิจการของข้า เจ้าสามารถไปกินได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินตามที่ต้องการได้เลย”

“ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่ยอมให้เจ้าต้องเรียกโดยเปล่าประโยชน์ ข้าเองก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นพี่ชายของเจ้าด้วย”

“ไชโย!” มู่ไป๋ไป่ส่งเสียงร้องดีใจและรีบบอกให้หลัวเซียวเซียว, จื่อเฟิงและคนอื่น ๆ นั่งลงกินข้าวด้วยกัน แล้วยังกำชับอีกว่าไม่ต้องเกรงใจเสิ่นจวินเฉา

ในตอนแรกเด็กชายก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรถ้าเขายอมตกลงที่จะเลี้ยงอาหารคนตัวเล็กนี้ไปตลอดชีวิต

เพราะถึงอย่างไรเด็กตัวแค่นี้ก็คงกินได้ไม่มากเท่าไหร่

จนกระทั่งเขาเห็นว่าจื่อเฟิงยังกินไม่อิ่มหลังจากที่อาหารบนโต๊ะถูกกวาดจนเกลี้ยงแล้ว เขาจึงตระหนักได้ว่านี่เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

หลังจากทุกคนรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน มู่ไป๋ไป่ก็ได้ส่งเจ้าเหลืองกลับบ้านด้วยตัวเอง จากนั้นจึงกล่าวคำอำลาเสิ่นจวินเฉา

“ไป๋ไป่ บ้านของเจ้าอยู่นอกเมืองหลวงหรือ?” เด็กชายเลิกคิ้วถามด้วยความประหลาดใจ “ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว หากเจ้าเดินทางออกจากเมืองหลวงตอนนี้ข้าเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เอาแบบนี้ดีหรือไม่ รอให้ข้าเรียกคนที่จวนไปส่ง ข้าจะได้วางใจด้วย”

แต่มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่มู่ไป๋ไป่จะไม่กล้าตอบตกลง เพราะตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวงรู้ว่าไทเฮากับองค์หญิงหกประทับอยู่ที่วัดฮู่กั๋วเพื่อสวดมนต์ขอพรให้แก่แคว้นเป่ยหลง

หากคนของเสิ่นจวินเฉาพาเธอไปส่ง ตัวตนของเธอจะไม่ถูกเปิดเผยหรือ?

“ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ” มู่ไป๋ไป่ยิ้มหวานให้คนตรงหน้า “ข้ามีองครักษ์ 2 คนคอยปกป้อง แล้วยังมีจื่อเฟิงด้วย ดังนั้นไม่มีใครสามารถรังแกข้าได้หรอก”

เสิ่นจวินเฉาเหลือบมองจื่อเฟิงที่กำลังเดินตามอยู่ข้างหลังพร้อมกับกอดถุงหมั่นโถวนึ่งถุงใหญ่เอาไว้ในอ้อมแขน แล้วมุมปากของเขาก็ต้องกระตุก “ถูกต้อง พี่จื่อเฟิงมีพละกำลังมหาศาล คงไม่มีใครสามารถรังแกเจ้าได้”

“หากเราต้องลากันตรงนี้ ข้าอยากจะรู้ว่าเราจะได้พบกันอีกเมื่อใด?”

เด็กชายถามพลางมองไปที่เด็กน้อยตรงหน้า ยิ่งเขามองอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งชอบนางมากขึ้นเท่านั้น

“อืม…” มู่ไป๋ไป่ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตอบว่า “ภายใน 7 วัน เราน่าจะได้พบกันในอีก 7 วันเจ้าค่ะ”

เธอไม่สามารถลงภูเขาได้บ่อยมากนัก มิฉะนั้นไทเฮากับท่านแม่จะต้องเป็นกังวลอีกครั้ง

“ตกลง” เสิ่นจวินเฉาพับเก็บพัดของตัวเองก่อนจะหยิบป้ายไม้เล็ก ๆ ออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้เด็กหญิง 

บนป้ายไม้นั้นแกะสลักด้วยลวดลายที่ซับซ้อน มีทั้งมังกรและหงส์เต้นรำกันอยู่ตรงกลางซึ่งดูงดงามมาก

“พี่จวินเฉา นี่คืออะไรหรือ?” มู่ไป๋ไป่พลิกป้ายไม้กลับไปมาขณะถาม “นี่เป็นป้ายประจำตระกูลของท่านหรือไม่?”

“มันไม่ใช่ป้ายประจำตระกูล” เสิ่นจวินเฉากล่าวยิ้ม ๆ “เป็นเพียงป้ายสัญลักษณ์ทั่วไป ก่อนหน้านี้ข้าสัญญากับเจ้าไว้แล้วว่าจะให้เจ้าสามารถไปที่ร้านอาหารโดยไม่คิดเงินไม่ใช่หรือ?”

“จากนี้ไป ให้เจ้าถือป้ายนี้ไปแสดง ขอเพียงที่นั่นเป็นกิจการของตระกูลเสิ่นของข้า พวกเขาจะไม่เรียกเก็บเงินเจ้าสักตำลึงเดียว”

ดวงตาของคนตัวเล็กเป็นประกายทันที เพราะนี่คือของล้ำค่า ก่อนที่เธอจะรีบเก็บมันเอาไว้อย่างทะนุถนอมที่สุด

“พี่จวินเฉา ข้าต้องไปแล้ว เอาไว้พบกันใหม่คราวหน้า” 

มู่ไป๋ไป่ที่อยู่บนหลังของจื่อเฟิงโบกมือให้กับเด็กชายด้วยรอยยิ้มสดใส

วันนี้เธอได้รับสิ่งตอบแทนมามากมาย นอกจากเธอจะทำการค้าสำเร็จแล้ว เธอยังสามารถสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับสหายที่ทรงอำนาจคนนี้อีกด้วย

“ไว้พบกันใหม่” เสิ่นจวินเฉายืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่เดิม ขณะคอยมองดูคนตัวเล็กขยับถอยห่างออกไปจนลับสายตา

 ไม่นานก็มีชายชุดดำปรากฏตัวโดยคุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเขาเงียบ ๆ “คุณชาย ข้าน้อยขออภัยที่มาช้า”

แล้วรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของเด็กชายก็ค่อย ๆ จางหายไป ก่อนที่ดวงตาเรียวยาวจะจ้องมองไปยังคนที่คุกเข่าตรงหน้า “เจ้ามีความผิดอะไร?”

“ข้าน้อยบกพร่องในหน้าที่ที่ไม่สามารถปกป้องคุณชาย...” ชายชุดดำก้มหน้าลงไม่กล้ามองหน้าผู้เป็นนาย “จนทำให้คุณชายต้องสูญเสียของสำคัญไปขอรับ” 

เสิ่นจวินเฉามีกลุ่มองครักษ์ซ่อนอยู่รอบตัวเขาซึ่งคนพวกนั้นมักจะคอยปกป้องเขาอยู่ลับ ๆ

นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่คาดคิดว่าตนจะถูกคนขโมยกระเป๋าเงินไปได้

“อืม นั่นเป็นเหตุผลที่สมควรลงโทษจริง ๆ” เด็กชายเหยียดยิ้มมุมปาก “แต่วันนี้ข้าอารมณ์ดี ไม่อยากเห็นฉากนองเลือด”

“คราวนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

“หากคราวหน้าเกิดขึ้นอีกครั้ง เจ้าก็อย่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก”

ชายในชุดดำลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณคุณชายที่ไว้ชีวิต!”

“เจ้าไปเถอะ รีบกลับไปซะ” เสิ่นจวินเฉาหันหลังมุ่งหน้ากลับจวนของตัวเองโดยที่ในใจรอคอยให้ถึงอีก 7 วันข้างหน้าแทบไม่ไหว

นี่ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว มู่ไป๋ไป่เพิ่งกลับมาถึงวัดฮู่กั๋ว จากนั้นเธอได้แบ่งสิ่งของที่ซื้อมาทีละชิ้นและส่งไปให้ไทเฮากับซูหว่านตามลำดับ

ไทเฮาทรงปลาบปลื้มพระทัยมากที่ได้รับของฝากที่เธอนำกลับมาให้ ถึงขนาดอยากจะให้เธออยู่กินข้าวเย็นกับพระนางด้วยซ้ำ

แต่มู่ไป๋ไป่กินอะไรไม่ลงแล้ว เธอจึงหาข้อแก้ตัวแล้ววิ่งหนีออกมา

ทางด้านซูหว่าน นางเพียงแค่ถามเธอว่าในตอนที่ลงจากภูเขาไปเที่ยวเล่นในวันนี้เธอได้พบเจออะไรบ้าง ก่อนจะปล่อยให้เธอกลับไปพักผ่อนที่เรือนของตัวเอง

พอตกกลางคืน หลังจากที่มู่ไป๋ไป่ทำธุระเสร็จแล้ว เธอก็รีบกอดกระเป๋าเงินใบเล็กของตัวเองแล้วกระโดดขึ้นไปบนเตียงก่อนจะเริ่มนับเงิน

“เซียวเซียว ข้าไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิตเลย”

หลัวเซียวเซียวที่นอนอยู่ข้างเตียงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับท่าทางหมกมุ่นของอีกคน “องค์หญิงหก พระองค์ทรงมีค่ายิ่งกว่าเงินทองพวกนี้ ทุกสิ่งที่พระองค์ใช้ในวังหลวงล้วนประเมินค่าไม่ได้ พระองค์อย่าได้ตื่นเต้นกับเงินเพียงเล็กน้อยนี้เลยเพคะ”

“อิอิ นั่นก็เป็นเรื่องจริง” มู่ไป๋ไป่ปิดปากหัวเราะเบา ๆ “แต่นี่มันต่างกัน ของในวังเป็นของของวังหลวง แต่นี่เป็นเงินที่ข้าหามาได้ด้วยตัวเอง”

“มันให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมเมื่อเจ้าได้รับเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง”

ทันใดนั้นมู่ไป๋ไป่ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วน แล้วมอบเงิน 1 ใน 3 ให้กับหลัวเซียวเซียว “นี่สำหรับเจ้า และนี่ของจื่อเฟิง”

“ผู้ชายคนนั้น จื่อเฟิงคงไม่รู้อะไรเลยนอกจากเรื่องกิน ข้ากลัวว่าถ้าข้ามอบเงินให้เขา เงินพวกนี้จะถูกละลายไปจนหมด เจ้าช่วยเก็บเอาไว้แทนเขาหน่อยก็แล้วกัน”

“องค์หญิง พระองค์ทำเช่นนี้ได้อย่างไรเพคะ” หลัวเซียวเซียวปฏิเสธและกล่าวต่อไปว่า “องค์หญิงทรงช่วยชีวิตเซียวเซียวเอาไว้ ทุกสิ่งที่เป็นของเซียวเซียวเป็นขององค์หญิงทั้งหมด เซียวเซียวจะแย่งของของพระองค์ได้อย่างไร”

“เจ้าไม่ต้องพูดมาก” มู่ไป๋ไป่ยัดตั๋วแลกเงินปึกใหญ่ใส่มือของสหายโดยตรง “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ช่วยข้าไว้เหมือนกัน เราเป็นผู้หญิง อย่างน้อยมีเงินอยู่ในมือก็พอจะช่วยได้บ้าง”

“นอกจากนี้ ในเมื่อเจ้าติดตามข้า ข้าเองก็ไม่ควรใจแคบกับเจ้าไม่ใช่หรือ?”

“แล้วอีกอย่าง เจ้าไม่อยากเลี้ยงดูแม่ของเจ้าด้วยตัวเองหรือ?”

หลังจากหลัวเซียวเซียวได้ยินสิ่งที่มู่ไป๋ไป่พูด นางก็ไม่ปฏิเสธอีก

“ขอบพระทัยองค์หญิงหก…” เด็กหญิงรู้สึกซาบซึ้งมากจนดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “องค์หญิงหก พระองค์ดีกับเซียวเซียวที่สุด”

“นั่นเป็นเพราะเราเป็นสหายกัน” มู่ไป๋ไป่ดึงหลัวเซียวเซียวขึ้นมาบนเตียงของตน ก่อนที่เด็กน้อย 2 คนจะล้มตัวนอนอยู่ข้างกัน “เรามาเก็บเงินกันดีกว่า เมื่อเราโตขึ้น เราจะสามารถทัศนาจรไปทั่วหล้า”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.