อ้อมกอดทะเล 1: แขกคนพิเศษ
“อยู่นี่เองค่ะ ฉันนึกว่าคุณหายไปไหน”เสียงหวานทักมาจากที่ไม่ไกลมากนัก เอกรินทร์ที่กำลังเดินเรียบหาดเล่นผ่อนคลายอารมณ์ได้ยินก็หันมามองเล็กน้อย
“ฉันเอามื้อเช้ามาให้ค่ะ กำลังร้อนๆเลย เรียกคุณอยู่หน้าบ้านตั้งนานเห็นเงียบก็เลยถือวิสาสะใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าบ้าน พอไม่เห็นคุณก็ยิ่งเป็นห่วงเลยเดินตามหานี่แหละค่ะ”หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มจริงใจ พลางสองเท้าก้าวเข้ามาหา ชายหนุ่มรับรู้แล้วก็พยักหน้าให้เฉยๆ
“รีบไปกินอาหารเถอะนะคะ เดี๋ยวเย็นหมดจะไม่อร่อยซะเปล่า”เธอเตือนด้วยความหวังดี
“เดี๋ยวผมไปกิน ขอบคุณคุณมาก”เอกรินทร์ยอมเปิดปากแค่นั้น ก่อนหันหลังกลับไปทอดสายตามองทะเลต่อ
มนต์มนาเห็นแบบนั้นก็แทบไปต่อไม่ถูก คนอะไรเย็นชาเสียเหลือเกิน เธอเคยได้ยินว่าคนเย็นชามักเป็นคนมีปมทุกข์คาใจบางอย่าง แล้วชีวิตต้องแย่ขนาดไหนถึงทำให้คนคนหนึ่งหน้าตายขนาดนี้ได้
“งั้นฉันเข้าไปทำความสะอาดบ้านก่อนนะคะ”เธอบอกเขาตามมารยาท ใบหน้าหล่อเหลาหันมาพยักหน้าให้นิดหนึ่งก็ไม่ได้สนใจเธออีก
มนต์มนามีหน้าที่ดูแลและอำนวยความสะดวกให้เอกรินทร์ระหว่างเขาพักอยู่บ้านพักตากอากาศของเจ้านายปู่ย่า ปู่และย่าเธอถูกจ้างให้ดูแลความเรียบร้อยที่นี่มาแต่ไหนแต่ไร เมื่อทั้งสองท่านอายุมากแล้ว ในฐานะหลานสาวจึงตัดสินใจมารับหน้าที่ตรงนี้แทน พร้อมกับบริหารจัดการร้านดอกไม้ของตนไปด้วย
แม้สถานภาพครอบครัวของหญิงสาวจะดีขึ้นมากกว่ารุ่นปู่ย่า แต่เพราะพวกท่านสำนึกบุญคุณของเจ้าของบ้านพักตากอากาศหลังนี้อยู่โข จึงไม่คิดทิ้งงานส่วนนี้ไป เจ้านายปู่ย่าเองก็ไม่เคยเอาเปรียบ ให้ค่าตอบแทนสมน้ำสมเนื้อเสมอจนปู่ย่าเลี้ยงพ่อให้ไปได้ดิบได้ดีถึงเมืองนอก
ชายหนุ่มไม่ใช่เจ้านายโดยตรงของปู่ย่า ทว่าเขาก็เป็นเพื่อนรักของลูกชายเจ้านาย แถมยังฝากฝังแล้วฝากฝังอีก ดังนั้นจึงนับเป็นแขกพิเศษที่เธอต้องใส่ใจมากพอควรทีเดียว
“ฉันทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้วค่ะ คุณเอ็กซ์ต้องการอะไรอีกไหมคะ?”มนต์มนาเดินเข้ามาถามก่อนกลับ ฝ่ายนั้นทำหน้าคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ย
“ไม่มีแล้วล่ะ”
“ตอนเที่ยงคุณเอ็กซ์จะกินอะไรดีคะ ฉันจะได้หามาให้ค่ะ หรือถ้าอยากออกไปกินข้างนอกบ้างจะให้ฉันแนะนำหรือพาไปก็ได้นะคะ”เธอบอกด้วยน้ำใจจริง
“ผมคิดดูก่อนแล้วกัน ใกล้ๆเที่ยงจะบอกอีกที”อีกฝ่ายยังตอบเรียบนิ่งตามประสา
“ค่ะ..คุณเอ็กซ์มีเบอร์โทรฉันแล้วรึยังคะ?”มนต์มนาพยายามจะไม่ถือสากิริยาของเขา แต่ก็อดบ่นในใจเล็กๆไม่ได้ ทว่าใบหน้าก็ยังเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเป็นปกติ นอกจากท่าทางเฉยชานั้นแล้ว เธอยังรู้สึกว่าไอรอบตัวชายหนุ่มค่อนข้างหม่นมัวจนนึกเห็นใจอยากแผ่ความสดใสให้บ้าง เผื่อว่าใบหน้ากระด้างจะดูละมุนอ่อนโยนน่ามองกว่านี้
“ยัง ผมค่อยขอจากไอ้สมาร์ทเอาก็ได้” ชื่อที่เขากล่าวถึงเป็นชื่อลูกชายเจ้าของบ้านพักตากอากาศหลังนี้
“เอางั้นก็ได้ค่ะ”หญิงสาวไม่อยากขัดใจ ยิ่งอยู่ใกล้เขานานๆชวนให้หมดอารมณ์พูดมากเข้าทุกที แต่ด้วยนิสัยคุยเก่งก็อดหลุดปากอีกไม่ได้
“ถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนก็ถามฉันได้เหมือนกันนะคะ หรือจะให้พาเที่ยวก็ยินดีค่ะ” ถึงตรงนี้ เอกรินทร์เหลือบมองหน้าเธอเหมือนจะถาม ‘คุณว่างนักหรือ’
“ฉันมีร้านดอกไม้ที่ต้องคอยดูแลค่ะ แต่ทิ้งให้ลูกจ้างจัดการกันเองได้อยู่”มนต์มนายิ้มกว้าง ในใจนึกขำสีหน้าชายหนุ่มที่ทำเหมือนเห็นเธอเป็นคนว่างงานไม่มีอนาคตอะไรอีกนอกจากดูแลเขา แล้วอีกฝ่ายก็ทำเพียงพยักหน้ารับรู้เหมือนเคย
“ผมไม่มีอะไรแล้ว”คำพูดนั้นถือเป็นการจบบทสนทนา และบอกเป็นนัยว่าเธอจะไปทำอะไรต่อก็ไปเถอะ
เวลาเคลื่อนคล้อยเกือบจะเข้าบ่ายสอง เอกรินทร์มัวทำอะไรเรื่อยเปื่อยจนลืมมื้อเที่ยงเสียสนิท มนต์มนาก็ง่วนอยู่กับงานที่ร้านดอกไม้ รู้ตัวอีกทีก็ป่านนี้ ก่อนเธอจะนึกได้ว่าตนเองมีแขกที่ต้องดูแล แต่จำได้ว่าโทรศัพท์ในกระเป๋ายังไม่มีสักสายจากอีกฝ่ายติดต่อมาเลย จึงรีบหยิบขึ้นมากดสายหาเขาด้วยความเป็นห่วง ไม่แน่ใจว่ามีอาหารกลางวันกินแล้ว หรือเป็นอะไรไปหรือเปล่า พอได้คุยกับชายหนุ่ม เธอก็ขับรถไปรับเขาออกมาหาอะไรกิน ซึ่งร้านที่หญิงสาวนำเสนอก็เป็นร้านโปรดของเธอนี่เอง
“ก๋วยเตี๋ยวเรือร้านนี้อร่อยมากค่ะ ถ้าไม่ใช่ใกล้บ่ายสองแบบนี้ปกติโต๊ะจะเต็มหมดเลย ส่วนใหญ่ขาประจำเขาจะรู้ว่าถ้าอยากจะมากินก็ควรโทรจองโต๊ะไว้ก่อน มีทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือ และส้มตำไก่ทอดด้วยนะคะ”มนต์มนาเล่าให้เอกรินทร์ฟังด้วยความเบิกบาน เสียงเจื้อยแจ้วแทบไม่หยุด และรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าเกือบตลอดเวลาของหญิงสาวทำให้คนมองอดคิดไม่ได้ว่าเธอมีความสุขอะไรหนักหนา ต่างจากเขาที่มองทุกอย่างรอบตัวเฉยๆไปหมด
“นอกจากก๋วยเตี๋ยวเรือแล้ว คุณเอ็กซ์อยากกินส้มตำไก่ทอดด้วยไหมคะ อร่อยนา รับรองจุกท้องจุกใจค่ะ”
“ลองดูก็ได้”เอกรินทร์ตอบสั้นตามประสา
“เอาตำแบบไหนดีคะ ตำไทย ตำปู ตำปลาร้า เผ็ดมาก เผ็ดน้อย หรือตำอะไรดี มีหลากหลายตำอยู่นะคะ ดูในเมนูก็ได้ค่ะ มีบอกอยู่เหมือนกัน”
หลังจากสั่งอาหารเสร็จ และอาหารถูกนำมาเสิร์ฟให้เรียบร้อย ทั้งคู่ก็เริ่มจัดการกับสิ่งที่ตนสั่งมา โดยมีมนต์มนาคอยชวนเอกรินทร์คุยเป็นระยะๆ แต่ส่วนใหญ่หญิงสาวจะเป็นคนเล่าเรื่องนั่นนี่ให้เขาฟังเสียมากกว่า เพราะเห็นว่าเขากำลังตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั่นเอง ชายหนุ่มยอมรับ ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ ไก่ทอดร้านนี้รสเด็ดจริงๆ เสียแค่เผ็ดมากไปหน่อย ถึงอย่างนั้นก็หยุดกินไม่ได้เลย
“ถ้าเผ็ดมากพักกินน้ำมะตูมก่อนก็ได้นะคะ”มนต์มนาสังเกตหน้าคนตรงข้ามโต๊ะแดงขึ้นเรื่อยๆก็เตือนด้วยความเป็นห่วง เขาตักส้มตำเข้าปากอีกสองสามคำก็ยอมยกแก้วน้ำมะตูนเย็นๆดื่มแก้เผ็ด
“คุณเอ็กซ์ไม่ค่อยกินเผ็ดหรือคะ”เธออดถามไม่ได้ รู้อยู่ว่ารสชาติอาหารที่นี่ค่อนข้างจัดจ้าน แต่ปกติเธอกินรสแบบนี้อยู่แล้วเลยไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรเท่าไร
“อื้ม”เขาพยักหน้ารับ
“ตะกี้ฉันก็ลืมถามก่อนว่ากินเผ็ดมากไหม ปกติฉันกินรสประมาณนี้อยู่แล้วก็เลยชินน่ะค่ะ”เธออธิบาย
“ไม่เป็นไร”เขาพูดพลางสูดปากระบายความเผ็ดไปด้วย แต่พักไม่นานก็มิวายตักทุกอย่างกินต่อด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
มนต์มนามองอีกฝ่ายแล้วได้แต่อมยิ้ม ดูเหมือนเขาจะชอบสิ่งที่เธอแนะนำให้มากอยู่ ตักทุกอย่างเข้าปากไม่หยุดทั้งที่ตนเองก็เผ็ดแทบตาย
“ยิ้มอะไร?”เอกรินทร์กินต่อจนแต่ละเมนูใกล้หมด เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าหญิงสาวตรงข้ามโต๊ะมีสีหน้าคล้ายกำลังกลั้นหัวเราะอะไรสักอย่างอยู่จึงอดถามไม่ได้ เพราะสายตาของอีกฝ่ายมองมาที่หน้าเขา
“เปล่าค่ะ”ขณะปฏิเสธเขา เธอก็ยังหลุดขำออกมาอย่างปิดไม่มิด
“บอกมา”เขาออกคำสั่งหน้านิ่ง เสียงเรียบ ไม่ค่อยชอบใจนักที่ใครมาหัวเราะใส่โดยเขาไม่รู้ชัดว่าเรื่องอะไร แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกกลัวท่าทางเอาเรื่องของเขาเลยสักนิด อมยิ้มใส่พลางบอก
“ปากคุณเอ็กซ์บวมหมดแล้วค่ะ น่าจะเพราะเผ็ดมาก จะพอก่อน หรือจัดการให้เกลี้ยงเลยดีคะ”ท้ายประโยคเธอหยอกล้อเขาอย่างอารมณ์ดี
“มันแย่มากหรือไง”เขาถามนิ่งๆ ไม่ได้ถือสาหญิงสาว แค่อยากรู้สภาพตนเองตอนนี้เท่านั้น
“คิกๆ ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกค่ะ มันตลก แต่ก็ดูน่ารักดีนะคะ”มนต์มนาตอบตามทที่คิด ทว่าคำพูดนั้นกลับทำคนฟังอึ้งไปนิดหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าเธอจะชมออกมาตรงๆแบบนี้
“อาหารใกล้หมดแล้ว คุณเอ็กซ์อยากสั่งเพิ่ม หรือให้เช็กบิลล์เลยดีคะ”เธอถามต่อ ไม่ทันสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“คิดเงินเลย”บอกเสร็จ มือหนาก็หยิบช้อน หยิบตะเกียบเอาของที่เหลือเข้าปากอีกครั้งโดยไม่ได้สนใจว่าใครจะมองอย่างไรที่ปากเขากำลังบวมอยู่เลยสักนิด มันก็แค่เรื่องธรรมชาติ ขอเพียงไม่ใช่ซิบกางเกงลืมรูด หรือกางเกงมีรูมองทะลุเห็นกางเกงในได้ก็พอแล้ว
“จริงด้วยสิ ช่วงนี้ที่มหาลัย...มีงานบุ๊กแฟร์ งานขายไม้ดอกไม้ประดับ และงานแสดงภาพศิลปะด้วยนะคะ คุณเอ็กซ์สนใจไปเที่ยวด้วยกันไหมคะ เดี๋ยวช่วงเย็นๆ ฉันจะมารับค่ะ”
เอกรินทร์ฟังสิ่งที่เธอพูดแล้วก็กำลังจะปฏิเสธ ถ้าไม่มาสะดุดกับประโยคต่อท้ายของอีกฝ่ายเข้าเสียก่อน
“และเหมือน..” มนต์มนาหยุดนึกอะไรนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ
“จะมีการแสดงรถด้วยค่ะ”
ตกเย็นมนต์มนาก็ขับรถมารับแขกของเจ้านายปู่อีกครั้งเพื่อพาเขาไปเที่ยวงานบุ๊กแฟร์ด้วยกัน ตลอดทางเธอสังเกตว่าชายหนุ่มเบาข้างๆ แทบจะเงียบตลอดทางถ้าไม่มีใครชวนคุย ด้วยเธอกลัวเขาจะเหงาจึงพูดจ้อไม่หยุด แต่จนแล้วจนรอดไม่รู้เขาจงใจแกล้งหลับหนีการชวนคุยของเธอหรือเปล่า หลังจากบอกเธอว่าอยากได้โทรศัพทมือสองและซิมใหม่เรียบร้อยไม่นานนักก็นั่งหลับตานิ่งเงียบไปหน้าตาเฉย
“คุณเอ๊กซ์คะ คุณเอ๊กซ์” เรียกแค่ไม่กี่ครั้งชายหนุ่มเจ้าของชื่อก็เปิดเปลือกตาขึ้น ก่อนหันมาทางเธอเป็นเชิงถาม
“ถึงร้านโทรศัพท์แล้วค่ะ”
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อเหลือบไปเห็นร้านโทรศัพท์อยู่เบื้องหน้าก็เปิดประตูเดินลงรถเข้าร้านไปทันที จนคนด้านหลังตามมาแทบไม่ทัน
“อ้าว! น้องเอ็ม โทรศัพท์เสียหรือ” เจ้าของร้านหน้าเคาน์เตอร์ทักทายทันทีเมื่อเห็นมนต์มนาเปิดประตูเข้าร้านตามหลังชายหนุ่มคนหนึ่งมาพอดี
“เปล่าค่ะพี่รัน เอ็มพาแขกของเจ้านายปู่มาซื้อของค่ะ” มนต์มนายิ้มรับคำทักทายพลางเดินเข้าไปยืนข้างเอกรินทร์ที่ยืนดูโทรศัทพ์แต่ละเครื่องในกระจกใสอยู่
“อ๋อ..ต้องการโทรศัพท์แบบไหนหรือครับ” ท้ายประโยคเจ้าของร้านโทรศัพท์หันไปคุยกับลูกค้าหนุ่ม
“ผมต้องการมือสองคุณภาพดีสักเครื่อง และซิมสักเบอร์ครับ”
“ทางร้านรับซ่อมโทรศัพท์ด้วยนะคะ ถ้าโทรศัพท์คุณเอ๊กซ์มีปัญหาอะไรสามารถสอบถามกับพี่รันได้ด้วยนะคะ” มนต์มนาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพราะเมื่อกลางวันและก่อนหน้าไม่นานก็ยังสามารถติดต่อเขาผ่านโทรศัพท์ได้ปกติ พอเห็นอยากได้เครื่องใหม่เธอจึงแนะนำเพิ่มเติมเผื่อโทรศัพท์เขาจะเสียขึ้นมา
“โทรศัพท์ผมยังไม่เสียหรอก” เขาบอกสั้นๆ และไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก หญิงสาวก็ไม่นึกซักไซ้เกินเหมาะสมต่อเช่นกัน เมื่อได้โทรศัพท์และซิมใหม่เรียบร้อยชายหนุ่มก็บอกให้เธอบันทึกเบอร์ใหม่เพิ่มเติมเข้าไป โดยหลังจากนี้ให้ติดต่อเบอร์นี้แทน แม้เธอจะไม่อยากถามแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ เขาทำอะไรแปลกจริง?
ภายในงานบุ๊กแฟร์คึกคักด้วยผู้คนมากมายเดินเต็มทั่วบริเวณ ด้านหนึ่งเป็นโซนหนังสือ ด้านหนึ่งเป็นโซนอาหาร และหลายจุดในงานก็มีบู๊ทหนังสือกระจายตัวกันไปอีกหลายบู๊ททั่วงาน คนส่วนใหญ่ที่เห็นในงานมักเป็นเหล่าวัยรุ่นวัยนักศึกษามาเป็นกลุ่มหลายคน ต่างชี้ชวนกันดูนั่นนี่ด้วยใบหน้ามีรอยยิ้มแม้อากาศช่วงเย็นจะยังร้อนอยู่ก็ตาม
“คุณเอ๊กซ์จะหาอะไรกินก่อน หรือไปเดินดูอะไรก่อนดีคะ บอกฉันได้เลยค่ะ เดี๋ยวฉันพาไป” พอเข้ามาในงานมนต์มนาก็หันไปถามแขกของเจ้านายปู่ย่าอย่างใส่ใจ
“ผมจะไปดูรถ แค่คุณไปส่งผมก็พอ จากนั้นคุณก็ตามสะดวกเถอะ” เอกรินทร์หันมาบอกเธอง่ายๆ จากนั้นหญิงสาวก็นำทางเขามาจนถึงจุดจัดแสดงรถหลายยี่ห้อบริเวณลานกว้าง และเดินดูรถเป็นเพื่อนอีกฝ่ายเกือบชั่วโมง
ระหว่างเดินดูรถคันนั้นคันนี้กับชายหนุ่ม เธอสังเกตว่าเวลาเขาสอบถามข้อมูลจากพนักงานดูแลรถคล้ายคนมีความรู้ทางนี้มากพอสมควร จนอดสันนิษฐานในใจไม่ได้ว่าถ้าไม่ได้สนใจศึกษาข้อมูลมามากก็อาจจะเรียนจบสายนี้เป็นแน่ และคนอย่างเธออีกไม่นานก็จะต้องถามแต่คงอยู่ในลักษณะชวนคุยเรื่อยเปื่อยมากกว่า
“คุณเอ๊กซ์คะ ฉันเริ่มหิวแล้วกะจะไปหาอะไรกินสักหน่อย คุณเอ๊กซ์จะไปด้วยกันหรือฝากซื้ออะไรรองท้องไหมคะ” พูดไม่ทันสิ้นคำดี และขณะที่เอกรินทร์กำลังจะเอ่ยปากตอบ เสียงสมาร์ทโฟนในกระเป๋ามนต์มนาก็ดังขัดจังหวะขึ้น
“ค่ะแม่” เธอกล่าวทักทายคนปลายสายอย่างคุ้นเคย ก่อนหยุดเงียบฟังอีกฝ่ายพูดกลับมา ไม่นานนัก ใบหน้าสวยก็ต้องตกใจตาโต
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 80
แสดงความคิดเห็น